ตอนที่ 599 ส่วนลึกของทางเดิน
หลังจากที่ซูผิงและหลี่หยวนเฟิงซ่อนตัวสำเร็จ ซูหลิงเยวี่ยก็กพูดว่า “ขอโทษ ฉันสร้างปัญหาอีกแล้ว…” เธอดูซีดเซียวและแทบจะยืนไม่ไหว
เธอรู้ว่าซูผิงมาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวก็คือเพื่อตามหาเธอ
เธอปวดใจเมื่อคิดว่าซูผิงเดินทางมาไกลจากเมืองฐานหลงเจียง ซึ่งเป็นความพยายามที่เสี่ยงอันตราย เธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา
”ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” ซูผิงมองเธอ เขาโกรธเธอและเป็นห่วงในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยหยุดสร้างปัญหาเลย
“พวกเขาหลอกให้บอลหิมะมาที่นี่ และฉันก็มาหาเธอ…” เสียงของซูหลิงเยวี่ยลดต่ำลงเรื่อยๆ
เธอเข้ามาในสถานที่นั้นเพื่อค้นหาบอลหิมะ แต่แล้วราชาอสูรร้ายก็โผล่ออกมาและล้อมเธอไว้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องวิ่งไปข้างหน้า เธอจึงมาลงเอยที่นี่
เธอตระหนักว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยราชาอสูรร้าย เธอไม่สามารถไปไหนได้ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เธอจึงซ่อนตัวและรอให้ความตายมาถึง
เธอหมดหวังแล้ว แต่เมื่อเธอคิดว่าความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอก็มองเห็นซูผิง
“พวกเขา?”
ซูผิงใช้เวลาสักครู่ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “เธอหมายถึงนักเรียนที่ชื่อหนานจากสถาบันนั่นใช่ไหม?”
“พี่รู้เรื่องนั้นด้วยเหรอ”
ซูหลิงเยวี่ยตระหนักในทันทีว่าซูผิงต้องไปที่สถาบันมา ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มาที่นี่
“พวกมันจับบอลหิมะไปได้ยังไง? นอกจากนี้สถานที่นี้ไม่อยู่ในสถาบันของเธอ ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตรายแค่ไหน? แค่อสูรมันคุ้มแล้วเหรอ?”
ซูผิงโกรธเธอ
พวกเขาสามารถหาอสูรตัวใหม่ได้ตลอดเวลา อสูรเพลิงมายาแบบก้อนถ่านนั้นไม่มีสายเลือดหายากด้วยซ้ำ
“ฉันรู้ แต่บอลหิมะเป็นอสูรของฉันมาตลอด… และนายก็ฝึกบอลหิมะ ดังนั้นเธอจึงดีขึ้นกว่าเดิม ฉันไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรอก…” ซูหลิงเยวี่ยกัดปาก น้ำตาของเธอเอ่อล้น เธอไม่ได้เสียใจที่ผิงดุเธอ เป็นเพราะเธอรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอทำ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวให้ซูผิงมาอยู่ที่นี่
เธอรู้ว่าสถานที่นี้คืออะไร เธอคิดว่าซูผิงคงเข้ามาได้ แต่กลับออกไปไม่ได้
“เธอเลยอยากมาที่นี่ และตายไปพร้อมกับบอลหิมะของเธอหรือไง?” ซูผิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
เขาอยากจะระบายความเดือดดาล แต่สีหน้าของเธอทำให้เขาหยุด
เขาอาจจะทำแบบเดียวกันถ้าบอลหิมะเป็นอสูรของเขา
“เธอพบบอลหิมะหรือยัง?”
”เจอแล้ว”
“พวกมันจับบอลหิมะมาได้ยังไงตอนแรก? บอลหิมะไม่ได้อยู่ในพื้นที่สัญญาของเธอหรอ?”
“…บอลหิมะชอบออกไปเที่ยว และฉันก็ปล่อยให้บอลหิมะอยู่ข้างนอกกับฉันเสมอ” ซูหลิงเยวี่ยกระซิบ ซูผิงกลอกตา บอลหิมะชอบออกไปเที่ยวข้างนอก เพียงเพราะเรื่องนี้มันเกือบจะฆ่าเจ้านายของมัน เขาตระหนักว่าเขาอาจฝึกบอลหิมะได้ไม่ดีนัก
“เอาบอลหิมะมาให้ฉันตอนที่เรากลับไป ฉันจะฝึกมันให้มากกว่านี้” ซูผิงเค้นคำพูดออกจากปากของเขา
ซูหลิงเยวี่ยจ้องมองเขา อย่างไรก็ตามเธอพบว่าคำพูดของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า!
แต่…
พวกเธอจะกลับไปได้หรอ? เธอหลับตาลง “ฉันขอโทษที่ลากนายมาลำบากอีกแล้ว…”
“ฉันดีใจที่เธอรู้ตัว คิดว่าลืมไปแล้วซะอีก?” ซูผิงขัดคำขอโทษของเธอ
ซูหลิงเยวี่ยเป็นผู้หญิงที่ภูมิใจในตัวเอง การขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดี เธอเสียใจจริงๆ อย่างไรก็ตามซูผิงเชื่อว่าเขาต้องทำให้เธอเข้าใจ
ท้ายที่สุดแล้วถ้ำลึกไม่ใช่สถานที่ที่จะมาหาความสนุก
หลี่หยวนเฟิงยิ้มเมื่อเห็นพี่น้องคุยกัน “เราควรกลับกันได้แล้วในเมื่อคุณเจอน้องสาวของคุณแล้ว” เขากล่าวกับซูผิง
”ครับ”
เสียงของหลี่หยวนเฟิงทำให้ซูผิงใจเย็นขึ้น “นี่ไม่ใช่ที่ที่เราจะคุยกัน ฉันจะพาเธอออกไปข้างนอกก่อน” เขาพูดกับซูหลิงเยวี่ย
ในที่สุดซูหลิงเยวี่ยก็เงยหน้าขึ้น “มีราชาอสูรร้ายอยู่ห้าตัวในบริเวณนี้ เราเจอต้องเจอพวกมันถ้าเราออกไป”
“งั้นเราจะวิ่ง” ซูผิงไม่สนใจที่จะต้องเสียเวลาในสถานที่นี้ เขาเปิดม้วนภาพ “เข้าไปพักผ่อนเถอะ”
”ฉันช่วยนายได้ จันทราได้เรียนรู้ทักษะซ่อนตัวที่ทรงพลังมาก เช่นเดียวกับที่ฉันใช้ ทักษะนี้สามารถปกปิดลมหายใจและเสียงของเราได้อย่างสมบูรณ์ นี่คือวิธีที่ฉันสามารถเอาชีวิตรอดโดยที่ราชาอสูรร้ายไม่เจอฉัน แต่ฉันไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วพอเมื่อใช้มัน…” เธอปฏิเสธที่จะเข้าไปในม้วนภาพ
ซูผิงยังสังเกตเห็นว่าทักษะที่เธอเพิ่งใช้นั้นค่อนข้างแปลก แม้ว่าเธอจะให้เหตุผลที่ค่อนข้างน่าเชื่อ เขาก็ไม่ยอมให้เธออยู่ข้างนอก “เธอไม่มีพลังดวงดาวมากนัก ไปพักผ่อนเถอะ เราหาทางออกได้ เธออยู่ข้างนอกจะทำให้เราช้าลง”
ซูหลิงเยวี่ยพยายจะเถียง
แต่หลี่หยวนเฟิงแนะนำเธอว่า “แค่ฟังพี่ชายของคุณ เราอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว และเราออกไปได้”
ซูหลิงเยวี่ยต้องยอมจำนนเพราะชายทั้งสองยืนยัน เธอเข้าไปในม้วนภาพ แต่ก่อนที่เธอจะเข้าไป เธอจ้องไปที่ซูผิงเป็นครั้งสุดท้าย “ถ้านายตกอยู่ในอันตราย ให้หนีออกไปจากที่นี่ ไม่ต้องกังวลฉัน ฉันวางใจให้นายดูแลพ่อแม่ของเรา…”
“เธอต้องโดนลงโทษก่อน หุบปากซะ” ซูผิงหยุดเธอ
เขาดันหัวของเธอเข้าไปในม้วนภาพ
ซูหลิงเยวี่ยตกลงไปในม้วนภาพ
ซูผิงปิดม้วนภาพด้วยความรุนแรง หลี่หยวนเฟิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร “เอาล่ะ ได้เวลากลับกันแล้ว” ซูผิงพูดกับหลี่หยวนเฟิง
หลี่หยวนเฟิงถามคำถามแปลก ๆ “น้องซู คุณมีแฟนหรือยัง?”
“ทำไมผมถึงต้องมีแฟน?”
ในส่วนลึกของทางเดิน
มีหลุมขนาดใหญ่ ด้านล่างของมันคือถ้ำที่อสูรทุกตัวในถ้ำลึกรวมตัวกัน
แน่นอนเมื่ออสูรเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ถ้ำก็ไม่มีพื้นที่เหลือแล้ว
โดยธรรมชาติแล้ว ผู้อ่อนแอจะถูกรังแก
ด้วยเหตุนี้อสูรร้ายเหล่านั้นจึงต้องออกจากรังของมัน และมาหาที่อยู่อาศัยในทางเดิน
กระดูกหลายชิ้นกระจัดกระจายตามขอบหลุมในถ้ำที่มืดมิด เนื้อถูกกัด ดวงตาสีแดงเข้มลืมขึ้นในความมืด
รูม่านตาขยายในแนวตั้ง โครงสร้างของมันซับซ้อน นัยน์ตาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
หวืด!
อสูรร้ายมีปีกสี่ปีกบินผ่านมา มันมีร่างกายเป็นสิงโต แต่มีหัวเป็นมนุษย์ อสูรร้ายบินลงด้านหน้าดวงตา และอสูรร้ายก็ใหญ่พอ ๆ กับรูม่านตา! อสูรร้ายสี่ปีกก้มหัวลงและกล่าวด้วยความเคารพ“ท่าน มีอะไรให้ผมรับใช้?”
ดวงตาสีแดงเข้มขยับ ได้ยินเสียงที่ลึกและดังก้อง “ฉันได้กลิ่นสิ่งที่อ่อนแอ หาตัวและฆ่าพวกมันซะ!”
แม้จะประหลาดใจ แต่อสูรมีปีกก็ยอมรับคำสั่งนั้นทันที
ตอนที่ 600 ไล่ล่า
“ชู่!”
หลี่หยวนเฟิงและซูผิงกำลังเดินทางกลับ ทันใดนั้นหลี่หยวนเฟิงก็ส่งสัญญาณให้ซูผิงเงียบ ซูผิงเข้าใจสัญญาณทันที เขากลั้นหายใจและจมลงไปในกำแพงพร้อมกับหลี่หยวนเฟิง
บูม_!
อสูรร้ายที่เต็มไปด้วยพลังและความยิ่งใหญ่คลานมาจากทางแยกในถนน ทิ้งกลิ่นเหม็นไว้เบื้องหลัง ซูผิงรู้สึกเวียนหัว
เขารีบกลั้นหายใจใช้พลังดวงดาวเพื่อขับสารพิษออกจากร่างกาย
อสูรร้ายโยกเยกไปมา หลี่หยวนเฟิงและซูผิงรอสักครู่และเริ่มเดินทางต่อ
“ผมคิดว่าอสูรเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น” หลี่หยวนเฟิงบอกใบหน้าที่เคร่งขรึม
อสูรร้ายส่วนใหญ่หลับตอนที่พวกเขาเข้ามาในทางเดิน แต่จากการนับอสูรร้ายที่พวกเขาเพิ่งเจอ พวกเขาเจออสูรร้ายกว่าสิบสองตัวขณะเดินทางกลับ
พวกเขาพบอสูรร้ายสี่ตัวที่ตอนเข้ามาหลับอยู่ แต่ตอนนี้พวกมันกำลังเคลื่อนไหวอยู่
เมื่อพูดถึงอสูรร้าย พวกมันจะใช้เวลาไปกับการหาอาหารหรือไม่ก็พักผ่อน
แต่อสูรร้ายอาจยังคงอิ่มอยู่เป็นเวลาครึ่งเดือนหรือนานกว่านั้นทุกครั้งที่ออกล่า น่าแปลกที่อสูรทุกตัวจะออกมาหาอาหารพร้อมๆกัน
“ผมคิดว่าเราต้องออกไปให้เร็วที่สุด” ซูผิงกล่าว
เขายังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างกำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่
อสูรร้ายที่ผ่านไปมาดูรุนแรงกว่าเมื่อก่อน เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ใช่ๆ”
หลี่หยวนเฟิงพยักหน้า
พวกเขาพุ่งไปตามรอยที่พวกเขาทิ้งไว้ระหว่างทางเข้ามา ทางเดินมีโครงสร้างที่ซับซ้อน เหมือนกับใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ใครๆ ก็หลงทางได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถหาทางกลับได้ด้วยเครื่องหมายที่สุนัขมังกรดำทิ้งไว้
”เดี๋ยว”
หลี่หยวนเฟิงหยุดกะทันหัน
เขาเอาหูแนบกับผนัง มีบางสิ่งทำให้เขาตกใจ เขาตะโกนว่า “วิ่ง!”
ซูผิงรู้สึกสับสน แต่หลี่หยวนเฟิงเริ่มวิ่งโดยไม่สนใจที่จะซ่อนตัว ซูผิงตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าต้องมีอันตรายร้ายแรง
หวืด! หวืด!
ทั้งสองเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในทางเดิน
ในเวลาต่อมา วังวนสีดำก็ปรากฏขึ้นในอากาศตรงหน้าพวกเขา
ปีกยื่นออกมาจากวังวนนั่นและหลังจากนั้นก็เป็นอสูรร้ายขนาดใหญ่ที่คล้ายกับสิงโต อสูรร้ายนั้นมีปีกสีดำสี่ปีกและสูงสิบกว่าเมตร ในขณะที่ความยาวของมันอยู่ที่ประมาณสามสิบเมตร อสูรร้ายมีพลังงานมหาศาล
“เจ้าตัวน้อยทั้งสอง”
อสูรร้ายสี่ปีกก้มมองลงซูผิง และหลี่หยวนเฟิงจากที่สูงพร้อมแสยะยิ้ม
ร่างกายส่วนบนของอสูรร้ายนั้นไม่เหมือนกับสิงโต แต่เหมือนมนุษย์ มันมีสี่แขนและแต่ละข้างก็ถืออาวุธที่แตกต่างกัน ไม้ ขวาน ดาบ และโซ่เหล็ก
“มันเป็นอสูรร้ายที่สภาวะว่างเปล่า!”
หลี่หยวนเฟิงรู้สึกกลัว สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่ามันไม่ใช่ราชาอสูรร้ายในสภาวะว่างเปล่าทั่วไป เขาถึงกับขนลุก เขาคงไม่รู้สึกอย่างนี้หากเขาต่อสู้กับราชาอสูรร้ายทั่วไปที่ระดับนั้น เหนือสิ่งอื่นใด เขาต่อสู้อยู่ในถ้ำลึกมาแปดร้อยปีแล้ว เขาได้ฆ่าพวกมันไปเป็นจำนวนมาก
ซูผิงหรี่ตาลง เขาสามารถสังเกตเห็นสิ่งนี้ได้ก่อนที่หลี่หยวนเฟิงจะบอกเขา
เขาคุ้นเคยกับราชาอสูรจากทุกสภาวะเพราะเขาเจอมาเยอะมาก
“มาจบเรื่องนี้กันเถอะ!” ซูผิงพูดกับหลี่หยวนเฟิง
วังวนเปิดออกและโครงกระดูกน้อยก็ออกมา
หลี่หยวนเฟิงพยักหน้า เขาเปิดวังวนของเขาเพื่อปล่อยให้ราชาอสูรร้ายของเขาออกมาเช่นกัน
เขาเปิด 12 วังวนในทันที
ราชาอสูรร้ายทั้ง 12 ตัวยืนอยู่บนทางเดิน นั่นกลุ่มอสูรที่ทรงพลังที่สุดที่เขามี
หวืด!
มังกรที่ปกคลุมไปด้วยหนามแหลมคมร้อง มังกรหายไปเมื่อมันเข้าใหล้หลี่หยวนเฟิงเหมือนรังสีแสง เขารวมเข้ากับมังกรของเขา
นักรบอาวุโสมีพละกำลังเพิ่มขึ้นในทันที เขาไปไกลกว่าสภาวะว่างเปล่าในทันที!
อสูรอื่น ๆ ไม่ได้อยู่เฉย พวกมันเริ่มปลดปล่อยทักษะ พลังงานหลากสีถูกเทลงในหลี่หยวนเฟิงเขากลายเป็นนักรบที่สวมชุดเกราะสง่างามทันทีที่เขารวมเข้ากับอสูร เขาดูเหมือนเทพที่ลงมาจากสวรรค์!
”ไปลงนรกซะ!”
หลี่หยวนเฟิงคำราม เขาดูดซับพลังงานที่อสูรของเขาแบ่งกับเขา และเข้าประชิดตัวอสูรสี่ปีกในทันที หลี่หยวนเฟิงยื่นแขนของเขาซึ่งกลายเป็นแขนขาของมังกร
พื้นที่ถูกบิด คลื่นกรงเล็บสีดำปรากฏขึ้นในอากาศ อากาศถูกห่อเป็นลูกบาศก์มีโซ่เหล็กจำนวนมากพุ่งออกมา
ปัง!
หลี่หยวนเฟิงตบอสูรมีปีก เกิดเสียงดังสนั่นและอสูรร้ายก็ถอยหลังไปหลายร้อยเมตร หลี่หยวนเฟิงได้ยินเสียงโซ่เหล็กแตกก่อนที่เขาจะโจมตีอีกครั้ง อสูรร้ายสี่ปีกส่งเสียงร้องดังขึ้นไปในอากาศ
ในไม่ช้าพลังงานรุนแรงของอสูรร้ายก็แพร่กระจายไปทั่วทางเดิน
อสูรร้ายถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่แสงสีแดงจากดวงตาของมันยังคงมองเห็นได้
“ไอ้แมลงอ่อนแอสภาวะว่างเปล่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะมาอวดดี!”
อสูรร้ายได้ก้าวมาข้างหน้าขณะที่มันคำรามอีกครั้ง คลื่นสีดำออกมาจากปากของอสูรร้าย มันกระแทกหลี่หยวนเฟิงจากระยะไกล
ชุดเกราะและโล่ของหลี่หยวนเฟิงพังทลาย เขารีบใช้แขนของเขาบังหัว แต่แรงกระแทกก็ยังกระแทกเขากระเด็นออกไป
ซูผิงรีบวิ่งเข้าไปรับหลี่หยวนเฟิงไม่ให้กระแทกพื้น… แต่ผลกระทบนั่นก็ยังทำให้เขาตกตะลึง
หวืด!
ซูผิงช่วยหลี่หยวนเฟิง “มันน่ากลัวมาก!”
หลี่หยวนเฟิงดูซีดเซียว เขาไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว แม้ว่าเขาจะใช้กำลังอย่างเต็มที่ก็ตาม อสูรร้ายสี่ปีกนั้นน่ากลัวมาก!
“มาหักปีกมันกันเถอะ!” ซูผิงเสนอ
เขาค่อยๆแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา กระดูกสีขาวปรากฏขึ้นจากใต้ผิวหนัง ปกคลุมเขาเหมือนเกราะชิ้นหนึ่ง แม้แต่ใบหน้าและปากก็เต็มไปด้วยกระดูกสีขาว ดูเหมือนว่าฟันของเขาจะงอกออกมาข้างนอก
หลี่หยวนเฟิงหรี่ตาลง “นี่คืออะไร?”
“ทักษะพิเศษ” ซูผิงเอ่ยอย่างไม่เป็นทางการก่อนจะเคลื่อนย้ายเข้าหาอสูรร้าย
นอกเหนือจากการยืมความแข็งแกร่งของโครงกระดูกน้อยแล้ว ซูผิงยังสามารถปลดปล่อยทักษะบางอย่างของโครงกระดูกน้อยได้อีกด้วย
แน่นอน เป็นทักษะระดับตำนาน
ปัง!
ซูผิงอยู่ห่างจากอสูรมีปีกเพียงไม่กี่สิบเมตร พื้นที่รอบ ๆ อสูรร้าย มีใบมีดอยู่ซึ่งสามารถตัดซูผิงเป็นชิ้น ๆ ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในพื้นที่นั้น เขาตัดสินใจใช้ทักษะทางจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นทักษะหายากที่โครงกระดูกน้อยเชี่ยวชาญ
มิติฝันร้าย!
การโจมตีทางวิญญาณสามารถข้ามอุปสรรคเหล่านั้นได้
อสูรสี่ปีกตกใจ วินาทีถัดมาจิตวิญญาณของอสูรร้ายก็ปรากฏขึ้นในมิติฝันร้ายที่ซูผิงใช้
ไปลงนรกซะ!
ซูผิงตบอสูรร้ายด้วยพลังมหาศาล
“อ๊ากกก!!”
ในที่สุดอสูรมีปีกก็มองเห็นบริเวณโดยรอบแล้ว ซูผิงที่สูงตระหง่านทำให้อสูรร้ายกลัวและโกรธ มันสามารถบอกได้ทันทีว่านั่นคืออาณาจักรวิญญาณ อสูรร้ายรู้สึกอับอายด้วยความจริงที่ว่ามนุษย์พยายามจะทำลายมันด้วยการโจมตีทางวิญญาณ
อสูรร้ายคำรามและจิตสังหารที่รุนแรงอยู่แล้วก็ยิ่งทวีความรุนแรงขณะที่มันทะยานใส่ซูผิง
ซูผิงต่อยอสูรร้าย แต่มันกลับดุร้ายกว่าเดิม มันไม่สนใจหมัดและตรึงซูผิงลงกับพื้น จากนั้นจึงพยายามฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆด้วยฟันของมัน
นั่นคือวิญญาณของซูผิง และการโจมตีมุ่งเป้าไปที่วิญญาณของเขา เจตนาฆ่าเล็ดลอดออกจากใบหน้าของซูผิง วินาทีถัดมา สนามพลังแห่งความมืดก็เปิดขึ้นด้านหลังเขา เสียงคำรามต่ำจากสมัยโบราณดังออกมาจากภายใน
ดูเหมือนจะมาจากขอบฟ้า
อสูรร้ายสี่ปีกตัวสั่นราวกับถูกโจมตีอย่างหนัก มันจ้องไปที่สนามพลังและเห็นโครงร่างของสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว
อสูรร้ายนั้นกลัวมาก
อสูรร้ายกรีดร้องในทันใด มันกลายเป็นละอองหมอกและหายวับไป
ซูผิงกลับสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
เขาเห็นบาดแผลลึกที่หน้าอกของอสูรร้าย ความเจ็บปวดนั้นดึงอสูรร้ายออกจากมิติฝันร้าย หลี่หยวนเฟิงกำลังจะระเบิดการโจมตีอีกครั้ง แต่อสูรร้ายนั้นผลักหลี่หยวนเฟิงออกไป คลื่นกระแทกอากาศบังคับให้เขาก้าวถอยหลัง
บูม!
แผ่นดินสั่นสะเทือนและภูเขาก็สั่นคลอน เถาวัลย์งอกออกมาจากกำแพงรอบตัวพวกเขา พันร่างกายและปีกของอสูรร้าย
ราชาอสูรร้ายตัวหนึ่งของหลี่หยวนเฟิงเป็นคนทำ
วินาทีถัดมาเปลวไฟแห่งความมืดก็ปะทุออกมาจากอสูรร้ายมีปีก ซึ่งเผาผลาญเถาวัลย์สีเขียวเหล่านั้น
โฮกก!
อสูรร้ายหันกลับมา จ้องมองซูผิงด้วยความกลัวและโกรธ
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 599 -600
ตอนที่ 599 -600
Posted by ? Views, Released on กุมภาพันธ์ 9, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…