ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 528 เจอหนูสายฟ้าอีกครั้ง

ตอนที่ 528 เจอหนูสายฟ้าอีกครั้ง

ซูผิงรู้สึกสงสัย “ ปกติพ่อทำอะไรเมื่อออกทะเล”

“ งานของพ่อ…” ซูหยวนชาน ตอบด้วยรอยยิ้ม“ ในฐานะนักเดินเรือเราล่องเรือออกไปค้นหาวัตถุดิบหายากและเป็นที่ต้องการในทะเล ลูกคงรู้ใช่ไหมว่ามีรอยแยกมิติในดินแดนรกร้าง แต่ลูกอาจไม่รู้ว่าลูกสามารถพบรอยแยกเหล่านั้นในทะเลได้เช่นกัน แน่นอนว่าลูกจะไม่เห็นผู้คนมากมายต่อสู้กับสิ่งต่างๆในทะเลพร้อมกับอสูรป่ามากมายที่นั่น ใครก็ตามที่เจอวัตถุดิบจะเป็นเจ้าของโดยชอบธรรม

“ ลูกสามารถรวบรวมและหยิบอะไรก็ได้ที่เจอในรอยแยกมิติที่ในทะเล ตามธรรมชาติแล้วอาจเป็นอันตรายได้ ลูกอาจเจอราชาอสูรร้ายอยู่ในรอยแยกเหล่านั้น นั่นคือเวลาที่ผู้คนต้องการเรา ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ”

“ แล้วพ่อจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?”

“ เป็นงานที่ต้องทุ่มเทและใส่ใจเป็นพิเศษ เราอาจใช้อสูรบางตัวที่มีสัญญาชั่วคราว พวกเราชาวเรือจะเข้าไปเองถ้าไม่มีอสูร”

IIII

ซูผิงหมดคำจะพูด การสำรวจทะเลอาจถึงแก่ชีวิต แล้วคำว่าใส่ใจเป็นพิเศษหมายความว่าไง ซูหยวนชานเล่าต่อและแบ่งปันเรื่องราวของนักเดินเรือคนอื่น ๆ และอธิบายถึงรอยแยกมิติที่แปลกประหลาดที่สุดที่เขาเคยเห็น

ซูผิงฟังด้วยความสนใจ

พ่อของเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการผจญภัยของเขา แต่ซูผิงสามารถเข้าใจลักษณะที่น่ากลัวของงานได้ บางครั้งเขารู้สึกกลัวแทนพ่อของเขา

พวกเขาใกล้จะไม่มีเรื่องคุยต่อ ซูผิงก็ถามคำถาม “ จากสิ่งที่พ่อบอกผม ผมสามารถบอกได้ว่ายิ่งพ่อมีพลังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีขึ้นเมื่อเป็นนักเดินเรือ ทำไมผู้ชายทั่วไปจึงชอบทำงานในทะเลกัน?”

เหตุผลสำหรับคำถามนั้นคือซูผิงไม่สามารถตรวจพบสัญญาณของพลังดวงดาวที่มีจากพ่อของเขา ซึ่งเขาไม่ใช่นักรบอสูรต่อสู้ เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

“ สิ่งที่ลูกพูดไม่ใช่แค่กฎสำหรับนักเดินเรือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาชีพทั้งหมดด้วย อย่างไรก็ตามผู้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าจะไม่ต้องการเป็นนักเดินเรือ แล้วทำไมไม่เลือกที่จะหารายได้ง่ายๆบนดิน? เฉพาะคนที่ชีวิตมีค่าน้อยเท่านั้นที่จะรับงานเป็นลูกเรือ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องเป็นคนที่มีความกล้าที่จะทำงานนี้ด้วย” ซูหยวนชาน ตอบ

“ พวกเรามีลูกเรือหลายระดับ นักรบอสูรเป็นนักเดินเรือขั้นสูง และคนอย่างพ่อที่รับผิดชอบการขนส่งวัสดุก็เป็นแค่คนเดินเรือธรรมดาเท่านั้น”

ซูผิงตอบด้วยความเงียบชั่วขณะ

จากนั้นแม่ของเขาก็ขึ้นมาเรียกพวกเขา และให้พวกเขาไปช่วยทำเกี๊ยว

ซูหยวนชาน เดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับซูผิง

ซูหยวนชาน สวมผ้ากันเปื้อนและไปที่ห้องครัวเพื่อสับหมูในขณะที่หลี่ฉิงรู่ล้างผัก ซูผิงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นมองพ่อแม่ของเขาที่ช่วยกัน ช่างเป็นภาพที่อบอุ่น แต่ยังขาดบางอย่าง เมื่อคิดต่อไปเขาก็ตระหนักว่าตัวขี้แกล้งของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่

เขาสงสัยว่าเธอทำอะไรอยู่ที่สถาบัน

ซูผิงส่ายหัว

หลังจากนั้นไม่นานไส้เกี๊ยวก็พร้อม พ่อแม่ของเขาทำเกี๊ยว ในขณะที่ซูผิงนั่งรออาหารอยู่

พวกเขาทำเกี๊ยวค่อนข้างน้อย แม่ของเขาทำอาหารสำหรับซูผิงและ ซูหยวนชาน จากนั้นเธอก็กลับไปทำอาหารส่วนของเธอ

พ่อลูกนั่งลงบนโต๊ะกินข้าวและคุยกัน ซูหยวนชาน ถามสิ่งต่างๆเกี่ยวกับลูกชายของเขาเช่น ถามว่าเขาก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงเช่นนี้ได้ยังไง

ซูผิงหาข้ออ้าง แต่เขากลัวว่าจะถูกหาว่าไม่เหมาะสมเพราะเขามีความรู้สึกว่าจะหลอกพ่อของเขาได้ไม่ง่ายเหมือนแม่ เขาสงสัยว่าพ่อสืบเรื่องของเขามาหรือเปล่า สิ่งที่โชคดีก็คือ ซูหยวนชาน ไม่ใช่นักรบอสูร เขาอาจจะรู้เรื่องเกี่ยวกับนักรบอสูร แต่เขาก็เป็นคนธรรมดาซึ่งเป็นโอกาสที่ซูผิงสามารถสร้างเรื่องราวขึ้นมา

ทีวีเปิดอยู่

ทันใดนั้นรายงานข่าวก็ขัดจังหวะ ซูหยวนชานและซูผิง นั่นคือช่องทีวีอย่างเป็นทางการของเมืองฐานหลงเจียง ซึ่งจะรายงานข่าวจริงเสมอ เนื่องจากเป็นช่องอย่างเป็นทางการจึงไม่จำเป็นต้องเผยแพร่ข่าวปลอมเพื่อดึงดูดความสนใจ มีภาพของเมืองฐานอื่น ๆ ในทีวีขณะนี้ เมืองฐานจิงไห่เป็นเมืองที่ไม่ไกลหรือใกล้จากเมืองฐานหลงเจียง แม้ว่ามันจะอยู่ใกล้ทะเลมากกว่าก็ตาม เรือที่ซูหยวนชานโดยสารกลับมาจอดที่ท่าเรือเมืองฐานจิงไห่

เมืองฐานจิงไห่ก็ตกอยู่ภายใต้การโจมตีเช่นกัน

ภาพของบ้านที่พังทลาย เศษซาก ซากศพที่ผิดรูป และเปื้อนเลือดของอสูรป่ากำลังฉายอยู่บนหน้าจอ

มีราชาอสูรร้ายอยู่ท่ามกลางอสูรป่าที่โจมตีเมืองฐานนั้น! แม้ว่าจะมีเพียงราชาอสูรร้ายเพียงตัวเดียว แต่ภัยคุกคามนั้นร้ายแรงต่อเมืองฐานจิงไห่ซึ่งเป็นเมืองฐานระดับ B โชคดีที่หลายคนจากเมืองฐานอื่น ๆ เข้ามาช่วย แม้เมืองฐานจิงไห่จะถูกทำลาย และมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ราชาอสูรร้ายก็ไม่ได้กวาดล้างเมืองฐานให้หมดสิ้น!

นอกเหนือจากเมืองฐานทั้งสามที่ถูกโจมตีไปแล้ว เมืองฐานสองเมืองยังถูกล้อมรอบไปด้วยอสูรป่า นักข่าวกำลังสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เมืองฐานแห่งหนึ่ง

ซูผิงหมดความอยากอาหารหลังมองความเละเทะ

เขาจำฉากนรกด้านนอกเมืองฐานหลงเจียงได้ เมืองฐานพวกเขารอดและอสูรป่าด้านนอกไม่ได้เข้าเมือง แต่การบาดเจ็บล้มตายก็ยังมากกว่าเมืองฐานอื่น เขาช่วยเหลือ แต่จำนวนอสูรป่ามากเกินไป เขาได้ออกโรงจัดการราชาอสูร แต่ทว่า อสูรป่าที่เหลือก็พอจะบุกเมืองฐานชั้นนำอื่น ห้าตระกูลใหญ่กับกำลังเสริมที่เดินทางจากเมืองฐานอื่นต้องเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเมืองฐาน

พวกเขาชนะเพราะพวกเขามีจำนวนเยอะกว่าอสูรป่า

“ที่นั่นไม่ปลอดภัย..”ซูหยวนชานถอนหายใจ เขาหยิบเกี๊ยวขึ้นมากินเพิ่มและส่ายหัว

ซูผิงตอบกลับด้วยความเงียบ

เขาจำสิ่งที่เขาได้ยินเกี่ยวกับถ้ำลึกในหอคอยได้ เขาไม่รู้รายละเอียด แต่ทว่า การปรากฏของราชาสวรรค์ต่างโลกและการโจมตีเมืองฐานหลายแห่งได้บอกเขาว่าสิ่งนั้นเริ่มหลุดกรอบ

นอกจากเมืองฐานสามแห่งที่โดนโจมตีแล้ว เมืองฐานสองแห่งโดนล้อมด้วยอสูรป่า นักข่าวกำลังสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่รัฐบาลที่เมืองแห่งหนึ่ง

“ ผมมั่นใจไหม? นี่ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงความมั่นใจ แต่เมืองฐานหานเฉิงพร้อมที่จะต่อสู้จนลมหายใจสุดท้ายของเรา!

“ เราตรวจพบการปรากฏตัวของราชาอสูรร้ายสองตัว เราขอความช่วยเหลือจากภายนอกอย่างจริงจัง นักรบอสูรกิตติมศักดิ์โปรดมาช่วยเราด้วย ผู้คนในเมืองฐานหานเฉิงจะไม่มีวันลืมความเมตตาของคุณ!”

ซูผิงสงสัยว่าหอคอยจะส่งกำลังเสริมไปยังเมืองฐานหานเฉิงหรือไม่ เมื่อไม่มีราชาอสูรร้ายอย่างราชาสวรรค์ต่างโลกอยู่ที่นั่น

ภาพที่น่าเศร้าและรอยเลือดในเมืองฐานหลงเจียงทำให้ซูผิงต้องการออกไป และช่วยเหลือเมืองฐานเหล่านั้นทันที

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งซูผิงก็ทำเกี๊ยวเสร็จ และกลับไปที่ร้านของเขาโดยไม่ค้างที่บ้าน

ที่ร้านของเขา

ซูผิงสังเกตว่าทุกคนที่รออยู่นั้นเป็นคนรู้จักทั้งนั้น

พวกเขาทักทายซูผิงทันที ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมเมื่อมองมาที่เขา ชื่อของเขาได้ยินไปทั่วเมืองฐานหลงเจียงในช่วงสองวันที่ซูผิงอยู่ในอาการโคม่า

หลังจากการต่อสู้ผู้คนเห็นว่าเมืองได้รับการปกป้องยังไง

บรรดาผู้ที่ได้รับการยกย่องจากห้าตระกูลใหญ่ได้ต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง อาสาสมัครนักรบอสูรกิตติมศักดิ์จากเมืองฐานอื่น ๆ พุ่งเข้าใส่อสูรป่าอย่างดุเดือด คนที่โดดเด่นที่สุดคือซูผิงที่ต่อสู้กับราชาสวรรค์อย่างสะเทือนฟ้าดิน

ซูผิงกลายเป็นชื่อที่ทุกครอบครัวพูดถึง

ผู้คนต่างรู้ดีว่าเป็นเพราะซูผิง ตระกูลใหญ่ทั้งห้าและผู้ที่เดินทางมาจากเมืองฐานอื่น ๆ จึงยังคงยืนหยัดอยู่ได้

ซูผิงทักทายพวกเขาอย่างอบอุ่นก่อนที่เขาจะเดินไปที่มุมหนึ่ง และโทรหาเพื่อนอย่างปรมาจารย์ดาบ

“คุณซูเกิดอะไรขึ้น?”

ปรมาจารย์ดาบไม่คิดว่าจะมีสายจากซูผิง “คุณอยู่ที่ไหน? คุณพอมีเวลามาที่ร้านของผมไหม?”

“ ผมกำลังเดินทางไปที่เมืองฐานหานเฉิง คุณซูมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ปรมาจารย์ดาบถาม

“ ผมบอกว่าผมจะให้ของขวัญคุณหลังจากการต่อสู้ถ้าคุณมาช่วยเรา คุณต้องไปช่วยต่อสู้กับอสูรป่าที่เมืองฐานหานเฉิง ของขวัญของผมสามารถช่วยคุณได้” ซูผิงตอบ

“คุณซู คุณทราบแล้วหรอว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองฐานนั่น?ไม่มีปัญหา ผมกำลังไป”ปรมาจารย์ดาบกล่าว

หลังจากวางสาย ซูผิงได้โทรหาอู่กวนเฉิงซึ่งเป็นคนสอนทักษะการรักษาให้ซูหลิงเยวี่ย เขาตกลงที่จะเดินทางไปยังเมืองฐานหานเฉิงเพื่อให้การช่วยเหลือ “คุณอู่ขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณทำเพื่อเมืองฐานหลงเจียง เมื่อคุณว่างเชิญมาที่ร้านของผม ผมมีของขวัญให้คุณ”

“คุณซูคุณใจดีมาก ผมจะไปแม้ว่าคุณจะไม่ได้ขอ ตอนนี้ผมอยู่ที่เมืองฐานจิงไห่ นักรบอสูรจำนวนมากกำลังรอให้ผมไปรักษาบาดแผลของพวกเขา ผมจะแวะไปที่ร้านของคุณเมื่อมีเวลา”อู่กวนเฉิงดีใจและประหลาดใจที่ได้รับสายจากซูผิง

ซูผิงจำข่าวที่เขาเห็นได้ เขาพยักหน้าแม้ว่าอู่กวนเฉิงจะไม่สามารถมองเห็น

เขาเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์เพื่อรับลูกค้าหลังจากโทรเสร็จ

ความจริงคือถังยู่หรานสามารถดูแลลูกค้าเหล่านั้นให้เขาได้สบายๆ การปรากฏตัวของเขาจำเป็นก็ต่อเมื่อลูกค้าต้องการการฝึกฝนมืออาชีพ

ลูกค้าประจำเหล่านั้นมาที่นี่หลายครั้ง แต่สถานะทางการเงินของพวกเขาไม่อนุญาตให้พวกเขาเลือกการฝนมืออาชีพ การโจมตีของอสูรร้ายยังก่อวินาศกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งทุกคนรู้สึกได้ นอกจากประชาชนทั่วไปแล้วแม้แต่ครัวเรือนที่ร่ำรวยก็มีปัญหาจากการล้มละลาย บริษัทบางแห่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำเข้าส่งออกได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเมื่อเมืองฐานหลงเจียงตัดสินใจปิดพรมแดนเพื่อเยียวยา

ซูผิงรับออเดอร์ของลูกค้า และมองดูพวกเขาแต่ละคนเดินไปที่ประตู ลังจากลูกค้าขอบคุณสำหรับสิ่งที่เขาทำเพื่อเมืองฐานหลงเจียงอีกครั้ง

ซูผิงเดินกลับเข้ามาข้างในซึ่งดูเหมือนจะค่อนข้างว่างเปล่าหลังจากที่ลูกค้าจากไป การต่อสู้ได้ส่งผลกระทบต่อร้านค้าของเขาเช่นกัน ลูกค้าเก่าหลายคนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะฝึกอสูรของพวกเขาในขณะนี้

ซูผิงสงสัยว่าเขาควรติดต่อฉินตู้หวงและขอให้ตระกูลใหญ่ทั้งห้ามาสนับสนุนธุรกิจของเขาไหม ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถรวบรวมแต้มพลังงานได้เพียงพอที่จะชุบชีวิตมังกรเพลิงและอัปเกรดร้านค้าของเขาโดยเร็วที่สุด

ในขณะที่เขากำลังคิด เขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่นอกร้าน

เขาเห็นอะไรบางอย่างที่คุ้นเคย

บางอย่างไม่ใช่ใครบางคน

หนูตัวจ้ำม่ำ

ขนสีม่วงนั่นบอกซูผิงว่ามันคือหนูสายฟ้า

แต่ตัวนี้ค่อนข้างอ้วน เจ้านายของมันเลี้ยงดูมันอย่างดี

ซูผิงจำดวงตาของหนูสายฟ้าได้ในพริบตา เขาเป็นคนฝึกฝนหนูสายฟ้า มันเป็นอสูรของซูหยานหยิง

วินาทีต่อมาซูผิงก็หน้าซีดเผือด! เขาสัมผัสได้ว่าหนูสายฟ้าไม่มีเจ้านาย เขาสามารถทำสัญญากับมันได้!

นั่นทำให้ซูผิงเจ็บปวดใจ ความคิดหนึ่งเกิดขึ้นในใจของเขา แต่เขาปัดมันออกไป และรีบไปหาหนูสายฟ้า

อสูรตัวน้อยกำลังนั่งยองๆบนบันได มองไปรอบ ๆ อย่างสับสน ซูผิงขยับเข้าไปใกล้ๆมัน

หนูสายฟ้าจำซูผิงได้เช่นกัน

ภาพความทรงจำหลั่งไหลกลับมาในหัวของหนูสายฟ้า ขนของมันตั้งตรง หนูสายฟ้าแยกฟันใส่ซูผิง

น่าแปลกใจนะเนี่ย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าตัวน้อยนี่ก็ยังจำฝังใจ

เขาลูบหัวหนูสายฟ้า “แกมาทำอะไรที่นี่? เจ้านายของแกไปไหน?”

หนูสายฟ้าต้องการเอาหัวออกจากการลูบเบา ๆ แต่ก็ระวังบางอย่างในเวลาเดียวกัน ในที่สุดหนูสายฟ้าก็ยอมให้ซูผิงลูบมัน อย่างไรก็ตามประกายไฟฟ้ากำลังเต้นอยู่รอบ ๆ และมันยังคงแยกเขี้ยว

แต่ถึงกระนั้นหนูสายฟ้าก็หยุดกะทันหัน ขนของมันอ่อนลงขณะที่ซูผิงตั้งคำถามเหล่านั้น ประกายไฟฟ้าดับลง อสูรร้ายตัวน้อยมองซูผิงด้วยความงุนงง

หัวใจของซูผิงเต้นผิดจังหวะ

หนูสายฟ้ามองไปรอบ ๆ และพยายามดิ้นรนให้ห่างจากมือของซูผิง มันหันกลับไปมองไปที่ถนน พยายามหาอะไรบางอย่าง

ซูผิงอยู่ในความงุนงง มีเงาทอดอยู่บนใบหน้าของเขา ซ่อนการแสดงออกของเขา

“ อสูรตัวนี้มาจากไหน?”ถังยู่หรานประหลาดใจที่เห็นหนูสายฟ้า

จงหลิงถงออกมากับเธอ เธอสามารถบอกบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว“ ฉันไม่คิดว่ามันจะมีเจ้าของ นี่คือหนูสายฟ้าใช่ไหม ฉันตรวจพบระดับพลังสายฟ้าที่น่ากลัวอยู่ข้างใน”

“ ไม่มีเจ้าของ? มันเป็นอสูรร้ายหรือเปล่า? ไม่ ดูสร้อยคอนั่นสิ หนูสายฟ้าตัวนี้ต้องมีเจ้าของ” ถังยู่หรานกล่าวหลังจากการตรวจสอบอย่างละเอียด

หลังจากนั้นซูผิงก็สังเกตเห็นสร้อยคอที่ซ่อนอยู่ในขนสีม่วง จี้เป็นรูปหัวใจสีเงิน ซูผิงเอื้อมมือไปจับสร้อยคอ แต่การกระทำนั้นทำให้หนูสายฟ้าลุกขึ้น มันกระโดดตัวยืนทันที และแยกฟันใส่ซูผิงอีกครั้ง

คราวนี้หนูสายฟ้าไม่ได้ซ่อนความดุร้ายของมัน พลังสายฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากหนูสายฟ้านั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

ทั้งถังยู่หรานและจงหลิงถงต่างตกตะลึงกับระดับพลังงานนั้น

ถังยู่หรานจำอะไรบางอย่างได้ เธอจำได้ว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มักจะเอาหนูสายฟ้ามาฝึกอยู่ตลอดเวลา

เธอตระหนักถึงบางสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของเธอขุ่นมัว

ซูผิงไม่ได้โกรธที่หนูสายฟ้าตั้งตัวเป็นศัตรู เขาไม่ได้พยายามที่จะบังคับมัน เขาเพ่งมองและเห็นคำว่า “หยิน” สลักอยู่บนจี้เงิน

แกมาที่นี่…

เพื่อรอเจ้านายของแกใช่ไหม?

ซูผิงกำหมัดแน่น

เขามั่นใจว่าซูหยานหยิงจะไม่มีทางทิ้งหนูสายฟ้า อสูรที่ทรงพลังที่สุดของเธอ เว้นแต่จะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ

ซูผิงจำตอนที่ซูหยานหยิงและเย่ห่าวแวะมาบอกลาก่อนการต่อสู้ได้

เขาไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พูดกับซูหยานหยิง

ซูผิงกัดฟัน

เขาเต็มใจที่จะไปเผชิญหน้ากับราชาสวรรค์ต่างโลกเพราะเขาไม่ต้องการเห็นอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนของเขา ลูกค้าของเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ล้มเหลวในการปกป้องพวกเขาทั้งหมด

หนูสายฟ้าจ้องมองซูผิงชั่วครู่ หนูสายฟ้าสงบลงเนื่องจากเขาไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม หนูอ้วนมาที่นี่ และมองไปรอบ ๆ เพื่อรออะไรบางอย่าง

แต่ถนนว่างเปล่า ไม่มีคนเดินเท้าแม้แต่คนเดียว

ทันใดนั้นซูผิงก็หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา เขาพบหมายเลขของเย่ห่าว เขาโทรหาทันที เสียงรอสายทำให้เขายิ่งเครียด เขากังวลว่าจะได้ยินสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยิน แต่ในไม่ช้าปลายสายก็รับ และเย่ห่าวเป็นคนรับสาย

“คุณซู?”

ซูผิงรู้สึกโล่งใจ “ คุณบอกว่าคุณจะเข้าร่วมการต่อสู้ ซูหยานหยิงเป็นยังไงบ้าง?”

เขาไม่ได้รับการตอบกลับ ความหวังสุดท้ายนั้นได้ดับลง

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

Status: Ongoing

ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท