ตอนที่ 326 เรื่องบนโลกเซียน (1)
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเยี่ยชิงขวงถึงเริ่มโจมตีวังนภาสุวรรณอย่างบ้าคลั่ง” จักรพรรดินีนภาพฤกษารู้สึกตกใจกับข่าวนี้ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้
“ทั้งที่เรื่องพวกเราก็ไม่ได้รั่วไหล” จักรพรรดินภาเพลิงกล่าวบ้าง
“ยังติดต่อหลิวหลีไม่ได้ นางไปดินแดนอื่นเพื่อตามหาเพลิงเซียนไม่ใช่หรือ ได้รับข่าวแล้วจะไม่ตอบได้อย่างไร” จักรพรรดินีนภาธารากล่าว
“สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเราจะต้องรีบไปดินแดนนภาสุวรรณ ถ้าเป็นเช่นนี้คนกลุ่มนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนแล้ว พวกเราก็ควรจะให้ลูกหลานของมารรัตติกาลที่แสนโง่งมพวกนี้ได้เห็นเสียบ้าง” จักรพรรดินีนภาธาราพูดอย่างอ่อนโยน แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความฮึกเหิม
“ก็จริง พวกข้าก็ไม่ต้องปิดบังความสามารถที่แท้จริงแล้ว ไม่รู้เลยจริงๆว่าทำไมอยู่ดีเยี่ยชิงขวงถึงได้บ้าคลั่งขึ้นมา” จักรพรรดิมารสงสัย
เยี่ยชิงขวงที่จักรพรดินึกว่าอยู่ดีๆก็บ้าคลั่งขึ้นมา ตอนนี้ทั้งตัวแข็งทื่ราวภูเขาน้ำแข็ง เวลาย้อนกลับไปเมื่อไปกี่วันก่อน
หลิวอิ๋งที่สลบมานานฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย นางลุกขึ้นมาเห็นว่าผมตนเองกลายเป็นสีขาวประปราย สร้างกระจกวารีขึ้นมา เห็นตัวเองในกระจกก็รู้สึกตกใจ รีบทำลายกระจกทิ้งทันที หลิวอิ๋งนั่งกุมศีรษะอยู่บนพื้น นี่จะเป็นนางได้อย่างไร ใบหน้านาง มือของนาง ทำไมถึงได้เป็นเช่นนั้น ยายแก่คนนั้นคือใคร ไม่ใช่นาง นี่ไม่ใช่นาง
“เจ้าฟื้นแล้ว ตามข้าไปพบฝ่าบาท” เมื่อขุนนางเซียนได้ข่าวมาว่าหลิวอิ๋งฟื้นได้สติ ก็ไม่แม้แต่จะแยแสรูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปของนาง แต่กลับพาตัวนางไปหาเยี่ยชิงขวงทันที
“เจ้าฟื้นแล้วหรือนี่ ทำนายให้ข้าทีว่าจักรพรรดินภาสุวรรณคิดจะทำอะไรกันแน่?” ดูเหมือนเยี่ยชิงขวงจะไม่ได้สังเกตเห็นสภาพที่แปลกประหลาดไปของหลิวอิ๋ง แล้วเปิดปากเอ่ยในทันที
หลิวอิ๋งได้ยินเสียงเยี่ยชิงขวง จากที่เหม่อลอยก็พลันได้สติขึ้นมา เงยหน้าขึ้นแล้วก็รีบก้มหน้าลง เหมือนกลัวจะต้องพบเจอผู้คน แล้วก็ได้ยินคำพูดของเยี่ยซิงขวงที่มีเนื้อหาทำนองราวต้องการให้ตนเองไปตาย นางมีสภาพเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่แยแสแม้แต่น้อย จู่ๆนางก็ไพล่นึกถึงคำทำนายของเทพหยั่งรู้ดวงชะตา ว่าอย่าทำให้ตนเองต้องลำบากเพียงเพราะบุญคุณเพียงเล็กน้อยนั้น
“นายท่าน ในใจท่านหลิวอิ๋งอยู่ตรงไหนกันแน่” หลิวอิ๋งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเงยหน้าถาม
“หืม? ไม่ได้ยินคำพูดของข้าหรือ ทำนายให้ข้าหน่อยว่าคนกลุ่มนี้คิดจะทำอะไรกันแน่” เยี่ยชิงขวงพูดซ้ำอีกรอบ โดยไม่ได้สังเกตท่าทางที่แปลกไปของอีกฝ่าย
“เจ้าค่ะ” หลิวอิ๋งแสยะยิ้ม กลายเป็นว่าตนเองทำร้ายตนเอง คิดไม่ถึงว่าจะต้องใช้ชีวิตที่มีมารับรู้ความรู้สึกที่แสนเจ็บปวดนี้ แต่ในเมื่อนางต้องทนทุกข์คนพวกนี้ก็อย่าหวังจะมีความสุข
หลิวอิ๋งใช้พลังชีวิตที่เหลืออยู่กับพลังเซียนมาทำนาย ไม่นานผมของนางก็กลายเป็นสีขาวโพลน ใบหน้ามีรอยย่นคล้ายใยแมงมุมปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ ครั้งนี้หลิวอิ๋งมองไปที่เยี่ยชิงขวง แววตาร้ายกาจที่ปิดไม่มิดของเยี่ยชิงขวง ทำให้หลิวอิ๋งไม่ได้มีความรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย นางคือหลิวอิ๋ง เป็นคนที่ผู้คนนับถือ กลับมาตาบอด น่าตลกจริงๆ ไม่นานหลิวอิ๋งก็หลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายเลือด จนกระทั่งนางได้เห็นคำทำนาย หึ นางตาบอดขนาดไหนที่มาทำนายให้กับลูกหลานเผ่ามารรัตติกาล หลิวอิ๋งกระอักเลือดออกมา
“หึหึ ข้าหลิวอิ๋งมองคนไม่ออก ไม่อาจไปผุดไปเกิดก็สมควรแล้ว แต่ว่าจุดจบของพวกเจ้าก้ไม่แตกต่างอะไรกับข้าหรอก ดีเหลือเกิน” หลิวอิ๋งพูดจบร่างกายก็สลายไป
“นายท่าน นางหมายความว่าอะไร?” ขุนนางเซียนยังคงงุนงง
“หมายความว่าอะไรน่ะหรือ? ก็หมายความว่าขุนนางเซียน เจ้าลองติดต่อไปหาจักรพรรดิเทพเซียนในดินแดนอื่นๆดู” เยี่ยชิงขวงสีหน้าบึ้งตึง ก็หมายความว่าตัวเองก็จะต้องสลายหายไปเช่นเดียวกัน ไม่สิ เผ่ามารรัตติกาลทั้งเผ่าจะต้องสลายไป น่าเจ็บใจจริงๆ
“นายท่าน พวกเราติดต่อพวกเขาไม่ได้เลย” ขุนนางเซียนกล่าว เพราะนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะติดต่อกัน เพราะฉะนั้นหลิวหลีจึงนำเลือดบริสุทธิ์ติดตัวไปด้วย
“ใช่จริงๆด้วย ถ่ายทอดคำสั่ง เริ่มบุกโจมตีวังนภาสุวรรณได้” เยี่ยชิงขวงออกคำสั่ง
เยี่ยชิงขวงนึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่ตัวเองถูกเล่นงาน คาดว่าจักรพรรดิเทพเซียนเร่งรัดของเขาพวกนั้นน่าจะถูกอีกฝ่ายกำจัดไปนานแล้ว และใช้วิธีพิเศษติดต่อกับเขา และค่อยๆส่งคนลอบเข้ามาในดินแดนนภาสุวรรณ ใครกันแน่ ตอนนั้นใครกันแน่ที่เป็นคนแย่งชิงสายเลือดราชวงศ์อีก 7 ส่วนไป จะต้องเป็นคนผู้นั้นที่ให้ความช่วยเหลือแน่
“เยี่ยชิงขวง นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะกล้าบุกโจมตี เจ้านึกว่าเจ้าจะชนะหรือ?” จักรพรรดินภาสุวรรณมองเยี่ยชิงขวงและลูกน้องของเขาด้วยสายตาดูถูก ยังมีจักรพรรดิเทพเซียนเร่งรัดอีกสิบกว่าคน พลังยังไม่คงที่นัก น่าจะเพิ่งบรรลุเป็นจักรพรรดิเทพเซียน เยี่ยชิงขวงคงจะร้อนใจมากจริงๆ
“หึ คิดว่าลอบส่งคนไปทำลายคนของข้าในดินแดนอื่นๆ แล้วพวกเจ้าจะมีโอกาสชนะหรือ บอกพวกเจ้าเลยก็แล้วกัน ข้ายังมีตัวช่วยอยู่ ถ้าจะให้พูดไม่น่าฟังนักก็คือพวกเจ้าเองก็คงจะรู้ ว่าจักรพรรดิเทพเซียนของเผ่ามารรัตติกาลไม่มีใครในโลกเซียนรับมือไหว ถึงพวกเจ้าจะให้จักรพรรดิเทพเซียนทุกคนลงมือ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอยู่ดี” เยี่ยชิงขวงพูดอย่างไม่แยแส
คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง แต่ก็แค่สำหรับคนที่มีสายเลือดราชวงศ์ 100 ส่วนเท่านั้น เขามีสายเลือดนี้อยู่แค่ 3 ส่วน ถึงแม้สายเลือดภายในตัวจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเป็นสายเลือดของราชวงศ์ แต่เยี่ยชิงขวงมั่นใจในตัวเองมากเกินไป สายเลือดยังไม่ทันได้เปลี่ยนแปลง ก็ผลิตจักรพรรดิเทพเซียนเร่งรัดออกมาจำนวนมาก ตอนนี้ภายในร่างกายของเขามีสายเลือดเพียงแค่ 4 ส่วน ไม่ได้ไร้เทียมทานอะไรขนาดนั้น
“แล้วอย่างไร พวกเราไม่ได้กินหญ้าเสียหน่อย” จักรพรรดินภาสุวรรณนำของออกมาจากตัวหนึ่งอย่าง ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงแรงจากท้องฟ้า แล้วจากนั้นเยี่ยชิงขวงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของจักรพรรดิเทพเซียนสิบกว่าคนบริเวณข้างๆอย่างชัดเจนตามท่าทางของจักรพรรดินภาสุวรรณ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากสวรรค์ แตกต่างจากจักรพรรดิเทพเซียนเร่งรัดที่เขาสร้างเป็นอย่างมาก
“เป็นอย่างนี้นี่เอง นึกไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะมีความลับซุกซ่อนอยู่ไม่น้อยทีเดียว มังกรหงส์ มังกรหงส์ หลงหลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนไม่อยู่ หากว่าข้าจำไม่ผิด หลิวหลีได้ทำพันธสัญญากับมังกรโลหิตตอนอยู่โลกเบื้องล่าง ส่วนหนานกงเวิ่นเทียนทำพันธสัญญากับหงส์เหมันต์ ศัตรูของข้าคือสองสามีภรรยาคู่นี้จริงๆด้วย” เยี่ยชิงขวงพึมพำกับตัวเอง เขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่มังกรกับหงส์อะไรนั่น และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เข้าใจผิดไป หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นสลายไปแล้ว เขาจะต้องจัดการนางไม่ให้เหลือซากแน่
“เหอะ นึกว่าเป็นแบบนี้แล้วข้าจะกลัวงั้นหรือ” เยี่ยชิงขวงพูดอย่างไม่ใยดี โลกเซียนมีจักรพรรดิเทพเซียน 20 คนแล้วจะอย่างไร
“ไม่กลัวหรือ เป้าหมายของพวกเราก็ไม่ใช่การทำลายเจ้าเช่นกัน” จักรพรรดินภาพสุธาที่เร่งรีบเดินทางมาแล้วพูดขึ้น
“หึ พวกเจ้ามันก็แค่จักรพรรดิเทพเซียนเพราะใช้วิธีพิเศษเท่านั้น ตอนนี้ลองคิดๆดูแล้ว นอกจากหลงหลิวหลีแล้ว ก็คงจะไม่มีใครทำแบบนี้ได้ คิดจะถ่วงเวลารอนางมาถึงเหรอ จะบอกอะไรให้ ฝันไปเถอะ” เยี่ยชิงขวงระเบิดพลังออกมา จักรพรรดิทุกคนก็เริ่มเห็นถึงความแตกต่างของตัวเอง
“น่าสนใจ กิเลนน้อยตัวนั้น บนตัวของเจ้ามีสายเลือดราชวงศ์ของเผ่ามารรัตติกาลอยู่หนึ่งส่วน” เยี่ยชิงขวงมองไปที่จื่อฉีอย่างสนอกสนใจ
“เจ้าคือคนโชคร้ายที่ถูกแย่งไป 7 ส่วนหรือนี่” ตาจื่อฉีเป็นประกายสีทอง เนตรกิเลนเริ่มทำงาน มองเยี่ยชิงขวงได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“กิเลนน้อย ดวงตาของเจ้าช่างน่าสนใจยิ่งนัก” เยี่ยชิงขวงมองไปที่ดวงตาของจื่อฉีด้วยความสนใจ ถึงแม้จะหลอมรวมทั้งหมดแล้ว แต่ถ้าควักออกมา ก็ยังพอใช้ได้
ทั้งสองฝั่งไม่รีรอ ลงมือสู้กันทันที ความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายก็ชัดเจนขึ้นในทันที ถึงแม้จักรพรรดิเทพเซียนของฝั่งโลกเซียนจะได้รับการยอมรับจากสวรรค์ แต่จักรพรรดิเทพเซียนฝ่ายมารรัตติกาลโหดร้ายมากกว่า จักรพรรดิจากดินแดนต่างๆร่วมมือกันรับมือเยี่ยชิงขวง พบว่าเป็นอย่างที่เขาพูด พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย เอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ยเองรีบเข้าไปช่วย ไม่รู้ว่าทำไมอิงเสวี่ยถึงได้ตกเป็นเป้าโจมตีของเยี่ยชิงขวง รีบเข้ามาทำร้ายอิงเสวี่ย เสียงคำรามดังขึ้นจากทั้งสองฟาก มังกรเวหาขนาดใหญ่ที่เป็นร่างรวมของปิงเซียวและเหลยรุ่ยก็ปรากฏขึ้น เมื่อทั้งสองเห็นว่าเยี่ยชิงขวงกำลังจะทำร้ายมารดาของตน ก็ปิดบังอะไรอีก รวมร่างกันกระแทกเยี่ยชิงขวงให้กระเด็นลอยออกไป
……………………………………………….