มังกรเลือดม่วงที่โกรธเกรี้ยวล้อมรอบซูผิงในขณะที่มังกรสายพันธุ์อื่นยังคงพูดคุยกันต่อไป
โฮ่กกก!
มังกรเลือดม่วงที่ยืนอยู่ใกล้กับซูผิงมากที่สุดรีบวิ่งเข้ามาหาเขา
ซูผิงขมวดคิ้ว เขายกหมัดขึ้นและเทพลังดวงดาวไว้ที่แขนของเขา หมัดขับไล่วิญญาณพุ่งออกไปพร้อมแสงสีทอง
ตูม !!
อากาศเป็นชั้นๆ พื้นที่สีเทาเข้มปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงดัง และพลังงานถูกดูดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
มังกรเลือดม่วงที่พุ่งเข้าหาซูผิงถูกผลักออกไปตามแรงกระแทก พวกมันไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะซูผิงรั้งหมัดของเขาเอาไว้
“ เก็บแรงไว้เถอะ ฉันไม่ใช่ศัตรูของแก” ซูผิงประกาศ
มังกรต่างก็ตกใจเพราะแรงหมัดนั่น
“ เขาสามารถบดขยี้ความว่างเปล่าได้! เขาอยู่ในระดับมังกรสวรรค์หรอ?”
“ เป็นไปได้ยังไง? เขาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่น่าสมเพช!”
“ เขาอ่อนแอ และเห็นได้ชัดว่า…”
มังกรพูดคุยกันด้วยความประหลาดใจ
มังกรที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมังกรสวรรค์เป็นนักล่าระดับแนวหน้าในโลกแห่งมังกร
“ อืมถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะปล่อยพฤติกรรมของมันไปได้ สิ่งมีชีวิตที่น่าสมเพชอย่างแกจะมาต้องการต้นกำเนิดของมังกรของเราได้ยังไง? เตรียมตัวตายซะเถอะ!”
มังกรเลือดม่วงตัวใหญ่ก้าวข้ามางหน้าและก้มมองซูผิงจากที่สูงอย่างเย็นชา พลังงานที่ไหลเวียนรอบตัวมังกรทำให้เกิดรอยสีเทารอบ ๆ ตัวมัน รอยเหล่านั้นขยายออกไปเหมือนหนวดจำนวนมาก ตัดอากาศ มังกรสามารถควบคุมอากาศได้เพียงแค่ปล่อยพลังงานออกมา ซึ่งทำให้มังกรตัวอื่น ๆ ทั้งหมดประหลาดใจ
“ไปลงนรกซะ!”
มังกรไม่ได้ทำอะไรนอกจากยกกรงเล็บของมัน แต่อากาศก็ถูกบดขยี้ ในระหว่างนั้นพลังที่น่าตกใจก็พุ่งออกมาจากความว่างเปล่า
ซูผิงสังเกต แม้ว่าเขาจะตรวจไม่พบพลังงานใด ๆ แต่ประสบการณ์อันยาวนานที่เขาได้รับจากการต่อสู้ก็บอกเขาว่าอันตรายกำลังจะมาถึง ซูผิงหายไปจากจุดนั้นและโผล่ขึ้นมาอีกทีห่างออกไปหลายร้อยเมตร วินาทีต่อมาจุดที่เขาเคยอยู่ก็ถูกฉีกออกด้วยกรงเล็บของมังกร
ภาพพร่ามัวไม่ใช่สิ่งเดียวที่ถูกบดขยี้ พื้นที่รอบ ๆ ภาพพร่ามัวก็พังทลายลงเช่นกัน
มังกรไม่พอใจที่ซูผิงสามารถหลบการโจมตีของมันได้ มังกรปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างดุเดือด ฝ่ามือสีเขียวเข้มถูกสร้างขึ้น นั่นไม่ใช่มือมังกร แต่เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณบางชนิด ฝ่ามือนั้นสูงกว่าร้อยเมตรซึ่งหายไปในความว่างเปล่า
ทันใดนั้นซูผิงรู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเขาถูกแช่แข็ง ราวกับว่าอากาศกลายเป็นปูน เขาถูกตรึงในจุดนั้น
ในเวลาเดียวกันความว่างเปล่ารอบตัวเขาแตก และมือใหญ่ที่หายไปก็โผล่ออกมาอีกครั้ง และเขาก็อยู่ตรงกลางฝ่ามือนั่น
นิ้วบีบพยายามที่จะบดขยี้ซูผิงให้ตาย
ซูผิงปลดปล่อยพลังดวงดาวของเขา สนามพลังปรากฏอยู่ข้างหลังและมีปีศาจและอสูรมากมายอยู่ข้างใน ทันใดนั้นปีศาจสองตัวก็หลุดพ้นจากพันธนาการที่ไม่อาจบรรยายได้ พุ่งเข้าหาซูผิงและจับไหล่ของเขาเพื่อดึงตัวเขาออกมา
ด้วยความช่วยเหลือของปีศาจทั้งสอง แสงสีแดงในดวงตาของซูผิงก็เปล่งประกายเจิดจ้า เขาแข็งแกร่งขึ้น ซูผิงตะโกนและดีดตัวออกจากฝ่ามือ และพุ่งเข้าใส่มังกรเลือดม่วง “ รับไป !!” ซูผิงตะโกน
ตูม !!
แสงจากหมัดนั้นส่องประกายราวกับดวงอาทิตย์
มังกรเลือดม่วงผงะ หมัดของซูผิงเร็วและโหดเหี้ยมเกินไปจนทำให้มิติพังทลาย มังกรไม่คิดว่าเขาจะหลุดออกมาได้
ถึงกระนั้นมังกรก็ยกแขนขาของมันขึ้นมาตามสัญชาตญาณ พร้อมที่จะใช้ทักษะป้องกันทางสายเลือด เกิดเสียงดังสั่นสะเทือนบนภูเขา
ฝุ่นฟุ้งกระจายทำให้ทุกคนมองไม่เห็นอะไร และฝุ่นก็ปลิวหายไปกับสายลม
ซูผิงพยายามหายใจขณะที่ลอยอยู่ในอากาศ ตรงหน้าของเขาคือมังกรเลือดม่วงซึ่งยังไร้รอยขีดข่วน แต่มีหลุมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายร้อยเมตรอยู่ข้างๆมังกร
“ ฉันมาที่นี่เพื่อต้นกำเนิดของมังกรไม่ใช่เพื่อเป็นศัตรูกับแก” ซูผิงพูดพร้อมกับหอบ อีกครั้งเขาได้แสดงความเมตตา มังกรเลือดม่วงงุนงง หลุมถัดจากมันนั้นน่ากลัวมาก
มังกรตัวใหญ่เดินถอยหลังไปสองสามก้าว ซูผิงกำลังจะเริ่มการเจรจาที่เขาคิดเอาไว้แล้ว แต่เขาได้ยินเสียงมังกรเลือดม่วงกรีดร้อง“ จัดค่ายกลรบ ฆ่ามัน!” “ ฆ่ามัน !!” มังกรเลือดม่วงตัวอื่น ๆ ทั้งหมดกรีดร้องแสดงความเห็นด้วย
มังกรเลือดม่วงเริ่มปลดปล่อยกลิ่นอายม่วงบางอย่างที่เชื่อมต่อกันเพื่อสร้างรูปแบบโบราณ
มังกรที่สามารถสร้างกลิ่นอายม่วงได้ลึกซึ้งที่สุดคือตัวที่โจมตีซูผิง มังกรอยู่ที่ศูนย์กลางของค่ายกลรบ และได้รับโมเมนตัมมากกว่าเดิม “ แกถามหาต้นกำเนิดของของมังกรหรอ? กล้าดียังไง?!
“ไปลงนรกซะ!!” มังกรเลือดม่วงตัวนั้นตะโกน กลิ่นอายม่วงทั้งหมดหลั่งไหลมาที่มังกรซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนมีความสูงเกือบห้าร้อยเมตร มังกรสะบัดกรงเล็บ ขณะที่พลังงานรวมตัวกันที่หน้าอกของมัน ฝ่ามือม่วงเข้มนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้แม้แต่ปลายแขนก็มองเห็นได้ ลวดลายลึกลับบางอย่างถูกสลักไว้ที่ปลายแขน
ฝ่ามือนั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งพอที่จะโค่นล้มท้องฟ้า มันกำลังกดดันซูผิง
ซูผิงพูดไม่ออก
เขารั้งหมัดของเขาไว้ถึงสองครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขามีโอกาสเจรจาอย่างสันติ
ซูผิงกำหมัดแน่นขณะจ้องไปที่ฝ่ามืออันยิ่งใหญ่ที่กดกันเขา เขาเข้าใจว่าการเจรจาเป็นไปไม่ได้ ทางออกเดียวคือ…เปลี่ยนไปใช้ความรุนแรง! เขาจะใช้ความรุนแรงจนมังกรยอมคุกเข่าต่อหน้าเขา !!
“อา…!”
ซูผิงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ตะโกน เผาผลาญเลือดของเขาเพื่อปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้านหลังเขาปีศาจตัวที่สามปีนออกมาจากสนามพลัง
ตูม!
ปีศาจได้เพิ่มพลังงานให้กับซูผิงมากยิ่งขึ้น เขาตะโกนขณะพุ่งเข้าหาฝ่ามือนั่น
ตูม !!
ฝ่ามือนั้นกดลงมาบดขยี้ซูผิง
แต่ซูผิงกลับพุ่งเข้าหาฝ่ามือนั้น
แสงสีทองรวมกัน หมอขับไล่วิญญาณกระแทกเข้ากับฝ่ามือ ฝ่ามือนั้นก็แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ฝ่ามือจะถูกชะลอลงโดยหมัดขับไล่วิญญาณ ฝ่ามือก็ยังกดลงมา มิติจะหยุดนิ่งทุกที่ที่ฝ่ามือผ่านไป ซูผิงรู้สึกว่าพลังงานของเขากำลังหมดไป แม้ความรู้สึกนั้นจะเบาบาง เขาก็รู้สึกได้ว่าเวลานั้นกำลังถูกปล้น
นั่นคือทักษะระดับดวงดาว!
ตูม!
ซูผิงกระแทกตัวเองเข้ากับฝ่ามือ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างกายของเขาถูกบดขยี้และถูกลดขนาดลงเป็นหมอกเลือด โครงกระดูกน้อยที่เขาผสานก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สิ่งที่แตกต่างคือโครงกระดูกน้อยรอดชีวิตมาได้ มันถูกสร้างขึ้นใหม่ในความว่างเปล่า
แต่ในเวลาเดียวกันซูผิงก็โผล่ออกมาอีกครั้งเช่นกัน
ซูผิงไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองฝ่ามือนั้น เขาเรียกโครงกระดูกน้อย ในขณะที่กระดูกสีขาวผสานกับเขา เขาก็สามารถเผาผลาญเลือดของเขาได้อีกครั้ง พลังงานพุ่งออกมาจากเขาราวกับไม่มีวันหมด
“ มาเลย !!!” ซูผิงร้องเสียงหลงขณะพุ่งเข้าหามังกรเลือดม่วง
รอยยิ้มพอใจถูกลบหายไปจากใบหน้าของมังกรเลือดม่วง เมื่อซูผิงปรากฏตัวในอากาศอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้มังกรตกใจมาก
มังกรที่เหลือต่างจ้องมองด้วยความสับสน เกล็ดที่สั่นบ่งบอกถึงความหวาดกลัวของพวกมัน
นั่นคือ…การเดินทางย้อนเวลา?
แต่ความสามารถในการจัดการกับเวลาเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตระดับดวงดาวเท่านั้นถึงสามารถควบคุมได้!
ตูม!
ซูผิงใช้ประโยชน์จากการตกตะลึงของมังกรเลือดม่วง ซูผิงไปถึงตัวมังกร ต่อยใส่จุดบอบบางระหว่างกรามกับคอมัน เกล็ดร่วงหล่น เผยให้เห็นแผลลึก