หลิวหลีมองของในมือ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจ นี่คือจะให้พวกเขาเลือกข้างหรือ?
“น้องพี่ คิดเห็นว่าอย่างไร” หนานกงเวิ่นเทียนเองก็เห็นจดหมายเชิญนี้ด้วยเช่นกัน
“เฮ้อ ไม่แน่ใจ ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ มีจักรพรรดิเทพ 5 องค์ ประมุขเทพ 5 คน ราชาเทพ 50 คน การปรากฏตัวของเราจะทำให้เสียสมดุล” หลิวหลีถอนหายใจ บรรลุขึ้นมาไม่ถูกเวลาจริงๆ นางเป็นพวกลังเลเลือกไม่ถูกเข้าใจไหม
“พอดีเลย 1, 4, 10 พวกเราเข้าไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็จะทำให้เสียความสมดุลขึ้น” หนานกงเวิ่นเทียนก็เข้าใจ จดหมายเชิญหลายฉบับในมือของเขาตอนนี้ เป็นคำเชิญจากฝั่งประมุขเทพ 5 ฝ่าย ปัญหาก็คือ พวกเขาสามีภรรยาไม่อยากจะเข้าไปร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“เฮ้อ ความสามารถไม่พอ ข้าก็พอจะมั่นใจอยู่บ้าง หากจะต้องสู้รบกับประมุขเทพ 1 คน แต่หลายคนเข้า ข้าก็สู้ไม่ได้ จักรพรรดิเทพยิ่งไม่ต้องพูดถึง” นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับเทพที่แท้จริงมากที่สุด พวกเขายิ่งไม่สามารถเทียบได้เลย
“ดังนั้นพวกเราจำเป็นจะต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เจ้าคิดว่าอย่างไร” หนานกงเวิ่นเทียนถาม
“อืม ยึดตามลำดับในการส่งเทียบเชิญ เชิญพวกเขาออกมา เห็นตัวแล้วค่อยวางแผนกันอีกที ข้าไม่อยากตัดสินจากแค่คำพูดแล้วขายตัวเอง” หลิวหลีตัดสินใจรับคำเชิญ เพราะอย่างไรสิทธิ์ตัดสินใจตอนนี้อยู่ในมือของพวกเขา
“ดังนั้นจะบอกว่าหลงหลิวหลีตัดสินใจไปร่วมงานเลี้ยงตามลำดับเทียบเชิญหรือ?” อวิ๋นชิงพูดด้วยความสนอกสนใจ ดูท่าแล้วคงจะรอดูตัวเป็นๆก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเลือกข้าง
“ขอรับ ท่านประมุขเทพ”
“น่าสนใจดีนี่ ถ่ายทอดคำสั่งข้า จัดงานเลี้ยงให้งดงามสักหน่อย หากนางไม่มาเข้าร่วมกับข้าเพราะงานเลี้ยงล่ะก็ พวกเจ้ารู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น” อวิ๋นชิงไม่พูดต่อ พวกลูกน้องก็เข้าใจในทันที หากว่าหลงหลิวหลีไม่มาอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา พวกเขาก็เตรียมโดนได้เลย
“ขอรับ ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแน่นอน”
“หลงหลิวหลี หนานกงเวิ่นเทียน ข้าต้องได้ตัวพวกเขามาให้ได้” อวิ๋นชิงกล่าว อัคคีที่แท้จริง เหมันต์บริสุทธิ์ ราชาเทพที่มีฉายาเป็นของตัวเองมีไม่มาก แน่ใจได้ว่า คนที่มีฉายาที่ไม่ใช่ชื่อของตัวเอง อนาคตจะต้องไปได้ไกลมากแน่ ฉายาของเขาคือหมื่นพฤกษา เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาก็คือประมุขเทพหมื่นพฤกษา บิดาของเขาคือซื่อสุ่ย จักรพรรดิเทพซื่อสุ่ย ตอนนี้เขาอยู่ฝ่ายเดียวกับพ่อของเขา ต้องมีพลังขั้นประมุขเทพขึ้นไปจึงจะมีคุณสมบัติสืบทอดตำแหน่งเทพที่แท้จริงได้ เขารู้สึกว่าสองคนนี้จะต้องในระดับเดียวกับพวกเขาได้แน่ อีกอย่างหากพวกเขาเข้าร่วม ต้องเป็นกำลังหนุนได้แน่ เพราะอย่างไรพวกเขาสองสามีภรรยาไม่มีทางอยู่คนละฝ่ายกันอยู่แล้ว
“ตัดคนนี้ออกเถอะ” ทำตัวสูงส่งขนาดนั้น พวกเขาสองสามีภรรยาเป็นคนต่ำต้อยไม่อาจเอื้อม
“ใช่แล้ว ข้าก็ไม่ชอบเหมือนกัน” งานเลี้ยงนี้ทำให้เขาปวดหัวไม่น้อย
“ไม่รู้ว่างานเลี้ยงที่สองของประมุขเทพหมื่นพฤกษาจะเป็นอย่างไรบ้าง” ตอนนี้หลิวหลีไม่คาดหวังอะไรแล้ว นางรู้สึกว่าต่างก็เป็นพวกที่ไม่สมประกอบ พยายามเลือกคนที่ไม่สมประกอบน้อยที่สุดก็แล้วกัน น่าเจ็บปวดจริงๆ
“รีบทำให้จบๆ เลือกมาสักคนเลยแล้วกัน ข้าเชื่อว่าพวกเราสองสามีภรรยาไม่ขึ้นกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนานหรอก” หนานกงเวิ่นเทียนสาบาน เขาจะบรรลุตำแหน่งประมุขเทพ จะได้มีสิทธิ์ออกเสียง
“ราชาเทพอัคคีที่แท้จริง ราชาเทพเหมันต์บริสุทธิ์ ยินดีต้อนรับพวกท่านมาร่วมงานเลี้ยงของข้า” อวิ๋นชิงยกแก้วขึ้นแล้วกล่าวคำต้อนรับ
“ขอบคุณประมุขเทพหมื่นพฤกษาที่เชิญพวกข้ามา พวกข้าสองสามีภรรยารู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆ” หลิวหลีแสร้งรับคำ
“ไม่ต้องเรียกว่าประมุขเทพหมื่นพฤกษาหรอก ข้าอายุมากกว่าพวกเจ้าอยู่แล้ว ขอเดาเอาเองว่าข้าอายุมากกว่าแล้วกัน ข้ามีนามว่าอวิ๋นชิง เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ดีไหม” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองเป็นคนธาตุไม้หรือเปล่า หนังหน้าของอวิ๋นเฟยถึงมีความหนาเป็นพิเศษ
“ขอเรียกตามนั้นก็แล้วกัน พี่อวิ๋น” หลิวหลีเออออตามน้ำ ถึงหนานกงเวิ่นเทียนจะไม่ตอบ แต่ก็พยักหน้าบอกว่าเห็นด้วย
หลิวหลีนึกถึงอวิ๋นชิง ทันใดนั้น หลิวหลีก็เหมือนไม่ได้ยินเสียงจากภายนอก ดวงตาจับจ้องไปที่อวิ๋นชิง ความลึกลับในดวงตาทำให้อวิ๋นชิงถึงกับตกอยู่ในภวังค์ หลงเข้าไปอยู่ในดวงตาคู่นั้นของนางอย่างไม่รู้ตัว หลิวหลีมองอวิ๋นชิง ในสมองมีภาพพืชพรรณไม้เจริญเติบโตงอกงาม คนผู้นี้จะเป็นเทพพฤกษาในอนาคต นี่คือข้อสรุปจากนาง
อวิ๋นเฟยรู้สึกตัวทันที มองหลิวหลีอย่างตกใจ คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เพิ่งจะอยู่ในตำแหน่งราชาเทพ ก็สามารถสะกดจิตคนอย่างเขาที่เป็นประมุขเทพได้
“พี่อวิ๋น ไม่ทราบว่าจะยินดีต้อนรับพวกเราสองคนเข้าร่วมด้วยหรือไม่” หลิวหลีตั้งสติ พูดขึ้นอย่างมั่นใจ แล้วลืมว่าตัวเองเคยบอกว่าจะเลือกคน แต่กลับเลือกเข้ากลุ่มเดียวกับอวิ๋นชิงทันที
“ยินดีต้อนรับ” อวิ๋นชิงรู้สึกทำตัวไม่ถูก เดิมนางบอกว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงให้หมดก่อนแล้วค่อยตัดสินใจไม่ใช่หรือ ทำไมอยู่ๆก็ตกปากรับคำเขาได้ อีกทั้งท่าทางของหลงหลิวหลีเมื่อครู่ ทำให้ในใจของเขารู้สึกหวาดกลัวน้อยๆ แต่ว่า ความสามารถของทั้งสองคนดึงดูดเขามากจริงๆ เมื่อมี 2 คนนี้แล้ว ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีราชาเทพอีก 10 คน เขาก็ไม่กลัว
“น้องพี่ คนผู้นั้นมีอะไรต่างไปจากคนอื่นหรือ” ในฐานะที่เป็นสามีของหลิวหลี เขาย่อมรู้ว่าภรรยาของเขามองเห็นอะไร ถึงได้ทำการตัดสินใจเลยในทันที
“อืม คนผู้นั้นจะเป็นเทพพฤกษาในอนาคต เป็นคนที่จะต้องได้เป็นเทพแน่นอน เลือกอยู่ฝ่ายเขาไม่ผิดแน่” หลิวหลีกล่าว
“เทพพฤกษา น้องพี่ ตอนนี้เจ้าสามารถมองเห็นของพวกนี้ได้ด้วยหรือ ข้าไม่เห็นว่าเขาจะแตกต่างจากคนอื่นเลย” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว
“ข้าก็ไม่แน่ใจ เพียงแต่เมล็ดพันธุ์สีรุ้งในร่างกายของข้า เมื่อเจออวิ๋นชิงก็มีเต้นอย่างลิงโลด ข้าก็เลยลองดู ว่าจะเห็นอนาคตเขาได้ไหม ปรากฏว่าเห็นพืชพันธุ์เจริญเติบโตงอกงามอย่างอุดมสมบูรณ์ นอกจากเทพพฤกษาแล้ว ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแน่” หลิวหลีบอกว่าตัวเองมองเห็นอะไร
“น้องพี่ ท่าทางเจ้าเมื่อครู่ คงทำให้อวิ๋นชิงระมัดระวังตัวมากขึ้นแน่ สะกดจิตประมุขเทพได้ ลองคิดๆดูแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาจริงๆ” หนานกงเวิ่นเทียนเริ่มระมัดระวังตัวขึ้น จริงๆแล้วรู้สึกกังวลมากกว่า หากเป็นเช่นนี้ ควรจะทำอย่างไรดี
“ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่มีทางทำอะไรข้าหรอก เขาจะเห็นความสำคัญของเราแทน เพราะอย่างไร ฉายาของเราที่ต่างจากคนอื่น ก็บ่งบอกแล้วว่าทางเดินของพวกเราไม่มีทางสงบสุขแน่” หลิวหลีกล่าว ในเมื่อไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ถ้าเช่นนั้นก็ทำสิ่งที่คนธรรมดาไม่ทำ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
“น้องพี่ พูดมีเหตุผล”
อวิ๋นชิงยังคงนึกถึงสายตาของหลิวหลี คิดไม่ถึงว่าเขาจะตกหลุมพราง นางมองเห็นอะไรหรือ ถึงได้ตัดสินใจทันที แต่น่าจะมองไม่เห็นอะไร ขนาดพ่อของเขาก็ยังมองไม่เห็นอนาคตของเขา เป็นแค่ราชาเทพจะมองเห็นได้อย่างไร เขาน่าจะวิตกไปเองมากกว่า ต้องเป็นเช่นนี้แน่ เพียงแต่เขารู้สึกว่าคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่ใช่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์อย่างหนานกงเวิ่นเทียน แต่เป็รนักปรุงยาที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างหลงหลิวหลี นังหนูคนนั้นคงไม่ได้ปรุงยาเป็นแค่เพียงอย่างเดียว
ถึงแม้ยังไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของอีก 3 ฝั่ง แต่นางก็ได้ส่งของขวัญแทนคำขอโทษ แสดงออกว่าตัวเองเสียดายที่ได้เจอกับประมุขเทพหมื่นพฤกษาช้าเกินไป พูดคุยกันได้อย่างถูกคอ ในชีวิตหาได้ยากที่จะเจอเพื่อนที่สามารถพูดคุยกันได้ถูกคอเช่นนี้ นางอดใจไม่ไหว จึงได้ตัดสินใจอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา เพื่อขอโทษ จึงได้นำยาศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองปรุงขึ้นมา 10 เม็ดมามอบให้
“นังหนู เจ้าให้ไปไม่น้อยเลยจริงๆ” อวิ๋นชิงเหลือบมองไปที่คนบางคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร อะไรคือการพูดคุยกันอย่างถูกคอ เสียดายที่ได้เจอกันช้าเกินไป พวกเขาพูดคุยกันยังไม่ถึง 5 ประโยคเลยด้วยซ้ำ
“ข้าเป็นนักปรุงยา หมดตัวจนเหลือแค่ยาศักดิ์สิทธิ์แล้ว” หลิวหลีแบมืออกมาทั้งสองข้าง เฮ้อ นางจนมากจริงๆ
อวิ๋นเฟยยิ้มมุมปาก หากนี่เรียกว่าคนจน ถ้าอย่างนั้น คนอย่างเขาเรียกว่าอะไร ในฐานะที่เป็นบุตรชายของจักรพรรดิเทพ ยาศักดิ์สิทธิ์ที่เก็บสะสมไว้ไม่ถึง 10 เม็ด นังหนูให้ของเยอะขนาดนี้ ดูท่าแล้ว พี่หนานกงคงไม่สามารถควบคุมอะไรได้
“พี่หนานกง ฮูหยินของท่านใจกว้างเช่นนี้ แย่นัก” อวิ๋นชิงพูดแฝงนัย
“ไม่เป็นไรนางชอบก็พอ” หนานกงเวิ่นเทียนเลือกข้างหลิวหลีอย่างไม่ลังเล
เมื่ออยู่ด้วยกันไปสักพัก อวิ๋นชิงจึงเพิ่งได้รู้ว่า สามีภรรยาคู่นี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนี้ ก็เพราะต่างฝ่ายก็ต่างเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนสำคัญ
……………………………………..