“คือ….”
หานยู่เซียงฟังดูประหม่า “ผมตรวจสอบแล้ว แต่ระบบรักษาความปลอดภัยล้มเหลวในช่วงเวลานั้น มีบางอย่างผิดปกติกับระบบ ผมหาอะไรไม่เจอเลย”
“ล้มเหลว?”
ซูผิงเยาะเย้ย “นี่คือสถาบันที่ดีที่สุดในเขตอนุทวีป และนายกำลังบอกฉันว่าระบบรักษาความปลอดภัยล้มเหลว? มันเกิดขึ้นบ่อยไหม?”
“เอ่อ… มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แค่ครั้งนี้เท่านั้น…” หานยู่เซียงรู้สึกอาย
“อย่างนั้นหรอ? นายคงไม่ได้จะบอกฉันว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรอกใช่ไหม?”
“เอ่อ ไม่ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ย้อนกลับไป ผมรู้ว่ามีบางอย่างผิดพลาด ดังนั้นผมจึงตรวจสอบม่านพลัง ระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดรอบ ๆ พื้นที่ แต่ผมไม่พบอะไรที่น่าสงสัยเลย” หานยู่เซียงปกป้องตัวเอง ซูผิงหรี่ตาลง “นายไม่พบสิ่งผิดปกติหรือนายพบบางอย่างแต่ไม่กล้าบอก”
ซูผิงรู้ว่าสถาบันผู้กล้ารวบรวมนักเรียนจากตระกูลและกองกำลังที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง แม้แต่หานยู่เซียงก็กลัวที่จะทำให้คนเหล่าเหล่านั้นไม่พอใจ
ในกรณีนี้คือผู้ชายที่นามสกุลเฟยซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นนักเรียนของหานยู่เซียง แต่เขาไม่ได้แสดงความเคารพต่ออาจารย์ของเขา
หานยู่เซียงหน้าซีดเล็กน้อย เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าซูผิงหมายถึงอะไร ซูผิงได้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนที่ไม่ธรรมดาในชายวัยยี่สิบ แต่การเข้าไปในหอคอยมังกรเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาอายุต่ำกว่า 24 ปี หานยู่เซียงนึกไม่ออกว่าใครคืออาจารย์จริงๆของผู้ชายคนนี้
“ผมไม่พบสิ่งใดเลย นั่นคือความจริง” หานยู่เซียงยืนกราน
ซูผิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนั้น “ผมขอดูบันทึกของวันนั้นทั้งหมด”
“แน่นอน” หานยู่เซียงพยักหน้า เขาเก็บบันทึกไว้โดยคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะใช้มัน
“แล้วถ้าอาจารย์ใหญ่…” หานยู่เซียงลังเล “เมื่อเขามาบอกเขาให้มาหาฉัน”
“โอเคครับ ได้เลย”
หานยู่เซียงกลัวที่จะทำให้ซูผิงอารมณ์เสีย อาจารย์ใหญ่อยู่ในระดับตำนาน แต่ซูผิงเป็นคนที่สามารถฆ่านักรบอสูรตำนานได้ หานยู่เซียงรู้บางสิ่งเกี่ยวกับระดับตำนาน ว่ากันว่าอาจารย์ใหญ่อยู่ในระดับตำนานแค่สภาวะแรกเท่านั้น นักรบอสูรในตำนานของตระกูลฉินซึ่งซูผิงฆ่าในลีกสูงสุดก็อยู่ในสภาวะะแรกเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้หานยู่เซียงจึงมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าซูผิงและอาจารย์ใหญ่น่าจะมีความสามารถพอๆกัน ซูผิงอาจจะดูน่ากลัวด้วยซ้ำ
โม่เฟิงผิงเห็นว่าอาจารย์ของเขากลัวซูผิงมากเพียงใด หานยู่เซียงตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา
ซูผิงกลายเป็นคนลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ
เฟยเทียนอวี่โกรธกับคำตอบของซูผิง
อาจารย์ใหญ่อยู่ในระดับตำนาน!
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้อาจารย์ใหญ่มีคนเคารพ เขาเป็นคนที่ประพฤติตัวดี อย่างไรก็ตามซูผิงไม่ได้แสดงความเคารพใดๆ ซึ่งเป็นเฟยเทียนอวี่ยอมรับไม่ได้ เขาไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อด่าซูผิงหรืออะไรก็ตาม เขามั่นใจว่าถ้าบันทึกของหอคอยมังกรเป็นความจริง เขาก็น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่คู่ควร ทัศนคติของหานยู่เซียงต่อซูผิงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
รองอาจารย์ใหญ่นำทาง โดยซูผิงตามเขาและเฟยเทียนอวี่เดินตามซูผิง เฟยเทียนอวี่คิดว่าเขาสามารถใช้โอกาสนี้พบกับอาจารย์ใหญ่
นักเรียนหลายคนคิดแบบเดียวกัน หลายคนไล่ตามหานยู่เซียง ตั้งตารอที่จะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่นานพวกเขาก็มาถึงอาคารอื่น นั่นคือศูนย์กลางของการควบคุมความปลอดภัยของทั้งสถาบัน
หานยู่เซียงบอกให้นักเรียนรออยู่ข้างนอก เขาเข้าไปในอาคารกับซูผิง โม่เฟิงผิง สวี่คัง และเฟยเทียนอวี่
หานยู่เซียงบอกกับชายผู้รับผิดชอบสถานที่นี้ให้โชว์บันทึกในช่วงตอนบ่ายที่มีปัญหา
ซูผิงยืนอยู่หน้าเครื่อง
โปรเจ๊กเตอร์สว่างขึ้น และแสดงสิ่งที่บันทึกบนผนัง
ซูผิงเห็นซูหลิงเยวี่ยในบันทึกนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะโตขึ้นเล็กน้อย เธอมีประสบการณ์มากขึ้น ไม่เหมือนหญิงสาวนิสัยเสียเหมือนตอนที่เธออาศัยอยู่ในเมืองฐานหลงเจียงอีกต่อไป เธอเติบโตเต็มที่หลังจากได้ออกมาใช้ชีวิตอิสระ
ความคิดของซูผิงล่องลอย
เขาดูบันทึกประมาณสามสิบนาที เมื่อได้ยินเสียงบางอย่าง นักเรียนบางคนก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความประหลาดใจ
โม่เฟิงผิง สวี่คัง และเฟยเทียนอวี่หันไปมองทางประตู พวกเขาคิดว่าใครมา เฟยเทียนอวี่ดูเหมือนจะตื่นเต้นน้อยที่สุดในสามคน แต่เมื่อได้เห็นเขาก็ตื่นเต้นมาก
ไม่นานชายชราสวมชุดคลุมสีขาวก็เดินผ่านประตูเข้ามา
เขาสวมหมวกสีน้ำเงิน และมีลักษณะเหมือนนักวิชาการ
เขามีบรรยากาศของชายผู้ปราดเปรียวและมีความรู้ ถ้าใครสังเกตดีๆ พวกเขาจะเห็นว่าเขาเป็นคนทีมีอำนาจมากเช่นกัน
“อาจารย์ใหญ่”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“อาจารย์ใหญ่”
พวกเขาทักทายอาจารย์ใหญ่ทันที
หานยู่เซียงรีบไปหาอาจารย์ใหญ่ “อาจารย์ครับ คุณซูกำลังรอท่านอยู่”
“ฉันรู้แล้ว”
ชายชราพยักหน้ าเขาจ้องชายหนุ่มที่กำลังดูบันทึกอยู่ ความจริงจังฉายผ่านสายตาของเขา ไม่นานเขาก็ปรับตัวเอง ยิ้ม แล้วก้าวเข้าไปหาชายหนุ่ม “คุณต้องเป็นผู้ท้าทายโชคชะตาใช่ไหม ยินดีที่ได้รู้จัก”
ผู้ท้าทายโชคชะตา?
โม่เฟิงผิง สวี่คัง และเฟยเทียนอวี่จ้องมองที่ซูผิงอย่างไม่เชื่อ
ซูผิงเป็นผู้ท้าทายโชคชะตา?
ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของฉายา มันเป็นเอกสิทธิ์สำหรับนักรบอสูรระดับกิตติมศักดิ์ แต่สำหรับผู้ที่สามารถเอาชนะนักรบอสูรในตำนานได้เท่านั้น!
มีผู้ท้าทายโชคชะตาน้อยกว่านักรบอสูรในตำนาน!
ซูผิงเป็นผู้ท้าทายโชคชะตา?!
เฟยเทียนอวี่ไม่สามารถเชื่อเรื่องนี้ได้ ผู้ชายคนนี้สามารถเข้าไปในหอคอยมังกรได้… ไม่เพียงแต่เขาไปถึงระดับที่สูงกว่าเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ท้าทายโชคชะตาอีกด้วย!
นี่หมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่ามาก!
เฟยเทียนอวี่จำบันทึกของหอคอยมังกรได้ และรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ ถ้าซูผิงเป็นผู้ท้าทายโชคชะตา การไปถึงชั้น 33 จะเป็นความสำเร็จที่ยอมรับได้
แต่…
เฟยเทียนอวี่เป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในปี และถูกอ้างว่าเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในรอบร้อยปีที่ผ่านมา
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ด้อยกว่าซูผิงมาก
ผู้ชายคนนี้จะมีอยู่จริงได้เหรอ!
ซูผิงได้ยินคำทักทาย และละสายตาจากภาพ เขาปลดปล่อยพลังดวงดาวเพื่อหยุดบันทึกเอาไว้เผื่อเขาจะได้ไม่พลาดอะไรไป
“คุณเป็นอาจารย์ใหญ่เหรอ?”
ซูผิงมองไชายชราหมวกน้ำเงินที่ไม่สามารถปกปิดผมขาวทั้งหมดของเขาได้ จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับชายชรา “คุณอยู่ที่ระดับตำนานหรือเปล่า?”
ชายชรายิ้มและกำมือ “ นั่นไม่มีอะไรน่าพูดถึงเลยผู้ท้าทายโชคชะตาซู”
“ผมควรจะเรียกคุณว่าอะไร?”
“อวิ๋นว่านหลี่ คุณซู ถ้าไม่เป็นไร คุณเรียกผมว่าพี่อวิ๋นก็ได้” อวิ๋นว่านหลี่ แนะนำด้วยรอยยิ้ม
คำตอบนั้นน่าตะลึงสำหรับโม่เฟิงผิง เฟยเทียนอวี่ และหานยู่เซียง หานยู่เซียงตระหนักดีถึงความสามารถของซูผิง แต่ก็ยังขัดกับการคาดการณ์ของเขาที่อาจารย์ใหญ่จะถ่อมตัว จนยอมให้ซูผิงเรียกเขาว่าพี่อวิ๋น
นั่นเป็นครั้งแรกที่หานยู่เซียงได้เห็นอาจารย์ใหญ่แบบนี้
อาจารย์ใหญ่ นักรบอสูรในตำนาน!
“ตกลง ผมจะเรียกคุณว่าพี่อวิ๋น สิ่งที่ผมจะบอกคุณเกี่ยวกับหอคอยมังกรเป็นอะไรที่คนอื่นไม่ควรได้ยิน ผมต้องการความเป็นส่วนตัว” ซูผิงเข้าประเด็น
อวิ๋นว่านหลี่ รู้สึกประหลาดใจ “ตกลง ออกไปข้างนอกกันเถอะ”
“ดี” ซูผิงเห็นด้วย และหายตัวไปในทันที
อวิ๋นว่านหลี่ หรี่ตาลง นั่นคือเคลื่อนย้าย!
นั่นเป็นทักษะเฉพาะของสภาวะว่างเปล่าขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ซูผิงอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์เท่านั้นแต่สามารถใช้ทักษะนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ! อวิ๋นว่านหลี่ เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ท้าทายโชคชะตาแต่การได้เห็นกับตามันช่างเหลือเชื่อ
ไม่น่าแปลกใจที่ซูผิงสามารถออกจากหอคอยได้แบบมีชีวิตหลังจากสร้างความวุ่นวาย และฆ่านักรบอสูรในตำนาน!
อวิ๋นว่านหลี่ ไม่พูดอะไรขณะที่เขาออกจากอาคาร เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นซูผิงยืนอยู่ในอากาศ เขารีบบินไปหาเขาทันที
ซูผิงเลิกคิ้ว เป็นเรื่องน่าสนใจที่เห็นว่า อวิ๋นว่านหลี่ ไม่ได้ใช้การเคลื่อนย้าย ดูเหมือนว่า อวิ๋นว่านหลี่จะอยู่แค่สภาวะสมุทร เขาคิดว่า อวิ๋นว่านหลี่ เชี่ยวชาญการเคลื่อนย้ายแล้ว
“ผู้ท้าทายโชคชะตาซู พูดมาเถอะ” อวิ๋นว่านหลี่ ตั้งม่านพลังอย่างมุ่งมั่น
ซูผิงพยักหน้า “ผมไม่คิดว่าหอคอยมังกรเป็นสถานที่ทดสอบปกติ คุณรู้เรื่องราวเบื้องหลังสถานที่นั้นหรือไม่? ผมเข้าไปเพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวของผม และมีบางอย่างเกิดขึ้น ผมพุ่งทะลุหลังคาหอคอย ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่อสูรประหลาดข้างในกลัวอะไรบางอย่างและไม่ได้ออกมา แต่ผมไม่รู้ว่าพวกมันจะออกมาเมื่อไหร่ หากิดใส พวกมันมีพลังที่จะทำลายสถาบันผู้กล้าในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“ผู้อยู่อาศัยในเมืองฐานหลงหยางจะได้รับผลกระทบเช่นกัน และเขตอนุทวีปทั้งหมดจะล่มสลาย วิธีเดียวที่จะหยุดสิ่งนี้ไม่ให้เกิดขึ้นก็คือให้นักรบอสูรในตำนานของหอคอยมาช่วย”
อวิ๋นว่านหลี่ ฝืนยิ้ม “ผมรู้ว่าหอคอยมังกรนั่นจะสร้างปัญหา!”
“เล่าให้ผมฟัง.”
“หอคอยมังกรนั่นไม่ใช่สถานที่ธรรมดาจริงๆ ผู้ก่อตั้งของเราได้ไปเยี่ยมชมข้างในและสังเกตเห็นสิ่งแปลก ๆ เกี่ยวกับมัน ต่อมาจึงตัดสินใจสร้างสถาบันล้อมรอบมัน”
“การตรวจสอบในภายหลังเปิดเผยว่าหอคอยมังกรเป็นสถานที่ที่ซับซ้อน สถานที่จำกัดเรื่องอายุ!
“อย่างไรก็ตาม อาจารย์ใหญ่คนที่สามของเราเปิดมันในอดีต เพื่อให้นักเรียนได้ทดสอบทักษะของพวกเขาหลังจากการวิจัยเสร็จสิ้น”
อวิ๋นว่านหลี่ ถอนหายใจ “หอคอยมังกรเป็นของโบราณกาลและอยู่บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินมานานก่อนที่อสูรดวงดาวจะมีมา หอคอยมังกรถูกฝังอยู่ใต้ดินในตอนเริ่มต้น ในช่วงต้นของยุคอสูรดาว มีการต่อสู้ระหว่างราชาอสูรร้าย การต่อสู้ที่โกลาหลของพวกเขาทำให้ภูเขา และพื้นดินแตกเป็นเสี่ยง ๆ เผยให้เห็นหอคอยมังกร”
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น หอคอยมังกรนั้นแท้จริงแล้วคือนิ้วของผู้สังหารสวรรค์ ราชาสวรรค์ต้องทรงพลังอย่างมาก เมื่อพิจารณาว่านิ้วเดียวสามารถทนต่อกาลเวลาได้ ราชาสวรรค์นั้นแข็งแกร่งกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ “ผมเจาะหอคอยมังกรแล้ว คุณสามารถจัดการกับสิ่งที่อยู่ภายในได้หรือไม่?” ซูผิงถาม
อวิ๋นว่านหลี่ กลับมารู้สึกตัวหลังจากนึกถึงเรื่องราวในอดีต เขาเม้มปาก คุณทำมันพังและตอนนี้คุณกำลังถามหาวิธีแก้ปัญหา?
ใครทำพังก็ต้องรับผิดชอบ!
แน่นอน อวิ๋นว่านหลี่ ไม่สามารถพูดคำเหล่านั้นออกมาดัง ๆ ได้ การที่ซูผิงลือกที่จะพูดคุยนั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่คนที่ไร้ศีลธรรม ไม่อย่างนั้นเขาไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องนี้ การล่มสลายของเขตอนุทวีปจะไม่มีความหมายสำหรับนักรบอสูรในตำนาน เพราะพวกเขาสามารถหาที่อื่นเพื่อตั้งถิ่นฐานได้อย่างง่ายดาย อวิ๋นว่านหลี่ ตอบว่า “เราไม่ได้ไม่มีวิธีแก้ปัญหา”
“อาจารย์ใหญ่คนที่สามเคยคิดหาวิธีแก้ไขไว้เมื่อเขาเปิดสถานที่แห่งนี้ เขาสร้างรูปแบบโบราณขึ้นนอกหอคอยมังกร ซึ่งเป็นรูปแบบที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งหมด!
“ผมจะขอให้เพื่อนของผมมาช่วย และผู้ท้าทายโชคชะตาซู โปรดมาช่วยผมซ่อมแซมด้านบนด้วย เราจะปลอดภัยตราบใดที่รูปแบบยังทำงานอยู่”
ซูผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ดี ผมคิดว่าผมไม่ได้สร้างปัญหามากเกินไป มันคงน่ารำคาญที่จะฆ่าสิ่งที่อยู่ภายในทั้งหมด”
อวิ๋นว่านหลี่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ภายในของชั้นบนสุดนั้นอันตราย การจะฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในนั้นเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่นักรบอสูรในตำนานของหอคอย รวมถึงปรมาจารย์จากหอคอยจะมาตามที่ซูผิงแนะนำ! “รู้ไหมว่าทำไมถึงจำกัดที่อายุ 24 ?” ซูผิงมีคำถามอื่นๆ
อวิ๋นว่านหลี่ ส่ายหัว “ผมไม่รู้ เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่มีการค้นพบหอคอยมังกร ไม่มีใครรู้เหตุผล”
ซูผิงตระหนักว่ามันต้องเป็นกฎแรกเริ่มของนิ้ว มันเป็นกฎที่แปลก เขาต้องถามโจแอนนา
“ผมจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เนื่องจากคุณมีวิธีแก้ปัญหา ผมจะต้องไปจัดการเรื่องของผมแล้วตอนนี้”ซูผิงตัดสินใจว่าเขาต้องหาซูหลิงเยวี่ยก่อน
“ผมได้ยินมาว่าน้องสาวของคุณหายตัวไป มีอะไรให้ผมช่วยไหม?”
“ตอนนี้ยัง” ซูผิงกล่าวและเคลื่อนย้ายกลับไปที่อาคาร
อวิ๋นว่านหลี่ ยิ้มขมขื่นหลังจากการซูผิงหายตัวไป เขาซึ่งเป็นนักรบอสูรในตำนานในสภาวะสมุทรยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ในขณะที่ซูผิงสามารถใช้มันได้ทั้งที่เขาอยู่ในระดับกิตติศักดิ์เท่านั้น ตบหน้ากันอะไรขนาดนี้
อวิ๋นว่านหลี่ ต้องบินกลับไปที่อาคาร
คนอื่นๆ ที่รออยู่ภายในอาคารต่างสงสัยว่าซูผิงและอาจารย์ใหญ่กำลังพูดอะไรกัน
แต่สีหน้าของอาจารย์ใหญ่บอกพวกเขาว่าการสนทนาเป็นไปด้วยดี ซึ่งทำให้โม่เฟิงผิง และหานยู่เซียงโล่งใจ
“เปิดต่อ” ซูผิงพูดกับหานยู่เซียง
หานยู่เซียงบอกกับชายที่รับผิดชอบให้เปิดต่อจากที่ที่พวกเขาค้างไว้
ซูผิงเปิดดูอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็ดูบันทึกทั้งหมดเสร็จในวันที่ซูหลิงเยวี่ยหายตัวไป บางพื้นที่ไม่ปรากฏในบันทึก เขาสามารถยืนยันได้ว่าเธอออกจากหอพักแล้ว จากนั้นเธอก็ผ่านพื้นที่บ่มเพาะและก็แค่นั้น
ซูผิงดูบันทึกรอบสอง แต่ไม่พบสิ่งน่าสงสัย
ซูผิงคิดพลางขมวดคิ้วและพูดกับหานยู่เซียงว่า “รวบรวมนักเรียนทั้งหมดที่อยู่ในมหาวิทยาลัยในวันนั้น ฉันจะถามพวกเขาทีละคน”
หานยู่เซียงไม่อยากจะเชื่อ “ทีละคน?”
“เนื่องจากระบบรักษาความปลอดภัยของนายล้มเหลว นักเรียนจึงเป็นพยานที่ดีที่สุด ฉันเชื่อว่าอาจมีคนเห็นเธอในพื้นที่ที่กล้องของนายไม่ทำงาน” ซูผิงอธิบาย
หานยู่เซียงหันไปหาอาจารย์ใหญ่เพื่อขอความเห็น
รวบรวมนักเรียนทั้งหมดเพื่อให้ซูผิงถามทีละคน?
คงเป็นเรื่องยากที่จะรวบรวมนักเรียนทั้งหมด ยกเว้นการปฐมนิเทศหรือพิธีรับปริญญา
นักเรียนเหล่านั้นมีภูมิหลังใหญ่โต แม้แต่นักเรียนทั่วไปส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมให้ใครมาซักถามพวกเขา