ตอนที่ 615 กลับ
ซูผิงต้องพึ่งพาระบบเพื่อให้โครงกระดูกน้อยและสุนัขมังกรดำมีวิวัฒนาการ แต่มังกรจันทราเหมันต์ของซูหลิงเยวี่ยวิวัฒนาขึ้นโดยบังเอิญ เธอโชคดีขนาดนี้เลยหรอ
ขนาดมีระบบโครงกระดูกน้อยกับสุนัขมังกรดำยังต้องผ่านความผันผวนมากมายเพื่อที่จะเกิดการวิวัฒนาการ พวกมันเกิดมาเป็นอสูรขั้นต่ำ ซูผิงได้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อฝึกฝนพวกมัน…คนที่ไม่รู้จักคงนึกไม่ถึงว่าพวกมันผ่านอะไรกันมาบ้าง
“ฉันให้สุดยอดมังกรไปเหรอเนี่ย”
ซูผิงยกมือขึ้น มังกรทะเลเยือกแข็ง(ขอแก้ชื่อจากตอนที่แล้วน้า)สัมผัสได้ถึงความรู้สึกคุ้นเคยจากซูผิง และมันขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ลูบหัวของมัน
“นี่คือทะเลเยือกแข็งอสูรร้ายที่มีสายเลือดสภาวะชะตากรรม เธอต้องรักษามันให้ดี” ซูผิงพูดกับซูหลิงเยวี่ย
เธอสับสน “สภาวะชะตากรรมคืออะไร?”
“ระดับตำนานมีสามสภาวะและสภาวะชะตากรรมสูงที่สุด” ซูผิงอธิบาย “อาจารย์ใหญ่อยู่สภาวะสมุทร ซึ่งเป็นสภาวะที่ต่ำที่สุดในระดับตำนาน ในดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ฉันคิดว่าจำนวนนักรบอสูรในตำนานที่สภาวะชะตากรรมนั้นมีอยู่ไม่เกินสามคน”
ตอนที่เขาไปหอคอย เขาไม่พบใครที่อยู่สภาวะชะตากรรม
ถึงกระนั้นเขาเพิ่งเรียนรู้จากอวิ๋นว่านหลี่ว่าเจ้าหอคอยอยู่ที่สภาวะชะตากรรม
เขาไม่รู้ว่ามีคนอื่นที่เขาไม่เคยได้ยินอีกหรือเปล่า
“ไม่เกินสาม?”
ซูหลิงเยวี่ยไม่อยากจะเชื่อ ทั่วโลกมีนักรบอสูรระดับตำนานที่สภาวะชะตากรรมน้อยกว่าสามคน!
อสูรของเธอมีสายเลือดของสภาวะชะตากรรม กล่าวคือเธอจะมีโอกาสได้ยืนเคียงข้างนักรบอสูรที่ทรงพลังที่สุดในอนาคต
แน่นอน…
เธอนึกถึงระดับของตัวเอง เธอจะต้องไปถึงระดับตำนานในเมื่ออสูรของเธออยู่ในระดับนั้น เธอจะต้องยกเลิกสัญญากับมังกรถ้าเธอทำไม่ได้ มิฉะนั้นเธอจะถ่วงมังกรของตัวเอง
ซูหลิงเยวี่ยจ้องมองที่มังกรทะเลเยือกแข็ง ความคิดเหล่านั้นทำให้เธอหนักใจ
การไปถึงระดับตำนาน… นั่นคือสิ่งที่เธอคิดไม่ถึง
เป้าหมายสูงสุดของเธอคือการไปถึงระดับกิตติมศักดิ์!
เท่าที่เธอรู้ เหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ควรค่าแก่การชื่นชมจากผู้คนนับไม่ถ้วน
วันนี้เธอตระหนักว่าเธอต้องไปถึงระดับตำนาน มิฉะนั้นในอนาคตเธออาจต้องแยกทางกับมังกร!
เธออยู่กับมังกรของเธอมาเป็นเวลานาน และมังกรก็ทำให้ทุกคนตะลึงงันในช่วงลีกสูงสุด เธอได้ตระหนักในตอนนั้นว่าเธอไม่สามารถทิ้งมังกรได้
มังกรไม่ได้เป็นเพียงอสูรของเธอ แต่ยังเป็นเพื่อนและครอบครัวของเธออีกด้วย!
ซูหลิงเยวี่ยกำหมัดเบาๆ
เธอเป็นแค่ภาระของซูผิง และเธอเพิ่งเกือบจะฆ่าเขา พวกเธอหลบหนีออกมาได้เพราะโชค อย่างไรก็ตามอสูรของซูผิงถูกทิ้งไว้ในถ้ำลึก และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโครงกระดูกน้อยยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ซูผิงเป็นคนขี้แพ้ และเธอคือความหวังเดียวของครอบครัว
เธอพยายามอย่างหนักและตั้งใจเรียนในโรงเรียนเพื่อที่ในวันหนึ่งเธอจะได้เป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์เพื่อดูแลพ่อแม่และครอบครัวของเธอให้ดีขึ้น!
ถึงกระนั้นตอนนี้เธอกลับกลายเป็นภาระ แม้กระทั่งอสูรของเธอ
เธอและอสูรของเธอจะต้องแยกทางกันในที่สุดเพราะเธออ่อนแอเกินไป!
ซูผิงสังเกตว่าซูหลิงเยวี่ยกำลังมีปัญหาบางอย่าง เขาถามด้วยความสงสัย “เธอคิดอะไรอยู่?”
หญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่?
ซูหลิงเยวี่ยยักไหล่และส่ายหัว เธอแสร้งทำว่าเป็นไม่เป็นไรและพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันแค่รู้สึกว่าโลกนั้นกว้างใหญ่ ในขณะที่ฉัน…”
เล็กเกินไป!
เธอพูดไม่จบประโยค เธอรู้สึกเศร้าและรู้สึกไม่ยุติธรรม
“โลกนี้กว้างใหญ่จริงๆ” ซูผิงตอบ เขาเข้าใจเธอดี เขาได้สัมผัสกับโลกนับไม่ถ้วนเพราะมีระบบ เขาคิดว่าโลกที่เขาอาศัยอยู่อาจจะเป็นเป็นเหมือนสนามบ่มเพาะแห่งหนึ่งตามที่ระบบกำหนด
“มังกรทะเลเยือกแข็งมีทักษะที่สืบทอดมาซึ่งฉันคิดว่ามันชื่อ ถือกำเนิดในน้ำแข็ง มังกรสามารถเกาะติดกับวัตถุอื่นและปลอมตัวได้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงซ่อนตัวได้” ซูผิงกล่าว “ฉันไม่รู้ว่าทักษะนี้สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของการป้องกันได้อีกด้วย”
ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้า เธอไม่รู้รายละเอียดและเธอเพิ่งรู้เกี่ยวกับทักษะนี้ตอนที่มังกรทะเลเยือกแข็งใช้มัน เธอยังไม่ได้ค้นหาข้อมูลเฉพาะ และเธอรู้ข้อมูลบางส่วนจากประสบการณ์ของเธอเท่านั้น
“นั่นเรียกว่าอะไรนะ? ‘คนโง่มักโชคดี’” ซูผิงหัวเราะ
ซูหลิงเยวี่ยเม้มริมฝีปาก “ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้นายหัวเราะออกได้ยังไง นายไม่กังวลเกี่ยวกับโครงกระดูกของนายเหรอ?”
ซูผิงหุบยิ้ม “แน่นอน ฉันกังวล แต่ความกังวลจะช่วยอะไรได้หรือไง? ฉันต้องหาทางแก้ไข ฉันจะเศร้าตลอดเวลาก็ได้ แต่นั่นจะไม่ช่วยอะไรใช่ไหม?”
ซูหลิงเยวี่ยมองเขาแต่ยังคงเงียบ
เธอคิดว่าซูผิงแค่แกล้งทำเป็นไม่เป็นไรเพียงเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องรู้สึกไม่ดี
แต่ฉัน… สมควรได้รับสิ่งนี้หรอ?
…
…
เมืองฐานหลงเจียง
ร้านขายอสูรดวงดาว
เศรษฐกิจของเมืองฐานค่อยๆ ฟื้นตัวหลังจากถูกอสูรร้ายโจมตี การโจมตีที่ผ่านมาทำให้เมืองฐานมีชื่อเสียง
ชื่อเสียงมีอิทธิพลบางอย่าง เมืองฐานทำข้อตกลงการค้ากับเมืองฐานอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ นักรบอสูรที่ทรงพลังค่อย ๆ สนใจเมืองฐานมากขึ้น
ร้านขายอสูรดวงดาวมีชื่อเสียงมากขึ้น และผู้คนในเมืองฐานอื่นๆ รอบเมืองฐานหลงเจียงก็รู้จักร้านของเขาดี ในหมู่นักรบอสูร ตอนพวกเขาพบร้านขายอสูรที่ดี พวกเขาก็จะเล่าให้ต่อๆกัน
ซูผิงและซูหลิงเยวี่ยสังเกตเห็นการผู้คนมากมายบนถนนตอนที่พวกเขาขี่มังกรเพลิงนรกกลับมาอาคารที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนทั่วไปถูกนักรบอสูรครอบครอง ถนนสายหลักได้กลายเป็นถนนการค้าที่จัดไว้สำหรับนักรบอสูร
หวืด!
มังกรเพลิงนรกบินลงมาจากฟากฟ้าและเปลวเพลิงที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของอสูรร้ายได้แจ้งเตือนนักรบอสูรอยู่รอบๆ
”มังกร!”
“มังกรตัวนั้นคืออะไร? ฉันไม่เคยเห็นมังกรแบบนั้นเลย”
“มันเหมือนกับมังกรเพลิงนรก แต่ใช่หรือเปล่า?”
ผู้คนพลุกพล่านรอบๆ ร้านขายอสูรดวงดาว
ฉินตู้หวงซึ่งอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนสังเกตเห็นความวุ่นวายภายนอก เขายื่นเอกสารให้เลขาและออกจากอาคาร
เขาได้ดัดแปลงอาคารและทำให้เป็นอาคารที่มีระดับ
”เรากลับมาแล้ว”
ซูผิงลงจากไหล่ของมังกรเพลิงนรกและจ้องมองไปที่ร้านขายอสูรดวงดาว แม้แต่อากาศก็ยังรู้สึกคุ้นเคยและหอมหวาน
บ้านที่แสนอบอุ่น
ดวงจันทร์ที่บ้านสว่างที่สุด
“นั่นคุณซู!”
”คุณซูกลับมาแล้ว!”
ฝูงชนบางคนจำเขาได้ และตะโกนอย่างตื่นเต้น
ตอนที่ 616 ไปโลกอีกาทองคำ
”อาจารย์!”
ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกจากร้านเพื่อมาพบกับซูผิง เธอคือจงหลิงถง เธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ถังยู่หรานออกมาตามหลังเธอ เธอเหลือบมองซูผิงและยิ้ม
”ฉันกลับมาแล้ว”
ซูผิงอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้เจอพวกเธอ เขายิ้ม พยักหน้าให้พวกเธอ
ที่ร้านเปิดดำเนินการปกติ
ก่อนที่เขาจะจากไปซูผิงบอกให้โจแอนนาดูแลร้าน เธอเป็นพนักงานอย่างเป็นทางการเพียงคนเดียว และมีสิทธิ์ดูแลร้านในนามของซูผิง เพียงแต่เธอไม่สามารถให้การฝึกมืออาชีพสำหรับอสูรขั้นสูงได้
อย่างไรก็ตามเธอสามารถขายอาหารอสูร และดูแลอสูรในคอกเลี้ยงดูได้
“นายเจอน้องสาวของนายแล้ว”
ถังยู่หรานยิ้มให้ซูหลิงเยวี่ยซึ่งยืนอยู่ข้างหลังซูผิง
ซูหลิงเยวี่ยกัดปาก และชำเลืองมองซูผิง
“gTvเป็นน้องสาวของอาจารย์ของฉัน ฉันควรเรียกgTvว่าอะไรดี?” จงหลิงถงจ้องไปที่ซูหลิงเยวี่ยด้วยดวงตาที่เปียกปอน ผู้หญิงคนนี้อายุใกล้เคียงกับเธอและดูภายนอกน่าจะเป็นคนเงียบๆ ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะขี้อายเล็กน้อย ราวกับว่าเธอรู้สึกแย่ที่ทำผิด
”เธออยากจะเรียกยังไงก็เรียกเลย เรียกเธอด้วยชื่อของเธอก็ได้” ซูผิงกล่าว เขาไม่เคยสนใจเรื่องมารยาทมากมาย ไม่จำเป็นเพราะทุกคนในตอนนี้ล้วนยังหนุ่มสาวอยู่
จงหลิงถงกระพริบตา จริงหรอ?
“เธอเป็นศิษย์ของนายหรอ?” ซูหลิงเยวี่ยจ้องมองที่ซูผิงด้วยความประหลาดใจ ซูผิงมีศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
แต่ความสับสนของเธอคงอยู่ไม่นาน ซูผิงมีคุณสมบัติทุกอย่างที่จะมีศิษย์
”ใช่”
ซูผิงตอบสั้นๆ เขาเข้าไปในร้านพร้อมกับถามว่า “ตอนที่ฉันไม่อยู่ร้านโอเคดีไหม?”
”ค่ะ ร้านค้ามีชื่อเสียงไปทั่วเมืองฐานหลงเจียง ไม่มีใครกล้ามาที่นี่เพื่อสร้างความวุ่นวาย นายอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่ร้านค้าของเราถือว่าดีที่สุดในเมืองฐานหลงเจียง มีคนค่อนข้างเยอะที่รอคิวอยู่ข้างนอก และพวกเขามักจะประพฤติตัวดีอยู่เสมอ”ถังยู่หรานตอบ
ซูผิงเลิกคิ้ว มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ แต่ก็คาดเดาได้ในเวลาเดียวกัน
ร้านขายอสูรดวงดาว มีมาตรฐานสูงในทุกด้าน ดีกว่าร้านขายอสูรอื่นๆ เป็นเรื่องธรรมดาที่ร้านค้าจะมีชื่อเสียง
ตระกูลหลักทั้งห้าควบคุมอุตสาหกรรมและทรัพยากรอื่นๆ พวกเขามักจะแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่พวกเขาจะไม่มาแข่งขันกับซูผิงในธุรกิจร้านขายอสูร
นั่นคือเหตุผลที่ไม่มีอะไรขัดขวางความก้าวหน้าร้านขายอสูรดวงดาวอีกต่อไป ร้านค้าเติบโตอย่างรวดเร็วจนเป็นร้านที่ดีที่สุดในเมืองฐานหลงเจียง… แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจก็ตาม
“นายกลับมาแล้ว”
โจแอนนาลุกขึ้นจากที่นั่งด้านหลังเคาน์เตอร์
”ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” ซูผิงพยักหน้าให้เธอ
“มันเป็นงานของฉัน”
“รายได้เป็นยังไงบ้าง?” ซูผิงถาม
“เราไม่สามารถให้การฝึกมืออาชีพได้ตอนที่นายไม่อยู่ เราทำได้เพียงให้การฝึกทั่วไป ขายอาหารอสูร และจัดการคอกเลี้ยงดูเท่านั้น รายได้รวมประมาณสองล้าน” โจแอนนารายงาน
ซูผิงพยักหน้า เขาพอจะเดาได้
เขาจะไม่สามารถทำเงินได้มากหากไม่มีการฝึกมืออาชีพ แน่นอนแม้ว่าการฝึกมืออาชีพจะทำให้เขาได้เงินจำนวนมาก แต่ก็หมายถึงค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้นด้วย เขาจะต้องฝึกอสูรด้วยตัวเองสำหรับการฝึกฝนมือมืออาชีพ
“ฉันคิดว่าตัวตนดั้งเดิมของเธอคือ เทพผู้ปกครอง ฉันเข้าใจถูกไหม?”
ซูผิงนึกอะไรบางอย่างได้ พวกเขาไม่ได้อยู่ในห้องส่วนตัว ซูหลิงเยวี่ยและหญิงสาวอีกสองคนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดถึงอยู่ เขาไม่สนใจแม้ว่าพวกเธอจะเข้าใจ “เธอรู้ไหมว่าสิ่งมีชีวิตชนิดใดจะมีร่างกายที่ไม่เสื่อมสลายเมื่อตาย และความทรงจำในอดีตจะยังคงอยู่ในร่างกายนั้น”
เขากำลังพูดถึงนิ้วที่เขาเห็นในสถาบันผู้กล้า ซึ่งเป็นนิ้วที่เรียกว่าเป็นหอคอยมังกร!
“ร่างกายที่ไม่เสื่อมสลาย?”
นั่นไม่ใช่คำถามที่โจแอนนาคิดว่าจะโดนถาม “นายถามทำไม?”
“ฉันมีเหตุผลของฉัน เธอแค่ตอบมา” ซูผิงไม่ต้องการบอกรายละเอียด
โจแอนนา ไม่ได้ถามเพิ่มเติม “ร่างของเทพนักรบปกติสามารถรักษาร่างกายของพวกเขาให้ไม่เสื่อมสลายหลังจากความตายได้ชั่วขณะหนึ่ง เทพนักรบอยู่ในระดับเดียวกับระดับดวงดาว ผู้ที่อยู่ในระดับดวงดาวสามารถเข้าใจกฎของธรรมชาติและพลังของเวลาได้ นอกจากนี้พวกเขายังมีความแข็งแกร่งทางร่างกายตั้งแต่แรก พวกเขาสามารถเดินทางข้ามจักรวาลด้วยตัวเอ งและโจมตียานรบระหว่างดวงดาวได้!”
”ชั่วขณะหนึ่ง? สั้นแค่ไหน?”
ซูผิงขมวดคิ้ว
“สมัยหนึ่ง มันเหมือนกับหนึ่งแสนปีตามเวลาของนาย! แน่นอน นั่นเป็นเวลาสำหรับผู้อ่อนแอในระดับดวงดาว ผู้แข็งแกร่งในระดับดวงดาวสามารถรักษาร่างกายของพวกเขาให้คงอยู่ได้นานถึงสิบสมัย หนึ่งล้านปีอะไรแบบนั้น ตัวตนเดิมของฉันสามารถทำได้ อายุขัยของนางคือหนึ่งร้อยสมัย และร่างกายของนางจะคงอยู่ได้หลายล้านปี แม้จะตายไปแล้วก็ตาม!”
โจแอนนากล่าวต่อว่า “เทพสูงสุดสามารถรักษาร่างกายของพวกเขาให้คงอยู่ได้หนึ่งยุค! แม้จะสิ้นอายุขัยร่างกายของพวกเขาก็จะไม่สลายไป!”
ซูผิงรู้สึกว่าหน่วยวัดเวลาที่โจแอนนาใช้นั้นค่อนข้างนานมาก
เขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในระดับดวงดาวสามารถทำเช่นนั้นได้
แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในระดับดวงดาวก็สามารถมั่นใจได้ว่าร่างกายของพวกเขาจะไม่เสื่อมสลายเป็นเวลาถึงแสนปี!
นั่นเป็นเวลานาน นักรบอสูรในตำนานโดยเฉลี่ยสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียงหนึ่งพันปีเท่านั้น!
นักรบอสูรในตำนานที่สภาวะชะตากรรมสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่หนึ่งหมื่นปี!
อีกแค่ขั้นเดียวระหว่างสภาวะชะตากรรมและระดับดวงดาว แต่ใครก็ตามที่สามารถทำได้จะสนุกกับชีวิตที่ยืนยาวขึ้นมาก!
“ยุคที่เธอพูดหมายความว่ายังไง?” ซูผิงถาม
ซูหลิงเยวี่ย, ถังยู่หราน และจงหลิงถงรู้สึกงุนงง ทั้งสองคนกำลังพูดถึงอะไร?
แสนปี? ล้านปี? พวกเขากำลังแต่เรื่องหรอ?
“ยุคเป็นหน่วยเวลาที่ยาวที่สุด”
โจแอนนาถอนหายใจ “ยุคหนึ่งมีมากกว่าหนึ่งล้านสมัย! ฉันเกิดในแดนเทพอาเคี่ยน สถานที่ที่กำลังเข้าใกล้จุดสิ้นสุดของยุคโบราณในตอนนั้น ใกล้จะเข้าสู่ยุครกร้างซึ่งเป็นยุคที่ขุมกำลังทั้งหมดต่อสู้กันในสงครามป่า เมื่อเวลาผ่านไป แม้แต่แดนเทพอาเคี่ยนก็แตกเป็นเศษๆ บ้านเกิดของฉันเป็นส่วนหนึ่งของเศษซากในแดนเทพอาเคี่ยน!
“ยุคโบราณกินเวลานานหลายล้านสมัย และคนที่มีอำนาจนับไม่ถ้วนก็เกิดขึ้น บางคนเกิดและบางคนตาย แม้แต่เทพสูงสุดก็ตายไปพอสมควร อย่างไรก็ตามศพของพวกเขาจะยังคงไม่เน่าเปื่อยไปตลอดชีวิต ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้จงใจทำลายมัน!”
ซูหลิงเยวี่ยและหญิงสาวอีกสองคนงงมาก ราวกับว่าพวกเธอกำลังเรียนรู้ที่จะอ่านอักษรอียิปต์โบราณ
แต่พวกเธอพอจะเข้าใจได้ตอนที่โจแอนนาบอกว่าเธอมาจากเศษเสี้ยวของบางอย่าง
พวกเธอเชื่อมานานแล้วว่าโจแอนนาไม่ได้มาจากเขตอนุทวีป เพราะรูปลักษณ์ที่ไร้ที่ติของเธอ และความแข็งแกร่งของเธอ เธอเป็นคนลึกลับ ในที่สุดพวกเธอก็มั่นใจว่าโจแอนนามาจากที่ที่ไม่รู้จักจริงๆ
“ยุค…” ซูผิงพึมพำ เขามีความรู้สึกว่าเจตจำนงและความทรงจำที่เขาสัมผัสได้ในหอคอยมังกรไม่ได้มาจากยุคปัจจุบัน
กล่าวคือเป็นไปได้ว่าผู้สังหารสวรรค์เป็นเทพสูงสุดตั้งแต่ยุคโบราณ!
เขาคงไม่ตั้งชื่อบ้าๆ นี้ให้ตัวเองถ้ามันเป็นเพราะอย่างอื่น
นั่นห่างไกลจากฉันมากเกิน…
ซูผิงต้องการเป็นเหมือนเทพสูงสุด แต่เขารู้ว่ามันไกลเกินไป เขาส่ายหัว เขายังไม่ถึงระดับตำนาน ระดับดวงดาวยังเอื้อมไม่ถึงสำหรับเขา นับประสาอะไรกับมากกว่านั้น
ซูผิงหันกลับมาและพูดกับซูหลิงเยวี่ย “กลับบ้านเถอะ พ่อกับแม่เป็นห่วง บอกพวกเขาว่าฉันกลับมาแล้ว แต่ฉันจะไม่กลับบ้านตอนนี้ ฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำ”
”อา? โอ้ ได้”
ซูหลิงเยวี่ยตกใจ
เธอเหลือบมองโจแอนนาอย่างสงสัยอีกครั้งก่อนจะจากไป เธอรู้ว่าโจแอนนาไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาที่จะเจอตามท้องถนน เธอไม่เข้าใจสิ่งที่โจแอนนาเพิ่งพูด
“ถังน้อย ฉันมีงานให้เธอ” ซูผิงกล่าว
ถังยู่หรานละสายตาจากโจแอนนา “งานอะไร?
”ฉันแก่กว่านาย นายควรเรียกฉันว่าพี่ถัง” เธอกล่าวเสริม
“ฝันหรอ”ซูผิงตอบและบอกเธอเกี่ยวกับตระกูลของหลี่หยวนเฟิง“เธอสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ตราบใดที่เธอไม่ได้ต่อสู้กับนักรบอสูรในตำนาน ฉันจะไว้วางใจให้เธอช่วยหลี่หยวนเฟิง หากเธอทำงานได้ดี นักรบอสูรในตำนานอาจชอบเธอ และมอบของขวัญตอบแทนให้”
ถังยู่หรานกระพริบตา เขากำลังบอกให้เธอไปช่วยนักรบอสูรในตำนานดูแลตระกูลของเขาชั่วคราว?
“เขาเป็นนักรบอสูรในตำนานใช่ไหม? จะมีใครบ้างที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนักรบอสูรในตำนาน?”ถังยู่หรานอยากรู้
ซูผิงเถียงอย่างไม่พอใจ “โดยทั่วไป แน่นอนพวกเขาจะฟัง ฉันบอกให้เธอไปช่วยเพราะฉันต้องการให้เธอกำจัดคนที่จะสร้างปัญหา ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาจะต้องการเธอถ้านักรบอสูรในตำนานสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้เพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นล่ะ?
ถังยู่หรานขมวดคิ้ว “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้ที่สุด”
“เธอไม่ต้องรีบ แค่ทำมันให้ดี”
“อย่ากังวล ฉันรู้ว่าควรทำยังไง?”
ซูผิงจึงหันไปหาจงหลิงถง “ฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำ เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ในร้าน ไปเรียนด้วยตัวเองถ้ามีเวลา อาจารย์จะชี้แนะเธอ แต่เธอต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง การเป็นผู้ฝึกสอนไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทักษะการเรียนรู้และการสังเกตของเธอเอง จงรู้สึกอิสระที่จะสำรวจเส้นทางของผู้ฝึกสอนด้วยตัวเอง”
จงหลิงถงรู้สึกประหลาดใจ
“แต่อาจารย์ยังไม่ได้ชี้แนะอะไรฉันเลย”
ไม่ยุติธรรมเลย
ชี้แนะเธอ?
ซูผิงไม่ได้บอกอะไรใดๆกับเธอเกี่ยวกับการฝึกอสูรตั้งแต่เธอมาถึง เขาไม่ได้พาเธอไปไหนด้วยซ้ำ
“พูดแบบนั้นได้ยังไง? เธออยู่ในร้านของฉันไม่ใช่หรือไง?” ซูผิงชี้ไปที่ประตู
จงหลิงถงตะลึงงัน
นั่นหรอ?
ดวงตาของซูผิงยืนยันการคาดเดาของเธอ
จงหลิงถงอ้าปากแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่จ้องมองซูผิงด้วยดวงตาที่เปียกปอน
“เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว ปิดประตู ฉันมีบางอย่างต้องทำ” ซูผิงกล่าว
“วันนี้เราไม่เปิดร้านเหรอ?” โจแอนนารู้สึกประหลาดใจ เขาเพิ่งกลับมา ในฐานะที่เป็นคนเห็นแก่เงิน เขาไม่ควรเริ่มรับลุกค้าตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ?
แต่ดูเหมือนว่าซูผิงจะไม่ได้พูดเล่น โจแอนนาเลยไม่ได้ถามเพิ่มเติม
ในระหว่างนี้มีหลายคนพยายามจะเข้ามาในร้าน
ซูผิงได้ยินเสียงหัวเราะของฉินตู้หวง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุดคุณซูก็กลับมา ผมคิดว่าจะขอให้คุณฝึกอสูรของผมสักหน่อย”
ซูผิงแจ้งข่าว “วันนี้เราปิด”
“ฮะ ฮะ… อะไรนะ?”
เสียงหัวเราะของฉินตู้หวงชะงักไป เขาจ้องซูผิงด้วยความประหลาดใจ วันนี้ร้านปิด?
ซูผิงบอกให้โจแอนนาไปบอกลูกค้า
โจแอนนาออกไปข้างนอกเพื่อบอกลูกค้าที่อยู่ในแถว
พวกที่รีบมาที่ร้านก็หยุดอยู่กับที่ทันที พวกเขามองหน้ากัน จากนั้นก็ร้องไห้ออกมาด้วยความผิดหวัง
ฉินตู้หวงที่เพิ่งเข้ามาในร้านด้วยอารมณ์ร่าเริงถูกขัด ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กล้าเปิดเผยความคับข้องใจต่อหน้าโจแอนนา นับตั้งแต่เขามาถึงระดับในตำนาน เขาก็สามารถรู้สึกถึงพลังลึกลับในตัวของเธอได้ เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซูผิงถึงมอบหมายนักรบอสูรในตำนานให้มาเป็นพนักงานในร้านของเขา แน่นอนว่ามีหลายอย่างเกี่ยวกับซูผิงที่เขาไม่เข้าใจ
…
ซูผิงปิดประตู เขาและโจแอนนาอยู่ในร้านกันสองคน
“ได้เวลาจัดการธุระของฉันสักที” ซูผิงกล่าว
โจแอนนาขมวดคิ้ว เธอสามารถบอกได้ว่าซูผิงกลับมาแบบอารมณ์ไม่ดี เขาไม่ได้แสดงให้เห็น แต่เธอสามารถบอกได้ นั่นคือสิ่งที่สัญชาตญาณบอกเธอ
”นายอยากจะทำอะไรล่ะ?” โจแอนนาถาม
ซูผิงไม่ตอบ เขากำลังดูรายชื่อสนามบ่มเพาะ
“มีสถานที่ใดบ้างที่มีอีกาทองคำอาศัยอยู่?” ซูผิงถามระบบ
ระหว่างทางกลับ เขาดำเนินการตามแผน
เขาต้องการพัฒนาอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากการไปถึงระดับตำนานแล้ว เขาจะต้องพัฒนากายแสงอาทิตย์และแผนภูมิดวงดาวโกลาหลของเขา
เขาบ่มเพาะพลังดวงดาวอยู่ตลอดเวลา แต่เรื่องนั้นจะต้องใช้เวลา สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้คือพัฒนากายแสงอาทิตย์
เขาอยู่ในกายแสงอาทิตย์ขั้นแรก ความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาไปถึงระดับตำนานด้วยพลังเทพ และบททดสอบสวรรค์
เขาได้ขอให้ตระกูลใหญ่ทั้งห้าหาวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับกายแสงอาทิตย์ขั้นสองมาให้ แต่มีเพียงนายกเทศมนตรีของเมืองฐานหานเฉิงเท่านั้นที่หามาให้เขาได้สองอย่าง เขาต้องการมากกว่านั้น
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาสามารถหาวัตถุดิบที่เหลือบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้ได้หรือเปล่า
เขาได้รับแรงบันดาลใจมากมายระหว่างการเดินทางไปถ้ำลึก ทำไมไม่ไปที่ที่ซึ่งอีกาทองคำอาศัยอยู่เพื่อหาวัตถุดิบที่จำเป็นล่ะ?
สิ่งนี้จะทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้นได้อย่างแน่นอน
ถ้าเขาสามารถบรรลุกายแสงอาทิตย์ขั้นสองได้ เขาจะสามารถใช้ทักษะบางอย่างโดยกำเนิดของอีกาทองคำ นั่นจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดสำหรับเขาที่จะได้รับพลังต่อสู้มากขึ้น
”ใช่ สถานที่ที่อีกาทองคำอาศัยอยู่นั้นอยู่บนสนามบ่มเพาะอาเคี่ยนแห่งหนึ่ง ค่าเข้าสูง” ระบบเตือนซูผิง
ซูผิงตอบว่า “เอาชื่อขึ้นมา”
มีสนามบ่มเพาะมากเกินไปในรายการ มันจะเร็วกว่าถ้าระบบค้นหา และหาชื่อให้เขา
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 615-616
ตอนที่ 615-616
Posted by ? Views, Released on กุมภาพันธ์ 17, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…