“ว่าที่เทพกับผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพนั้นแตกต่างกัน เพื่อนยาก” หมิงเยี่ยเอ่ยพลางถอนหายใจ หลิวหลีจากไปแล้ว แต่หมิงเยี่ยกลับยังทอดถอนหายใจอยู่กับเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)
“ตอนนั้นข้าทำนายได้ว่าจะมีมหาเทพสูงสุดลงมายังโลกเพื่อสยบความวุ่นวาย คงจะไปมีผลประโยชน์จากใครเข้า ถึงได้โอนเอียงไปทางเขาและใช้เล่ห์กลใส่ข้า” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) กล่าว
“หลงหลิวหลีควบคุมเพลิงได้อย่างดีเยี่ยมราวกับเพลิงเทพนั่นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ใช้ได้คล่องแคล่วนัก” หมิงเยี่ยนึกถึงการต่อสู้ของหลานชายเขากับหลิวหลี ฝีมือท่าทางชำนาญของนาง ใช่แล้ว ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
“เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เจ้าว่าสิ่งที่หลิวหลีพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือไม่” หมิงเยี่ยยังไม่อยากเชื่อ
“เป็นเรื่องจริง ถึงความสามารถของข้าจะถูกทำลายไปมากกว่าครึ่ง แต่การรับรู้ของข้าก็ยังอยู่ ไม่อย่างนั้นตอนนั้นที่เจ้าถามข้าเรื่องคนผู้นี้ ความจริงแล้วข้ามองอนาคตของนางไม่ออก คนแบบนี้แบ่งออกเป็นสองประเภท อย่างแรกคือเทพ ส่วนอีกอย่างคือผู้ที่จะกลายเป็นเทพ เห็นได้ชัดว่าหลิวหลีเป็นแบบที่สอง” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) กล่าว
“ออกจะเกินไป ทำไมเจ้าจวินหาวนั่นถึงไม่มีความสามารถแบบนี้ล่ะ” หมิงเยี่ยพูดอย่างโมโห
“เจ้าก็พูดเองนี่ว่าผู้ที่จะกลายเป็นเทพกับผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพแตกต่างกัน” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เอ่ยเคืองๆ ความรู้สึกของเขาไม่ผิดแน่ หลิวหลีถ่ายลมปราณหนึ่งจากร่างกายตัวเองออกมา แต่เป็นอะไรนั้นยังไม่แน่ชัด แต่สุดยอดอย่างมาก เมื่อปราณนั้นปะทะกับอาการเรื้อรังของนางถึงกับหายไป ช่างแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
หลิวหลีกลับไปครุ่นคิดเรื่องที่ตนสามารถมองเห็นอนาคตของผู้อื่นได้ ความสามารถนี้อกจะฝืนลิขิตสวรรค์มากเกินไป หลังจากนี้จะมีกับดักหลุมพรางอะไรหรือเปล่า
“น้องหญิง กลับมาแล้วหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นหลิวหลีหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ไพล่คิดว่ามีเรื่องไม่ดี จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไร ข้ากำลังคิดเรื่องบางอย่างอยู่ เจ้าสำนักเรียกข้าไปเพื่อให้ข้าไปรักษาสหายของเขา สหายของเขาก็คือเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ที่ทำนายว่าจะมีมหาเทพสูงสุดปรากฎกายขึ้น” หลิวหลีบอกเหตุผลที่เจ้าสำนักเรียกนางไป
“ราชาเทพเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) หรือ” หนานกงเวิ่นเทียนได้ยินเรื่องของราชาเทพเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ผู้นี้มาบ้างเช่นกัน
“ใช่ ราชาเทพเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ผู้นี้เป็นคนโด่งดังเสียจริง แต่ข้าก็ได้รับข้อมูลที่สำคัญมาด้วย หากมองที่ระดับแล้ว สำนักแห่งนี้นับเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น สำนักที่แท้จริงคาดว่าจะเป็นภูเขาเทวานั่น” หลิวหลีพูด
“ภูเขาเทวาหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนสงสัย เขาไม่เคยได้ยินชื่อภูเขาแห่งนี้มาก่อน
“พวกเราจำเป็นต้องบรรลุขอบเขตราชาเทพถึงจะถูกดูดไปที่ภูเขาเทวาและต้องไร้ซึ่งคุณสมบัติของผู้สืบทอดตำแหน่งเทพเท่านั้นถึงจะสามารถออกมาได้” หลิวหลีอธิบาย
“ตอนนี้พวกเรามีพลังเพียงขั้นประมุขเทพ ยังห่างไกลจากราชาเทพนัก” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกว่าการเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรถือเป็นเรื่องเร่งด่วย มักจะเกิดเรื่องตอนกำลังพักผ่อนอยู่เรื่อย รู้สึกเหมือนแรงที่มีไม่พอใช้
“ก็จริง อีกอย่างเป็นเพราะราชาเทพเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ถูกคนลอบทำร้ายเข้า เขาถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เขาเป็นคนของภูเขาเทวา อนาคตสามารถกลายเป็นขุนนางเทพได้” คำพูดของหลิวหลีราวสายฟ้าฟาด
“ขุนนางเทพ?” นี่คืออะไรอีก
“ท่านพี่ เหมือนข้าจะมีความสามารถพิเศษบางอย่าง ข้าสามารถมองเห็นอนาคตของทุกคนที่นี่ได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไม แต่คำตอบที่ราชาเทพเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ให้ข้าก็คือ เพราะข้าเป็นผู้ที่จะต้องกลายเป็นเทพ เพราะเหตุนั้นจึงเป็นเช่นนี้” หลิวหลีฟาดสายฟ้าเสร็จตามด้วยเขวี้ยงระเบิดต่อ
ดังนั้นเขาแต่งงานกับภรรยาที่มีสถานะเช่นไรกันแน่ สามารถมองเห็นอนาคตคนอื่นได้ แถมยังมีพละกำลังลึกลับ แล้วยังเป็นผู้ที่จะต้องกลายเป็นเทพอีก ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าแรงกดดันช่างแสนมหาศาล
“น้องหญิง อยู่ๆข้าก็รู้สึกกดดันมาก” หนานกงเวิ่นเทียนพูด ดูเหมือนตั้งแต่อยู่กับนางมา ความกดดันของเขาไม่เคยน้อยลงเลย แต่ก็ไม่มีใครมาพยายามแย่งนางไปจากเขา
“ท่านพี่ไม่จำเป็นต้องกดดัน ปล่อยมันเป็นไปตามธรรมชาติ จิตใจสับสนเช่นนี้ จะได้ไม่คุ้มเสีย อีกอย่างข้าเชื่อว่าข้ากับท่านพี่รักกันมาก ไม่มีใครสามารถแยกพวกเราออกจากกันได้และไม่มีทางเป็นอุปสรรคอะไรขวางเราสองคน” หลิวหลีพูดอย่างมั่นใจ
“ข้าเชื่อใจน้องหญิง ไม่มีใครมาแยกเราออกจากกันได้อย่างแน่นอน” หนานกงเวิ่นเทียนพูดอย่างมั่นใจ หลิวหลีคือคนช่วยชีวิตเขา และเพราะนาง โชคชะตาของเขาถึงเกิดความเปลี่ยนแปลง สามารถฝึกฝนบำเพ็ญจากโลกบำเพ็ญเพียรมาถึงโลกเซียน เขาจะพยายามชิงตำแหน่งเทพมาเพื่อให้คู่ควรกับนาง
“แต่ว่าข้าอยากลองความสามารถของข้านี้กับคนอื่นเสียหน่อย” อยู่ๆหลิวหลีก็อยากทดลอง นางรู้สึกว่าไม่ใช่เพราะตนเป็นผู้ที่ต้องกลายเป็นเทพถึงได้มีความสามารถนี้ แต่เป็นเพราะอย่างอื่น ส่วนจะเพราะสาเหตุใดนั้น นางต้องลองดู
“น้องหญิงอยากลองทดสอบกับใคร?” เรื่องพวกนี้หากพูดออกไปแล้วไม่มีใครเชื่อก็จะกลายเป็นการพูดจามั่วซั่ว แถมยังทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีไว้อีกด้วย
“มีผู้ถูกเลือกสามคน สวีโจว ลู่หรง คนสุดท้ายเลือกอาเลี่ยแล้วกัน” หลิวหลีพูดชื่อที่นางเลือกในใจตนออกมา
“ข้าไม่ค่อยเข้าใจ เหตุใดน้องหญิงถึงได้ชื่นชอบสวีโจวนัก ตอนรวมกลุ่มทำภารกิจก็เรียกหาเขา ตอนนี้จะทำนายก็ยังนึกถึงเขา” หนานกงเวิ่นเทียนสงสัยเล็กน้อย ดูเหมือนน้องหญิงของเขาจะสนใจในตัวสวีโจวอย่างมาก
“อย่าได้ดูถูกสวีโจวผู้นี้เชียว ข้าเคยแอบทำนายให้เขาครั้งหนึ่ง แม้จะไม่ชัดเจน แต่อนาคตของคนๆนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนดั่งภายนอก” หลิวหลีพูด ชายหนุ่มคนนี้จะเป็นม้ามืดตัวใหญ่ที่สุด
“หืม? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนเชื่อนางน้อยๆ อย่างไรเสียหลิวหลีก็ไม่เคยพลาดมาก่อน
“ถูกต้อง ส่วนลู่หรงนั้น เป็นเพราะความชื่นชมล้วนๆ ความจริงแล้วเรื่องโชคชะตาเป็นเรื่องที่วิเศษอย่างมาก ไม่ใช่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น หากท่านรู้ว่าดวงตนเองดีมาก ไม่หมั่นเพียร ดวงชะตาก็เปลี่ยนแปลงได้ อีกอย่างหากข้างตัวเขามีคนดวงดีมากอยู่ก็จะส่งผลกระทบทำให้ดวงชะตาของคนรอบข้างเปลี่ยนแปลงไปด้วย” หลิวหลีพูด
“ก็สมเหตุสมผล” อยู่ๆหนานกงเวิ่นเทียนก็พบว่าพวกเขาเหล่านี้ที่ติดตามหลิวหลี ดวงก็ดีทีเดียว เอ๋าเลี่ยได้รับดวงใจมังกร อิงเสวี่ยได้รับดวงใจหงส์ จื่อฉีได้รับเนตรกิเลน แล้วยังมีของอย่างอื่นอีก เม็ดยาจักรพรรดิเซียนแบบเร่งด่วนที่หลิวหลีศึกษามา พวกเขาก็เป็นคนที่ได้รับประโยชน์กลุ่มแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเพราะญาติที่แต่งเข้ามาอย่างมู่มู่ คนที่ได้รับผลประโยชน์ที่สุดคงจะเป็นปิงเซียวกับเหลยรุ่ย เด็กสองคนสามารถรวมร่างต่อสู้ได้ เขาต้องคิดดูเสียหน่อยแล้ว
“อืม อีกอย่างพวกเขาทั้งสามคนเป็นตัวแทนของสามขั้นพลังบำเพ็ญเพียรที่ต่างกัน ข้าจะได้คำตอบที่ต้องการอย่างแม่นยำมากขึ้น” หลิวหลีพูดพลางพยักหน้า
“เป็นเช่นนี้นี่เอง ว่าแต่น้องหญิงจะเริ่มจากใครก่อน?” หนานกงเวิ่นเทียนถาม
“สวีโจว” หลิวหลีพูดชื่อคนแรกออกมา
“เหตุใดถึงเลือกเขาเป็นคนแรก?” หนานกงเวิ่นเทียนเดาว่าเป็นเอ๋าเลี่ย
“ท่านพี่ ข้าจะตอบท่านทีหลัง” หลิวหลีตั้งใจพูดให้ดูลึกลับ สวีโจวก็เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเช่นกัน แถมยังเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพราตรี ต้องรู้ให้ได้ว่ามีเทพราตรีจริงหรือไม่ เช่นนั้นสถานะผู้ท้าชิงของเขาก็จะเป็นเรื่องที่ต้องระวัง ทั้งๆที่มีเทพที่แท้จริงอยู่แล้ว แต่ยังมีผู้สืบทอดปรากฎตัวขึ้น หมายความว่าอย่างไร? หมายความคนในตำแหน่งเทพราตรีกำลังมีอันตราย
ส่วนเอ๋าเลี่ยนั้น นางก็เคยบอกไว้เช่นกัน เอ๋าเลี่ยเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพสงคราม แต่นางก็ยังอยากลองดูอีกสักครั้ง ส่วนลู่หรงเป็นคนแรกที่หลิวหลีพบว่าโดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง โชคชะตาจริงๆของเขาคือได้ใช้ชีวิตธรรมดาแล้วกลับชาติมาเกิด จนกระทั่งกลับชาติมาเกิดในรอบที่เก้าถึงจะก้าวหน้า ดังนั้นนางจึงสงสัยว่าเพราะอะไรเขาถึงเปลี่ยนแปลงไป แล้วยังมีผลกระทบอะไรกับเขาอีกหรือไม่
“น้องหญิง ข้าจำได้ว่าคนที่รวมกลุ่มกับเจ้าพอกลับมาก็เข้าฌาน น้องหญิงจะเรียกพวกเขามาอย่างไร” หนานกงเวิ่นเทียนบอกความจริงอันโหดร้าย
“ใกล้ออกจากฌานแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะเก็บเกี่ยวอะไรมาได้ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด” หลิวหลีย่อมคิดเผื่อเอาไว้แล้ว
…………………………..