The Legendary Mechanic – ตอนที่ 1242 การผจญภัยของโซโรคิน 3

ตอนที่ 1242 การผจญภัยของโซโรคิน 3

  เมื่อเห็นทุกคนหยุดโจมตีเขา ในที่สุดโซโรคินก็ถอนหายใจโล่งอก ร่างของเขาเต็มไปด้วยยบากแผล

  แม้ระยะเวลาต่อสู้จะไม่ยาว ความแตกต่างด้านพลังก็มากเกิน เขาถูกบดขยี้ด้วยคนนับสิบพร้อมกันและบาดเจ็บหนัก ผู้อยู่เหนือธรรมดาคงจบไปนานแล้ว

  โชคดี เขามีความเข้าใจและพบจุดอ่อนของเทพอำนวย แต่แค่รู้จุดอ่อนยังไม่พอ เขาต้องสามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์ และก็มีคนน้อยมากในจักรวาลที่ทำได้ โซโรคินคือหนึ่งในนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขามีร่างจิตมากแค่ไหนและซ่อนอยู่ไหน

  แถม พวกเขาไม่แน่ใจว่าโซโรคินจะใช้วิธีใดเพื่อแกล้งตาย พวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น

  ครั้งนี้ โซโรคินทนความเจ็บปวดทั่วตัว ระงับความรำคาญและยิ้ม   อะแฮ่ม อะแฮ่มเห็นไหม แบบนี้ดีกว่ามาก เรารู้จักกัน เราควรใช้วิธ๊สันติเพื่อแก้ความเข้าใจผิดของเรา ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงเลย 

  ผู้รักษาสัจจะลอยในอวกาศ แกจะทำอะไร? 

  ความคิดของโซโรคินหมุน เราสามารถทำงานร่วมกันด้วย 

   ร่วมมือกัน? ผู้รักษาสัจจะสำรวจโซโรคิน

   ถูกต้อง เราล้วนมาจากยุคเก่า ความขัดแย้งที่เรามีในอดีตหายไปตามกาลเวลา ตอนนี้เราไม่ใช่ศัตรู วันนี้แค่เรื่องเข้าใจผิด เป้าหมายของฉันคือไฟวิญญาณ แต่ฉันดันพบความลับพวกนาย ปัญหาใหญ่สุดระหว่างเราคือพวกนายไม่เชื่อใจฉัน นายกังวลว่าฉัน คนนอกจะรั่วไหลข้อมูล ดังนั้นจึงอยากจับฉัน.. 

  โซโรคินสงบลง ใช้ปากวิเศษที่ได้รับการฝึกฝนจากประสบการณ์ทางธุรกิจตลอดหลายปีและเริ่มเจรจา  เขาสังเกตสีหน้าทุกคน หยุดชั่วคราวก่อนพุดต่อ แต่ทว่า พวกนายไม่สามารถหยุดฉันจากการรั่วไหลข้อมูลพวกนายได้ และฉันก็กังวลเช่นกันว่าพวกนายอาจทำอะไรกับฉัน เราทั้งสองต่างมีความกังวล ดังนั้น การร่วมมือกันจึงดีสุด ถ้าเราสามารถตกลงกันได้อย่างสันติ เราสามารถเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์บานปลายได้ 

   นายอยากร่วมมือกันยังไง? ผู้รักษาสัจจะหรี่ตา

  โซโรคินยิ้ม ง่ายมกา พวกนายกังวลว่าฉันจะรั่วไหลความลับ ดังนั้นจึงไม่ไว้ใจฉันพอให้ออกไปข้างนอก ดังนั้น นายอาจปล่อยให้ฉันเข้าร่วมเทพอำนวยและทำให้ฉันเป็นหนึ่งในพวกนาย งั้น ปัญหาก็หมดไปแล้ว 

  ความคิดหลักเขาเรียบง่าย ถ้าเขาเอาชนะไม่ได้ ก็เข้าร่วมซะ!

  นี่ไม่ใช่แค่แผนชั่วคราวเพื่อช่วยชีวิตเขาแต่ยังเป็นแผนการที่คิดอย่างรอบคอบ แม้สิ่งที่เขาประสบครั้งนี้จะคุกคามชีวิตเขา เมื่อเขาคิดถึงมัน มันอาจเป็นโอกาสที่เหลือเชื่อมากในการสำรวจความลับของจักรวาล

  เขาวางแผนละทิ้งตัวตนของโซโรคินและวางแผนไปมิติที่สองอยู่แล้วและเกษียณตัวสักพัก แต่ทว่า จากมุมมองตอนนี้ องค์กรเทพอำนวยอาจเป็นสถานที่ที่ดีกว่า ไม่เพียงจะมีกลุ่มคนคุ้นหน้า แต่พวกเขาดูเหมือนจะมีแผนใหญ่ แถม ถ้าเขาอยู่ที่นี่ เขาสามารถโน้มน้าวโลกภายนอกได้ว่าเขาฟื้นคืนชีพมา

  หลังตกใจอยู่ครั้งแรก โซโรคินก็เกิดความสนใจในวิหาร อีกเป้าหมายของเขาคือลดจำนวนผู้อยู่เหนือในจักรวาล ตอนนี้ ที่เขาตระหนักว่าผู้อยู่เหนือสามารถคืนชีพได้ เขาจึงกินนอนไม่ได้ก่อนจะรู้ว่ามันทำงานยังไง

  ในขณะเดียวกัน โซโรคินก็รู้สึกขมขื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เดิม เขาคิดว่าบรรพชนส่วนใหญ่หายตัวไปและเขาคือคนเดียวที่ยังมีชีวิตจนถึงตอนนี้ แม้เขาจะไม่เคยพูด แต่จริงๆแล้วเขามีความรู้สึกเหนือกว่าในใจ คิดว่าเขาเป็นคนเดียวที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายในหมู่บรรพชน

  แต่ทว่า ตอนนี้ที่เขาเห็นบรรพชนกลุ่มใหญ่ยังมีชีวิต ความรู้สึกเหนือกว่าก็พลันหายไป เขารู้สึกขมขื่น นั่นโดยเฉพาะตอนเขานึกถึงวิธีซ่อนตัวตนของตัวเองและใช้ชีวิตอย่างระวังมาตลอดหลายปี เขาอดรู้สึกอิจฉาคนเหล่านี้ไม่ได้ ซึ่งทำให้เขาสนใจวิหารมากขึ้น

   นายอยากเข้าร่วมเทพอำนวย? 

  คนอื่นแปลกใจ สีหน้าพวกเขากลายเป็นแปลก

  นายไม่ได้มีส่วนร่วมอะไร แต่ยังอยากกัดกินผลแห่งชัยชนะของเรา?

  ทะเยอทะยานมาก?

  หลังผ่านมาหลายปี จักรพรรดิวิญญาณผู้เย็นชาและทรงพลังในความทรงจำพวกเขากลายเป็นแบบนี้ได้ไง?

  ผู้รักษาสัจจะขมวดคิ้วและไตร่ตรองเงียบๆ มันดูเหมือนเขากำลังลำบากใจ  เมื่อเห็น โซโรคินก็พูดเสริม พูดตรงๆ ฉันกำลังวางแผนเกษียณ ถ้าเทพอำนวยเต็มใจยอมรับฉัน ฉันคงไม่กลับไปมือเปล่า พวกนายควรรู้ว่าฉันคือหัวหน้ากลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัด ฉันสามารถนำเงินทุนจำนวนมากให้เทพอำนวยได้ นายจะต้องการเงินอยู่แล้วไม่ว่าจะวางแผนทำอะไร ถูกไหม? 

  เขาหมายตาความลับการคืนชีพผ่านวิหาร ดังนั้นเขาจึงเต็มใจจ่ายราคาสูงเพื่อเข้าร่วมเทพอำนวย

  เมื่อได้ยิน ผู้รักษาสัจจะก็พูด ความเสี่ยงการปล่อยให้คนนอกเข้าร่วมกับเราควบคุมไม่ได้ นายปิดซ่อนพลังได้ดี และเราก็ไม่รู้เกี่ยวกับนายมาก มันยากที่เราจะไว้ใจนาย 

   ฉันเข้าใจความกงัวลของนาย แต่ฉันจริงใจ สำหรับสิ่งที่นายพูดว่าฉันเป็นคนนอก ฉันไม่คิดแบบนั้น โซโรคินยิ้ม เรารู้จักกันระดับหนึ่ง เราไม่ขาดความไว้วางใจกัน 

  บีเกอร์ส่ายหัว ไม่ เราไม่เคยกินดื่มด้วยกันและไม่ได้สนิทกัน    บัดซบ!ก็แกไงที่’กินดื่ม’กับฉันจนตาย!

  โซโรคินอยากด่าแต่ก็ยังยิ้ม

  ผู้รักษาสัจจะพูด เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว นายต้องเปลี่ยนตัวตนมามากกว่าครั้ง เราจะรู้ได้ไงว่านายเปลี่ยนไปมากแค่ไหน? 

  เมื่อได้ยิน โซโรคินก็เงียบ ซึ่งหาได้ยาก จากนั้นเขาก็ส่ายหัว ทุกคนมีความลับ ไม่ว่าฉันจะประสบอะไรในอดีต ฉันก็เป็นโซโรคิน 

  เขาไม่อยากเปิดเผยข้อมูลของตัวตนอื่น ตัวตนของจักรพรรดิวิญญาณและโซโรคินยังถือว่าสะอาด แต่เขาก็ทำเรื่องสกปรกมากมาย ถ้าเขาแบ่งปันข้อมูลนี้ มันจะกลายเป็นสิ่งแตกต่าง ดังนั้น เขาจึงปฏิเสธที่จะบอกว่าเขาเคยใช้ตัวตนอะไรมาก่อน แสดงความหนักแน่นในระดับที่เหมาะสม เตือนฝ่ายตรงข้ามว่าตำแหน่งพวกเขาเท่าเทียมกันในการเจรจานี้

  ผู้รักษาสัจจะคิด เปลี่ยนคำถามและถาม วางเรื่องนี้ไว้ก่อน ขอฉันถาม นายบอกว่านายสามารถสัมผัสได้ถึงไฟวิญญาณ แต่นายต้องไม่ได้ทำมาหลายปี ทำไมจู่ๆถึงพยายามหามัน?เราไม่เชื่อในสิ่งที่นายพูดถ้านายไม่อธิบาย 

  โซโรคินลังเลสักพัก จริงๆแล้ว ฉันเจอศัตรูที่แข็งแกร่งมาก เพื่อสู้กับเขา ฉันต้องรับเอาไฟวิญญาณและเพิ่มพลังฉันให้มากที่สุด 

   ใครกัน? 

   แบล็คสตาร์!’

  ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น หัวใจของทุกคนก็สั่นไหว แต่พวกเขารีบควบคุมสีหน้าและไม่เปิดเผย

  ผู้รักษาสัจจะระงับความตกใจเช่นกัน แสร้งทำเป็นสับสน แบล็คสตาร์?ฉันรู้จักเขา เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะแข็งแกร่งสุดในจักรวาลแล้ว ว่ากันว่าพลังเต็มที่ของเขายากจะหยั่งถึง นายไปมีปัญหากับเขาได้ไง? 

  เมื่อหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าของโซโรคินก็ไม่สู้ดี

   เขารู้ตัวตนฉันและมาแบล็กเมล์ฉัน ฉันตัดสินใจไม่สร้างเรื่อง ยอมรับคำขอเขาและเป็นพันธมิตรกับเขาในด้านธุรกิจแบบขาดทุน หวังว่าจะเติมเต็มความอยากของเขาได้ แต่ไอระยำนั่นทำมากเกินไป เขาเอาเงินฉันไปและยังอยากเปิดโปงตัวตนฉัน วางแผนร้ายกับฉันลับหลัง ถ้าฉันไม่สั่งสอนเขา เขาคงคิดว่าฉันรังแกได้ง่ายๆ! 

  ครั้งนี้ ความโกรธของโซโรคินไม่ใช่ของปลอมแต่เป็นอารมณ์จริง มันราวกับเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกับแบล็คสตาร์ได้และจะคว้าโอกาสฆ่าแบล็คสตาร์

   งั้นนี่ก็คือสาเหตุที่นายอยากละทิ้งตัวตนปัจจุบันและเกษียณ? เมื่อเห็นสีหน้าจริงใจของโซโรคิน ผู้รักษาสัจจะก็ไตร่ตรอง

   ถูกต้อง ฉันไม่อยากให้สามอารยธรรมจักรวาลสนใจฉัน เขาบีบบังคับให้ฉันละทิ้งองค์กรที่ฉันสร้างมานาน โซโรคินพูดด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง

  ความเป็นศัตรูที่เขามีต่อหานเซี่ยวรุนแรงมาก ก่อนหน้านี้ เขายังคิดขู่จะรั่วไหลความลับของพวกเขาเพื่อให้เทพอำนวยช่วยเขาฆ่าแบล็คสตาร์ ด้วยพลังที่แข็งกแร่งเหนือความคาดหมาย เขาต้องจัดการแบล็คสตาร์ได้แน่

  แต่หลังคิดให้ดี เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้น เหนือสิ่งอื่นใด แบล็คสตาร์มีชุดราชาและไม่ติดกับ แถม การข่มขู่พวกเขาต้องทำให้เทพอำนวยไม่พอใจและพวกเขาอาจไม่ปล่อยให้เขาเข้าร่วม

  เทียบกับความลับของวิหาร การจัดการกับแบล็คสตาร์ไม่สำคัญเลย ดังนั้น โซโรคินจึงไม่อยากเสียโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับวิหารเพราะเรื่องเหล่านี้ นอกจากนี้ เขาได้เรียนรู้บทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้แล้วว่า เนื่องจากเขาเลือกเป็นคนขี้ขลาด เขาก็ควรจะเป็นคนขี้ขลาด!

  ดังนั้น โซโรคินจึงไม่อยากทำให้เรื่องซับซ้อน ด้วยความลับของเทพอำนวย เขาตัดสินใจละทิ้งแผนเล่นงานแบล็คสตาร์และเกษียณอย่างสันติ ยังงไงก็ตาม เขารู้สึกว่าเขาจะได้รัับโอกาสที่ดีกว่าในอนาคต  ผู้รักษาสัจจะหรี่ตาและพลันพูด ถ้านายเป็นเป้าของแบล็คสตาร์ ความเสี่ยงก็คงสูงเกินไป ถ้าเรารับนายเข้า แบล็คสตาร์อาจหาตำแหน่งเราเจอเข้าสักวันโดยการแกะรอยนาย ทำให้เราโดนเปิดโปงเหมือนวันนี้ 

  โซโรคินรีบพูด นั่นจะไม่เกิดขึ้น แบล็คสตาร์ไม่ได้แค้นฉันเป็นการส่วนตัว เขาแค่อยากได้เงินกับทรัพย์สินฉัน พวกนายไม่รู้ แต่ชายคนนั้นมีความโลภไร้สิ้นสุด เขาเผด็จการ ทะเยอทะยาน ปลิ้นปล้อน เจ้าเล่ห์และหน้าด้านเกินบรรยาย…เป้าหมายของเขาคือยึดทรัพย์สินของกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัด 

  บ้าจริง ถ้าไม่ใช่เพราะเราติดต่อกับแบล็คสตาร์มาก่อน เราอาจเชื่อคำพูดไร้สาระของแกไปแล้ว

  ..แต่แกพูดถูกเรื่องที่เขาหน้าด้าน

  ผู้รักษาสัจจะลอบกลอกตา ทำเป็ฯจริงจัง นั่นแค่การคาดเดาของนาย นายไม่สามารถรับรองได้ว่าแบล็คสตาร์จะไม่ทำอะไร ถ้านายอยากเข้าร่วมเทพอำนวย นายต้องแก้ปัญหานี้ก่อน 

  โซโรคินโมโห เขาได้วางแผนยกเลิกแผนนี้แล้ว แต่ด้วยความแปลกใจ เทพอำนวยกลับอยากบังคับเขาให้เล่นงานแบล็คสตาร์

  แต่ทว่า จากมุมมองเขา ความกังวลของอีกฝ่ายสมเหตุสมผล

   พูดตามตรง ฉันไม่มั่นใจว่าจะสู้แบล็คสตาร์ได้ เขาแข็งแกร่งเกินไป.. โซโรคินพูด

  ผู้รักษาสัจจะจ้องเขา อะไร นายกำลังขอให้เราช่วย?อย่าล้ำเส้น!ถ้านายคิดว่านายสามารถขู่เราได้แค่เพราะนายมีไพ่ในมือ เราก็จะกำจัดนายต่อให้จะโดนเปิดเผยความลับก็ตาม 

  เขาใช้ท่าทีแข็งกร้าวเพื่อให้โซโรคินไม่สงสัยว่าเทพอำนวยกับแบล็คสตาร์เชื่อมโยงกัน

   งั้นพวกนายอยากทำยังไง? โซโรคินถาม เขารู้สึกว่าเนื่องจากอีกฝ่ายพูดมากขนาดนี้ ก็ไม่มีทางที่เขาจะยังคิดใช้วิธีรุนแรง  ผู้รักษาสัจจะหรี่ตา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ยังไงก็ตาม นายไม่สามารถไปได้แล้ว เราจะเก็บร่างจริงนายไว้ในสายตา แต่เราจะไม่ทำอะไรนาย นี่แค่มาตรการเพื่อป้องกันนายจากการรั่วไหลความลับ สำหรับคำขอเข้าร่วมเทพอำนวย..เราจะพิจารณามัน 

  สมาชิกคนอื่นเข้าใจเจตนาของผู้รักษาสัจจะ พวกเขามีอารมณ์หลากหลาย

   อะไร เราจะรับเขาเข้ามาจริง? บีเกอร์แกล้งทำเป็นประหลาดใจ

   นั่นเป็นทางเลือกหนึ่ง ถ้าไม่ เราจะปล่อยให้เขารั่วไหลข้อมูลหรือไง? ผู้รักษาสัจจะเหลือบมอง จากนั้นก็ตรวจดูสีหน้าทุกคน ลอบส่งสัญญาณให้พวกเขา จากนั้นก็หันกลับไปหาโซโรคิน นี่คือเงื่อนไขฉัน ถ้านายไม่ยอมรับ ก้ไม่มีอะไรให้คุยกันอีก 

  โซโรคินพิจารณาสักพักและตระหนักว่าเขาไม่มีทางเลือกมากนัก นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีแล้ว ดังนั้นเขาจึงหายใจออกและพยักหน้าช้าๆ   ตกลง ฉันเห็นด้วยกับเงื่อนไขของนาย ฉันเต็มใจอยู่ภายใต้การควบคุมชั่วคราว แต่พวกนายไม่สามารถลอบวางผนึกพลังงานวิญญาณได้ แม้นั่นจะไม่ได้ผลกับฉันมากนักก็ตาม ถ้าพวกนายทำมัน ฉันจะถือว่าพวกนายไม่มีความจริงใจ และฉันจะถือว่าข้อตกลงเราเป็นโมฆะ ฉันจะให้ร่างอื่นของฉันปล่อยข้อมูลทันที 

   ตกลง ผู้รักษาสัจจะพยักหน้า

  ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันได้

  คนเข้าหาโซโรคินและพาเขาไปกองยานเทพอำนวย วางแผนจับตาดูชายคนนี้ทุกวินาทีในฐานะความบันเทิงใหม่นอกจากการเล่นไพ่

  โซโรคินเชื่อฟัง เขาเช็ดเหงื่อเย็น รู้สึกว่าประสบการณ์นี้เหมือนฝัน

   โชคดี ฉันเชื่อมั่นมากพอจะได้รับโอกาส.. 

  หลังคนอื่นไป ผู้รักษาสัจจะก็โล่งใจเช่นกัน เขายังวางแผนให้โซโรคินมั่นคงก่อน  จริงๆแล้ว สำหรับผู้รักษาสัจจะ ถ้าโซโรคินจริงใจเกี่ยวกับการเข้าร่วมจริง การพาเขาเข้าก็ไม่ใช่ปัญหา พวกเขาไม่มีอะไรต่อกัน แถม พวกเขายังเป็นคนรุ่นเดียวกันและมีหัวข้อร่วมกัน มันยังป้องกันโซโรคินจากการรั่วไหลความลับพวกเขา

  เทพอำนวยไม่ใช่องค์กรในเครือของใคร ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรายงานต่อแบล็คสตาร์ตอนพวกเขารับสมาชิกใหม่ แต่ทว่า ผู้รักษาสัจจะรู้สึกว่ามันดีกว่าที่จะบอกแบล็คสตาร์

  เหนือสิ่งอื่นใด โซโรคินกับแบล็คสตาร์มีความขัดแย้งกัน และผู้รักษาสัจจะก็เลือกข้างแบล็คสตาร์กว่า สำหรับเขา กองทัพแบล็คสตาร์สำคัญสุด

  เมื่อคิดได้ ผู้รักษาสัจจะก็หลับตาและแอบใช้ร่างจิตเพื่อติดต่อหานเซี่ยว

  …

  ร่างจำแลงของผู้รักษาสัจจะปรากฏในห้องของหานเซี่ยว เห็นชายคนหนึ่งจัดการกับกองเอกสารอยู่  เมื่อเห็นการมาของผู้รักษาสัจจะ หานเซี่ยวก็แหงนมองและยิ้ม

   โอ้ ว่าไง 

  แต่ผู้รักษาสัจจะไม่คิดคุยเล่น เขาตรงเข้าประเด็น แบล็คสตาร์ มีสถานการณ์ฉุกเฉินเกินขึ้นและฉันรู้สึกว่าต้องบอกนาย นี่อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแผนเรา 

   งั้นก็บอกฉันมา ฉันไม่ได้ปิดปากนาย หานเซี่ยวพูดติดตลก

   ก่อนหน้านี้ โซโรคินเจอเรา.. 

  ผู้รักษาสัจจะบรรยายทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่พลาดอะไรไป

   ว่าไงนะ?ฉันคิดว่าโชคของฉันขยะแล้ว พวกนายกลับไม่ได้ดีไปกว่า 

  หานเซี่ยวหัวเราะ เขาไม่คิดว่าโซโรคินจะกล้าบุกเข้าบ้านพักคนชรา

   นายยังหัวเราะได้อีก! ผู้รักษาสัจจะรำคาญ นายคิดว่าเราควรทำยังไง?ถ้านายไม่มีข้อเสนอ ฉันจะรับเขาเข้าเทพอำนวยจริงๆ! 

   ใจเย็นๆสิ นี่แก้ได้ง่ายจะตายไป หานเซี่ยวโบกมือ

   นายมีควาามคิด? 

   นายเข้าใจสถานการณ์ผิด ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ หานเซี่ยวลูบคาง นายกังวลว่าเขาจะปล่อยข้อมูลของนาย แต่เขาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของฉันกับพวกนาย ดังนั้น ในสายตาเขา การกำข้อมูลพวกนายคือภัยคุกคามเดียวต่อองค์กรเทพอำนวย ไม่ใช่ฉัน ถ้านายคิดถึงมันจากมุมมองอื่น นายจะรู้ว่านี่เป็นข่าวดีสำหรับฉัน 

   นายกำลังบอกว่า… 

   ฉันไม่เคยมีโอกาสลอบโจมตีเขา แต่ตอนนี้ พวกนายช่วยฉันดักจับเหยื่อและยังสร้างพื้นที่ประหารให้ทางอ้อม นอกจากนี้ โซโรคินยังไม่รู้ว่าไพ่ที่เขามีนั้นส่งผลกับฉันด้วย เพียงแค่เราจัดการแสดง ปัญหาก็จะได้รับการแก้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราดำรงอยู่    หานเซี่ยวยิ้ม ตราแห่งโลกใต้พิภพบนหลังมือเขาส่องแสงเล็กน้อย

   เขาไม่รอดแน่ 

 

The Legendary Mechanic

The Legendary Mechanic

Status: Ongoing

คุณจะทำยังไงเมื่อคุณตื่นขึ้นและพบว่าคุณอยู่ภายในเกมที่คุณรัก? คุณจะทำยังไงเมื่อคุณตระหนักว่าคุณไม่ใช่แค่กลายเป็นNPC-แต่กลับถูกส่งย้อนเวลามาก่อนเกมเปิดตัว! จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความเป็นจริงทั้งสองของตัวเอกเรามาบรรจบกัน? หาน เซี่ยวคือผู้เล่นชั้นนำก่อนเขาถูกส่งเข้ามาในเกม โดยใช้ความรู้ของชีวิตในอดีต หาน เซี่ยวได้กวาดผ่านจักรวาลขณะรอคอยให้เหล่าผู้เล่นมาถึง นี่ไม่ใช่นิยายข้ามโลกทั่วไปของพวกคุณ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท