The Legendary Mechanic – ตอนที่ 741-742

ตอนที่ 741-742

ตอนที่ 741 เป้าหมาย
หานเซี่ยวมองโทมาร์และทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีสหายที่เพิ่งปรากฏตัว”
“สะ-สวัสดี”โทมาร์ผงะและพูดตะกุกตะกักจากนั้นก็สำรวจคนทั้งสี่ตรงหน้าและถามอย่างไม่มั่นใจ”พวกเจ้าคือผู้วิเศษจริงๆ?”
วินาทีที่เขาพูดโทมาร์ก็รู้สึกว่าถามคำถามที่ไม่จำเป็นออกไป
อะไรคือประเด็นของคำถาม?มีแค่ผู้วิเศษถึงกำจัดวิญญาณร้ายได้…
ทั้งสี่ตรงหน้าเขาคือผู้วิเศษที่ทรงพลังยิ่งหากไม่ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฆ่าวิญญาณร้ายกลายพันธ์ได้ด้วยการโจมตีเดียว
ข้าคิดว่าคนที่ข้ากำลังปกป้องคือพวกมือใหม่ซะอีกใครจะไปคิดว่าเขาก็เป็นพวกเดียวกับข้า?
ทันใดนั้นโทมาร์ก็ดูเหมือนจะคิดบางสิ่งได้และสีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็หยิบเอาผงขาวออกมาและโปรยใส่อากาศก่อนขอให้พวกหานเซี่ยวตามเขาไป
“ข้าใช้ถุงฝุ่นกลบกลิ่นอายเพื่อกวาดร่องรอยเวทย์ในสถานที่นี้แล้วเราไม่ควรถูกพบเห็น รีบตามข้ามาเร็ว ข้าจะพาพวกท่านไปยังสถานที่รวมตัวในเมืองใจหิน”
ขณะกล่าวโทมาร์ก็กระโดดข้ามกำแพงสวนอย่างรวดเร็วและวิ่งออกไป หานเซี่ยวพาสหายที่สับสนทั้งสามตามไป จากนั้นก็มาถึงบ้านหลังเก่าในมุมเมือง มีจุดซ่อนเร่นอยู่ ในสายตาของพวกหานเซี่ยว มันงุ่มง่ามมากและไม่มีอะไรสามารถซ่อนจากพวกเขาได้ แต่ทว่า มันก็มากพอจะหลอกพวกชาวพื้นเมือง
โทมาร์เดินผ่านเข้าไปและนำแผ่นตื้นขึ้นเผยให้เห็นทางเดินใต้ดิน
“จุดรวมตัวอยู่ด้านล่างตามข้ามา”
ตะกร้าแขวนลอยอยู่ในช่องเปิดของถ้ำและก็จะถูกขนส่งผ่านโซ่และกลไกมันเป็นเหมือนลิฟท์ยุคก่อนประวัติศาสตร์
พวกเขาก้าวขึ้นไปและหลังยืนจนเซ็งมันก็ถึงพื้น
พวกเขาถูกต้อนรับด้วยพื้นเทาซึ่งเป็นเหมือนฐานใต้ดินมีกล่องพัสดุมากมายและห้องพักกว่าสิบห้อง โคมไฟเป็นแหล่งแสงเดียวในสถานที่นี้
สถานที่ย้อนหลังนี้ทำให้ฮีล่าออโรร่าและเฟย์ดินได้รับประสบการณ์แปลกใจ มันราวกับพวกเขาย้อนเวลามา
“นี่คือสถานที่รวมตัวของเมืองใจหินข้าจะพาเจ้าไปพบหัวหน้าที่นี่ ท่านแลนลี่ย์
โทมาร์พาพวกเขาไปห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือเก่า
ชายชราหนวดเคราเฟิ้มกำลังอ่านอยู่หน้าตะเกียงน้ำมันที่เปล่งแสงจางๆเมื่อได้ยินเสียง เขาก็หันมามอง
โทมาร์อธิบายสั้นๆและชายชราก็ลดความตื่นตัวลง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว”กลับกลายเป็นว่าพวกเจ้าคือผู้วิเศษกันหมด ทำตัวให้สบายเถอะ เมืองใจหินขอต้อนรับพวกเจ้า”
“ข้าอยากรู้มาตลอดทางพวกเจ้าไม่ได้ใช้ยาวิเศษอะไร แล้วพวกเจ้ากำจัดวิญญาณร้ายได้ยังไง?”โทมาร์ถามอย่างสงสัย
“มันง่ายมากมันคือเทคนิคการใช้เวทมนตร์”เฟย์ดินได้รับคำแนะนำของหานเซี่ยวและจำต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้
“จริงรึ?ทำไมข้าถึงไม่เคยอ่านเจอมาก่อน?”โทมาร์ลุบหัว
แลนลี่ย์ได้ยินเขายืนขึ้นและพูดอย่างตกใจ”มีเพียงผู้วิเศษในตำนานถึงสามารถร่ายคาถาได้โดยไม่ต้องใช้ยาวิเศษ หรือว่าพวกเจ้าจะเป็นสุดยอดผู้วิเศษ?ข้าคิดว่าสุดยอดผู้วิเศษทุกคนได้ถูกปีศาจฆ่าไปตั้งแต่50ปีที่แล้วซะอีก!”
“ปีศาจอะไร?เกิดอะไรขึ้น?”
แลนลี่ย์ตกตะลึง”พวกเจ้าไม่รู้?”
“เราไม่รู้…”หานเซี่ยวเผยสีหน้าสับสนจริงๆแล้ว ฉันรู้ แต่ฉันจะกระตุ้นภารกิจได้ก็ต่อเมื่อมันออกจากปากนาย…
“ข้าเข้าใจแล้วพวกเข้าคือผู้วิเศษสันโดษและไม่ได้เข้าร่วมสงคราม50ปีก่อน”แลนลี่ย์ตื่นเต้นและเริ่มอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
“50ปีก่อนตอนยังมีผู้วิเศษมากมายเดินบนท้องถนน ผู้วิเศษชื่อโวซูมี้ดได้สร้างอาวุธเทพขึ้น มันสามารถสร้างและควบคุมวิญญาณร้ายได้ และเขาสามารถใช้พลังของวิญญาณร้ายเพื่อเพิ่มพลังตนเองได้ เพื่อเพิ่มพลังเขา เขาปล่อยวิญญาณร้ายที่น่ากลัวจำนวนมากออกมาทั่วเมืองและใช้คนธรรมดาเพื่อเพิ่มพลังของวิญญาณร้ายเหล่านั้น สุดท้าย เขาก็กลายเป็นผู้วิเศษที่ยิ่งใหญ่โดยใช้วิธีเช่นนั้น”
“ตอนนั้นผู้วิเศษมากมายรวมตัวกันและอยากฆ่าโวซูมี้ด แต่เขาก็ใช้อาวุธเทพและฆ่าผู้วิเศษทุกคน จากนั้นก็ไล่ฆ่าผู้วิเศษที่เหลือทั้งหมดในโลก”
“หลังจากนั้นโวซูมี้ดก็กลายเป็นจ้าวแห่งผู้วิเศษของอาณาจักรเขตสมุทรและเป็นที่รู้จักในนามราชาปีศาจแห่งโลกผู้วิเศษ เขาเลี้ยงวิญญาณร้ายจำนวนมากภายในอาณาเขตของอาณาจักรและกลายเป็นควบคุมได้ยากเพราะตัวตนต่างๆมากมาย กองทัพวิญญาณภายใต้กองทัพเขาก็กลายเป็นทรงพลังขึ้นเรื่อยๆและทำให้เกิดความวุ่นวายทั่ว”
“ผู้วิเศษส่วนหนึ่งที่ถูกส่งไปยับยั้งโวซูมี้ดได้กลายเป็นลูกน้องเขาส่วนผู้วิเศษที่เหลือทั้งหมดก็จำต้องหลบซ่อน ตั้งจุดรวมตัวและช่วยเหลือกัน”
“โวซูมี้ดยังคงไล่ฆ่าผู้วิเศษที่เหลือและดังนั้น ทุกคนจึงซ่อนตัวและไม่ปรากฏต่อสาธารณะอีก โลกภายนอกเสียร่องรอยของผู้วิเศษและมรดกของผู้วิเศษก็อยู่ในมือของโวซูมี้ดหรือจุดรวมตัว จุดรวมตัวเป็นแค่ทางผ่านเดียวในการสืบทอดวิชา”
โวซูมี้ดผู้นี้ก็ยังเป็นชาวนาสายเดียวกับเขา..หานเซี่ยวคิดกับตัวเอง
หลังใช้ชีวิตในจักรวาลมานานหานเซี่ยวก็ได้ยินเหตุการณ์ต่างๆมากมาย
ดาวนาลุนไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นในจักรวาลและไม่ชัดเจนถึงความหมายของจักรวาลดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีความสามารถในการขอความช่วยเหลือจากทหารรับจ้าง
โวซูมี้ดคือเป้าหมายสุดท้ายของภารกิจต่อเนื่องนี้แม้โวซูมี้ดจะเป็นตัวตนทรงอำนาจที่สามารถกระทำได้ตามใจชอบบนดาวนาลุน เขาก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กตัวน้อยๆที่แค่หานเซี่ยวโบกมือก็จบสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาอาจไม่ได้รับพรสวรรค์จากช่วงสุดท้ายของภารกิจหากเขากำจัดโวซูมี้ดไปตรงๆและดังนั้นจึงเลือกทำภารกิจทีละขั้น
ไม่ว่าในกรณีใดมันคล้ายกับว่าเขากำลังกลับหมู่บ้านเริ่มต้นมาเพื่อรังแกเด็ก ไม่มีแรงกดดันอะไรเลย
แลนลี่ย์เดินวนอย่างตื่นเต้นก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเคารพ”ท่านสุดยอดผู้วิเศษเราต้องการความช่วยเหลือท่าน”
“พูดมาเถอะ”หานเซี่ยวพยักหน้า
“โลกผู้วิเศษจะอยู่ภายใต้โวซูมี้ดไปตลอดหากเขาไม่ตาย..”
“งั้นท่านอยากให้เราฆ่าเขาสินะ?”เฟย์ดินถาม
แลนลี่ย์ส่ายหัวและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะขมขื่น”เราลองทำมาตลอดห้าสิบปีแต่โวซูมี้ดทรงพลังเกินไป เขาสามารถฆ่าสุดยอดผู้วิเศษได้หลายคนเมื่อหลายสิบปีก่อนและตอนนี้เขาก็อาจทรงพลังยิ่งขึ้น ต่อให้พวกท่านจะเป็นสุดยอดผู้วิเศษกันหมด ท่านก็อาจสู้กับเขาไม่ได้ เราไม่อาจส่งพวกท่านไปตายกันได้”
ฮีล่าขดปากไม่พอใจเธอสามารถเดินไปได้ทั่วดาวนาลุน แต่กลับต้องเงียบเพราะหนเซี่ยวไม่พูดอะไร
“งัน้ท่านอยากให้เราทำอะไร?”หานเซี่ยวถามอย่างอดทน
“มันเป็นแบบนี้ผู้ช่วยที่เก่งกาจสุดของโวซูมี้ดคือกองทัพวิญญาณเขา เขาสร้างวิญญาณร้ายที่ทรงพลังเพื่อนำทัพเขาและเราเรียกมันว่าราชาวิญญาณ หากเราอยากจัดการกับโวซูมี้ด เราจะต้องกำจัดผู้ช่วยเขาก่อน แต่ราชาวิญญาณทรงพลังมากและแม้กระทั่งสุดยอดผู้วิเศษก็ยังไม่อาจจัดการเขาได้ แต่ทว่า เราได้พบจุดอ่อนเขาแล้ว”
“ราชาวิญญาณคือมนุษย์เทียมและพลังมันก็มาจากแท่นบูชาเวทย์ทั้งสาม ทุกครั้งที่แท่นบูชาถูกทำลาย พลังเขาจะอ่อนกำลัง เราได้รู้ตำแหน่งของแท่นทั้งสามแล้ว มีอันหนึ่งใกล้เมืองใจหิน แต่กองทัพวิญญาณก็คอยคุ้มกันแท่นนั้น ด้วยพลังของท่านทั้งสี่ เราจะมีพลังพอทำลายแท่น”
เมื่อเขาพูดภารกิจขั้นต่อไปก็ปรากฏบนหน้าต่างสถานะ มันอธิบายถึงการดำรงอยู่ของแท่นบูชาใกล้เมืองใจหิน และเขาก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากเหล่าผู้วิเศษของที่นี่
“เอาละข้ายอมรับ”
แลนลี่ย์ยินดีและกล่าว”งั้นเราจะพึ่งพาท่านกำลังคนทที่เราสามารถระดมได้มีจำกัด ดังนั้นเราจะสามารถจัดหาผู้วิเศษได้แปดคน…”
“ไม่จำเป็นเขาก็พอแล้ว”หานเซี่ยวชี้โทมาร์
โทมาร์ที่ฟังอยู่ข้างๆเงียบแปลกใจกับคำพูดเหล่านั้น จากนั้นก็พยักหน้า”ข้าจะพยายามสุดความสามารถ’
หานเซี่ยวพยักหน้าเงียบๆการได้รับพรสวรรค์คือหนึ่งในเป้าหมาย เป้าหมายที่สองของหานเซี่ยวของการเดินทางนี้คือโทมาร์ เขามีประกายโชคเกรดต่ำและเป็นตัวละครหลักของดาวนาลุน
ภารกิจส่วนใหญ่จะมีอิทธิพลตกค้างหลังภารกิจลุลวงและผู้เล่นที่ทำภารกิจสำเร็จในชีวิตก่อนหน้าเขาก็กลับมาดาวนาลุนไม่กี่ปีหลังทำภารกิจเสร็จจากนั้นถึงพบความสำเร็จของโทมาร์
หลังการตายของโวซูมี้ดผู้วิเศษบนดาวนาลุนก็ได้รับอสรภาพ และโทมาร์ก็กลายเป็นผู้วิเศษชื่อดัง เขาใช้เวลากับการวิจัยเวทย์และบรรลุการค้นพบที่ก้าวล้ำ เขาทิ้งความรู้ไว้มากหลังตายและยกระดับมาตรฐานพวกพิเศษบนดาวนาลุนขึ้นใหม่
นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ในความเป็นจริงวีรบุรุษของอารยธรรมต่างๆก็ถูกกลบฝังเพราะเด็กรุน่ใหม่ที่พวกเขาให้กกำเนิด
โทมาร์คือตัวละครเช่นนั้นพรสวรรค์เขาโดดเด่นมาก และก็นับเป็นผู้มีพรสวรรค์ในรอบพันปี แต่เขาไม่อาจเติบโตได้อย่างเหมาะสมบนดาวล้าหลังและเสียพรสวรรค์เปล่า
ดังนั้นเป้าหมายของหานเซี่ยวจึงการพาโทมาร์มาเสริมทัพ
พรสวรรค์มีค่าและเป็นตัวละครหลักยิ่งดีไม่ว่าจะไร้ค่าเพียงใด พวกเขาก็สามารถเพิ่มโชคให้กองทัพได้
ตำแหน่งที่แลนลี่ย์มอบให้คือถ้ำในภูเขาหนึ่งในแท่นบูชาตั้งอยู่ที่นี่
เช้าวันรุ่งขึ้นหานเซี่ยวและพรรคพวกก็ออกเดินทาง เพื่อให้เข้ากับความเร็วของโทมาร์ มันใช้เวลาครึ่งวันเพื่อมาถึงถ้ำ และฟ้าก็มืดแล้ว
พวกเขายืนด้านนอกถ้ำและลมหนาวก็พัดมาจากภายในถ้ำมืดราวกับมันกำลังหายใจ
โทมาร์ตัวสั่น”วิญญาณร้ายจะออกมาตอนกลางคืนเพราะมันมีพลังสูงสุดเราควรตั้งค่ายด้านนอกและพักก่อนเข้าถ้ำพรุ่งนี้เช้า”
‘นั่นไม่จำเป็น”หานเซี่ยวส่ายหัวภารกิจนี้ไม่มีปัญหาใดกับเขาและเขาก็เดินเข้าไปกับฮีล่า ออโรร่าและเฟย์ดิน โทมาร์ลังเลสักพักก่อนกัดฟันและตามไป
ถ้ำเต็มไปด้วยอุโมงค์คดเคี้ยวจำนวนมากยิ่งเดินลึก กลิ่นอายหนาวเย็นก็ยิ่งชัดเจน เมื่อไปถึงส่วนลึกของถ้ำ กลิ่นอายวิญญาณร้ายก็ยิ่งเข้ม และบางครั้งก็ได้ยินเสียงพึมพำ
หัวของโทมาร์ปกคลุมด้วยเหงื่อเย็นและมองไปรอบๆอย่างประหม่ากลัวว่าวิญญาณร้ายจะกระโดดออกมา เขาจับยาวิเศษบนเอวแน่นและเตรียมโยนมัน
“ทะ-ทำไมเราไม่กลับ?”โทมาร์พูดติดอ่าง”แม้พวกท่านจะเป็นสุดยอดผู้วิเศษเราก้ไม่ควรประมาทศัตรู มีวิญญาณร้ายสามร้อยตนในนี้ และมันก็ยากมากที่จะจัดการได้..”
ทันทีหลังพูดจบแท่นบูชาหินแปลกๆก็ปรากฏตรงหน้าเขา เทียนหลายร้อยเล่มจุดสว่างขึ้นและเผาด้วยไฟสีเขียวที่ดูเหมือนจะมอดดับ
“นี่แหละรีบทำลายมันเร็ว!”โทมาร์กล่าวและกำลังจะโยนน้ำวิเศษออกไป
ทันใดนั้นลมหนาวเย็นเจาะกระดูกก็พัดมาและเงาหลายร่ายร่างก็ล้อมไว้ จ้องกลุ่มหานเซี่ยวเย็นชา
“พวกมันคือวิญญาณร้ายกันหมด.”ดวงตาของโทมาร์เบิกกว้าง
แต่ก่อนที่ความกลัวในหัวใจเขาจะระเบิดกลิ่นอายเย็นในถ้ำก็ละลายไปเหมือนหิมะต้องอาทิตย์
วิญญาณร้ายนับร้อยถูกทำลายโดยไม่เกิดเสียง
ร่างลวงตาของพวกมันสลายหายไปและเสียงกรีดร้องของโทมาร์ก็ติดอยู่ในคอ
ฉากตรงหน้าเขาเปลี่ยนไป
เกิดอะไรขึ้น?พวกมันหายไปได้ยังไง?
สุดยอดผู้วิเศษทรงพลังขนาดนี้เลย?
‘เราแค่ต้องทำลายแท่นนี้สินะ?”ฮีล่าโบกแขนและแท่นก็กลายเป็นฝุ่น
การแจ้งเตือนรอบสองเด้งขึ้น
วินาทีที่แท่นถูกทำลายถ้ำก็เริ่มสั่น
บูม!
หมอกดำลอยขึ้นจากแท่นที่ถูกทำลายและก่อตัวเป็นวังวนสีดำกลางอากาศแรงกดดันระเบิดออกมาจากวังวนราวกับมีสิ่งมีชีวิตกำลังร่อนลงมา
ขนของโทมาร์ตั้งชันและรู้สึกราวกับมีสัตว์ดุร้ายกำลังจ้องมองเขา
“มันคือราชาวิญญาณ..”เสียงของโทมาร์แหบแห้งหวาดกลัวจนถึงจุดที่ขยับไม่ได้
วินาทีต่อมาเสียงน่าขนลุกก็ดังจากภายในวังวน
“พวกมดแมลงกลับกล้าทำลายแท่นบูชาของข้า?พวกเจ้าจะต้องชดใช้!”
หานเซี่ยวและคนอื่นจ้องดูราชาวิญญาณกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ฮึมมันสายเกินไปแล้วที่จะสำนึก ข้าจะกินวิญญาณพวเจ้าและเปลี่ยนพวกเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของข้า พวกเจ้าทั้งหมดจะ…อ้าก!”
ก่อนราชาวิญญาณจะพูดจบเฟย์ดินก็แค่นเสียงและยิงพลังงานจิตไป เหมือนกับบอลลูนพองที่ถูกเจาะ ราชาวิญญาณปล่อยเสียงโหยหวนและหายไป
วังวนดำที่ลอยกลางอากาศหายไปและถ้ำที่สั่นก้เงียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“เห้ยนายคงไม่ได้ฆ่ามันไปใช่ไหม?”หานเซี่ยวกังวล ภารกิจจะหยุดกลางคันไหมหากราชาวิญญาณตาย?
“ฉันสามารถฆ่ามันได้แต่ก็ไม่จำเป็น”เฟย์ดินกลอกตา
“นายคือคนที่รู้ใจฉันสุด”หานเซี่ยวหัวเราะและตบหลังเฟย์ดิน
จากนั้นหานเซี่ยวก็โบกมือให้โทมาร์ ซึ่งขาตายไปแล้ว
“แท่นถูกทำลายแล้วกลับกันเถอะ”
โทมาร์ใช้ความพยายามอย่างมากในการปิดปากที่เปิดก่อนกระโดดถอยหนี
”พวกท่านเป็นใครกันแน่?”
หานเซี่ยวขมวดคิ้ว”ข้าบอกแล้วเราเป็นผู้วิเศา”
โทมาร์ไม่เชื่อ
อย่าคิดว่าจะหลอกข้าได้เพราะข้าไม่ได้รับการศึกษาพวกท่านต้องไม่ใช่ผู้วิเศษแน่
เพราะผู้วิเศษไม่อาจทรงพลังได้ขนาดนี้!
จากนั้นเขาก็ชมสติปัญญาตัวเอง
“เอาละงั้นในเมื่อถูกพบแล้ว ข้าก็ควรบอกความจริง..”
หานเซี่ยวกล่าวด้วยสีหน้าลึกลับ
“จริงๆแล้วเราเป็นเทพ”
อีล่าออโรร่าและเฟย์ดินเกือบหลุดหัวเราะ
ว้าวนายไร้ยางอายจริงๆ!
โทมาร์ไม่เชื่อเมื่อได้ยิน
มีเทพอยู่จริงๆในโลก?หรือศาสนาจะเป็นของจริง?ข้าคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกลวง
แต่ดูเหมือนจะมีเพียงเทพเจ้าเท่านั้นถึงสามารถฆ่าวิญญาณร้ายนับร้อยได้ในเสี้ยววินาที
โทมาร์ไม่อาจคิดหาคำอธิบายอื่นได้ต่อหน้าเทพเจ้า เขาไม่รู้จะพูดอะไร
หานเซี่ยวหัวเราะในใจขณะแสร้งตีหน้าขรึม”ข้ามาเพื่อโวซูมี้ดการกระทำเขาขัดกับกฏธรรมชาติและเขาจะต้องถูกลงทัณฑ์”
ดาวนาลุนเป็นดาวล้าหลังและมันก็ง่ายมากที่จะหลอก มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยลองทำตัวเป็นเทพ เขาเคยทำมาแล้วต่อหน้าเผ่าแบล็คสปิริต เมื่อเจอกับชาวพื้นเมืองของดาวล้าหลัง การบอกว่าเขาเป็นเทพอาจโน้มน้าวได้มากกว่าพูดว่าเขามาจากจักรวาล
ดวงตาของโทมาร์สว่างวาบ
เมื่อได้เห็นแบบนั้นหานเซี่ยวก็วางนิ้วเขาบนปากและกล่าวด้วยรอยยิ้ม”แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะเก็บไว้เป็นความลับ มันจะดีสุดหากมีแค่เจ้าที่รู้”
มันจะถึงเวลาลักพาตัวนายเมื่อภารกิจเสร็จ
“ตกลงตกลง”โทมาร์พยักหน้าเหมือนเด็กน้อย
เดิมทีเขาอยากบอกทุกคนให้รู้เกี่ยวกับความจริง แต่ในเมื่อเทพร้องขอเป็นการส่วนตัว เขาก็ต้องมีเหตุผล ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเก็บซ่อนความจริงไว้
เมื่อคิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเป็นแค่คนเดียวที่รู้ว่าคนทั้งสี่ตรงหน้าเขาเป็นเทพเจ้าโทมาร์ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
ปล.ตอนนี้ยาวจังแปลตอนเดียวหมดแรงเลย
ตอนที่ 742 นัดเดียวก็พอ
หลังกำจัดแท่นบูชาแรกพวกเขาก็ใช้เวลาทั้งคืนด้านนอกก่อนกลับไปจุดรวมตัวในเมืองใจหิน
หลังรู้ว่าภารกิจสำเร็จแลนลี่ย์ก็แปลกใจมาก
“สำเร็จเร็วขนาดนี้เชียว?”
เขาเป็นผู้นำจุดรวมตัวในเมืองใจหินมาหลายปีแล้วและมักระวังกองทัพวิญญาณร้ายใกล้แท่นเสมอเนื่องจากขาดกำลังคน เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เดิมเขาคิดว่าพวกหานเซี่ยวต้องใช้เวลา8-10วันเพื่อกวาดล้างกองทัพวิญญาณใกล้แท่นซะอีก
โดยเฉพาะหลังตระหนักว่าไม่มีใครบาดเจ็บเลยในกลุ่มและมีเพียงโทมาร์คนเดียวที่ดูเหมือนไม่ได้นอนหลับ แลนลี่ย์อยากรู้มาก
“ข้าจำได้ว่าควรมีวิญญาณหลายนหลายร้อยตนพวกท่านทำได้ยังไง?”
“มันเป็นอย่างนี้..”โทมาร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่และเริ่มอธิบาย
เมื่อพวกเขาตั้งค่ายพักแรมคืนก่อนเฟย์ดินก็ให้คำใบ้ทางจิตที่ละเอียดอ่อนกับเขาพร้อมด้วยปาฏิหาริย์อันศักดิ์สิทธิ์ที่หานเซี่ยวให้ออโรร่าแสดง โทมาร์เชื่อสนิทใจว่าพวกหานเซี่ยวเป็นเทพเจ้า
เขาคือคนเดียวที่รู้ความจริงเกี่ยวกับเทพเจ้าและโทมาร์ก็ตื่นเต้นจนถึงจุดที่นอนไม่หลับเพื่อซ่อนตัวตนของเหล่าเทพเจ้า เขาใช้เวลาขบคิดหาข้อแก้ตัวทั้งคืนเพื่อรายงานต่อแลนลี่ย์
เมื่อเขาให้คำอธิบายโทมาร์ก็กังวลอย่างยื่งว่าแลนลี่ย์จะพบจุดน่าสังเกต
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเหล่าเทพเจ้าถึงอยากปกปิดตัวตนแต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงโชค เขากลัวว่าเหล่าเทพเจ้าจะเลือกจากไปหากตัวตนถูกเปิดเผย นี่จะทำให้จุดรวมตัวเสียผู้สนับสนุนเช่นพวกเข
เมื่อเห็นชิ้นส่วนแตกหักของแท่นบูชาแลนลี่ย์ก็ไม่กังขาและหลังแสดงท่าทางขอบคุณต่อหานเซี่ยว เขาก็รีบออกไปติดต่อผู้นำจุดรวมตัวอื่นๆ
“ข้าสามารถซ่อนมันได้.”โทมาร์ถอนหายใจโล่งอก
“ทำได้ดีมาก”หานเซี่ยวพยักหน้า
โทมาร์สงบต่ออหน้าหานเซี่ยวแม้กลุ่มหานเซี่ยวจะดูเหมือนเป็นกันเองและไม่เข้าถึงยากเหมือนในบันทึกศาสนา แต่โทมาร์ก็ยังรู้สึกกดดันมาก”ท่านเทพ ข้ามีคำถามท่ข้าไม่รู้ว่าควรถามหรือไม่”
“พูดมาเถอะ”
‘จริงๆแล้วข้าสงสัยตั้งแต่เมื่อคืน..”โทมาร์พูดติดอ่าง”เทพเจ้าในบันทึกศาสนาล้วนมีชื่อและอำนาจของตัวเอง ข้าสงสัยว่า..แค่ก แค่ก ข้าไม่รู้ว่ามันหยาบคายหรือเปล่า หากใช่ ข้าหวังว่าท่านจะยอมรับคำขอโทษข้า..”
ในความเป็นจริงเขาอยากถามว่ากลุ่มของหานเซี่ยวเป็นเทพเจ้าในตำนานที่เขาเคยได้ยินหรือเปล่า
“ชื่อ..”หานเซี่ยวลูบคางก่อนยิ้ม”นี่ไม่ใช่ความลับชื่อเทพของข้าคือแบล็คสตาร์”
แบล็คสตาร์?
โทมาร์สับสนเขาไม่เคยได้ยินชื่อเทพเช่นนี้มาก่อน
จากนั้นหานเซี่ยวก็ชี้ฮีล่าและออโรร่า”พวกนางคือเทพแห่งความตายและชีวิต”
ฮีล่าพูดมไออกและทำได้แค่ปล่อยให้หานเซี่ยวล้อเล่นตามใจชอบ
“ส่วนเขา..”หานเซี่ยวหันไปมองเฟย์ดินที่มีใบหน้าคาดหวังหลังกระแอมเล็กน้อย เขาก็พูดติดตลก’เขาเป็นเทพแห่งโชค ข้าขอเตือนเจ้าเรื่องหนึ่ง เขาเป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิงในร่างเดียวและไม่มีเพศ”
นายต้องให้ความสำคัญกับเพศฉันขนาดนั้น….เฟย์ดินมีสีหน้าหมดอาลัย
โทมาร์สลักชื่อพวกเขาลงในใจและแสดงสีหน้าภักดี”ข้าจะกระจายชื่อของพวกท่านและบอกให้โลกรู้ว่าใครคือเทพตัวจร”
“ค่อยคุยกันในอนาคต”
หานเซี่ยวพยายามเต็มที่ที่จะระงับเสียงหัวเราะเมื่อโทมาร์เข้าจักรวาล นี่ย่อมเป็นอดีตอันมืดมนของเขา
หลังเสร็จสิ้นภารกิจรอบสองและได้รับความไว้วางใจจากจุดรวมตัวแล้วจุดรวมตัวก็เริ่มปฏิบัติต่อสี่สุดยอดผู้วิเศษอย่างดี แถมพวกเขายังมอบงานมากมายให้ทั้งสี่ทำ
ด้วยพลังและเทคโนโลยีหานเซี่ยวทำภารกิจได้ง่ายๆ บางภารกิจรวมถึงการทำลายแท่นอีกสองแท่น กวาดวิญญาณร้ายในเมืองต่างๆ ฆ่าลูกสมุนของโวซูมี้ด สะสมแร่หายากและอื่นๆ
การใช้ยานอวกาศจะลดเวลาเดินทางได้มากแลหานเซี่ยวก็สามารถหาแร่หายากได้โดยการสแกนทั้งทวีปเขาแค่ต้องใช้เวลาครึ่งเดือนเพื่อแก้ปัญหาที่จุดรวมตัวลำบากมาตลอดห้าสิบปี
ทั่วจุดรวมตัวตกใจกับประสิทธิภาพของหานเซี่ยวซึ่งเกือบเหมือนปาฏิหาริย์ โทมาร์พยายามปกปิดความจริงอย่างขมขื่นและไม่เปิดเผยตัวตนของเหล่าเทพเจ้า
แต่ทว่าผลงานของหานเซี่ยวก็ทำให้พวกระดับสูงกังขา มีคนที่รู้สึกว่าทั้งสี่ประสบความสำเร็จเกินไปและอาจเป็นสายที่โวซูมี้ดส่งมา
วูลิสคือผู้นำปัจจุบันของทุกจุดรวมตัวและเป็นคนที่สงสัยกลุ่มหานเซี่ยวมากสุดแต่ก็ไม่เผยข้อสงสัย แต่คอยจับตามองทั้งสี่แทน
แผนเขาคือการสร้างอาวุธเทพเพื่อสู้กับโวซูมี้ดและวัสดุหายากที่หานเซี่ยวรวบรวมมาก็เป็นวัสดุสำหรับอาวุธเทพ แต่เขาไม่ได้เปิดเผยอะไรกับกลุ่มหานเซี่ยว
เช่นนี้ต่อให้กลุ่มของหานเซี่ยวเป็นสาย พวกเขาก็ไม่รู้แผนจริง ในเวลาเดียวกัน เขาก็สามารถหยิบยืมพลังของพวกเขาเพื่อรวบรวมวัสดุสำหรับอาวุธเทพได้
ในสถานที่ลับบางส่วนวัสดุที่รวบรวมทั้งหมดถูกส่งมา วูลิสและผู้วิเศษกำลังสร้างอาวุธเทพอย่างลับๆ
ไฟของเตาหลอมสว่างขึ้นในห้องมืดและอาวุธเทพก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
เกร๊ง!
เมื่อค้อนเหล็กสัมผัสกับแร่แดงร้อนประกายไฟก็กระจายไปทั่วและแร่ก็ค่อยๆเปลี่ยนรูปร่าง
วูลิสและคนอื่นปล่อยน้ำวิเศษพวกเขาร่ายคาถาและสลักวงเวทย์
ขั้นตอนสุดท้ายมาถึงและช่างตีเหล็กก็แช่อาวุธเทพลงน้ำเย็น
น้ำจำนวนมากระเหยและหลังจากนั้นไม่นานช่างตีเหล็กก็นำคฑาเหล็กออกจากน้ำเย็น มันดูเหมือนเถาวัลย์ดำต้องสาป
“ในที่สุดมันก็สำเร็จ!ไม้กายสิทธิ์ขาว!”
วูลิสหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นนี่คืออาวุธเทพที่พวกเขาอยากหลอมมาตลอด มันสามารถเพิ่มพลังเวทย์พวกเขาได้มหาสาลและยับยั้งกองทัพวิญญาณได้ นี่ไว้เพื่อต่อกรกับสร้อยวิญญาณร้ายของโวซูมี้ด
ผู้วิเศษทั้งหมดมีสีหน้ายินดี
“ด้วยไม้กายสิทธิ์ขาวในมือเราเรามีพลังจะสู้กับโวซูมี้ดแล้ว!”
วูลิสถือไม้กายสิทธิ์แน่น
“ทุกคนเราต้องเก็บความลับนี้ไว้ เราต้องไม่ปล่อยให้โวซูมี้ดและ4ผู้วิเศษรู้เรื่องนี้”
“นี่คือไพ่ตายเราและเราก็จะพึ่งพามันเพื่อฆ่าโวซูมี้ด!มัน50ปีเต็ม และมันถึงเวลาสำหรับศึกสุดท้ายแล้ว!”
“แจ้งผู้วิเศษทุกครมันถึงเวลาเปิดฉากโจมตี!”
วูลิสแผดเผาด้วยเจตนาต่อสู้
ภารกิจต่อเนื่องถึงขั้นตอนสุดท้ายและข้อกำหนดภารกิจมันก็คือมุ่งหน้าไปเมืองหลวงของอาณาจักรเขตสมุทรเพื่อพบกับผู้วิเศษของจุดรวมตัวอื่น ขั้นต่อไปของภารกิจคือเอาชนะบอส โวซูมี้ดในวังของอาณาจักรเขตสมุทร
ในลานลับผู้วิเศษทุกคนของจุดรวมตัวมารวมกันโดยมีวูลิสเป็นผู้นำ มีผู้วิเศษประมาณ230คน
มันเป็นยามสายและวูลิสก็กำลังพูดต่อหน้าทุกคน
“คืนนี้จะเป็นศึกสุดท้ายและเราก็กำลังจะลอบผ่านแนวป้องกันของวังเพื่อซุ่มโจมตีวังผู้วิเศษ เราจะรวมพลังของเราเพื่อฆ่าเขา นี่คือวินาทีที่โวซูมี้ดอ่อนแอสุด และทั้งหมดก็ต้องขอบคุณผู้วิเศษสันโดษใหม่ทั้งสี่ของเรา”
จากนั้นวูลิสก็พยักหน้าให้กลุ่มหานเซี่ยวผู้นั่งอยู่ด้านหน้าพร้อมคำเตือนในสายตา
จากมุมมองเขาหากทั้งสี่เป็นสาย พวกเขาย่อมเปิดเผยตัวคืนนี้
วูลิสเตรียมการไว้แล้วและให้คนที่เขาเชื่อถือคอยจับตาดูทั้งสี่
หานเซี่ยวยิ้มไม่ตอบกลับ
ภารกิจในช่วงสุดท้ายคือการต่อสู้และเขาก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการทำงานหนักครึ่งเดือนได้
โทมาร์อยู่ในฝูงชนและกำหมัดแน่น
ข้าคือคนเดียวที่รุ้ว่าพวกเขาคือเทพ…
ค่ำคืนเข้าปกคลุมทั้งเมือง
วูลิสไม่ลังเลอีกและประกาศเริ่มภารกิจ
กลุ่มผู้วิเศษกว่าสองร้อยเข้าประชิดวังและสะกดกลิ่นอายพวกเขาด้วยผงวิเศษลอบเข้าวังและไม่ทำให้ทหารรู้ตัว
กลุ่มสี่คนของหานเซี่ยวซ่อนตัวและรอให้ภารกิจเข้าสู่ช่วงสุดท้าย
การเดินทางราบรื่นมากและเหล่าผู้วิเศษก็รวมกันอย่างรวดเร็วนอกวังผู้วิเศษ
วู่!
ทันใดนั้นเสียงแตรทหารก็ดัง
ประตูวังเปิดและผู้วิเศษหลายสิบก็พุ่งออกมา ต่อหน้ากลุ่ม ชายชรายืนอยู่ เขาคือโวซูมี้ด
“ฮืมพวกหนูท่อ ข้ารอพวกเจ้ามานานแล้ว”โวซูมี้ดกล่าว”ข้ารู้แผนการของพวกเจ้ามาตลอดครึ่งเดือน พวกเจ้าคิดจริงๆว่าข้าไม่รู้แผนอะไรของพวกเจ้า?”
“ข้าอยู่ในอาณาจักรเขตสมุทรมาห้าสิบปีและกองทัพวิญญาณข้าก็ซ่อนอยู่ทั่ว ข้าพบตั้งแต่วินาทีที่เจ้าก้าวเข้าเมืองนี้!”
“ยามของวังได้ปิดเส้นทางหลบหนีพวกเจ้าแล้วและกำลังมาที่นี่พวกเจ้าไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้!”
วินาทีที่พูดจบผู้วิเศษอีกฝ่ายก็กลายเป้นสั่นเทา
วูลิสก้าวออกมาและกล่าว”ไม่ต้องกังวลจำนวนผู้วิเศษในวังน้อยกว่าเรา เราจะสามารถฆ่าพวกมันได้ก่อนทหารมาถึง!”
โวซูมี้ดระเบิดเสียงหัวเราะ”วูลิสเจ้าสมองเน่าหรือ?เจ้าลืมเรื่องไพ่ตายของข้าไป?”
โวซูมี้ดคว้าสร้อยบนคอเขาและอุณหภูมิโดยรอบก็ลดลง ลมหนาวพัดและวิญญาณร้ายกว่าพันก็ปรากฏ
วิญญาณร้ายขนาดมหึมาปรากฏข้างโวซูมี้ดมันคือราชาวิญญาณ
ผู้วิเศษกว่าสองร้อยของจุดรวมตัวก้าวถอยหลังและมองกองทัพวิญญาณอย่างประหม่า
นี่คือสิ่งที่โวซูมี้ดพึ่งพาเพื่อครองโลกผู้วิเศษมาตลอดห้าสิบปีสร้อยคอวิญญาณร้ายเขาสามารถสร้างและควบคุมวิญญาณได้
เทียบกับคนอื่นที่กังวลวูลิสมั่นใจมาก เขาถือไม้กายสิทธิ์ขาวไว้ในมือ นี่คืออาวุธขั้วตรงข้ามกับกองทัพวิญญาณและยังเป็นเหตุผลที่เขากล้าท้าทายโวซูมี้ด
เจ้ามีอาวุธเทพแต่ข้าก็มีเหมือนกัน..วูลิสหัวเราะในใจ
ตอนนั้นเองวูลิสก็พลันคิดถึงกลุ่มของหานเซี่ยว ตาเขาหรี่แคบ และตัดสินใจใช้ไม้กายสิทธิ์ขาวเขา
อาวุธเทพต้องใช้ในช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดวูลิสระวังกลุ่มของหานเซี่ยวมากและจ้องพวกเขาอย่างระมัดระวังก่อนตัดสินใจ
หากทั้งสี่เป็นสายของโวซูมี้ดและเคลื่อนไหวข้าจะใช้ไม้กายสิทธิ์ขาวฆ่าพวกมัน!
อีกด้านโวซูมี้ดลูบเคราและดูสงบมาก
“เจ้ารู้ไหมข้าไม่เคยกังวลเจ้าเลย หากพวกเจ้าทั้งหมดเลือกซ่อนตัว ข้าก็อาจเต็มใจให้ทางรอดกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับเลือกออกมาและสร้างปัญหาให้ข้าเรื่อยๆ แม้กระทั่งอยากฆ่าข้า”
“อาจินตนาการพวกเจ้าอยู่ไกลเท่าดาวบนท้องฟ้าและพวกเจ้าก็เหมือนกลุ่มแมลงวันเน่า”
“เจ้าซ่อนตัวเองมาห้าสิบปีเหมือนหนุท่อคิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะโค่นล้มข้า?น่าขันสิ้นดี!”
ขณะก่าวเสื้อคลุมหรูบนตัวเขาก็เริ่มกระพือแม้จะไร้ลม พลังเวทย์อันทรงพลังเขาระเบิดออกมา ในสายตาของพวกวูลิส กลิ่นอายของโวซูมี้ดดูเหมือนหอคอยยักษ์
“นี่มันอะไรกัน?”วูลิสและคนอื่นตกใจใบหน้าพวกเขาขาวซีด
“ฮึม!ยังมีระดับที่เหนือกว่าอาณาจักรสุดยอดผู้วิเศษอยู่ข้าใช้เวลาห้าสิบปีเต็มเพื่อก้าวสู่ขั้นนี้..”
โวซูมี้ดเหยียดแขนเปล่งเสียงหัวเราะเย่อหยิ่ง
“ตอนนี้ข้าเป็นพระเจ้าแล้ว!”
ผู้วิเศษกว่าสองร้อยงงงวยแม้แต่วูลิสก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง
ไม่!สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วและข้าก็ไม่อาจเก็บไพ่ตายเพื่อจัดการกับหนอนที่อาจไม่มีอยู่ได้
ข้าต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ขาวเพื่อทำให้โวซูมี้ดบาดเจ็บสาหัสไม่งั้นคนอื่นอาจตาย!
วูลิสกำไม้กายสิทธิ์ขาวแน่นและเริ่มร่ายคาถา
โวซูมี้ดเห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจตรรกะของคนเลวที่กำลังจะตายเพราะพูดมากไปเขายังมัวเมาอยู่กับความยิ่งใหญ่ของตน เขายกมือและชี้ไปที่ฝูงชนราวกับกำลังมองฝูงมด
“เจ้าไม่เข้าใจถึงพลังที่แท้จริง!”
เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นวูลิสก็เตรียมการเสร็จ เขาหรี่ตาแคบ กำลังจะใช้ไม้กายสิทธิ์ขาวเพื่อโจมตี
ตอนนั้นเองปืนใหญ่ไซโอนิคก็ยิงออกมาและบดขยี้เข้ากับใบหน้าหยิ่งยโสของโวซูมี้ด
ความเร็วของการโจมตีทำให้เขาหลบไม่ทัน
ปัง!
แสงกระพริบและหัวของโวซูมี้ดก็หายไป
ร่างไร้หัวสั่นสักพักก่อนล้มลง
ทุกคนตกตะตึง
ทุกคนมองร่างไร้หัวของโวซูมี้ดและไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
โวซูมี้ด..ตายแล้ว?
ตายทั้งอย่างนั้น?
ดวงตาของวูลิสแทบถลน
ไม่ถูกต้อง..ข้ายังไม่ได้ใช้อาวุธเทพ..
จากนั้นทุกคนก็คิดถึงทิศทางที่บอลแสงยิงออกมาพวกเขาหันหัวไปมองกลุ่มหานเซี่ยว ผู้วิเศษของจุดรวมตัวต่างถอยห่าง
“ภารกิจลุล่วง.”จากนั้นหานเซี่ยวก็ลดฝ่ามือและเปิดหน้าต่างสถานะด้วยความพึงพอใจ
ไม่นานมานี้ภารกิจได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายและหานเซี่ยวก็ระเบิดหัวโวซูมี้ดโดยไม่ลังเล แม้เขาจะทำเหมือนทรงพลังสุดขีด เขาก็แค่เกรดC ปืนใหญ่นัดเดียวพอจะระเบิดหัวเขา
ผู้วิเศษทั้งหมดมองกลุ่มหานเซี่ยวและก่อนจะได้ตอบสนอง การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น
ฮู่!
วินาทีที่โวซูมี้ดได้วิญญาณทั้งหมดก็เสียการควบคุมและพุ่งไปทุกทิศทางใส่สิ่งมีชีวิตรอบพวกมัน
ผู้วิเศษกว่าสองร้อยได้สติกลับและเตรียมเผชิญหน้า
ตอนนั้นเองทุกคนก็สามารถเห็นเฟย์ดินได้ชัด เขาแตะหน้าผากตัวเองและปล่อยแสงสีขาวไร้รูปร่างออกมาปกคลุม วิญญาณร้ายทั้งหมดที่ต้องแสงล้วนสลายหายไป
ในชั่วพริบตากองทัพวิญญาณรวมถึงราชาวิญญาณก็ถูกกำจัด
ครั้งนี้ทุกคนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นชัด ร่างพวกเขาหยั่งรากกับพื้น และอ้าปากค้าง
นี่..เป็นพลังแบบใดกัน?
โวซูมี้ดถูกสี่คนนี้ฆ่าจริงๆ?แค่พริบตา?
ปึก!
ไม้กายสิทธิ์ในมือวูลิสตกลงกับพื้นและปากเขาก็สั่น
เขาพยายามคาดการณ์ต่างๆเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเกิดแต่ไม่เคยคิดถึงสถานการณ์นี้
เขากลับกล้าคิดว่าทั้งสี่คนนี้อาจเป็นสายของศัตรู
ไม้กายสิทธิ์ขาวที่อยู่ในมือเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อสร้างมันแต่มันกลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
“ท่าน..ท่านเป็นใครกันแน่?”
วูลิสมองกลุ่มหานเซี่ยวด้วยตาแดงก่ำ
นี่ยังเป็นคำถามในใจทุกคน
โวซูมี้ดปกครองโลกผู้วิเศษมาห้าสิบปีและถูกฆ่าตายง่ายๆโดยผู้วิเศษสันโดษทั้งสี่
สิ่งนี้ทำให้ผู้วิเศษทุกคนรู้สึกเสียสูญ
วูลิสเป็นคนที่ได้รับผลกระทบมากสุดเขารู้สึกราวกับว่าการยืนหยัดตลอดห้าสิบปีเขาไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
หานเซี่ยวขมวดคิ้วและไม่ตอบเขากลับหันไปมองโทมาร์
โทมาร์ตื่นเต้นจนถึงจุดที่เกือบระเบิดตั้งแต่ต้นจนจบ ตาเขาจับจ้องกลุ่มหานเซี่ยวตลอด เมื่อเห็นหานเซี่ยวมองเขา โทมาร์ก็เข้าใจความหมาย
วินาทีถัดมาเขาก็ก้าวออกมาและพูดเสียงดัง
“ข้าไม่จำเป็นต้องปิดซ่อนอะไรอีก!ข้ารู้ตัวตนพวกเขามาตลอดพวกเขาคือเทพเจ้า เทพเจ้าที่แท้จริง!มีเพียงเทพถึงมีพลังเช่นนี้!”
เมื่อได้ยินทุกคนก็ตกตะลึง
ทะ-เทพเจ้า?
คำตอบนี้หลุดไปจากจินตนาการพวกเขา
ทุกคนรู้สึกราวกับมุมมองโลกพวกเขาถูกยกขึ้นก่อนจับกระแทกพื้น

The Legendary Mechanic

The Legendary Mechanic

Status: Ongoing

คุณจะทำยังไงเมื่อคุณตื่นขึ้นและพบว่าคุณอยู่ภายในเกมที่คุณรัก? คุณจะทำยังไงเมื่อคุณตระหนักว่าคุณไม่ใช่แค่กลายเป็นNPC-แต่กลับถูกส่งย้อนเวลามาก่อนเกมเปิดตัว! จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความเป็นจริงทั้งสองของตัวเอกเรามาบรรจบกัน? หาน เซี่ยวคือผู้เล่นชั้นนำก่อนเขาถูกส่งเข้ามาในเกม โดยใช้ความรู้ของชีวิตในอดีต หาน เซี่ยวได้กวาดผ่านจักรวาลขณะรอคอยให้เหล่าผู้เล่นมาถึง นี่ไม่ใช่นิยายข้ามโลกทั่วไปของพวกคุณ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท