ลมกระโชกแรงพัดเข้าหาชายหนุ่มกลุ่มนั้น
ผมและเสื้อของพวกเขาปลิวไสวไปตามสายลม
พวกเขาถูกแช่แข็งทันที
ชายหนุ่มพยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้ หัวใจของพวกเขาสั่นเทา พวกเขารู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งที่ควรเป็นดวงตาของปีศาจกำลังจ้องมองมาที่พวกเขา
เมื่อพวกเขาเห็นภาพแล้วพวกเขาก็มั่นใจว่าตัวเองเป็นคนโง่ มังกรลงมาจากฟ้า
ที่ยืนอยู่บนไหล่ของมังกรมีชายที่ยืนกอดอก เขามองลงมาจากที่สูงอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาคือเจ้าของจิตสังหารที่พวกเขารู้สึก
“นั่นคือ…”
เด็กชายที่ถูกทำร้ายนอกผนึกถูกมังกรผลักออกไป เขาคลานขึ้นมาและจ้องไปที่อสูรร้าย เขาประหลาดใจ มันมีความคล้ายคลึงกับสายพันธุ์มังกรเพลิงนรก!
ถึงกระนั้นมันก็แตกต่างจากภาพของมังกรเพลิงนรกในหนังสือ
ในไม่ช้าชายหนุ่มที่ถูกทำร้ายก็สังเกตเห็นคนที่ยืนอยู่บนไหล่ของมังกรตัวหนึ่ง แม้แต่แสงแดดก็ไม่เพียงพอที่จะละลายน้ำแข็งในดวงตาคู่นั้น
เขา?
นักเรียนที่ถูกรุมทำร้ายเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจอซูผิงที่นี่
“ฮะ?”
ซูผิงสังเกตเห็นว่าคนที่ถูกทำร้ายเป็นคนที่คุ้นเคย เขาจำได้ในทันที
“สวี่คัง?”
คราบเลือดที่เขามี และสภาพที่น่าอับอายของเขาทำให้ซูผิงเดือดดาล
สวี่คังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเกิดอะไรขึ้นในสถาบันผู้กล้า
เขาจำได้ว่าสวี่ลงทะเบียนในสถาบันผู้กล้าและหวังว่าจะได้เรียนต่อที่นี่ เขาเข้ามาได้เนื่องจากผลงานของเขาที่ลีกนักรบ
ทำไมเขาถึงกลายมาเป็นแบบนี้?
หวืด
ซูผิงยกมือขึ้น เขาใช้พลังดวงดาวดึงสวี่คังขึ้นมาจากพื้น เพื่อดูเขาใกล้ ๆ
สวี่คังไม่ขัดขืน จู่ๆเขาก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาเอาไว้ได้
เขาแทบจะไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของการได้พบกับคนรู้จักในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยนี้ได้
“คุณรู้จักเขา?”
โม่เฟิงผิงรู้สึกประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับนาย?” ซูผิงไม่ตอบคำถามของโม่เฟิงผิง เขาเป็นห่วงสวี่คังมากกว่า
สวี่คังสงบลงหลังจากที่อารมณ์ของเขาระเบิด เขาหน้าแดงด้วยความอายและก้มหัวลง “ ผมเป็นคนขี้แพ้ ผมจะไม่เป็นแบบนี้ถ้าผมแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีกนิด”
“นายไม่ได้มาเรียนที่นี่เหรอ?” ซูผิงจ้องสวี่คัง
โม่เฟิงผิง ตกใจ เขามองไปที่สวี่คังอีกครั้ง มีบางอย่างเข้ามาในหัวของ โม่เฟิงผิง ที่ทำให้เขาหน้าซีดด้วยความตกใจ
“ ผม ผมเรียน”สวี่คังรู้สึกละอายใจมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกอับอายเกินกว่าจะพูดออกมา “นักเรียนส่วนใหญ่มาจากตระกูลใหญ่ของเมืองฐานอื่นๆ พวกเขารวมกันเป็นกลุ่ม ผมไม่ได้เข้าร่วม ดังนั้นผมจึงถูกรังแก” เขาบิดเบือนความจริงเล็กน้อยเพื่อกู้หน้า
เขาต้องการเข้าร่วม แต่ไม่มีกลุ่มใดต้องการเขา
กลุ่มเหล่านั้นมีกฎเกณฑ์และข้อกำหนดของตนเองในสถาบัน เขาไม่ผ่านการทดสอบและถูกมองว่าเป็นไอ้ขี้แพ้มากจนไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกสมุนของใครได้
เขากลับมาเป็นคนธรรมดา หากไม่มีสุนัขมังกรดำ เขาคงไม่สามารถแสดงความสามารถที่น่าทึ่งในลีกนักรบได้ถ้าเขาพึ่งพาตัวเองและอสูรของเขา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากลายเป็นนักเรียนที่แย่ที่สุดเมื่อเขามาถึงที่นี่ ความฝันและความหวังทั้งหมดที่เขามีเมื่อเขาได้เข้าร่วมสถาบันถูกทำลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เขาพยายามมาก พยายามหนักมากๆ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะตามคนอื่น ๆ นักเรียนของสถาบันผู้กล้าต้องฝึกฝนทักษะทางกายภาพ และทักษะลับซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร ไม่สามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นสวี่คังยังขาดภูมิหลังที่ดีอย่างที่นักเรียนคนอื่น ๆ มี เขาไม่สามารถซื้อยาและหนังสือทักษะได้มากมาย ความพยายามส่วนตัวจะมีความหมายเพียงเล็กน้อยเมื่อเป็นเช่นนี้
นั่นคือความเป็นจริง
แม้จะใส่พลัง 120% ก็ยังล้มเหลว
ซูผิงหน้าตึง เขาได้รู้สถานการณ์ทั่วไปในสถาบันผู้กล้าตามคำอธิบายของสวี่คัง“แล้วน้องสาวฉันล่ะ?” ซูผิงถาม
สวี่คังเข้าใจทันทีว่าทำไมซูผิงถึงมาที่นี่ “น้องสาวของคุณต่างออกไป เธอมีมังกรจันทราเหมันต์ที่คุณมอบให้ และอาจารย์ก็รักเธอ เธอไม่ได้อ่อนแอ กล่มบางกลุ่มเชิญเธอหลังจากที่เธอมาถึงไม่นาน”
“ นายรู้ไหมว่าเธอหายไป?” ซูผิงขมวดคิ้ว สวี่คังไม่รู้
สวี่คังตกตะลึง “หายไป? ยังไง? ผมคิดว่าเธอกำลังบ่มเพาะอยู่ในสถาบัน เธอหายไปได้ยังไง?”
“ เธอหายตัวไปเจ็ดวันแล้ว นายไม่ได้ยินอะไรเลยเหรอ? นายไม่ติดต่อกันเหรอ?” ใบหน้าของซูผิงขุ่นมัวยิ่งกว่าเดิม
สวี่คังหน้าแดง “ อาจารย์ที่รัก คุณก็เห็นสถานการณ์ของผม น้องสาวของอาจารย์มีอสูรที่อาจารย์ให้ ผมไม่สามารถคุยกับเธอได้บ่อยๆ ฐานะของเราต่างกัน มีเวลาว่างเท่าไหร่ผมก็ใช้มันไปกับการบ่มเพาะและจัดการกับคนพาลเหล่านั้น ผมจะไม่มีเวลาไปกวนน้องสาวของคุณด้วยซ้ำ…”
“อาจารย์?”
โม่เฟิงผิง รู้สึกประหลาดใจกับคำนั้น ซูผิงเป็นอาจารย์ของนักเรียนคนนี้เหรอ?
แต่ซูผิงดูเหมือนจะไม่แก่กว่าเลยเมื่อเทียบกัน
ซูผิงแสดงสีหน้าเคร่งขรึม เขาหันไปหา โม่เฟิงผิง “ นี่คือสิ่งที่สถาบันผู้กล้าเป็นใช่ไหม? ฉันคิดว่านักเรียนจะเพียงแค่เข้าร่วมการบรรยายและบ่มเพาะ ฉันไม่รู้ว่านักเรียนจะต้องมาต่อสู้! นายไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างเลยหรอ?”
โม่เฟิงผิง ฝืนยิ้มอย่างขมขื่น “ นักเรียนทุกคนมาจากตระกูลที่มีอำนาจ แม้แต่สถาบันก็ไม่สามารถหยุดสิ่งนี้ได้”
ซูผิงสูดลมหายใจ “หาน ยู่เซียง อยู่ที่นี่ไหม? พาเขามาที่นี่”
โม่เฟิงผิง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซูผิงกำลังเรียกชื่ออาจารย์ของเขาห้วนๆ “อาจารย์ของผมควรจะอยู่ที่นี่ ผมจะโทรหาเขาแล้วพาคุณไปที่ห้องทำงานของเขา”
“ ฉันหมายความว่าเขาต้องมาหาฉันที่นี่!” ซูผิงจ้องไปที่ โม่เฟิงผิง
หานยู่เซียงทำให้เขาโกรธจริงๆ
เขามาบอกเขาว่าน้องสาวของเขาหายตัวไปหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์
ถ้าหานยู่เซียงส่งนักรบอสูรกิตติมศักดิ์มาบอกข่าวแก่เขา เขาจะใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งวันสำหรับการเดินทางจากเมืองฐานหลงหยางไปยังเมืองฐานหลงเจียง ใช้เวลานานเกินไปกว่าข่าวจะไปถึงซูผิง!
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ… มันจะสายเกินไป!
นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ส่งซูหลิงเยวี่ยมาที่นี่ เขาจะบอกพ่อแม่ว่าอย่างไร?
เขาเป็นคนนอกที่จับพลัดจับพลูมาอยู่ในครอบครัวนี้ ซูหลิงเยวี่ยเป็นลูกแท้ๆของพ่อกับแม่
เธอจะตายไม่ได้! “ผมจะโทรบอกเขาครับ” โม่เฟิงผิง หวาดกลัวกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำในดวงตาของซูผิง เขารู้ว่าเขาไม่สามารถขัดใจซูผิงได้อีกต่อไป
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีคนรับสาย “อาจารย์?”
“เฟิงผิง? เป็นยังไงบ้าง? นายเจอคุณซูในเมืองฐานหลงเจียงไหมท?”
“เอ่อ อาจารย์ครับ…ผมได้พบกับคุณซูผิงพี่ชายของคุณซู เขาอยู่ที่นี่ที่สถาบัน และเขาบอกว่าเขาต้องการให้อาจารย์มาที่นี่…” โม่เฟิงผิง รู้สึกอายเกินกว่าจะพูดต่อ
อีกฝ่ายเงียบ
ไม่กี่วินาทีต่อมา โม่เฟิงผิง ก็ได้ยินเสียงของหานยู่เซียงอีกครั้ง “บอกคุณซูว่าฉันขอโทษ ฉันกำลังไป”
เมื่อพูดจบหานยู่เซียงก็วางสาย
โม่เฟิงผิง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอาจารย์ของเขาจะมาหาพวกเขา
หานยู่เซียง!
รองอาจารย์ใหญ่ของสถาบันผู้กล้า
คนที่มีชื่อเสียงเพียงพอในระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด!
คนแบบนี้กำลังทำตามคำสั่งของซูผิง และยังบอกว่าเขาขอโทษ?!
โม่เฟิงผิง รู้สึกว่าหัวของเขามีแต่ความสับสน
เขาวางโทรศัพท์ลง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเขากลับกลายเป็นปริศนาที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคาดไว้
ทุกคนในระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดจะเป็นที่รู้จัก พวกเขาจะได้สร้างชื่อเมื่อหลายปีก่อน ถึงกระนั้นเขาไม่เคยได้ยินชื่อซูผิงเลย หลายคนมาถึงและยืนอยู่หน้ามังกรเพลิงนรก พวกเขาเป็นผู้คุมของสถาบัน
ผู้คุมจำมังกรเพลิงนรกได้ในทันที ขนาดของอสูรระบุว่าใกล้ถึงระดับเก้าขั้นสูงสุด เจ้าของมังกรตัวนั้นน่าจะอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์!
“คุณเป็นใคร?” ผู้คุมคนหนึ่งตะโกนถามซูผิง
โม่เฟิงผิง กลับมาได้สติอีกครั้ง “เฮ้ นี่ฉันเอง เขาเป็นแขกของรองอาจารย์ใหญ่”
ผู้คุมจำ โม่เฟิงผิง ได้เพราะเขาเป็นอาจารย์ที่นี่ คำพูดของเขาทำให้พวกเขามั่นใจ พวกเขาก้าวไปด้านข้าง
พวกเขาจะเตือนซูผิงซ้ำซ้ำเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของสถานศึกษา
แต่ซูผิงเป็นแขกของหานยู่เซียง นั่นเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“นั่นใคร?”
“ฉันคิดว่าเขารู้จักไอ้ขี้แพ้”
“ฉันคิดว่าไอ้ขี้แพ้นั้นมาจากตระกูลเล็กๆ กับพ่อที่มีเงินนิดหน่อย ทำไมเขาถึงรู้จักแขกของรองอาจารย์ใหญ่?’”
ชายหนุ่มกลุ่มนั้นยังคงอยู่ มีบางอย่างเกี่ยวกับสวี่คัง
ไม่นานก็มีคนวิ่งเข้ามา
หวืด!
คนนั้นสวมชุดคลุมสีขาวดำ เขาบินผ่านม่านพลัง และหยุดกลางอากาศต่อหน้ามังกรเพลิงนรก
ผู้คุมและกลุ่มชายหนุ่มต่างประหลาดใจพอๆ กันที่เห็นรองอาจารย์ใหญ่ของพวกเขามาถึงด้วยความรวดเร็ว
“คุณซู”
หานยู่เซียงมีผมหงอกแต่แก้มเป็นสีดอกกุหลาบ เขาทักทายซูผิงด้วยท่าทางประหม่า
เขาได้ยินเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับซูผิง เขาฆ่านักรบอสูรในตำนานระหว่างลีกสูงสุด และได้ฉายาว่าเป็นผู้ท้าทายโชคชะตา!
ไม่นานหลังจากนั้นเขาขับไล่ราชาสวรรค์ต่างโลกให้ล่าถอยไปจากในเมืองฐานหลงเจียง
นอกจากนี้เขายังได้รับข่าวว่าซูผิงเข้าไปในหอคอย สังหารนักรบอสูรในตำนาน และกลับออกมาอย่างปลอดภัย!
เรื่องราวทุกอย่างน่าทึ่งมาก และตัวเอกเป็นคนเดียวกัน
หานยู่เซียงเชื่ออยู่แล้วว่าซูผิงเป็นคนอันตรายก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้น หยวนเทียนเฉินจบลงด้วยการถูกทำร้าย เกือบตาย หานยู่เซียงคิดว่าทุกอย่างเกี่ยวกับซูผิงนั้นน่าประหลาด แต่ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลในเวลาเดียวกัน
วันที่หานยู่เซียงก้าวเข้าไปในร้าน และเห็นชายหนุ่มคนนั้น… เขาเข้าใจว่าชายหนุ่มเป็นตัวประหลาดที่ซ่อนตัว
นอกจากนี้เขายังเชื่อว่าซูผิงเกี่ยวข้องกับการทำลายล้างของตระกูลซือถูและตระกูลหวัง เขากลัวซูผิงมากกว่าหยวนเทียนเฉิน”อาจารย์…?”
โม่เฟิงผิงไม่เคยคิดเลยว่าอาจารย์ของเขาจะพูดกับซูผิงอย่างประหม่า หลังจากหลายปีในสถาบันเขาค่อนข้างรู้จักอาจารย์ของเขาดี เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าอาจารย์ของเขากำลังกลัวและเครียด
แต่…
ที่เขารู้คืออาจารย์ของเขาไม่ใช่แค่เคารพซูผิงเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แบบนั้น
หานยู่เซียง… ตกใจ! โม่เฟิงผิง ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป