โฮ่กก!
อสูรร้ายที่ได้รับบาดเจ็บรู้สึกถึงแรงกดดันที่ออกมาจากมังกรเพลินรก อสูรร้ายรู้สึกว่าจำเป็นต้องคำรามเพื่อปกป้องอาณาเขตของมัน
มังกรเพลิงได้ยินเสียงคำรามนั่น ด้วยความโกรธมังกรเพลิงนรกหันหัวไปทางอสูรป่าตัวนั้น และมองลงมาจากที่สูง จากนั้นมังกรก็ส่งเสียงคำรามดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ!
โฮ่กกกกกก!!
กำแพงกำลังสั่น และกำลังจะแตก!
ลมที่พัดได้พัดขนของอสูรร้ายไปข้างหลัง เนื่องจากเป็นเป้าหมายหลักของเสียงคำรามนั้น มันตื่นตระหนกและล่าถอยขณะที่ตัวสั่น
มังกรเพลิงนรกเสริมพลังเสียงคำรามด้วยมรดกของราชามังกรโบราณกับทักษะของมังกรเลือดม่วงมังกรหินแตกรู้สึกประหม่ามากขึ้นเมื่อยืนอยู่ข้างหลังมังกรเพลิงนรก แม้ว่ามันจะรู้ว่าพวกมันไม่ใช่ศัตรูก็ตาม ความกลัวก็เกิดจากสัญชาตญาณเดิม
ฆ่าพวกมัน!
นั่นคือคำสั่งที่มังกรเพลินรกกับโครงกระดูกน้อยที่ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ได้รับ แสงสีแดงเข้มเรืองแสงขึ้นในเบ้าตาของโครงกระดูก มันดำเนินการก่อนที่ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ปัง!!!
อสูรป่าตัวหนึ่งถูกตัดหัว
อสูรป่าอีกตัวหนึ่งล้มลงกับพื้น เลือดพุ่งกระจาย ฉากนองเลือดนั้นทำให้อวิ๋นว่านหลี่และอสูรร้ายกลัว
แต่อสูรป่าเหล่านี้คือราชาอสูรร้าย! ความสนใจของอสูรร้ายที่ได้รับบาดเจ็บนั้นอยู่ที่โครงกระดูกน้อยมากกว่า อสูรร้ายกระพริบตาหลายครั้งเพื่อให้มองเห็นได้ชัดๆ
เมื่อเทียบกับมังกรเพลินรกโครงกระดูกนั้นดูเหมือนยมฑูตมากกว่า!
ปีศาจกระดูกขาว!
“นั่นมัน…”
อวิ๋นว่านหลี่มองไปที่ซูผิงอย่างประหลาดใจ นั่นคือบุคคลที่สามารถบุกเข้าหอคอยได้ และออกมาแบบมีชีวิต
นั่นคืออสูรของเขา
อวิ๋นว่านหลี่มั่นใจว่าเขาจะไม่รอดถ้าโครงกระดูกน้อยโจมตีเขา
เขาไม่ได้เห็นด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ราชาอสูรร้ายตัวนั้นตาย!
หวืด!
ซูผิงไม่เสียเวลาในขณะที่ทุกคนตกใจ เป้าหมายของเขาคืออสูรร้ายอีกตัวหนึ่ง
อสูรร้ายที่เป็นเป้าหมายรู้สึกถึงเจตนาฆ่าและความรู้สึกอันตรายก็ทำให้มันกลับมารู้สึกตัว มันแอบอยู่ใต้ดินพยายามที่จะหลบหนี
อย่างไรก็ตาม ซูผิงเร็วกว่า เขาหยุดอสูรร้ายก่อนที่มันจะหนีไป เขาแทงดาบใส่กระดูกสันหลังของอสูรร้าย ทิ้งบาดแผลลึกและกว้างไว้บนหลังของอสูรร้าย
เลือดไหลออกมา ราชาอสูรร้ายกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เนื่องจากซูผิงเชี่ยวชาญการเคลื่อนย้าย ราชาอสูรในสภาวะสมุทรจึงไม่มีโอกาส
นั่นเป็นพลังเหนือกว่าของสภาวะว่างเปล่า!
ราชาอสูรป่าเหล่านั้นอยู่ที่สภาวะสมุทร พลังดวงดาวของพวกมันมีมากมาย และพวกมันมีพลังที่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตที่ระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดด้วยพลังดวงดาวเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามสภาวะว่างเปล่าเป็นอาณาจักรที่สิ่งมีชีวิตสามารถควบคุมมิติได้ ด้วยเหตุนี้ราชาอสูรร้ายที่สภาวะสมุทรจึงเปรียบเสมือนเด็กทารกที่อ่อนแอ ไม่มีโอกาสชนะได้ หวืด!
หวืด!
ราชาอสูรร้ายที่เหลือรู้ว่าสิ่งต่างๆ จะไม่จบลงด้วยดีสำหรับพวกมัน พวกมันพยายามหลบหนีอย่างรวดเร็ว
โครงกระดูกน้อยไล่ตาม
ในระหว่างนี้มังกรเพลิงนรกกำลังมุ่งเป้าไปที่ราชาอสูรร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ ทันทีที่มันหันหลังเพื่อวิ่ง มังกรเพลิงนรกก็ก้าวไปข้างหน้าและจับอุ้งเท้าของมัน มังกรเพลิงนรกทุบเข้าที่หลังของราชาอสูรร้าย และออกแรงอย่างเต็มที่
โฮ่กกกก!
ราชาอสูรร้ายตัวนั้นหลังแอ่น!
มังกรเพลินรกพ่นเปลวไฟสีม่วงใส่ราชาอสูรร้ายโดยเริ่มจากหางของมัน ความร้อนแผดเผาเกล็ดของราชาอสูรร้ายและบางส่วนก็แห้ง
มังกรเพลิงนรกกระทืบขาหลังของราชาอสูร กระแทกลงด้านล่าง พลังนั้นแข็งแกร่งมากจนกำแพงสั่นสะท้าน
เลือดไหลออกมาจากหัวของราชาอสูรร้าย มังกรเพลิงนรกตรึงคอของราชาอสูรไว้กับพื้น ซูผิงบอกมังกรเพลิงนรกให้จับราชาอสูรร้ายแบบมีชีวิต
ในขณะที่มังกรเพลิงนรกจับราชาอสูรให้อยู่ภายใต้การควบคุม ราชาอสูรร้ายตัวอื่นก็ร้องอย่างน่าสังเวช ซูผิงและโครงกระดูกน้อยฆ่าราชาอสูรร้ายที่หลบหนีไปทั้งหมด พวกมันทั้งหมดกำลังนอนจมกองเลือดโดยไม่มีข้อยกเว้น
การต่อสู้สิ้นสุดลง ผ่านไปเพียงแค่สองนาที
อวิ๋นว่านหลี่กลืนน้ำลายขณะที่เขาจ้องมองที่ราชาอสูรร้ายและบ่อเลือด เขาไม่ได้ทำอะไรเลย และการต่อสู้จบลงแล้ว
เขารวมเข้ากับอสูรของเขาแล้ว แต่เขาไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ!
นี่คือ… สิ่งที่ซูผิงทำได้
อวิ๋นว่านหลี่จำตอนที่ซูผิงยืนอยู่เหนือป่าสุสาน และเขาก็มองไปที่ราชาอสูรร้ายเหล่านั้น เขารู้สึกโชคดีในทันใดที่เขาตัดสินใจที่ไม่ต่อสู้กับซูผิงเรื่องหนานเฟิงเทียน ไม่เช่นนั้นเขาจะเป็นคนที่ตาย หอคอยไม่มีหนทางที่จะล้างแค้นเขาได้ด้วยซ้ำ
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเรามีคนแบบนี้บนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน…
เขามีพื้นเพมาจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินหรือเปล่า? อวิ๋นว่านหลี่ถามตัวเอง
ซูผิงไม่มีอารมณ์ที่จะไตร่ตรองถึงสิ่งที่อวิ๋นว่านหลี่กำลังคิด หลังจัดการราชาอสูรร้ายที่กำลังหลบหนี ซูผิงก็บินไปหาราชาอสูรร้ายที่ถูกมังกรเพลิงนรกจับไว้
ราชาอสูรร้ายถูกตรึงอยู่บนพื้น
ซูผิงยืนอยู่บนหัวของราชาอสูรร้าย เขาตัวเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับขนาดของมัน ตามจริงแล้ว เขาใหญ่กว่าเขี้ยวของราชาอสูรร้ายเพียงนิดเดียว
“ฟัง แกเคยเจอมนุษย์ผู้หญิงหรือเปล่า?” ซูผิงถามราชาอสูรร้ายที่มองเขาอยู่ “ไปตายซะไอ้พวกมนุษย์ อีกไม่นานเราจะเป็นอิสระจากถ้ำและฆ่าพวกแกทั้งหมด!” ราชาอสูรร้ายรู้สึกอัปยศที่มีซูผิงอยู่บนหัวของมัน มันคำรามเพื่อแสดงความโกรธ
มังกรเพลิงนรกกำมือแน่น เกล็ดบนคอของราชาอสูรร้ายหัก และกระดูกก็ส่งเสียงแตก
ซูผิงหน้านิ่งขณะที่เขามองไปที่ราชาอสูรร้ายที่ทนทุกข์ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและหารูปของซูหลิงเยวี่ย เขานั่งลงและวางภาพตรงตาขนาดใหญ่ครึ่งเมตรของราชาอสูรร้าย “แกเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไหม?” รูม่านตาของราชาอสูรร้ายหดเกร็ง ราวกับพยายามเพ่งความสนใจไปที่หญิงสาวที่ยิ้มแย้มอยู่ในภาพ
ในไม่ช้า ราชาอสูรร้ายก็พูดบางคำ “มนุษย์อ่อนแอ พวกแกทุกคนดูเหมือนกัยหมดสำหรับฉันและพวกแกก็ไร้ค่า ฉันจะกินทุกคนที่ฉันเห็น…”
ปัง!
ก่อนที่ราชาร้ายจะพูดจบ ซูผิงก็ทุบหัวของมันโดยตรง ซูผิงยืนขึ้น เขาสะบัดเลือดออกจากมือ วางโทรศัพท์แล้วมองไปที่มังกรเพลิง
มังกรเพลิงนรกเข้าใจสิ่งที่ซูผิงต้องการ มังกรเพลิงนรกปล่อยคอของราชาอสูรร้าย จากนั้นใช้นิ้วเดียวผ่าครึ่งราชาอสูร อวัยวะภายในและเลือดก็ไหลกองลงพื้น
จากนั้นมังกรก็กรีดอวัยวะภายในทั้งหมดออก ฉากนั้นโหดร้ายเกินไปที่จะมอง
อวิ๋นว่านหลี่หน้าซีด แต่ซูผิงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทันใดนั้นอวิ๋นว่านหลี่เริ่มเข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มจึงสามารถขับไล่พลังชั่วร้ายที่ป่าสุสานได้ เขาเคยชินกับฉากชั่วร้ายนั่นอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มคนนี้มาจากโลกมนุษย์จริงๆหรอ?
มังกรเพลิงนรกเสร็จสิ้นการค้นหาในเวลาต่อมา มีกรดอยู่ในท้องของราชาอสูรร้าย แต่ไม่มีอย่างอื่น ไม่มีอะไรที่ถูกย่อย
ซูผิงเห็น เขาบินไปที่ไหล่ของมังกรเพลิงนรกและไปต่อ
มังกรเพลิงนรกสร้างลูกบอลเพลิงสีม่วงเพื่อเผาเลือดบนอุ้งเท้าและเคลื่อนไปข้างหน้า
โครงกระดูกน้อยก็นั่งบนไหล่ของมังกรเพลิงนรกเช่นกัน อวิ๋นว่านหลี่ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติได้ เขาเรียกมังกรหินแตกและตาผีให้ไล่ตามซูผิง
มังกรหินแตกและตาผีมองหน้ากัน ทั้งสองมองเห็นความประหลาดใจร่วมกันเมื่อมองตาของกันและกัน
“ผู้ท้าทายโชคชะตาซู รอผมด้วย!”
อวิ๋นว่านหลี่ตามไม่ทัน เขาหยุดการรวมเข้ากับอสูรของเขา ดังนั้นผู้ฟังสายลมติดปีกจึงโผล่มาข้างหลังเขาอีกครั้ง
มังกรหินแตกและตาผีติดตามอวิ๋นว่านหลี่อย่างใกล้ชิด พวกเขาจะมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนไหล่ของมังกรเพลิงนรกอย่างหวาดกลัวหลายต่อหลายครั้ง
มังกรหินแตกกลัวมังกรเพลิงนรก และยิ่งกลัวซูผิงเจ้าของของมังกรเพลิงนรกมากกว่า มังกรหินแตกตัดสินใจที่จะไม่พูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับเขาอีก
“ท่าน นี่คือเส้นทางหลักที่คุณกล่าวถึงใช่ไหม?”
ครู่ต่อมาซูผิงเห็นถ้ำแนวนอนตรงหน้าพวกเขา ก่อตัวเป็นทางผ่านรูปตัว “T” จากนั้นเขาก็เห็นซากและดาบบางส่วนที่ฝังอยู่ในดิน