ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 621 -622

ตอนที่ 621 -622

ตอนที่ 621 บททดสอบ
อีกาทองคำทั้งสามจ้องมองซูผิง แต่ไม่ได้พูดอะไร
พวกเขาสามารถบอกได้ว่าซูผิงไม่ได้โกหก
มนุษย์ผู้นี้มาที่นี่เพื่อค้นหาวัตถุดิบสำหรับกายแสงอาทิตย์ขั้นสอง
พวกเขาสามารถมองทะลุซูผิงทุกตารางนิ้วทั้งภายในและภายนอก พวกเขายังพบพลังอาชูร่าที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเขา
พวกเขาสามารถบอกได้ว่าซูผิงได้เรียนรู้กายแสงอาทิตย์ขั้นแรก และเขามีร่องรอยของพลังของอีกาทองคำอยู่ภายในตัว
อีกาทองคำนั่งอยู่ทางขวามือซึ่งดูมีอารมณ์ฉุนเฉียวถามตี้ฉง “ตี้ฉง เจ้าบอกว่าเจ้าฆ่าเขาไม่ได้ใช่หรือไม่?”
ทันทีที่อีกาทองคำเริ่มพูด ซูผิงรู้สึกถึงเจตนาฆ่าบางอย่าง!
อีกาทองคำนั่นตั้งใจจะทำร้ายเขา!
สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กำลังจะเกิดขึ้น… ซูผิงอุทานกับตัวเอง ความหวังเดียวของเขาคือระบบ
ตี้ฉงตอบคำถามของผู้อาวุโส “ใช่ ไม่เพียงแต่ผู้ชายคนนี้เท่านั้น ข้ายังฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เหล่านั้นไม่ได้ด้วย ท่านผู้อาวุโสเชิญลองตรวจสอบ”
“แน่นอน”
อีกาทองคำกำลังจะโจมตีซูผิง แต่ผู้อาวุโสสูงสุดส่ายหัว “อย่าทำอย่างนั้น มนุษย์ผู้นี้เกี่ยวข้องกับปรมาจารย์สวรรค์ซึ่งเคยช่วยเผ่าพันธุ์ของเรา เราไม่สามารถทำร้ายทายาทของปรมาจารย์สวรรค์ได้”
อีกาทองคำทางด้านขวาหยุดนิ่ง “ข้าแค่อยากจะดูว่ามนุษย์นี่แปลกอย่างที่ตี้ฉงอธิบายหรือไม่?”
ผู้อาวุโสสูงสุดถามซูผิงโดยไม่คำนึงถึงคำอธิบายของอีกาทองคำว่า “ไม่เป็นไร เจ้าช่วยบอกเราได้ไหมว่าเจ้ามาที่นี่ได้ยังไง? ข้าต้องการทราบเพราะข้าสงสัยว่ามีข้อบกพร่องในค่ายกลของเราหรือไม่ นั่นจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของทั้งเผ่าพันธุ์ของเรา ข้าหวังว่าเจ้าจะให้ความกระจ่างแก่เรา”
อีกาทองคำตัวอื่นๆ มองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดด้วยความประหลาดใจ ไม่มีอีกาทองคำตัวไหนคาดคิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะใจดีต่อสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ นี่
ซูผิงสังเกตเห็นความใจดีของผู้อาวุโสสูงสุด อย่างไรก็ตาม เขาได้รับประโยชน์จากความสัมพันธ์ของปรมาจารย์สวรรค์ เป็นอีกครั้งที่ความจริงพิสูจน์ว่ารูปลักษณ์ที่หล่อเหลานั้นมีความสำคัญ
“อืม ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ผมสามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าค่ายกลของคุณไม่มีอะไรผิดปกติ ผมไม่รู้จะบอกรายละเอียดยังไงดี…” คำถามนั้นตอบยากสำหรับซูผิง
ดาวทั้งดวงถูกปิด แต่ระบบสามารถส่งเขามาที่นี่ได้ เขาต้องยอมรับว่าระบบทรงพลังมาก
“อืม ดูสิว่าเจ้าอ่อนแอแค่ไหน เจ้าไม่รู้อะไรเลย… ไม่สามารถบอกเราได้ว่าเจ้ามาที่นี่ได้ยังไง เจ้าพูดได้อย่างมั่นใจได้อย่างไรว่าค่ายกลของเราไม่มีปัญหา?” อีกาทองคำทางด้านขวาถาม
“นั่นสิ แปลกมาก” อีกาทองคำทางด้านซ้ายเห็นด้วย
ในที่สุดผู้อาวุโสสูงสุดก็ตอบกลับหลังจากนั้นไม่กี่นาที “ไม่เป็นไร เนื่องจากเจ้ามาที่นี่เพื่อค้นหาวัตถุดิบ ข้าจะให้โอกาสเจ้าในการหาวัตถุดิบเหล่านั้น เนื่องจากเจ้าเป็นทายาทของปรมาจารย์สวรรค์ มาดูกันว่าเจ้าจะสามารถคว้าโอกาสนั้นไว้ได้หรือไม่”
นี่ถือเป็นเรื่องประหลาดใจที่น่ายินดีสำหรับซูผิง เขาไม่เชื่อว่าเขาจะรอดไปได้จากอธิบายที่เขาเพิ่งจะพูด
“ขอบคุณ ผู้อาวุโสสูงสุด” ซูผิงกล่าวทันที
ซูผิงสงบลงหลังจากที่แสดงความขอบคุณ เขาไม่เข้าใจผู้อาวุโสสูงสุด เขาโน้มน้าวผู้อาวุโสสูงสุดสำเร็จอย่างนั้นหรอ?
เขาไม่รู้
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกเขาไม่สนใจว่าฉันมาที่นี่ได้ยังไง ทำไมถึงไม่ให้วัตถุดิบกับฉันมาเลยล่ะ?ทำไมต้องให้ฉันเจอปัญหามากมาย? ฉันแน่ใจว่าคุณต้องมีวัตถุดิบที่ฉันต้องการสำหรับขั้นสองอยู่มากมาย ซูผิงบ่นในใจ การตัดสินใจของผู้อาวุโสสูงสุดยังคงให้ความรู้สึกแปลก
แน่นอน เขาไม่ได้แสดงความสงสัยออกมาดังๆ
ไม่ว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะคิดอะไร ประเด็นก็คือเขาต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ได้วัตถุดิบมา
“ทักษะที่เจ้ากำลังฝึกฝนเป็นทักษะโดยธรรมชาติของอีกาทองคำ และเมื่อเจ้าไปถึงขั้นสี่ เจ้าจะมีสายเลือดอีกาทองคำที่สมบูรณ์ เจ้าจะกลายเป็นอีกาทองคำ!”
ผู้อาวุโสสูงสุดถามว่า “เจ้าพร้อมสำหรับสิ่งนั้นหรือไม่?”
ซูผิงรู้อยู่แล้วตั้งแต่ที่เขาอ่านการแนะนำของกายแสงอาทิตย์“ใช่ ผมพร้อม” เขาตอบโดยไม่ลังเล
การเป็นอีกาทองคำไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ตราบใดที่หัวใจและจิตวิญญาณของเขายังคงเหมือนเดิม เขาก็ไม่สนใจว่าร่างกายของเขาจะมีรูปร่างยังไง
ถ้าเขาได้รับพลังที่ไร้เทียมทาน เขาก็โอเคที่จะละทิ้งร่างมนุษย์
อีกาทองคำรอบๆ จ้องมองมาที่ซูผิง นอกจากผู้อาวุโสที่นั่งทางด้านขวาซึ่งไม่เคยแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อซูผิง อีกาทองคำตัวอื่นๆ รู้สึกดีกับเขามากขึ้น พวกเขาจะรู้สึกว่าถูกดูหมิ่นหากมีสิ่งมีชีวิตอื่นต้องการเปลี่ยนเป็นอีกาทองคำ
แต่ซูผิงเป็นทายาทของปรมาจารย์สวรรค์ และนั่นเป็นตัวตนที่น่าอัศจรรย์ มันทำให้อีกาทองคำรู้สึกดี เมื่อคิดว่าผู้สืบเชื้อสายของปรมาจารย์สวรรค์อยากจะเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ของพวกมัน
“ดี” ผู้อาวุโสสูงสุดตอบ “หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เราจะมีบททดสอบปลุกพลังให้เทพอีกาทองคำรุ่นเยาว์ในเผ่าพันธุ์ของเรา ข้าจะเตรียมพื้นที่ทดสอบให้เจ้า ข้าจะให้วัตถุดิบหากเจ้าสามารถผ่านบททดสอบๆด้ ในทางกลับกัน ถ้าเจ้าทำไม่ได้ เจ้าจะต้องกลับไปที่โลกของเจ้า”
บททดสอบ?
ซูผิงรู้สึกว่าสิ่งนี้แหละที่เขากังวล “อีกาทองคำรุ่นเยาว์ อยู่ในระดับอะไร?”
“พวกเขาอ่อนแอกว่าข้ามาก ไม่ต้องกังวล”ตี้ฉงตอบด้วยการดูถูก
ซูผิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก อ่อนแอกว่าตี้ฉง ดังนั้นอีกาทองคำรุ่นเยาว์ เหล่านั้นน่าจะอยู่ในระดับตำนาน เขาพอจะมีหวังอยู่บ้าง
“โอเค” ซูผิงพยักหน้า เขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาไม่สามารถต่อรองกับผู้อาวุโสสูงสุดของอีกาทองคำได้
“ตี้ฉงพาเขาออกไป และเตรียมเขาให้พร้อม อธิบายเกี่ยวกับการบทสอบให้เขาฟังซะ” ผู้อาวุโสสูงสุดสั่ง
ตี้ฉงไม่พอใจที่ถูกสั่งให้ควบคุมมนุษย์ แต่ก็ตกลง “เจ้ามองหาอะไร? มากับข้า”ตี้ฉงกระตุ้นซูผิง
ซูผิงก็พูดไม่ออกเช่นกัน เขาอยากได้ตัวอื่น แต่เขาไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่ม ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดนั้น
“นายมีโอกาสสำหรับบททดสอบของอีกาทองคำ โชคดีแค่ไหนเนี่ย” ระบบบอกซูผิง
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น “นายรู้เกี่ยวกับบททดสอบนี้หรือไม่?”
”แน่นอน ในจักรวาลนี้ไม่มีอะไรที่ฉันไม่รู้” ระบบฟังดูภูมิใจในตัวเองมาก
ซูผิงเยาะเย้ย “นายรู้เพราะชอบสอดแนม”
“หุบปาก”
“นายสิหุบปาก”
“นายสิ”
“หุบปาก!”
ทั้งสองคุยกันต่อไปอีกนิดหน่อยณะที่ซูผิงบินไปตามกิ่งไม้พร้อมกับตี้ฉง

ทันทีที่ซูผิงไปกับตี้ฉง ผู้อาวุโสที่นั่งทางด้านขวาก็โพล่งคำถามออกมาว่า “พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงตัดสินใจให้มนุษย์คนนั้นมีชีวิตอยู่?”
ดูเหมือนผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่โกรธหลังจากโดนตั้งคำถามถึงการตัดสินใจ ผู้อาวุโสสูงสุดจ้องไปที่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่บินข้ามใบไม้และตอบว่า “ก่อนอื่น มนุษย์นั่นเป็นลูกหลานของปรมาจารย์สวรรค์ที่เคยช่วยเรา หากปรมาจารย์สวรรค์รู้ว่าเรากำลังปฏิบัติต่อลูกหลานของเขาด้วยจิตใจที่ไม่เป็นมิตร เจ้าคิดว่าเขาจะคิดยังไงกับเรา? โลกภายนอกไม่สงบสุข ข้าอยากมีพันธมิตรมากกว่าศัตรู!
“ประการที่สอง มนุษย์ผู้นี้อ่อนแอเกินไป แต่เขาสามารถเข้าสู่ดาวของเราได้โดยที่บรรพชนของเราไม่สังเกตเห็นอะไรเลย กล่าวคือไม่มีอะไรผิดพลาดกับค่ายกล แล้วเขาเข้ามาที่นี่ได้ยังไง? อะไรส่งเขามาที่นี่?
“ประการที่สาม เจ้าก็ได้ยินที่ตี้ฉงบอก มนุษย์นั่นฆ่าไม่ได้ แม้กระทั่งด้วยเปลวเพลิงของตี้ฉง ตี้ฉงเพิ่งจะโตขึ้น แต่นางทรงพลังมากกว่ามนุษย์มาก เปลวเพลิงสามารถกำจัดเทพและปีศาจได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์”
ผู้อาวุโสนั่งทางขวาถามว่า “แล้วทำไมท่านไม่ให้ข้าทดสอบเขาล่ะ? ข้าต้องการค้นหาว่าทำไมเขาถึงฆ่าไมตาย!”
ผู้อาวุโสสูงสุดมอง “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบอกให้เขาเข้ารับบททดสอบ เจ้ากับข้าต่างก็เป็นผู้อาวุโส เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์นั่นเป็นคนที่ปรมาจารย์สวรรค์ส่งมาเพื่อทดสอบเรา? ความสัมพันธ์ของเรากับปรมาจารย์สวรรค์จะสิ้นสุดลง เจ้าคิดว่าเขาจะผ่านบททดสอบด้วยความแข็งแกร่ง และสิ่งที่อยู่ภายในตัวเขาอย่างนั้นหรอ? เขาจะตายในบททดสอบ! และเมื่อเขาตาย เราจะค้นหาว่าเขาสามารถหนีจากความตายได้ยังไง หากปรากฎว่าตี้ฉงเข้าใจผิด การตายของเขาจะไม่มีอะไรน่าเสียใจ และไม่มีใครตำหนิเราถึงการตายของเขาได้”
ผู้อาวุโสทางด้านขวายังคงกังวล “ข้าเข้าใจว่าท่านจะใช้บททดสอบเพื่อทดสอบเขา แต่นี่มันไม่มากเกินไปหรอกหรือ?”
“ไม่มีอะไรมากเกินไป” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “แม้เราจะกำลังจัดการกับแมลง แต่หากปรมาจารย์สวรรค์ส่งแมลงมาที่นี่ ก็ไม่มีใครสามารถทำร้ายแมลงได้”
อีกาทองคำทางด้านขวาไม่พูดอะไรอีกต่อไป
“ข้าไม่ได้ตัดสินใจให้มนุษย์ผ่านบททดสอบเพียงเพื่อดูว่าเขาสามารถหลบหนีความตายได้หรือไม่ ตามจริงแล้ว ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะสามารถผ่านบททดสอบได้” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวเสริม
อีกาทองคำคนอื่นๆ สับสน
“เราได้ปิดดาวของเรามานานเกินไปแล้ว และเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย มันจะดีกับเราถ้าเราสามารถเรียนรู้อะไรๆจากมนุษย์คนนั้นได้บ้าง” ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจ
ผู้อาวุโสอีกสองคนตอบด้วยความเงียบ


”เตรียมตัว. ครึ่งวันที่นี่ก็เหมือน 10 วันบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!” ระบบแจ้งซูผิง
ทั้งสองคนมักจะทะเลาะกัน แต่ระบบมักจะจริงจังเสมอเมื่อพูดถึงเรื่องสำคัญ
”สิบวัน?”
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ ครึ่งวันบนดาวสวรรค์คือ 10 วันบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน?
วันหนึ่งที่นี่จะเป็นยี่สิบวันบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
“การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่นี่แตกต่างกัน ตอนนี้เราอยู่ในฤดูจันทร์ทมิฬและหนึ่งวันเท่ากับยี่สิบวันบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน วันและคืนจะยาวนานขึ้นเมื่อดาวสวรรค์เข้าสู่ฤดูเทพมายา หนึ่งวันจะเท่ากับหนึ่งปีบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!” ระบบให้ความรู้กับซูผิง
หนึ่งวันเท่ากับหนึ่งปีบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
ซูผิงตกใจกับข้อมูล
สิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้คำนวณเวลายังไง
เขานึกภาพการเคลื่อนไหวของดวงดาวไม่ได้
“อีกาทองคำอนุญาตให้นายเข้าร่วมบทดสอบ หากนายผ่านพวกมันจะให้วัตถุดิบแก่นายอย่างแน่นอน บททดสอบนี้เตรียมไว้สำหรับอีกาทองคำรุ่นเยาว์ พวกมันต้องการการกระตุ้นเพื่อให้สายเลือดของพวกมันตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์เมื่อถึงอายุที่กำหนด!
“อีกาทองคำที่ผ่านบททดสอบจะได้รับการปลดปล่อย และพลังต่อสู้ของพวกมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก! หากนายอยากจะพัฒนา บททดสอบจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนาย” ระบบกล่าวเสริม
”จริงหรอ?”
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ
ศักยภาพที่ปล่อยออกมา?
พลังต่อสู้เพิ่มขึ้น?
นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างมาก!
“บททดสอบยากไหม?” ซูผิงถาม
เขาสนใจมาก
”แน่นอน นายจะไม่ผ่านมันหากพิจารณาจากพลังของนายในปัจจุบัน” ระบบเปิดเผยความจริงที่โหดร้าย
ซูผิงพูดไม่ออก เขารู้ดีกว่าใครๆ ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่การได้ยินจากระบบนั้นกลับทำให้ความมั่นใจของเขาแย่ลงไปอีก
ซูผิงถามว่า “อย่างน้อยฉันก็มีความหวังใช่ไหม? ถ้าไม่ใช่ นายคงไม่บอกทั้งหมดนี่กับฉันหรอก”
ระบบเงียบไปสองวินาที “นายก็ไม่ได้โง่ซะทีเดียว มีวิธีผ่านอยู่แต่ก็ยาก ยังไงก็ตาม จงเรียนรู้บททดสอบจากอีกาทองคำสายเลือดระดับจักรพรรดิ”
“สายเลือดระดับจักรพรรดิ?”
นั่นเป็นคำใหม่ที่เขาได้เรียนรู้จากระบบ มีระดับที่แตกต่างกันในสายเลือดอีก?
ซูผิงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาเห็นว่าอสูรของเขากำลังประสบปัญหาอยู่ในลูกบาศก์ทอง “ปล่อยเพื่อนฉันได้ไหม? ฉันต้องการให้พวกเขากลับมาหาฉัน”
ตี้ฉงกลอกตา “เรื่องเยอะชะมัด”
ถึงกระนั้นตี้ฉงก็ย้ายลูกบาศก์ทองไปทางซูผิง จากนั้นลูกบาศก์ทองทั้งหมดก็รวมกันเป็นลูกบาศก์ทองลูกใหญ่
เขาส่งอสูรของเขากลับไปยังพื้นที่สัญญาทันทีที่พวกมันมาใกล้เขา หากมีอะไรเกิดขึ้น เขาสามารถเลือกที่จะคืนชีพแบบสุ่มและหนีจากที่นี่
เขาเรียนรู้จากระบบว่าบททดสอบอาจเป็นประโยชน์สำหรับเขา อีกาทองคำไม่พยายามที่จะรู้ถึงภูมิหลังของเขา และอนุญาตให้เขาเข้าร่วมบททดสอบ เขาสงสัยว่าผู้อาวุโสสูงสุดกำลังคิดอะไรอยู่
ผู้อาวุโสสูงสุดคนนั้นคงมีชีวิตอยู่มานานกว่าที่เขาจินตนาการได้ มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ซูผิงสามารถเข้าใจได้
“เจ้า พวกนั้น…”
ตี้ฉงรู้สึกประหลาดใจเมื่อซูผิงเก็บอสูรของเขาไว้ “มิตินั้นคืออะไร? เจ้าไม่ควรเปิดมิติแบบนั้นได้!”
ตี้ฉงไม่สามารถเชื่อได้
มันเองก็ยังทำแบบนั้นไม่ได้
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจกับความประหลาดใจของตี้ฉง “นี่คือพื้นที่สัญญา ไม่เคยเห็นมาก่อนเหรอ?”
“พื้นที่สัญญา?”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ตี้ฉงได้ยินคำนี้
ซูผิงมีความคิดและเขาตรวจสอบกับระบบ “อีกาทองคำไม่รู้เกี่ยวกับอสูรและการอัญเชิญเหรอ?”
ระบบตอบหลังจากลังเลอยู่บ้าง “อีกาทองคำปิดดาวมานานหลายปีแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่พวกมันไม่รู้เรื่องนี้ ระบบอสูรเกิดขึ้นหลังจากที่พวกมันปิดดาว และพวกมันไม่รู้”
ซูผิงพูดไม่ออก
ตอนที่ 622 เห็นแจ้ง
“พื้นที่สัญญาคืออะไร?” ตี้ฉงถามอีกครั้ง
ซูผิงได้สติ “อืม… พวกมันเป็นอสูรของฉัน พวกมันเป็นเหมือนผู้รับใช้ของฉัน แต่พวกมันก็เป็นเหมือนเพื่อนของฉัน พื้นที่สัญญาเป็นที่ที่พวกมันอาศัยอยู่ พลังของสัญญาเป็นการเปิดมิตินั้น ไม่ใช่พลังของฉัน”
“อสูร? ผู้รับใช้?”
ตี้ฉงยังคงงงงวย แต่มันก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมซูผิงถึงอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่ดูแปลก ๆ เหล่านั้น ปรากฎว่าพวกเขาต่อสู้ด้วยกัน
ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะเสี่ยงชีวิตเพื่อกันและกันทั้งที่เป็นคนละเผ่าพันธุ์
“สัญญาคืออะไร? ทำไมนายถึงมี?” ตี้ฉงยังอยากรู้อีก
ซูผิงก็ตระหนักว่านกสาวผู้นี้ช่างไร้เดียงสา เขาอดไม่ได้ที่จะอยาก… ได้เธอมาเป็นอสูร!
แต่เขาล้มเลิกความคิดนั้นทันทีที่เขาจำระดับอีกาได้
จิตวิญญาณของเขาจะระเบิดหากเขาทำสัญญากับเทพอีกาทองคำ!
ฉันหวังว่าฉันจะอยู่ที่สภาวะชะตากรรม… น่าเศร้า ซูผิงคิดกับตัวเอง เลือดของเขาเดือดพล่านด้วยความคิดที่จะหลอกให้อีกาทองคำไปกับเขา
อีกาทองคำเป็นสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ยุคโบราณ สิ่งมีชีวิตตัวแรก ถ้าเขาได้รับมาเป็นอสูรของเขา เขาแทบจะอยู่ยงคงกระพันในหมู่คนอื่น ๆ ในระดับของเขา!
“นั่นคือพลังที่ทุกคนสามารถมีได้ พวกเขาใช้ตัวเองเป็นสื่อและทำสัญญากับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เพื่อเป็นพันธมิตรในการต่อสู้…” ซูผิงพยายามทำให้คำอธิบายง่ายขึ้นเพราะเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ นกอาจไม่เข้าใจหากเขาพูดด้วยคำที่ซับซ้อน
“ทุกคนสามารถมีได้? เจ้าหมายความว่ามนุษย์ทุกคนสามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ?”ตี้ฉงรู้สึกประหลาดใจ “ดังนั้น สิ่งมีชีวิตที่เจ้าทำสัญญาด้วยต้องเชื่อฟังเจ้า?”
ตี้ฉงดูเหมือนตื่นตัว อีกาทองคำไม่เข้าใจความหมายของสัญญา แต่มันไม่ใช่นกโง่
“โดยพื้นฐานแล้วก็ใช่” ซูผิงกล่าว
ตี้ฉงเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองกับซูผิงทันที “เจ้าไม่ควรใช้พลังชั่วร้ายนั่นกับข้า มิฉะนั้น เจ้าจะตายอย่างอนาถ!”
“…”
ซูผิงพูดไม่ออก
เขาไม่พอใจกับคำเตือนของตี้ฉง“แต่มันสายเกินไปแล้ว ฉันทำสัญญากับเธอตอนเราเจอกันครั้งแรก เป็นเพียงว่าฉันไม่ได้ให้คำสั่งใด ๆ แก่เธอ และอำนาจสัญญาก็แฝงตัวอยู่ในตัวของเธอแล้ว เธอจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฉัน เมื่อฉันระดมพลังนั้น”
“ข้าไม่เชื่อ!”
ตี้ฉงตกใจ อีกาทองคำมีพลังมากกว่าซูผิง แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเกิดมาเพื่อระวังสิ่งที่ไม่รู้จัก เท่าที่ตี้ฉงสามารถบอกคือซูผิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลก เพราะไม่สามารถฆ่าได้ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแออย่างมาก!
“ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรข้า… ผู้อาวุโสจะขังเจ้าไว้ที่นี่ไปตลอดชีวิต!”ตี้ฉงเตือนซูผิง
ซูผิงหัวเราะออกมา “ฉันสามารถออกไปได้เหมือนที่ฉันมาที่นี่โดยที่เธอไม่รู้ตัว ลองดูสิ”
“ข้าจะไปหาคำตอบ”
ตี้ฉงหยุด มันกำลังจะบินกลับไปหาผู้อาวุโส
ซูผิงตกใจ เนื่องจากตี้ฉงเริ่มจริงจัง “ก็ได้ ฉันแค่ล้อเล่น ถ้าฉันทำสัญญากับเธอ ผู้อาวุโสคงจะสังเกตเห็นทันที โอเค หยุดเสียเวลาเถอะ บอกเกี่ยวกับบททดสอบมาฉันจะได้เตรียมตัวให้พร้อม”
ตี้ฉงจ้องมองเขาด้วยความสงสัยในดวงตา แต่ก็โกรธน้อยลง
ซูผิงพูดถูก
ผู้อาวุโสมีทั้งความรู้และประสบการณ์ พวกเขาจะต้องรู้ถ้าเขาทำอะไรลงไป!
ขณะที่พวกเขาอยู่ไกลจากที่ที่ผู้อาวุโสอาศัยอยู่ ตี้ฉงรู้ว่าผู้อาวุโสยังคงสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาและได้ยินการสนทนาของพวกเขา เนื่องจากผู้อาวุโสไม่ตอบสนองและออกคำเตือน เป็นไปได้มากว่ามนุษย์นี่พูดเล่น!
อืม!
มนุษย์ไร้ค่า!
ตี้ฉงพบว่ารอยยิ้มของซูผิงยิ่งน่ารังเกียจ “เจ้าจะไม่สามารถผ่านบททดสอบได้ มันเป็นพิธีของพวกเรา แม้แต่พวกเราที่แย่ที่สุดก็ยังดีกว่าเจ้าหลายร้อยเท่า!”ตี้ฉงเยาะเย้ย
ซูผิงไม่แปลกใจเพราะเขาได้เรียนรู้จากระบบเกี่ยวกับความยากของบททดสอบ “ไม่ว่าฉันจะผ่านหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ บอกฉันเกี่ยวกับมัน บางทีถ้าฉันผ่านมันได้ เธอคงจะหน้าชาเหมือนโดนตบหน้า!”
“ฝันไปเถอะ!!”ตี้ฉงตอบด้วยความละเอียด
ซูผิงรู้สึกหงุดหงิดกับความเชื่อมั่นของตี้ฉง”จริงหรอ เรามาเดิมพันกันไหม?”
“เดิมพัน?”
“ใช่ ถ้าฉันไม่ผ่านบททดสอบ ฉันจะทำทุกอย่างตามที่เธอบอก แต่ถ้าฉันสามารถผ่านบททดสอบได้ เธอจะต้องทำตามฉัน”
ตี้ฉงเข้าใจแนวคิดของ “เดิมพัน” ในทันที เธอกำลังจะตอบตกลงแต่เมื่อได้ยินเสียงในใจ “ฉงเอ๋อ วางตัวดีๆหน่อย”
นั่นคือผู้อาวุโสสูงสุด
ตี้ฉงมองย้อนกลับไป ผู้อาวุโสยังคงจ้องมองพวกเขาอยู่
แม้ว่าพวกเขาจะบินออกจากกิ่งไม้แล้ว แต่ผู้อาวุโสก็ยังสามารถเห็น และได้ยินพวกเขา ตี้ฉงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย
“ผู้อาวุโสสูงสุด มนุษย์จะไม่มีทางผ่านบททดสอบได้!”ตี้ฉงตอบในใจ
“มนุษย์คนนี้แปลก เขาเป็นทายาทของปรมาจารย์สวรรค์ เขาอาจมีทักษะบางอย่างที่เราไม่เข้าใจ เช่น ทักษะที่ทำให้เขาดูไร้ความสามารถ” หัวหน้าผู้อาวุโสกล่าวช้าๆ
ตี้ฉงจำได้ว่าซูผิงสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้งภายใต้เปลวเพลิงของเธอ
ตี้ฉงกลับมารู้สึกตัวและหันกลับมามองเขา เพียงเห็นการเยาะเย้ยของซูผิงทันใดนั้นอีกาก็พบว่าการเยาะเย้ยของมนุษย์ช่างน่ากลัว!
มันเป็นอุบาย!
ตี้ฉงรู้สึกโชคดีที่ผู้อาวุโสสูงสุดแจ้งเตือนทันเวลา ถ้าตี้ฉงยอมรับการเดิมพันนั่น มันคงเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีหากจะต้องทำตามสัญญา และซูผิงอาจขอสิ่งที่อุกอาจ!
ตี้ฉงขอบคุณดาวนำโชคแล้วเยาะเย้ยซูผิง“ข้าจะไม่เดิมพันนั้นกับเจ้า ข้ามีเกียรติมากกว่าเจ้ามาก และข้าสามารถทำอะไรได้มากมาย เจ้าทำอะไรได้บ้าง? ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำอะไรเพื่อข้า อันที่จริงเจ้าจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของข้าหากข้าต้องการ ไม่ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ก็ตาม!”
เสียงตี้ฉงฟังดูเย่อหยิ่ง
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น ดีนกนี่ไม่กินเหยื่อ
“ฉันไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่มีต้นกำเนิดในยุคโบราณจะใจปลาซิว” ซูผิงสูดลมหายใจ
“ใจปลาซิวอะไร”
“หมายความว่าเธอขี้ขลาด’
”เจ้า!”
“ข้าจะไม่เสียเวลาโต้เถียงกับเจ้า เนื่องจากผู้อาวุโสสูงสุดบอกว่าเจ้าสามารถเข้าร่วมบททดสอบได้ ข้าทำได้แค่ทำตามและบอกกฎให้เจ้าทราบ เผื่อว่าเจ้าจะกลับไปหาปรมาจารย์สวรรค์คนนั้น และตัดสินใจกลับดำเป็นขาว!”ตี้ฉงพ่นลม ตั้งแต่ยังเด็ก อีกาทองคำตัวอื่นๆ ทั้งหมดก็พูดกับเธอด้วยความเคารพ และไม่มีนกตัวใดจะโต้เถียงเธอ ตี้ฉงรู้ว่าไม่สามารถเถียงชนะซูผิงได้
ซูผิงรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถยั่วอีกาสาวได้ คำตอบของตี้ฉงก็สร้างความประหลาดใจเช่นกัน นกสวยตัวนี้มีความสุขกับสถานะที่สูงและสามารถมองเห็นภาพรวมได้ แต่ซูผิงไม่เคยรู้จักหรือได้ยินเกี่ยวกับคนที่เรียกว่าปรมาจารย์สวรรค์
ถ้าเขารู้ เขาคงไม่มาที่นี่เพื่อหาวัตถุดิบ เขาคงจะไปขอวัตถุดิบจากปรมาจารย์สวรรค์และเขาจะได้รับทั้งหมดไม่ใช่แค่ขั้นสองเท่านั้น!
“ก็ได้” ซูผิงเห็นด้วย
“บททดสอบจะทดสอบทั้งหมดสามอย่าง ความแข็งแกร่ง จิตวิญญาณ และทักษะของเจ้า!”ตี้ฉงอธิบาย “ความแข็งแกร่งจะเป็นอย่างแรกที่ถูกทดสอบ ความแข็งแกร่งของเจ้าจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานในพื้นที่ทดสอบ มิฉะนั้นเจ้าจะต้องออกจากการทดสอบ!
“บททดสอบจิตวิญญาณก็เป็นบททดสอบความมุ่งมั่นของเจ้าเช่นกัน ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ!
“บททดสอบทักษะคือการค้นหาไหวพริบของเจ้า! รายละเอียดเฉพาะของบททดสอบจะแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง เราจะรู้เรื่องนี้เมื่อผู้อาวุโสบอก
“นอกเหนือจากทั้งสาม เจ้าจะต้องจัดการกับบททดสอบแบบครอบคลุม!
“เมื่อไปถึงที่นั่น เจ้าจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี ยิ่งคะแนนสูงเท่าไร ผู้อาวุโสก็จะชอบพอมากขึ้นเท่านั้น!”
ตี้ฉงพูดอย่างภาคภูมิใจในคำพูดถัดไป “ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะมีคุณสมบัติได้ลองเป็นราชองครักษ์ เมื่อพวกเขาผ่านบททดสอบ พวกเขาจะกลายเป็นสมาชิกของกองหนุน พวกเขาจะมีโอกาสอยู่กับข้าเพื่อปกป้องข้าและชื่นชมความสวยของข้า!”
“…”
ซูผิงพูดไม่ออก…
ตี้ฉงฟังดูจริงจังในตอนแรก แต่แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องตลก
แต่ถึงกระนั้น เขาสามารถบอกได้ว่าตี้ฉงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก… นั่นทำให้เรื่องสนุกยิ่งขึ้นไปอีก!
เขาไม่เคยเห็นนกที่หน้าด้านแบบนี้มาก่อน!
ดูเหมือนว่าความเย่อหยิ่งเป็นลักษณะที่มีมาตั้งแต่ชีวิตเริ่มต้น…
“แววตาของเจ้าหมายความว่ายังไง?”ตี้ฉงถามซูผิง
ซูผิงหัวเราะ เธอคิดว่ายังไงล่ะ?
แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เสียงหัวเราะของเขาตอบแทนคำตอบของเขาแล้ว
“แสดงว่าเธอกำลังบอกว่าเธอมีสถานะสูง เป็นชนชั้นสูงที่อยู่เหนืออีกาทองคำทั้งหมดอย่างงั้นหรอ?” ซูผิงถาม เขาสามารถบอกได้จากทัศนคติของผู้อาวุโสว่านกเธอเป็นนกที่สำคัญ นอกจากนี้ระบบได้พูดบางอย่างเกี่ยวกับสายเลือดระดับจักรพรรดิ นี่ไม่ใช่นกทั่วไป
“อืม!”
ตี้ฉงไม่ได้พูดอะไรอีก ลมหายใจของมันสื่อมากกว่าคำพูด
ตี้ฉงบินไปข้างหน้าและพูดกับซูผิง”เจ้าจะเป็นคนแรกที่ถูกขับไล่ในการทำบททดสอบครอบคลุม ตอนนี้เจ้าควรรู้ว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยกับข้าอย่างใกล้ชิด และนานแบบนี้”
“…”
“บททดสอบจะเริ่มในอีกครึ่งวัน คิดเกี่ยวกับมัน อย่าทำให้ปรมาจารย์สวรรค์ของเจ้าถูกดูหมิ่น”ตี้ฉงกล่าว ความหมายโดยนัยก็คือเขาจะไม่มีวันผ่านบททดสอบ!
ซูผิงไม่มีอารมณ์จะเถียง เขามั่นใจว่าบททดสอบจะยากสำหรับเขา
มันจะต้องเป็นบททดสอบที่มีระดับสูงสุดที่เขาเคยสัมผัสมา!
บททดสอบเพื่อให้ได้มรดกของราชามังกรโบราณนั่นไม่มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับสิ่งนี้
อีกาทองคำเป็นสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุด หากบททดสอบยากสำหรับพวกมัน มันคงยากสำหรับเผ่าพันธุ์อื่น!
ซูผิงเชื่อว่าพรสวรรค์ของเขาอยู่เหนือมนุษย์ ท้ายที่สุดมีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ไม่กี่คนที่สามารถต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตสภาวะชะตากรรมได้
ถึงกระนั้นเขากลับไม่นับเป็นอะไรต่อหน้าอีกาทองคำ
ฉันมีเวลาแค่สิบวัน และไม่สามารถไปที่อื่นได้ ฉันไม่สามารถมีพลังมากขึ้น ไม่ว่าฉันจะทำยังไงก็ตาม นั่นคือเว้นแต่ฉันจะได้รับวัตถุดิบสำหรับกายแสงอาทิตย์ขั้นสอง … ซูผิงครุ่นคิด
ก่อนหน้านี้ เขาจะไปสนามบ่มเพาะและใช้สภาพแวดล้อมที่รุนแรงเพื่อดึงศักยภาพของเขามาใช้ และการตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
ถึงกระนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ผลของการฝึกดังกล่าวก็เริ่มลดน้อยลง
ท้ายที่สุดมันเป็นแนวทางเดิม
นั่นไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับเขาในตอนนี้ ทันใดนั้นซูผิงก็ตระหนักว่าเขาไม่สามารถหาวิธีพัฒนาได้ภายในสิบวัน
เขาได้รับความช่วยเหลือจากสนามบ่มเพาะมาตลอด ตอนนี้เขาต้องพึ่งพาตัวเอง
ซูผิงตระหนักว่าเขาไม่เคยได้รับความแข็งแกร่งด้วยตัวเขาเอง นับตั้งแต่เขามีระบบ
เขาพึ่งพาระบบนี้เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
ซูผิงนั่งอยู่ในลูกบาศก์ทองคำครุ่นคิด
ตี้ฉงไม่ได้รบกวนซูผิง มันบินไปยังกิ่งไม้ที่อยู่ห่างไกลออกไป
กิ่งไม้นั้นอยู่ไม่ไกลกับผู้อาวุโส แต่ตี้ฉงก็ยังต้องใช้เวลากว่าสิบนาทีถึงจะไปถึง อีกาทองคำที่เหลือจะต้องเดินทางหลายวันเพื่อจะไปถึงกิ่งไม้นั้น!

“ฉันต้องพึ่งพาตัวเอง…” ซูผิงบ่น
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์และจัดการกับความวิตกกังวลของเขา
การฝึกฝนเป็นสิ่งเดียวที่เป็นไปได้ตอนนี้!
เมื่อพูดถึงการฝึกฝนซูผิงคิดถึงเสียงของผู้คนมากมายซึ่งเป็นบทสนทนาของผู้ใต้บังคับบัญชาของโจแอนนาในหลุมศพกึ่งเทพ
ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นทั้งหมดอยู่ที่สภาวะชะตากรรมหรือแม้แต่ระดับดวงดาว บทสนทนาของพวกเขาบางครั้งก็เป็นแรงบันดาลใจให้เขา
“ต้องสะสมพละกำลัง…”
“จิตต้องแข็งแกร่ง…”
“ต้องเรียนรู้ทักษะ…”
ซูผิงหลับตาลง ในไม่ช้า เขาตัดสินใจว่าเขาจะต้องมุ่งความสนใจไปที่ “ทักษะ” ในช่วงเวลานี้วิธีเดียวสำหรับเขาที่จะก้าวหน้าคือการได้รับทักษะใหม่
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นวิธีที่ยากที่สุด

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

Status: Ongoing

ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท