แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 355 ช่วงวิกฤต

ตอนที่ 355 ช่วงวิกฤต

“ไม่ได้ พวกเจ้าเป็นผู้นำกลุ่ม พวกเข้าก็ต้องปกป้องข้า” ต่อให้หูชิงจะโง่ขนาดไหนแต่ก็รู้ตัวว่าติดกับแล้ว สองฝาแฝดที่อยู่ตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับความหวังสุดท้าย

“ต้องอย่างนั้นหรือ พวกเรามีหน้าที่นี้ด้วยหรือ นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เจ้าเป็นคนพาอันตรายนี้มาให้พวกข้า หูชิง ทางที่ดีเจ้าควรรับประกันว่าพวกข้าจะรอดปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน แค่ผมข้าสักเส้นก็ไม่ได้ เจ้าคงรู้แค่ว่าพวกข้าเป็นหลานชายของท่านน้าหลิวหลี แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่านางรักพวกข้ามากแค่ไหน ไม่เคยปล่อยให้พวกข้าต้องโดนทำร้าย” ปิงเซียวพูดอย่างเย็นชา

“ส่วนเจ้า เจ้ามีอะไรดี แค่โชคดีได้เป็นคนต้อนรับท่านน้าหลิวหลีก็ไพล่คิดไปว่าได้ขึ้นสวรรค์แล้วหรือ จะบอกให้นะ ทางที่ดีเจ้าภาวนาให้พวกข้ามีชีวิตรอดเถอะ ไม่อย่างนั้น ถึงดวงจิตเจ้าแตกสลาย ท่านน้าของข้าก็จะหาทางให้เจ้าอยู่อย่างตายทั้งเป็น” เหลยรุ่ยขู่เพิ่ม และเมื่อพูดจบก็เลิกสนใจอีกฝ่าย แล้วพุ่งไปหาอสูรทันที

หูชิงรู้สึกหวาดกลัว คิดว่าตนเองช่างน่าขัน แถมยังต้องการให้รับรองว่าตนจะมีชีวิตรอดกลับไป ไม่เช่นนั้นตัวเองยังไม่แน่ใจเลยว่าในอนาคตจะต้องเจอกับอะไร เขาต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้ คนที่ทำร้ายเขาจะต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

ไม่นานอสูรระดับล่างก็ถูกฆ่าตายจนหมด นัยน์ตาคนทั้งสองเต็มไปด้วยไอสังหาร ตอนนี้ฤทธิ์ยานั่นได้หมดไปแล้ว ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ยิ่งดึงดูดอสูรร้ายมากขึ้นไปอีก ยิ่งทำให้หนังศีรษะของทั้งสองรู้สึกชา อสูรร้ายเหล่านี้โหดเหี้ยมอย่างมาก ศพของอสูรร้ายระดับล่างที่พวกเขาฆ่าถูกอสูรร้ายระดับสูงเหล่านั้นกินเป็นอาหาร พลังบำเพ็ญเพียรก็มากขึ้นตามไปด้วย ทำให้สองคนทั้งขยะแขยงและกดดัน

“บ้าเอ้ย น่าขยะแขยงจริงๆ” เหลยรุ่ยรู้สึกว่าตนเองอยากจะอ้วก เขามีพลังบำเพ็ญเพียรถึงขั้นนี้แล้ว คิดไม่ถึงยังอยากจะอ้วก

“ใช่ แต่เราจะทิ้งศพไว้ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลเสียต่อพวกเรา หูชิงยังมีชีวิตอยู่ไหม?” ปิงเซียวเช็ดเลือดบนใบหน้าพลางเอ่ยถาม

“ถือว่าบ้าเลือดอยู่บ้าง เจ้ารับผิดชอบฆ่า ข้าจะทำลายศพ” เหลยรุ่ยกล่าว

“ได้” ปิงเซียวเข้าใจ ถึงแม้ธาตุของทั้งสองคนจะเป็นธาตุที่เป็นประเภทโจมตี อย่างธาตุอัสนีของเหลยรุ่ยมีพลังทำลายล้างมากกว่า

ดังนั้นสองพี่น้องจึงแบ่งงานกันชัดเจน คนหนึ่งโจมตี คนหนึ่งทำลายศพ ทำเอาอสูรร้ายฉุนเฉียวโหดร้ายขึ้น

หูชิงฆ่าอสูรไปตัวหนึ่งและมองดูเงาทั้งสองร่างนั้น คิดไม่ถึงตนเองจะทำผิดจนเลอะเทอะเช่นนี้ หากเขากลับไปได้ เขาจะต้องขออภัยโทษต่อศิษย์พี่หลง เขาฝึกฝนมาถึงขั้นนี้แล้วยังมีความคิดเช่นนั้นอยู่อีก น่าขันเสียจริงๆ

อสูรที่เหลือตัวสุดท้ายแข็งแกร่งเกินไป สองพี่น้องเริ่มจะยืนแทบไม่ไหว นี่มันเป็นการบีบบังคับให้พวกเขาใช้ท่าไม้ตายเลยทีเดียว

ภายในสำนัก หลิวหลีจัดการร่างกายภายในของตัวเองรียบร้อยก็รู้สึกถึงการเพิ่มขึ้นของปราณสีน้ำนม นางรู้สึกพอใจมาก เพียงแต่นางเข้าฌานอย่างกระวนกระวาย มักรู้สึกเหมือนมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

“น้องหญิง ข้ารู้สึกว่าจิตใจเจ้าไม่ค่อยสงบ มีเรื่องอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” หนานกงเวิ่นเทียกำลังอยู่ในร่างกายอีกฝ่าย ก็สัมผัสได้ว่านางไม่ใคร่จะสงบนัก

“ท่านพี่ก็ไม่ได้เข้าฌานอย่างลึกซึ้งอยู่เช่นกัน ถูกต้อง ข้ามักรู้สึกว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นทำให้ข้าร้อนใจอย่างมาก” หลิวหลีพูด

“น้องหญิงพอจะทำนายได้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องอะไร” ต้องเกี่ยวข้องกับคนใกล้ตัวนางแน่

หลิวหลีพยักหน้า นางหลับตาและเริ่มทำนายเรื่องของผู้ที่เกี่ยวข้องกับตน และผลไปตกอยู่ที่…

“แย่แล้ว ปิงเซียวกับเหลยรุ่ยกำลังเจอปัญหา” น้ำเสียงของหลิวหลีกังวลเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจัดการนางไม่ได้จึงไปจัดการหลานชายของนาง น่ารังเกียจนัก

“หลิวหลี เจ้าเข้าฌานไปหรือยัง อยู่ดีๆข้ากับอิงเสวี่ยก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา น่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับปิงเซียวและเหลยรุ่ย” เสียงของเอ๋าเลี่ยถูกส่งมาด้วยความร้อนใจ

“พวกเราออกเดินทางเดี๋ยวนี้” นี่เป็นเรื่องใหญ่ ช่วยคนเป็นเรื่องรอช้าไม่ได้

“หมอนี่มันเก่งอะไรขนาดนี้” เหลยรุ่ยถ่มเลือดพลางด่า

“เหลยรุ่ย วางใจเถอะ หากท่านน้าได้ยินเข้า จะต้องสั่งสอนเจ้าด้วยความรักแน่” ปิงเซียวเช็ดหน้า มีทั้งคราบเลือด ทั้งฝุ่นดำ หน้าของเขาเป็นจานผสมสีดีๆนี่เอง

“หึ ไม่ต้องเอาท่านน้ามาขู่ข้า พวกเขาเข้าฌานไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าลงมือกับเราสองคน ตายด้วยเงื้อมมืออสูรร้ายก็เท่ากับปิดปากเรา แถมยังป้ายสีท่านน้าได้ คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ”เหลยรุ่ยเช็ดหน้าตามปิงเซียว

“สบายใจได้ พวกเราต้องได้กลับไปแน่ ว่าแต่เจ้าหูชิงนี่ก็ใช้ได้ทีเดียว พอลองเปิดใจดูเขาก็มีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ แต่ก็เป็นอย่างนี้แหละ” ปิงเซียนมองหูชิงที่เหน็ดเหนื่อยจนหายใจลำบาก

“สู้ตาย ปิงเซียวพร้อมหรือยัง” เหลยรุ่ยกล่าว

“แน่นอน”

ทันใดนั้นปากของปิงเซียวก็มีเสียงคำรามของมังกร จากนั้นปิงเซียวก็กลายเป็นมังกรเหมันต์ เหลยรุ่ยส่งเสียงร้องของหงส์ออกมากลายเป็นหงส์อัสนี อสูรเทพทั้งสองพุ่งตรงเข้าหากันกลางอากาศพร้อมกัน จนสุดท้ายปรากฏมังกรบินที่มีอัสนีตัวหนึ่งขึ้นกลางอากาศ พลังพุ่งขึ้นไปอีกหลายระดับ

“เจ้าพวกโง่ทั้งหลาย ถือเป็นโชคของพวกเจ้าที่ได้เห็นไม้ตายของพวกข้ากับตา” ทั้งสองประสานเสียง หูชิงที่มองอยู่ลืมความเจ็บปวดจนหมดสิ้น พวกเขาทำเช่นนี้ก็ได้หรือ

สองคนที่พลังต่อสู้พุ่งทะยานขึ้นไปหลายระดับบินไปจัดการอสูรร้ายขั้นประมุขเทพหลายตัว จนกระทั่งมีเสียงคำรามดังขึ้น

“แย่แล้ว เล่นใหญ่ไปหน่อย ทำไมถึงยังมีอสูรในขอบเขตราชาเทพอยู่อีกล่ะ” โทนเสียงของทั้งสองเปลี่ยนไปเล็กน้อย จนเมื่อถูกอสูรที่อยู่ในขอบเขตราชาเทพโจมตี จนทั้งสองคนแยกร่างกลายเป็นสองคนแล้วกระอักเลือดออกมา

“พวกเราสมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ เกิดมาวันเวลาเดียวกัน ตายในเดือนปีเดียวกัน” ปิงเซียวพูด ท่านน้าหลิวหลีคงจะโกรธเขา ส่วนน้าเขยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมาคอยแย่งอาหารกับพวกเขาอีก ท่านพ่อท่านแม่ต้องร้องไห้แน่ อาจื่อฉีกับอามู่มู่คงจะคิดถึงเขามาก พวกเขายังไม่ได้เห็นน้องชายตัวน้อยบรรลุเลย

อสูรลิงโลด มนุษย์ตัวเล็กๆ กินเข้าไปคงจะบำรุงได้ดี แต่สติสุดท้ายของมันก็ต้องหลุดลอยไปและสลายกลายเป็นเถ้าธุลีทันทีที่กรงเล็บของมันกำลังจะแตะโดนอาหารอันโอชะตรงหน้า

“รนหาที่ตาย” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของหลิวหลีดังลอยมา

“ปิงเซียว เหลยรุ่ย” อิงเสวี่ยเห็นลูกชายทั้งสองร่างกายบาดเจ็บ เหตุใดน้ำตาถึงไม่หยุดไหลเสียที พวกเขามีลูกชายแค่สองคนคิดไม่ถึงว่าจะถูกคนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้

“นังหนู เร็วเข้า มาดูหน่อย” แม้ว่าเอ๋าเลี่ยจะเสียใจ แต่ก็ยังมีสติเรียกให้หลิวหลีไปดู

“อิงเสวี่ย ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ด้วย” หลิวหลีรับรอง วินาทีที่เห็นเด็กทั้งสองคน หลิวหลีก็สะกดความโกรธของตนเองเอาไว้ไม่อยู่ เกราะเกือบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เด็กที่นางเลี้ยงมากับมือถูกทำร้ายขนาดนี้ทำให้นางโกรธแค้นกว่าการสร้างเรื่องนางอีก

นางวางมือลงบนหน้าอกของทั้งสอง ส่งปราณสีน้ำนมในร่างกายให้เด็กทั้งสองไปเปล่าๆเพื่อซ่อมแซมภายในร่างกาย หนานกงเวิ่นเทียนพบหูชิงที่หมดสติไปนานและเริ่มไม่ไหวแล้ว คนผู้นี้คือใคร หนานกงเวิ่นเทียนเอายาเทพศักดิ์สิทธิ์ออกมาหนึ่งเม็ดใส่เข้าปากของเขา ไม่ว่าคนผู้นี้เป็นใคร เด็กทั้งสองมีสภาพเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดหรือผู้บริสุทธิ์ ก็ไม่อาจปล่อยเขาไปได้

ปิงเซียวและเหลยรุ่ยรู้สึกราวตนเองกำลังอยู่กลางทะเลทราย เกือบถูกย่างเป็นมัมมี่ ทันใดนั้นก็มีน้ำพุร้อนอบอุ่นแสนสบายมอบความชุ่มชื้นให้กับพวกเขา พวกเขารู้สึกเหมือนตนเองกลับมามีชีวิต

“ได้เห็นท่านน้า ดีจริงๆ” เด็กทั้งสองคนลืมตาอย่างบากลำบาก เมื่อเห็นหลิวหลีก็ดีใจจนสลบไป ท่านน้ามาแล้ว พวกเขาปลอดภัยแล้ว

“วางใจเถอะ ไม่เป็นอะไร แค่ต้องค่อยๆฟื้นตัว พวกเรากลับกันเถอะ” หลิวหลีพูด

มีแค้นต้องกลับไปชำระ กล้าแตะเกล็ดมังกรต้องตายสถานเดียว

…………………………………

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

Status: Ongoing

นางย้อนเวลามาในยุคแห่งการฝึกตน ทั้งยังมีชะตาเซียนสุดแกร่ง! ทว่า นางกลับใฝ่ฝันที่จะเป็นสุดยอดแม่ครัว เส้นทางการฝึกตนครั้งนี้จึงหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นอาหาร!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท