กองกำลังในพื้นที่ต่างประหลาดใจกับกลุ่มคนจำนวนมากที่กำลังเข้ามา พวกเขาทราบว่าตัวแทนแทนจากต่างเมืองอยู่ที่นั่นเพื่อถามเกี่ยวกับใครบาง
พวกเขามาเพื่อซูผิง! หลายคนที่อยู่นอกเมืองเคยได้ยินตอนเมืองฐานหลงเจียงถูกโจมตี และการปรากฏตัวของราชาสวรรค์ต่างโลกถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าการขอความช่วยเหลือของเมืองฐานช่วยให้ข้อมูลกระจายรวดเร็ว การป้องกันเมืองฐานหลงเจียงประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก กองกำลังภายนอกบางส่วนจึงถามและรวบรวมข้อมูล
ศูนย์กลางของข่าวทั้งหมดคือซูผิง
กองกำลังบางส่วนอย่างเช่นตระกูลถัง และองค์กรดวงดาวรับรู้ถึงซูผิงก่อนการโจมตี
ส่วนที่เหลือรู้ว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขา หากพูดอย่างนั้นมันจะขัดกับผลประโยชน์ของพวกเขา หากพวกเขาไม่รีบไปตีสนิทกับนักรบอสูรที่ลึกลับ แต่ทรงพลังคนนั้น
นอกร้านขายอสูรพิกซี่
หลายคนมาที่ร้านในช่วงสิบวันที่ซูผิงฝึกอสูรและปิดร้าน
หลายคนผิดหวังที่เห็นประตูปิด แต่ไม่มีใครกล้าก่อความวุ่นวาย พวกเขารอเงียบ ๆ ตามความเป็นจริงพวกเขาคิดว่านี่คือสิ่งที่นักรบอสูรในตำนานมักจะทำ
ณ วันนี้และยุคนี้ บุคคลที่ยอดเยี่ยมจะชอบปิดประตู และไม่ออกมาให้ผู้คนเห็น
พวกเขาจะไม่ถูกจับจ้อง หากพวกเขาทำแตกต่างออกไป!
ไม่มีใครสงสัยในความถูกต้องของข้อมูลเกี่ยวกับซูผิง เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดข่าวเกี่ยวกับการโจมตีของอสูรร้ายที่เมืองฐานหลงเจียง! ผู้คนจำนวนมากจากเมืองฐานอื่น ๆ ได้มาช่วยเมืองฐาน และพวกเขาได้เห็นด้านที่น่าอัศจรรย์ของหลงเจียง ซูผิงทำให้ราชาสวรรค์ถอยหนี ตระกูลหลักจากเมืองฐานมีราชาอสูร ข้อเท็จจริงเหล่านั้นเพียงพอที่จะทำให้ทั้งโลกตกตะลึง
ท้ายที่สุดหลงเจียงเป็นเพียงเมืองฐานคลาส B เท่านั้น!
จำนวนราชาอสูรร้ายที่พบในเมืองฐานนั้นน่าทึ่งมาก ด้วยราชาอสูรร้ายจำนวนมาก เมืองฐานหลงเจียงอาจมีคุณสมบัติเป็นเมืองฐานชั้นนำ!
แต่ความจริงก็ยังคงเป็นเมืองฐานคลาส B ช่างเป็นเมืองฐานที่เรียบง่าย
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่เห็นว่าหลงเจียงจัดตัวเองเป็นเมืองฐานคลาส B ทั้งๆที่สมควรเป็นคลาสAแล้วด้วยซ้ำ!
ผู้คนมากมายกำลังรอเขาอยู่ เขายังไม่เปิดร้าน และยังไม่กลับบ้าน เขากำลังทำอะไรอยู่? หลี่ฉิงรู่ยืนอยู่ข้างบ้าน และจ้องมองไปที่ร้านด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ต้องมีคนอย่างน้อยหลายร้อยคนรออยู่ข้างถนน แต่ก็เป็นเวลาสิบวันแล้วที่ซูผิงไม่กลับบ้านหรือเปิดร้าน หลี่ฉิงรู่รู้สึกกังวล
“ ลูกชายของเราโตแล้ว เขารู้ว่ากำลังทำอะไร ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเขา” ซูหยวนชานปลอบโยนภรรยาของเขา เขาก็สงสัยเช่นกัน
ซูหยวนชานส่ายหัว และลากภรรยากลับเข้าบ้าน
“ เราสองคนซึ่งเป็นคู่ตายายแก่ๆ ไม่ควรไปจุ้นจ้านเรื่องของลูกแล้วนะ”
“ คุณว่าฉันแก่แล้วเหรอ?”
“ ไม่”
“โกหก คุณโกหกต่อหน้าฉัน คุณเปลี่ยนไป”
ที่ร้านค้า
ในที่สุดซูผิงที่ใช้เวลาหนึ่งร้อยวันในสนามบ่มเพาะก็กลับมา
เขาดูแก่กว่าเมื่อสิบวันก่อนเล็กน้อย เสื้อผ้าของเขาก็เหมือนเศษผ้าขี้ริ้ว เขาเพิ่งกลับมาจากอาณาจักรธาตุ แม้ว่าบาดแผลของเขาจะได้รับการรักษาแล้ว แต่เขาก็อยู่ในสภาพที่น่าสังเวชหลังจากการต่อสู้ที่รุนแรง
“ ในที่สุดฉันก็ฝึกอสูรเสร็จ”
ซูผิงถอนหายใจ เขาฝึกฝนอสูรทั้งกลางวันและกลางคืน และใช้เวลาร้อยวันในสนามบ่มเพาะ การเปลี่ยนแปลงนั้นชัดเจนสำหรับเขา ไม่ใช่แค่อสูรที่ได้ผลประโยชน์จากการฝึกเท่านั้น เขาก็เช่นกัน
ในที่สุด…ฉันก็มาถึงระดับเก้า…
ซูผิงกำหมัดแน่น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย เขาอยู่ในระดับเก้าอย่างเป็นทางการ ซึ่งคือระดับกิตติมศักดิ์
เขามีพลังมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แม้แต่ราชาอสูรร้ายก็ยังด้อยกว่าเขา เขาสามารถฆ่าราชาอสูรร้ายทั่วไปที่สภาวะสมุทรได้ด้วยหมัดเดียวโดยใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพเท่านั้น สำหรับระดับกิตติมศักดิ์การจัดการกับพวกเขาจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเขา
เมื่อเขาใช้ดาบแห่งบาปที่ฝึกฝนมาอย่างดี ซูผิงยังสามารถต่อสู้กับราชาอสูรร้ายในสภาวะชะตากรรมได้ด้วยตัวเอง!
ฉันได้เรียนรู้กฎแห่งไฟด้วยตัวเอง…”
ซูผิงพลิกฝ่ามือขึ้น ลูกบอลไฟสีม่วงเริ่มกลิ้งไปมาอยู่ในมือของเขา เขาได้เรียนรู้กฎแห่งไฟเบื้องต้นตอนที่เขาฝึกฝนอยู่ในอาณาจักรแห่งไฟ!
การฝึกฝนของเขาในอาณาจักรแห่งสายฟ้าทำให้เขาเข้าใจกฎสายฟ้ามากขึ้น และเขาก็ใกล้จะถึงระดับต่อไป
นอกจากนี้เขาได้กินสมุนไพรแปลก ๆ บางอย่างโดยไม่ตั้งใจเมื่อเขาอยู่ในอาณาจักรมังกร ซึ่งในที่สุดความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก็เพิ่มขึ้น บวกกับกายแสงอาทิตย์ เขาสามารถต่อสู้กับราชาอสูรร้ายในสภาวะสมุทรได้โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งอื่นใดนอกจากความแข็งแกร่งของเขา!
พลังดวงดาวที่ลึกซึ้งถูกเก็บไว้ในแกนกลางเซลล์ของเขา กระแสน้ำวนค่อนข้างใหญ่และมั่นคง การทดสอบของสวรรค์ได้ช่วยในการชำระพลังดวงดาวของเขาให้บริสุทธิ์ เมื่อใดก็ตามที่เขาดูดซับพลังดวงดาวใหม่ พลังดวงดาวที่บริสุทธิ์ภายในตัวเขาจะกรองสิ่งสกปรกออกโดยอัตโนมัติ
แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับเก้า แต่ความแข็งแกร่งของพลังดวงดาวของเขาแทบจะเทียบได้กับสภาวะสมุทร!
ซูผิงมีความสุขมากกับการเดินทางของเขาในช่วงหนึ่งร้อยวันที่ผ่านมา
เขาดับลูกบอลไฟในฝ่ามือของเขา จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าถูกจ้องมอง โจแอนนากำลังจ้องมองเขา “มีอะไร?” เขาถาม
โจแอนนากลับมาได้สติ เธอส่ายหัว แต่มีความประหลาดใจในดวงตาของเธอ เธอไม่แน่ใจอีกต่อไปว่าจะสามารถเอาชนะซูผิงได้ไหมหากต่อสู้กัน ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเธอสามารถบอกได้ว่าเขาก้าวหน้าทุกครั้งที่กลับมาจากสนามบ่มเพาะ
ซูผิงเป็นผู้ชายที่แตกต่างจากเมื่อสิบวันก่อน
เธอรู้สึกประหลาดใจกับการที่เขาสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
“เธอรู้ไหมว่ามันผ่านมากี่วันแล้ว?” ซูผิงถาม เขาอุทิศตัวให้กับการฝึกฝนในสนามบ่มเพาะ และลืมเรื่องเวลาในความเป็นจริง
โจแอนนาตอบว่า“ นายไปสิบวันแล้ว”
“สิบวัน” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ เขาตระหนักว่าเขาไปเยี่ยมชมสนามบ่มเพาะมานานกว่าร้อยวัน
ถ้าเขาใช้เวลา 10 วันในการฝึกอสูร ที่ค่าเฉลี่ยเขาจะทำพลังงานได้เพียง 2.4 ล้านแต้มต่อวัน นั่นก็ไม่ได้ดีไปกว่าเมื่อก่อน เป็นเรื่องจริงที่เงินไม่ได้หาง่ายๆ ฉันทำแต้มพลังงานได้เพียง 2.4 ล้านแต้มต่อวัน แม้ว่าเหล่านักรบกิตติมศักดิ์จะใช้บริการที่แพงที่สุดก็ตาม การฝึกฝนมืออาชีพต้องใช้พลังงาน และเวลามากเกินไป ซูผิงคิด เขาตัดสินใจว่าจะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในการฝึกฝนมืออาชีพ แต่พูดง่ายกว่าทำ
ไม่ว่าเขาจะไปเยี่ยมชมสนามบ่มเพาะขั้นสูงหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เขาต้องหาสนามบ่มเพาะที่เหมาะสมที่สุด
ตามความเป็นจริงสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังจะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และการตายจะคงที่ในสนามบ่มเพาะที่ดีที่สุด นั่นอาจทำให้เสียเวลาเพราะจะไม่มีการฝึกที่เพียงพอ
อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ฉันดีใจที่ความก้าวหน้าส่วนตัวของฉัน ฉันเชื่อว่าฉันมีคุณสมบัติพอที่จะเลื่อนขั้นร้านค้าได้แล้ว ซูผิงครุ่นคิด
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าพ่อแม่ของเขาคงเป็นห่วงและไม่สบายใจแน่ ๆ ที่เขาหายไปเป็นสิบวัน
เขาออกจากห้องอสูร และทันทีที่เดินออกไป เขาก็เห็นถังยู่หรานและจงหลิงถงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา
หญิงสาวทั้งสองคนดูค่อนข้างยุ่ง ผมของพวกเธอมันเยิ้ม วิญญาณของพวกเขาดูเหมือนจะตกต่ำ
การเปิดห้องอสูรแจ้งเตือนสองสาว พวกเธอลุกขึ้นนั่งทันที และดีใจที่เห็นซูผิงออกมาจากห้องอสูร “ ในที่สุดนายก็ออกมาจากในนั้นซะที!”ถังยู่หรานบ่น
จงหลิงถงรีบเข้ามาทักทายซูผิง แต่เมื่อก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าว ซูผิงก็ทัก
“ กลิ่นอะไร? เธอไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้วใช่ไหมเนี่ย?” ซูผิงกล่าว
ถังยู่หรานกลอกตา
ใช่สิ่งที่ควรพูดหรือไง?เพราะแบบนี้ นายถึงไม่มีแฟนไง!
“ นายกล้าพูดได้ยังไง!”ถังยู่หรานพูดอย่างไม่พอใจ“ นายเข้าไปในห้องอสูร แต่ลืมทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเรา เราเปิดประตูไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามเปิดแค่ไหน เราคงอดตายแน่ถ้าไม่ใช่เพราะนายเก็บขนมและไอศครีมไว้ในร้าน!”
ซูผิงตระหนักว่าเขาทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง ถังยู่หรานและจงหลิงถงไม่ได้รับอนุญาตให้ควบคุมร้าน พวกเธอไม่ต่างจากคนนอกตามระบบ พวกเธอไม่สามารถเข้ามาในร้านหรือออกไปเองได้ “ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง” ซูผิงขอโทษ“ ไปอาบน้ำเถอะ ฉันจะซื้ออาหารมาเลี้ยงเป็นการขอโทษ”
“ ฮึ่ม” ถังยู่หรานกระทืบเท้า
“ อาจารย์” จงหลิงถงพูด ซูผิงลูบหัวของเธอ “ ฉันขอโทษที่เธอต้องมาลำบาก ฉันจะชดเชยให้เธอ”
ดวงตาของจงหลิงถงเป็นประกาย “ ยังไงคะ?”
“ ทำความสะอาดขยะที่เธอกองไว้ดีไหม?”
ซูผิงพูดติดตลก แต่เขาก็รู้สึกเสียใจจริง มันได้เวลาสอนทักษะการฝึกบางอย่างกับหญิงสาวแล้ว เขาวางแผนที่จะให้กฎแห่งไฟเบื้องต้นกับเธอ
ด้วยวิธีนี้เธอจะเปรียบได้กับผู้ฝึกสอนระดับเก้า เมื่อฝึกอสูรของตระกูลไฟ
เขาจะมอบความสามารถด้านทักษะว่องไวพื้นฐานให้กับเธอในอนาคต ไม่ใช่แค่นั้น ท้ายที่สุดคู่มือการตรัสรู้สามารถพัฒนาความฉลาดของอสูรได้ ผู้ฝึกสอนชั้นนำบางคนไม่มีทักษะนี้ด้วยซ้ำ นั่นคือไพ่ตายของเขา เขาจะสอนเธอเมื่อเขาเจอทักษะที่ดีกว่า
เมื่อซูผิงกลับมา ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ
ซูผิงเปิดประตูร้าน และกลุ่มฝุ่นก็ฟุ้งตามแสงแดด
เมื่อเขาก้าวออกจากประตูเขาสังเกตเห็นว่ามีผู้คนมากมายนั่งยองๆอยู่ข้างถนน และหลายคนเป็นนักรบอสูรขั้นสูง
มีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์หลายคนเช่นกัน
ด้วยความประหลาดใจ เขาสังเกตเห็นว่าทุกคนดูเหมือนจะไม่ใช่คนในท้องถิ่น