ตอนที่ 597 ร่องรอย
ทางแยกระหว่างทางทำให้ทางเดินซับซ้อนมากขึ้น
หลี่หยวนเฟิงกับผิงต้องต่อสู้และพยายามหาที่ซ่อนเป็นระยะๆ ผ่านไปครึ่งวัน แม้แต่หลี่หยวนเฟิงก็ยังหลงทาง
“ผมคิดว่า… ผมหลงทาง”
ระหว่างทางแยกลี่หยวนเฟิงหยุด และเกาหัวของเขา
ซูผิงไม่เชื่อ
หลงทาง?
คุณคิดว่า?
“ผมมาที่นี่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ แต่ผมไม่คิดว่าทางเดินเป็นแบบนี้ โครงสร้างเปลี่ยนไป ผมคิดว่าอสูรร้ายตระกูลหินต้องเป็นคนทำสิ่งนี้” หลี่หยวนเฟิงฝืนยิ้มขมขื่น เขาทำเสียงราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คิ้วของเขาขมวดแน่น
การหลงทางในนี้หมายถึงอันตราย!
ก่อนที่พวกเขาเข้ามาในทางเดิน หลี่หยวนเฟิงบอกว่าพวกเขาจะต้องเดินอ้อมหากพวกเขาหลงทาง ที่นั่นพวกเขาจะพบอสูรร้ายมากมายและส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับอสูรร้าย รวมทั้งอสูรที่อยู่ในสภาวะว่างเปล่า
พวกเขาจะได้พบกับราชาอสูรที่สภาวะว่างเปล่าในบางจุด!
ซูผิงพูดไม่ออก
แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดที่จะตำหนิหลี่หยวนเฟิงในเรื่องนี้ เวลาสามารถลบหลายสิ่งหลายอย่างได้ เขาเป็นหนี้หลี่หยวนเฟิงอยู่นิดหน่อยเพราะเขาเต็มใจเสี่ยงชีวิตเพื่อทำหน้านำทางให้ซูผิง
“ผมกลับไปกับคุณก่อนดีไหม?? ผมสามารถกลับมาใหม่ด้วยตัวเองได้” ซูผิงเสนอ
ซูผิงบอกให้สุนัขมังกรดำทำเครื่องหมายระหว่างทาง แน่นอนว่าไม่ใช่เครื่องหมายปกติอย่างปัสสาวะสุนัขแน่ สุนัขมังกรดำได้เรียนรู้ทักษะการทำเครื่องหมายพิเศษด้วยตัวมันเอง มันไม่ได้อยู่ที่ปัสสาวะ แต่ทักษะนั้นเกี่ยวข้องกับน้ำลาย
พวกเขาหาทางไปต่อไม่ได้ แต่เครื่องหมายนั้นจะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะหาทางกลับได้
“ไม่” หลี่หยวนเฟิงส่ายหัว
เขาไม่สามารถนำทางต่อได้
แน่นอนว่าจะไม่มีปัญหาที่ซูผิงที่จะพาเขากลับไปอย่างปลอดภัย แต่เขาไม่ยอมรับข้อตกลงนั้น “เราต่อสู้เพื่อมาที่นี่ เรารบกวนอสูรอื่นที่อยู่ใกล้เคียง เรายังได้ฆ่าอสูรร้ายในรังของมัน และที่ว่างเหล่านั้นก็จะถูกอสูรอื่นๆครอบครองในไม่ช้าเช่นกัน การกลับไปจะอันตรายกว่า เราควรเดินหน้าต่อไป”
หลี่หยวนเฟิงกล่าวต่อ “ตอนนี้ผมไม่รู้เรื่องทิศทางมากนัก แต่ผมมีประสบการณ์ที่สามารถช่วยคุณได้ ผมเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะมากับคุณแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับผม น้องซูผมหวังแค่ว่าคุณจะเลิกตามหาน้องสาว ออกจากที่นี่และใช้ชีวิตต่อไป!”
ซูผิงถึงกับพูดไม่ออก
“ผมแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ” ซูผิงกล่าวหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
เขารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของหลี่หยวนเฟิง
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขายอมรับข้อเสนอของหลี่หยวนเฟิงในการมากับเขา ซูผิงจึงตัดสินใจว่าเขาจะช่วยหลี่หยวนเฟิง
หากมีคนส่งหยดน้ำมาให้ตอนลำบาก ฉันจะตอบแทนน้ำใจของคนๆนั้นด้วยน้ำพุ นั่นคือหลักการที่ซูผิงยึดถือมาตลอด
แน่นอนกฎเดียวกันนี้ใช้กับความชั่วร้ายด้วยเช่นกัน
หลี่หยวนเฟิงตบไหล่ผิงเบา ๆ เขามองไปที่ทางข้างหน้า พลังดวงดาวพุ่งออกมาจากหลี่หยวนเฟิง และวูบวาบไปในอากาศ มีบางอย่างดึงพลังดวงดาวไปทางซ้าย
หลี่หยวนเฟิงกล่าวว่า “พวกเราไปทางขวากันเถอะ”
ซูผิงเข้าใจความตั้งใจของเขาที่ปลดปล่อยพลังดวงดาวออกมา
เขาจะใช้วิธีการนั้นเพื่อค้นหาเส้นทางในสนามบ่มเพาะ นักรบที่ช่ำชองมักจะรู้วิธีการที่คล้ายกัน
พลังดวงดาวที่ลอยไปทางซ้ายหมายความว่ามีอสูรร้ายที่ดูดซับพลังดวงดาวในทิศทางนั้น ดังนั้นการไปอีกทางหนึ่งจึงปลอดภัยกว่า!
“แน่นอน”
ซูผิงตบสุนัขมังกรดำและพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับหลี่หยวนเฟิง
ภายในม่านพลังในทุ่งน้ำแข็ง
ชายหนุ่มหน้าตาดีและมีผมสีเข้มแสดงความกังวล “ฉันอยากรู้ว่าพวกเขาเจอทางออกหรือยัง”?
ชายชราคนหนึ่งบอกถึงความกังวลของเขาว่า “ฉันหวังว่าเฒ่าหลี่จะไม่เป็นไรและชายหนุ่มนั่นจะปลอดภัย เมื่อเด็กคนนั้นไปถึงระดับตำนาน เขาจะมีศักยภาพพอเห็นหัวหน้าหอคอย” เขาคือคนที่เตือนซูผิงให้ระวังคำพูดของเขา
เย่อู่ซิวถอนหายใจ “ฉันไม่กังวลเกี่ยวกับพวกเขา ฉันกังวลสิ่งที่อสูรร้ายกำลังทำอยู่มากกว่า”
“หัวหน้ากังวลว่าทางเข้าอื่นๆ อยู่ในสถานการณ์เดียวกันใช่ไหม?” มีคนถาม
เย่อู่ซิวพยักหน้าขณะที่เขาถอนหายใจอีกครั้ง “ถ้าเป็นอย่างนั้น อสูรร้ายจะออกมาจากทางเดินมากขึ้น พวกมันจะกำจัดพวกเรา และในที่สุดก็จะไปโลกภายนอกได้ หอคอยจะไม่มีวันจัดการได้ทันเวลา” คนอื่นๆ มองหน้ากันเงียบๆ
ถ้ำลึกเป็นเหมือนเต่าที่บรรจุราชาอสูรร้ายไว้ใต้กระดอง
กระดองนั้นแข็งมาก ราชาอสูรร้ายไม่สามารถทำลายกระดองได้
อย่างไรก็ตามช่องเปิดสำหรับแขนขา หาง และคอแสดงถึงโอกาสที่ราชาอสูรจะรอดออกไป
นักรบอสูรในตำนานต้องดูแลช่องเหล่านั้น พวกเขาทำงานของพวกเขาได้เพราะพวกเขาต้องจัดการกับราชาอสูรร้ายเพียงไม่กี่ตัวในแต่ละครั้ง ทั้งหมดเป็นเพราะภูมิประเทศ
อย่างไรก็ตามมันจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงหากราชาอสูรร้ายสามารถผ่านพวกเขาและไปถึงโลกภายนอกได้
จำนวนนักรบอสูรระดับตำนานในหอคอยมีจำกัด เมืองฐานเหนือพื้นดินจะถูกทำลายเมื่อพวกเขาต้องจัดการกำจัดราชาอสูรทั้งหมด!
“ฉันคิดว่าพวกเขาสามารถตรวจสอบสถานการณ์ในทางเดินได้ ถ้าพวกเขาสามารถกลับมา…” ชายวัยกลางคนพูดไม่จบ
คนอื่นๆ เข้าใจทันทีว่าทำไมเย่อู่ซิวถึงยอมให้หลี่หยวนเฟิงไปกับซูผิง
หลี่หยวนเฟิงไม่เพียงแต่ไปเพื่อปกป้องซูผิง แต่ยังไปรวบรวมข้อมูลอีกด้วย!
พวกเขาอยู่ในถ้ำลึกนานเกินไปที่จะปฏิเสธความคิดดังกล่าว พวกเขาไม่กังวลเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง พวกเขาแค่หวังว่าความพยายามทั้งหมดของพวกเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะไม่สูญเปล่า!
“มีเพียงคนในสหพันธ์เท่านั้นที่ช่วยเราได้…” จู่ๆ ชายคนหนึ่งก็อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“อย่าพึ่งสหพันธ์ พวกเขาคิดว่าดาวเคราะห์สีน้ำเงินเป็นสถานที่ที่ถูกทิ้งร้าง นอกจากรัฐบาลแล้ว คงไม่มีใครอยากจะเสียทรัพยากรไปกับการทำความดีในรูปแบบนี้” ความคิดนั้นถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา
ทุกคนส่ายหัว พวกเขาไม่เคยฝากความหวังไว้กับสหพันธ์เลย สหพันธ์?
พวกเขามีคนที่อยู่เหนือระดับตำนาน!
หนึ่งในคนดังกล่าวสามารถกักขังอสูรร้ายในถ้ำลึกได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และแก้ปัญหาที่แสนเจ็บปวดสำหรับดาวเคราะห์สีน้ำเงินซึ่งฝักรากลึกมานานกว่าพันปี!
แต่…
ไม่มีใครยินดีที่จะเสียพลังงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเขาไปกับดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
มันเหมือนกับมหาเศรษฐีที่ไม่ยอมไปหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลเพียงเพื่อบริจาคเหรียญดวงดาวนั่นแหละ
พวกเขาไม่อยากตำหนิคนเหล่านั้น
เพราะถ้าพวกเขาเป็นคนที่มีอำนาจ พวกเขาจะไม่สังเกตเห็นปัญหาเล็กน้อยบนดาวเคราะห์น้อยเช่นกัน
สามวันผ่านไป
ภายในถ้ำลึก
ซูผิงและหลี่หยวนเฟิงซ่อนตัวอยู่ข้างกำแพงอยู่ครู่หนึ่ง
พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเขายังไม่พบทางออกหลังจากผ่านไปสามวัน พวกเขายังต้องเล่นซ่อนหาอยู่ในนี้ เมื่อไม่สามารถซ่อนได้ พวกเขาก็จะวิ่งหนี หรือกำจัดอสูรร้ายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้ในตอนแรก แต่ภายหลังก็เลือกที่จะวิ่งทุกครั้งที่ทำได้เพื่อเก็บพลังงานเอาไว้
“ทางเปิดต้องนำไปสู่ทุ่งพายุซึ่งอยู่ระหว่างทุ่งน้ำแข็งและทุ่งไฟ ผมคิดว่าเราไม่น่าจะอยู่ห่างจากทุ่งไฟมาก” หลี่หยวนเฟิงกระซิบ
พวกเขาพบวังวนและลองใช้มันเมื่อวันก่อน และมาลงเอยในทุ่งพายุซึ่งเป็นโลกที่ปราศจากดินและน้ำ พวกเขาไม่สามารถหาที่ที่จะเหยียบได้ นักรบอสูรในตำนานจะต้องบินไปในอากาศตลอดทั้งปี พวกเขาใช้สมบัติที่สามารถทำให้พวกเขายืนบนอากาศได้
พลังดวงดาวของพวกเขาจะหมดลงหากพวกเขาต้องพึ่งพาตนเองเพียงอย่างเดียว
หลี่หยวนเฟิงและซูผิงออกจากทุ่งพายุและค้นหาต่อไป
พวกเขาใช้เวลาสามวันที่ผ่านมาด้วยความระมัดระวังอย่างมาก
บูม_!
อสูรร้ายผ่านมาจากมุมหนึ่ง มันเป็นส่วนผสมระหว่างงูกับแมลง
มันไม่ได้สังเกตพวกเขา
พวกเขาหยุดปิดบังตัวเอง และเห็นทางข้างหน้าเมื่อมันจากไป
”เดี๋ยว!”
ทันใดนั้น ซูผิงสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างส่องประกายบนทางที่อสูรร้ายเพิ่งผ่านไป
เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ เขาสังเกตเห็นว่ามันเป็นเกล็ดเงิน!
ตอนที่ 598 พี่
หวืด!
ซูผิงเดินไปหยิบเกล็ดเงินและกลับมายังที่ซ่อนของพวกเขา
เกล็ดนั้นวาววับ เขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของมังกร “มันดูเหมือนเกล็ดของมังกรจันทราเหมันต์ แต่มีบางอย่างแตกต่าง…”
ซูผิงมีสีหน้าเคร่งขรึม การเจอเกล็ดนี่มีทั้งดีและไม่ดี
ที่ดีคือในที่สุดเขาก็ค้นพบร่องรอยของซูหลิงเยวี่ย สิ่งที่ไม่ดีก็คือเขาเจอเบาะแสในถ้ำลึก
ซูหลิงเยวี่ยเข้ามาในทางเดินจากทุ่งไฟหรือเปล่า?
หากเป็นกรณีนี้ซูผิงจะต้องละทิ้งความหวังสุดท้ายที่เขามี
เขาเจอราชาอสูรร้ายทุกที่ในทางเดิน การอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ยังเป็นอันตรายสำหรับเขา นับประสาอะไรกับซูหลิงเยวี่ย
”เกิดอะไรขึ้น?”
หลี่หยวนเฟิงสังเกตเห็นสิ่งที่ซูผิงถืออยู่ “เกล็ดนี่เกี่ยวอะไรกับน้องสาวคุณหรือเปล่า?”
“เกล็ดนี่มาจากอสูรของน้องสาวผม”
หลี่หยวนเฟิงหน้าซีด “นั่นไม่น่าเป็นไปได้ น้องสาวของคุณจะต้องผ่านทุ่งไฟและที่นั่นมีนักรบอสูรในตำนานอยู่ พวกเขาจะต้องห้ามเธอแน่ หัวหน้าของเราไปหาพวกเขา พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่เห็นน้องสาวของคุณ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะอยู่ที่นี่!”
ซูผิงไม่เห็นด้วยกับเขา หลี่หยวนเฟิงพูดถูก
อย่างไรก็ตาม… เกล็ดนี่เป็นข้อพิสูจน์!
เขาไม่มีทางจำผิด!
หรือเป็นเพราะอสูรร้ายตัวนั้นในทุ่งไฟเอาเกล็ดมา?
ซูผิงคิดถึงอสูรร้ายตัวนั้น เขายืนขึ้นหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ผมจะไปจับราชาอสูรร้ายตัวนั้นเพื่อถามบางอย่าง”
หลี่หยวนเฟิงใช้เวลาคิดหนึ่งวินาทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตกลง
เขาเองก็อยากรู้เช่นกัน สามวันที่ผ่านมาร่วมกันบอกหลี่หยวนเฟิงว่าซูผิงเป็นคนที่ระมัดระวัง เขาช่ำชองมากเรื่องเทคนิคการซ่อนเร้น
ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ชายหนุ่มจะเข้าใจผิด
เรื่องทั้งหมดนี่มันแปลก
“ราชาอสูรร้ายนั้นอยู่ในสภาวะสมุทรเท่านั้น มาจบเรื่องนี้กันเถอะ”หลี่หยวนเฟิงพูดกับซูผิง
ซูผิงพยักหน้า
พวกเขาซ่อนตัวเมื่อราชาอสูรร้ายนั้นขยับเข้ามาใกล้ ไม่ใช่เพราะพวกเขากลัว แต่เพราะพวกเขาเก็บแรง หลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น และเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ไปทำให้ราชาอสูรร้ายตัวอื่นรู้ตัวอีก หวืด! หวืด!
พวกเขาไปข้างหน้าในโหมดซ่อนตัว
พวกเขารีบตามอสูรร้ายนั่นไป
พวกเขาทำงานเป็นทีมค่อนข้างดี พวกเขาเข้าใกล้อสูรร้ายจากสองข้างและฟาดมันอย่างกะทันหัน
ราชาอสูรร้ายโชคร้ายเพราะมันอยู่ในสภาวะสมุทร หลี่หยวนเฟิงคนเดียวก็สามารถจัดการมันได้ และซูผิงก็อยู่ด้วย ทั้งสองโจมตีมันก่อนที่มันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ซูผิงหยิบม้วนภาพออกมาและยัดราชาอสูรร้ายเข้าไป
หลี่หยวนเฟิงรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าซูผิงมีสมบัติมิติที่น่าทึ่งเช่นนี้
ซูผิงเรียกโครงกระดูกน้อยออกมา มอบม้วนภาพให้หลี่หยวนเฟิง และเข้าไปในม้วนภาพ
“นั่นคือ… ราชาอสูรเหรอ?!”
หยานปิงเยว่ยังคงอยู่ในม้วนภาพ และเธอไม่รู้เวลา เธอจะนอนหรือไม่ก็บ่มเพาะ การปรากฏตัวของอสูรร้ายอย่างกะทันหันทำให้เธอตกใจ
ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความกลัวเมื่อเธอพบว่าสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นราชาอสูรร้าย
ราชาอสูรร้าย!
ราชาอสูรร้ายที่มีชีวิต และหายใจอยู่ตรงหน้าฉัน!
เธอเคยเห็นอสูรร้ายระดับเก้าขั้นสูงสุด และพวกมันก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับราชาอสูรร้ายนี่เลย แค่เพียงลมหายใจจากราชาอสูรร้ายก็ทำให้เธอหายใจไม่ออก
หวืด!
ซูผิงลงมา และยืนอยู่บนราชาอสูรร้าย
หยานปิงเยว่กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เธอกัดฟันด้วยความเกลียดชัง เขาคือคนที่เก็บเธอมาไว้ในนี้
“นี่คืออสูรของนายหรอ?” หยานปิงเยว่ถาม
ซูผิงชำเลืองมองเธอแต่ไม่ตอบ เขาใช้พลังดวงดาวทำเป็นสว่านและเจาะหัวของราชาอสูรร้าย
ความเจ็บปวดปลุกราชาอสูรร้ายให้ตื่น
โฮ่กกก!
ราชาอสูรร้ายคำราม และจ้องไปที่ซูผิงพร้อมที่จะโจมตี
ซูผิงเปิดวังวนของเขา และมังกรเพลิงนรกก็ออกมา มันมองราชาอสูรร้ายจากที่สูง
ราชาอสูรร้ายหยุดระบายความโกรธ มันถูกมังกรเพลิงนรกข่ม
มังกรเป็นราชาของสัตว์เดรัจฉาน และเป็นเช่นนั้นแม้กระทั่งในหมู่ราชาอสูรร้าย ในขณะที่อยู่ในระดับเดียวกัน มังกรและอสูรปีศาจก็ยังถือว่ามีพลังมากที่สุด
มังกรเพลิงนรกน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อมันได้รับสายเลือดของมังกรเลือดม่วง
หยานปิงเยว่เบิกตากว้าง
เธอเคยเห็นอสูรตัวนี้ แต่มันดูแตกต่างไปจากเดิมมากเกินไป!
ความแตกต่างของรูปลักษณ์ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เธอสังเกตเห็น เธอยังรู้สึกว่าการปรากฏตัวของราชาอสูรร้ายนั่นแค่ทำให้เธอหายใจลำบาก แต่มังกรเพลิงนรกเกือบจะบีบให้หัวใจเธอหยุดเต้น!
อะไรในตัวมังกรตัวนี้ที่ทำให้มันน่ากลัวขนาดนี้?
โลกภายนอกผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?
อสูรของผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
เมื่อเขาควบคุมราชาอสูรร้ายได้แล้ว ซูผิงหยิบเกล็ดเงินออกมาและเริ่มถามคำถาม
ราชาอสูรร้ายทำตัวดีเพราะแรงกดดันจากการจ้องของมังกรเพลิงนรก กฎแห่งป่ากำหนดให้ราชาอสูรร้ายไม่กล้าขัดมังกรเพลิงนรก ไม่อย่างนั้นมันจะถูกกิน
ในไม่ช้าซูผิงพบว่าราชาอสูรร้ายไม่รู้จักเกล็ดเงิน และไม่ได้ออกจากทางเดิน
ซูผิงรู้สึกงุนงงซูหลิงเยวี่ยอยู่ที่นี่จริงหรือเปล่า? ครู่ต่อมาซูผิงบอกให้มังกรเพลิงนรกกลับไปยังพื้นที่สัญญา จากนั้นจึงฆ่าราชาอสูรร้ายก่อนที่เขาจะออกไป ราชาอสูรสามารถทำลายโลกในม้วนภาพได้หากเขาไม่อยู่ด้วย และเขาไม่มีสมบัติมิติอื่นๆไว้ขังราชาอสูร หากสิ่งมีชีวิตนั้นออกไป มันก็จะวิ่งหนีไปและทำให้ราชาอสูรร้ายตัวอื่นๆ หลุดมือไป
ซูผิงฆ่าราชาอสูรร้ายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้หยานปิงเยว่ตกตะลึง เธอฉวยโอกาสแล้วถามก่อนเขาจะออกไปว่า “เมื่อไหร่จะให้ฉันออกไป?”
ซูผิงไม่แม้แต่จะมองเธอ
หยานปิงเยว่กัดปาก และกระทืบเท้า
ซูผิงเก็บม้วนภาพ
“เป็นยังไงบ้าง?”
“ราชาอสูรร้ายไม่เคยออกจากทางเดิน”
ซูผิงถามว่า “พี่หลี่ คุณแน่ใจหรือว่าทางเข้าทางเข้านั้นได้รับการปกป้องจากนักรบอสูรในตำนาน? มีทางเข้าอื่นอีกหรือเปล่า?”
“ไม่ ไม่มี” หลี่หยวนเฟิงส่ายหัว “ถ้ำลึกมีขนาดใหญ่ และลึกลับ กล่าวกันว่าเกิดขึ้นในสมัยโบราณ นอกจากเส้นทางที่มีอยู่แล้ว สถานที่อื่นๆ ก็ได้รับการเสริมกำลังอย่างแน่นหนา เว้นแต่นักรบอสูรในตำนานในทุ่งไฟจะละเลยหน้าที่ของพวกเขา หรือพวกเขา… ไม่อยู่ที่นั่น
“แต่หัวหน้าของเราติดต่อพวกเขาไม่นานมานี้ ถ้าน้องสาวของคุณอยู่ที่นี่ คำอธิบายเดียวก็คือว่านักรบอสูรในตำนานที่ประจำอยู่ที่นั่นละเลยหน้าที่ของพวกเขา!”
ซูผิงพยักหน้า เขาไม่ได้พบกับนักรบอสูรในตำนานในทุ่งไฟและไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าพวกเขาละเลยหน้าที่ของพวกเขาหรือเปล่า
“เราไปดูรอบๆ กันเถอะ เรายังหาทางไปทุ่งไฟไม่ได้เลย เธอไม่น่าจะอยู่ห่างจากเราถ้าเธออยู่ที่นี่” ซูผิงกล่าว
หลี่หยวนเฟิงพยักหน้า
เขามาที่นี่เพื่อเป็นคนนำทาง แต่แล้วก็หลงทางตั้งแต่เข้ามาได้ครึ่งวัน พวกเขาประสบปัญหาร้ายแรงในช่วงสามวันที่ผ่านมา เป็นเรื่องดีที่ซูผิงมีความสามารถมากกว่าที่เขาคิดไว้ พวกเขาสามารถแก้ปัญหาร่วมกันได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะตายไปแล้ว
หวืด! หวืด!
ทั้งสองกลับมายังจุดที่พวกเขาพบเกล็ดเงิน และค้นหาอย่างระมัดระวังตามทางเดิน
ในไม่ช้าเขาก็พบเกล็ดเงินอีกสองเกล็ด
ซูผิงไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของเขายังไง เขาตื่นเต้นและกลัวในเวลาเดียวกัน
บางครั้งพวกเขาก็มาจบอยู่ที่ทางตัน ในขณะที่บางครั้งพวกเขาก็วิ่งเข้าไปในถ้ำที่ราชาอสูรร้ายหลับใหล
ซูผิงพบเกล็ดเงินเพิ่มขึ้นหลังจากผ่านไปครึ่งวัน
พวกเขามาถึงถ้ำที่มืดและมีกลิ่นเหม็น ซูผิงและหลี่หยวนเฟิงอึกอักเมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนแรง
“พี่?”
เสียงนั้นเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ความเงียบสนิททำให้มันดังชัดเจน หลี่หยวนเฟิงและซูผิงตกใจ
ซูผิงจำเสียงนั้นได้ เขาไม่อยากจะเชื่อ
เขาหันไปมอง เขาพบหญิงสาวคนหนึ่งค่อยๆ แสดงตัวให้เห็น เธออยู่ข้างกำแพงที่มืดมิด
มันคือซูหลิงเยวี่ย!
ซูผิงไม่อยากจะเชื่อ แต่ไม่นานก็ละทิ้งความสงสัยและคำถามทั้งหมดของเขา
เขาดีใจมาก
เขาเจอเธอแล้ว!
เธอยังมีชีวิตอยู่!
ซูผิงรีบวิ่งไปหาและกอดเธอ
หลี่หยวนเฟิงยังคงมึนงง แน่นอนว่าเขาสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวของซูผิง แต่เขาไม่คิดว่าพวกเขาจะพบเธอที่นี่ และยังมีชีวิตอยู่ น่าทึ่งมาก!
เขาพบว่าน้องสาวของซูผิงอยู่ในระดับหกหรือเจ็ดเท่านั้น โดยอ้างอิงจากการพูดคุยครั้งก่อนของเขากับซูผิง ไม่น่าเชื่อว่าเธอสามารถเข้ามาในถ้ำลึกได้ ไม่ต้องพูดถึงทางเดิน หลี่หยวนเฟิงเกือบจะเชื่อว่าหญิงสาวตายไปแล้ว ช่างเป็นปาฏิหาริย์!
การได้เห็นการกลับมาพบกันของพี่น้องทำให้หลี่หยวนเฟิงยิ้มออก
ซูผิงหยุดกอดเธอและสงบสติอารมณ์ เขาเห็นว่าซูหลิงเยวี่ยดูแปลกๆ เขาปล่อยแขนของเธอและมองเธอขึ้นลง เธอถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีเงิน และหน้าที่ซีดเซียวแสดงให้เห็นว่าเธออ่อนแอ รูม่านตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีทอง “นี่คืออะไร?” ซูผิงถาม เธอรวมเข้ากับอสูรของเธอ? แต่ซูหลิงเยวี่ยไม่ได้อยู่ในระดับตำนาน!
“เดี๋ยวนะ พี่มาทำอะไรที่นี่?” ซูหลิงเยวี่ยคิดอะไรบางอย่างออก เธอดูเขินอายและประหม่า เธอมองไปรอบ ๆ และปลดปล่อยพลังดวงดาวเพื่อห่อหุ้มซูผิงกับหลี่หยวนเฟิง แสงสีเงินที่ส่องลงมาซ่อนตัวตนของพวกเขาจนเกือบจะมองไม่เห็น
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 597-598
ตอนที่ 597-598
Posted by ? Views, Released on กุมภาพันธ์ 8, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…