ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 665-666

ตอนที่ 665-666

ตอนที่ 665 หอกเทพหิน
ราชาอสูรร้ายที่เหมือนภูเขานั้นเป็นอสูรตระกูลหิน และทักษะนี้ก็สามารถต้านทานสายฟ้าได้ ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น แต่เขาไม่แปลกใจเลย สายฟ้าแลบและเกิดเป็นลูกบอลไฟ
เพลิงอีกาทองคำ!
เพลิงสีทองบริสุทธิ์โดดเด่น แปรเปลี่ยนจากสายฟ้าริบหรี่เปลี่ยนเป็นสีทอง!
มีบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้เกี่ยวกับเพลิงสีทอง ราชาอสูรร้ายขนาดมหึมาหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจ
ราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมมักจะสามารถแยกแยะพลังงานที่แตกต่างกันได้
ราชาอสูรร้ายคิดว่าเปลวเพลิงสีทองที่ปล่อยออกมาจากมือของเขาดูเหมือนจะเกินความเข้าใจ
มีส่วนผสมของธาตุต่าง ๆ ที่ไม่ควรรวมกัน แต่มนุษย์นั้นสามารถรักษาสมดุลระหว่างส่วนผสมของพลังงานนั้นได้
เปลวเพลิงสีทองทำให้ราชาอสูรร้ายตื่นตระหนก มันให้ความรู้สึกเป็นลางไม่ดี อสูรร้ายมั่นใจว่าไฟเป็นสิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง!
โฮก!!
ราชาอสูรร้ายคำรามอย่างโกรธจัด พื้นดินกลับด้านและมีกำแพงผลึกสีเข้มจำนวนมากผุดขึ้นจากด้านล่าง ใบหน้าของผีบางส่วนถูกแกะสลักไว้บนผนัง นั่นคือทักษะขั้นสูงระดับตำนานกำแพงหน้าผี!
ดวงตาบนใบหน้าของผีลืมขึ้นราวกับว่าพวกมันมีชีวิตขึ้นมา ขณะที่เพลิงสีทองและสายฟ้าฟาดลงบนผนัง ใบหน้าของผีน่ากลัวจนผู้คนรู้สึกว่าเลือดของพวกเขาแข็งตัว
บูม!
กำแพงแตก เพลิงสีทองสามารถละลายทุกอย่างได้ ใบหน้าของผีบิดเบี้ยว
ราชาอสูรร้ายที่เหมือนภูเขาคำรามและสร้างกำแพงผลึกขึ้น ในที่สุดเพลิงสีทองและสายฟ้าก็หยุดลงหลังจากทะลุกำแพงทั้งแปดชั้น
มันได้ผล
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าเพลิงของเทพอีกาทองคำจะอันตรายถึงขนาดนี้
กำแพงถูกสร้างขึ้นโดยทักษะของสภาวะชะตากรรม!
ได้ยินมาว่าอีกาทองคำที่โตเต็มวัยอย่างตี้ฉงสามารถเผาผลาญพลังแห่งกฎได้ด้วยเปลวเพลิงโดยกำเนิดของพวกมัน!
ซูผิงกระพริบตา ด้วยเหตุผลที่ว่าอีกาทองคำสามารถมีชีวิตยืนยาว นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้ความมั่นใจของคนจำนวนมากที่บ่มเพาะอย่างหนัก
ทันใดนั้นซูผิงสังเกตเห็นการต่อสู้อย่างต่อเนื่องจากหางตาของเขา แม้ว่ามนุษย์จะได้เปรียบ แต่นักรบอสูรจำนวนมากยังต้องตาย
เขาไม่สามารถเสียเวลาได้อีกต่อไป
ซูผิงจดจ่ออยู่กับราชาอสูรร้ายที่เหมือนภูเขา
“ต้องการให้พวกเราช่วยไหมครับ?”
นักรบอสูรในตำนานเข้ามาหาเขา
ซูผิงคิดว่าควรตอบว่าอะไร
”ใช่”
“ พวกเราต้องทำยังไงครับ?”
”ไปให้พ้น”
นักรบอสูรในตำนานรู้สึกงุนงง อะไร?
จากนั้นซูผิงก็ลุกขึ้นและลงมือโดยไม่พูดอะไรอีก
บูม!!
กระแสน้ำวนภายในตัวเขากำลังหมุนด้วยความเร็วเต็มที่ พลังงานในอากาศพุ่งเข้ามา และมีปล่องขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
นักรบอสูรในตำนานไม่อยากจะเชื่อ
ดูดซับพลัง!
นั่นคือการปล้นพลังงาน!ไอรีนโนเวล
พวกเขายังรู้สึกว่าแม้แต่พลังดวงดาวของพวกเขาก็ยังโดนดูดออกไปผิง ซูผิงสามารถปล้นพลังดาวของเราได้หรอ?
นักรบอสูรในตำนานนึกถึงถึงสิ่งที่ซูผิงเพิ่งพูดกับพวกเขา พวกเขาก้าวออกไปทันที
พวกเขาต้องดิ้นรนเพื่อหนีออกไป ไม่งั้นจะสูญเสียพลังดวงดาวให้กับซูผิง
แผนภูมิดวงดาวโกลาหลเป็นหนึ่งในรางวัลแรกสุดที่ซูผิงได้รับจากระบบ วิธีการบ่มเพาะแบบโบราณนั้นลึกลับ
ซูผิงสามารถขโมยพลังดวงดาวได้อย่างง่ายดายจากซูหลิงเยวี่ยที่ฝึกฝนในอีกห้องหนึ่งเมื่อตอนที่เขายังเป็นนักรบอสูรขั้นต่ำ เมื่อเร็วๆ นี้เขาใช้แผนภูมิดวงดาวโกลาหลอย่างเต็มกำลัง เขาสามารถครอบครองพลังดวงดาวในมีรัศมีหลายหมื่นเมตรได้!
“กินหมัดนี้ซะ!”
ดวงตาของซูผิงเปล่งประกายสีทอง เขายังระดมพลังเทพเข้าไปอีกด้วย!
เขาไม่ได้คิดที่จะใช้ดาบแห่งความว่างเปล่า ราชาอสูรร้ายไม่คู่ควร
การฝึกฝนบนดาวสวรรค์ทำให้เขาพัฒนาหมัดขับไล่วิญญาณได้เช่นกัน เขาได้รวมกฎสายฟ้าและไฟขั้นสองเข้ากับทักษะนี้ แปลงเป็นหมัดไฟสายฟ้าที่เขาสร้างขึ้นเอง!
ปิ้ว!
พลังดวงดาวเคลื่อนตัวรอบ ๆ ซูผิงรุนแรงขึ้น ก่อตัวเป็นพายุทอร์นาโดที่เชื่อมระหว่างสวรรค์และโลก
พลังงานสองเส้นสีม่วงและสีแดงตามลำดับถูกพันเข้ากับพายุทอร์นาโด พลังดวงดาวทั้งหมดรวมตัวกันในหมัดของซูผิง!
พลังงานสองเส้นถูกพันอยู่กับหมัดของซูผิง
บูม!!
ซูผิงต่อย พลังงานสีม่วงและสีแดงทั้งสองเส้นพุ่งออกไปทันที มิติด้านหน้าหมัดเริ่มแตก มิติชั้นแรกพัง และชั้นที่สองก็พังเช่นกัน จากนั้นหมัดก็จุ่มลงในรอยแยกมิติ วินาทีถัดมาก็ไปปรากฏหน้าราชาอสูรร้าย
มิติบิดเบี้ยว พลังงานรุนแรงพุ่งออกมา
ราชาอสูรร้ายตกใจ มนุษย์คนนี้สามารถเปิดมิติระดับสองได้หรอ? อสูรร้ายจะต้องรวบรวมพลังงานจำนวนมากเพื่อทำแบบนี้! หมัดนี่น่ากลัวอะไรอย่างนี้!
โฮก!!
ราชาอสูรร้ายคำรามอย่างดุเดือด เมืองฐานทั้งหมดสั่นสะเทือน พลังงานล้ำลึกจากพื้นดินถูกดึงออกมา และเข้าสู่เถาวัลย์ของมัน มิติรอบ ๆ ราชาอสูรร้ายกำลังพังทลาย เถาวัลย์ทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในกระแสมิติปั่นป่วน
ปัง!
ทันใดนั้นหอกก็พุ่งขึ้นมาจากพื้น มันเป็นหอกหินดึกดำบรรพ์ที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายพลังงาน ดูเหมือนสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
บรรพบุรุษของราชาอสูรตัวนั้นเคยเห็นอาวุธของเทพและจำไว้ บรรพบุรุษส่งต่อความทรงจำให้คนรุ่นหลัง ทักษะนั้นมีชื่อว่าหอกเทพหิน!
มันเป็นทักษะที่ราชาอสูรร้ายตระกูลหินเชี่ยวชาญ มันหายากและเป็นอันตรายมากกว่าทักษะของตระกูลสายฟ้า และไฟ!
หอกโบราณได้ฉีกพื้นดินออกเป็นชิ้นๆ เมื่อมันค่อยๆ ก่อตัวขึ้น อาวุธนี้มีความยาวเพียงสิบเมตรเท่านั้น แต่มีพลังมหาศาลราวกับภูเขาสูงพันเมตร “หอกเทพหิน!!”
“โอ้พระเจ้า ทักษะหินในตำนาน!!” “นั่นเป็นตำนานไม่ใช่หรอ? นี่จริงใช่ไหม? มันคือเรื่องจริง!!”
“นั่นเหมือนกับที่ฉันเห็นในหนังสือภาพ มันคือหอกเทพหิน ฉันได้ยินมาว่าทักษะนี้สามารถฆ่าปีศาจและเทพได้ มันสามารถใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายศัตรูที่อยู่ห่างออกไปหลายแสนเมตรได้!”
นักรบอสูรในตำนานต่างตะลึงงัน
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์บางคนที่มีข้อมูลหรือคนที่เคยแอบดูข้อมูลลับของระดับที่สูงกว่ารู้จักทักษะนี้เช่นกัน พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นทักษะนี้ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
นั่นเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหิน!
ในขณะที่ผู้คนต่างตกตะลึงกับทักษะนี้ มิติด้านหน้าราชาอสูรที่เหมือนภูเขาก็พังทลายลง ในขณะเดียวกัน หมัดเจิดจ้าที่รายล้อมไปด้วยแสงสีทองก็พุ่งออกมา
หมัดนั้นใหญ่เป็นพันเมตร แม้ว่ามันจะดูเหมือนแมลงเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาอสูรร้ายขนาดมหึมาก็ตาม!
พวกที่ไม่รู้ต่างพากันพูดไม่ออก ทักษะนั้น…
พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน!
พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน พวกเขารู้สึกแค่ว่าสามารถถูกทุบตีจนตายได้ง่ายๆ!
บูม!!
หอกเทพหินที่ยังไปไม่ถึงเป้าหมายชนกับหมัดทองคำ เกิดเสียงดัง ราวกับมีการวางระเบิด นักรบอสูรที่ยืนใกล้เกินไปรู้สึกว่าใบหน้าและลำคอของพวกเขามีเลือดออก
ฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศ และพื้นดินยุบตัวลง
หอกเทพหินมองไม่เห็นในเมฆฝุ่น ลมแรงพัดฝุ่นออกไป มีคนเห็นว่าสีฝุ่นเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีชมพูและสีแดง
แฮ่ก!
ซูผิงกำลังหอบ
เขาใช้พละกำลังทั้งหมดไปกับหมัดนั้น
นั่นเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสองที่เขามี นอกเหนือจากดาบแห่งความว่างเปล่า
ซูผิงสามารถมองเห็นส่วนที่ลึกที่สุดของเมฆฝุ่น
“ตายแล้ว? งั้นนี่คือสิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้…” ซูผิงพึมพำกับตัวเอง
ยังมีลมหายใจ แต่มันก็เบาบางมาก
เขาใช้กำลังทั้งหมดในการต่อสู้กับราชาสวรรค์ต่างโลก แม้แต่มังกรเพลิงนรกก็ยังเลือกที่จะเสียสละตัวเองเพียงทำให้อสูรร้ายนั้นหนีไป ย้อนกลับไปตอนนั้น เขามีความรู้สึกว่าราชาสวรรค์ไม่ได้ใช้พลังงานเต็มที่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถเอาชนะมันได้ง่ายๆ เขาอาจจะตายด้วยซ้ำ
สำหรับสาเหตุที่ราชาสวรรค์ตัดสินใจเก็บพลังงานไว้ เขาไม่รู้ แต่ในกรณีนี้ ราชาอสูรที่แข็งแกร่งพอๆ กับราชาสวรรค์ต่างโลกไม่สามารถต้านทานหมัดของเขาได้แม้แต่ครั้งเดียว! กฎเปลวเพลิง สายฟ้า และอีกมากมาย!
ถ้าฉันสามารถรวมกฎเพิ่มเข้ากับทักษะได้อีก ฉันจะสามารถแสดงพลังที่มากกว่านี้ได้!
ซูผิงกระพริบตา เขารู้สึกถึงความว่างเปล่า กระแสน้ำวนมีขนาดเล็กลง พวกมันดูดซับพลังงานจากอากาศอย่างอ่อนแรง
โครงกระดูกน้อยพยายามรวบรวมพลังงานให้เขาเช่นกัน
ไม่นานฝุ่นก็กระจาย และในที่สุดผู้คนก็มองเห็นได้ ทุกคนอ้าปากค้าง มันตายแล้ว!
ราชาอสูรร้ายที่เหมือนภูเขาตายแล้ว!
ตัวมันแตกเหมือนมีอะไรมาบดขยี้
มัน!
ผิวหนังของมันระเบิด กระดูกและอวัยวะของมันถูกบีบ เลือดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง
”อะไร…?!”
นักรบอสูรในตำนานและปรมาจารย์ดาบต่างมองหน้ากันและพูดไม่ออก
น่ากลัว!
นั่นคือราชาอสูรร้ายที่จับท่านเนี่ยได้ มันยังใช้หอกเททพหินอีกด้วย… ถึงกระนั้น มันก็ถูกซูผิงฆ่าจนเป็นแบบนี้!
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ปรมาจารย์ดาบก็เป็นคนแรกที่กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขากำหมัดแน่นและตะโกนไม่หยุด
เขาตื่นเต้น!
ปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่แทบจะไม่แสดงอารมณ์ แต่เขาไม่สามารถระงับความสุขได้ นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ ก็มีความสุขเช่นกัน หัวหน้าการโจมตีถูกสังหาร พวกเขาทำได้!
พวกเขาชนะ!
พวกเขาไม่เพียงแต่ปกป้องเมืองฐานหลงจิงสำเร็จเท่านั้น แต่ยังป้องกันแนวป้องกันทั้งหมดได้อีกด้วย!
พวกเขาช่วยชีวิตผู้คนได้มากกว่าหนึ่งพันล้านคน!
เหล่านักรบกิตติมศักดิ์ซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ต่างก็โห่ร้องอย่างสนุกสนาน จิตวิญญาณของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น พวกเขาสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาโจมตีและจัดการอสูรป่าที่เหลือทั้งหมดให้เรียบร้อย!
ชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ!
นักรบอสูรจัดการทุกอย่างได้อย่างดี!
แม้แต่หมอก็ทำหน้าได้เร็วขึ้น นั่นเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากขวัญกำลังใจ!
ซูผิงตกใจกับเสียงตะโกนตื่นเต้นของนักรบอสูรในตำนานที่อยู่ใกล้ๆ เขาชำเลืองมองพวกเขาและสั่งอย่างไม่พอใจ “ไปช่วยพวกเขาจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย!”
เหล่านักรบอสูรในตำนานหัวเราะ พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของซูผิงและลงมือปฏิบัติ
ขณะที่พวกเขาไปแล้วปรมาจารย์ดาบโค้งคำนับให้ซูผิงแล้วเดินตามนักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆไป ซูผิงหยุดผสานกับโครงกระดูกน้อย แม้ว่าเขาจะไม่เหนื่อยเลย และพลังงานก็ยังเต็มเปี่ยมอยู่ก็ตาม ซูผิงบอกให้โครงกระดูกใช้ทักษะทาส กับนักรบอสูรในตำนานที่ถูกราชาอสูรร้ายที่เหมือนภูเขาจับ
แต่ในไม่ช้าโครงกระดูกน้อยก็ส่ายหัว
ผมไม่พบพวกเขา
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น ฉันต่อยพวกมันจนเละไปด้วยเหรอ? ช่างมัน!
“เรียกวิญญาณของพวกเขากลับคืนมา!” ซูผิงกล่าว
การเรียกอันเดธเป็นหนึ่งในทักษะของโครงกระดูกน้อย
ทักษะทาสต้องการศพ
แต่การอัญเชิญสามารถดึงวิญญาณของคนตายออกจากอาณาจักรอันเดธได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ามีร่างทรง
แน่นอนว่าพลังงานที่เหลือและชิ้นส่วนของเนื้อจะเป็นสื่อ
โครงกระดูกน้อยพยักหน้า เบ้าตาของมันเริ่มเรืองแสงสีแดง
ไม่นานหลังจากนั้น ร่างเสมือนจริงบางส่วนก็ถูกดึงออกมาจากวังวน ความมืดรอบตัวพวกเขาบ่งบอกว่าพวกเขากำลังจะกลายเป็นผี
“สารเลว แกจะต้องทรมาน…”
หลังจากมองไปรอบ ๆ ร่างเสมือนจริงเหล่านั้นก็เข้าใจ ท่านเนี่ยดูโกรธมาก ดวงตาของเขาเป็นสีแดง และใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
พวกเขาไม่ตายเพราะเถาวัลย์ของราชาอสูรร้าย แต่ซูผิงฆ่าพวกเขา!
พวกเขาตายในมือของซูผิง!
เกลียด!
พวกเขาจ้องไปที่ซูผิง
ทันใดนั้นผีตัวหนึ่งร้องว่า “ดูสิ…”
พวกเขาหันกลับไปมองและเห็นศพของราชาอสูรร้าย แม้จะเป็นผี พวกเขาก็ยังตกตะลึง
พวกเขาดิ้นรนเมื่อสิ่งนั้นจับพวกเขา พวกเขาพยายามโต้กลับ แต่ก็ไม่ได้ผล!
“จับมันเป็นทาส” ซูผิงสั่งอย่างไม่เป็นทางการ
เขายังคงสามารถควบคุมพวกมันได้ แม้ว่าพวกมันจะตายไปแล้วก็ตาม
หากอสูรร้ายไปที่เมืองฐานหลงเจียงและเขาไม่มีพลังเท่าที่เขามีตอนนี้ ผู้คนนับล้านจะต้องตาย!
แม้แต่ความตายก็ไม่เพียงพอที่จะชดใช้ความผิดนั้น!
ดวงตาของโครงกระดูกน้อยเป็นประกาย ผีตัวสั่น จากนั้นใบหน้าที่หมองคล้ำก็ปรากฏขึ้น ความมืดเล็ดลอดออกมาจากดวงตาของพวกเขา และพวกเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 666 ผู้มาเยือนจากโลกอื่น
น่าเสียดายที่อสูรของพวกเขานั้นเสียเปล่า
ซูผิงส่ายหัว
วิญญาณของนักรบอสูรในตำนานเหล่านั้นสามารถตกเป็นทาสได้ อย่างไรก็ตามสัญญากับอสูรของพวกเขาได้สิ้นสุดลงทันทีที่ตาย อสูรถูกส่งไปยังปลายทางที่ไม่มีใครรู้จากพื้นที่สัญญาโดยตรง
บางทีอดีตอสูรเหล่านั้นอาจนั่งอยู่ที่ไหนสักแห่งด้วยความงุนงง
“แค่ทำให้พวกมันทำงานของตัวเอง!”
ซูผิงตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอสูรเหล่านั้น
แสงสีแดงในเบ้าตาของโครงกระดูกน้อยกะพริบ วิญญาณของท่านเนี่ยและคนอื่น ๆ ร้องเสียงดังและพุ่งเข้าหาอสูรป่า
เมื่อกลายเป็นทาสของโครงกระดูกน้อย พวกเขาได้รับการพัฒนาจากพลังงานของโครงกระดูก พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้น นอกจากท่านเนี่ยแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็อยู่ที่สภาวะสมุทร!
นอกจากนี้เนื่องจากพวกเขากลายเป็นผี ซูผิงจึงสามารถทำสัญญาและทำให้พวกเขาเป็นอสูรของเขาได้… แต่ซูผิงไม่มีวันทำเรื่องโง่ๆแบบนั้น
ท้ายที่สุดแล้วไหวพริบของพวกเขา… แย่…
หลังจากที่ราชาอสูรร้ายตาย ความได้เปรียบของมนุษย์ก็กลับมามั่นคง มนุษย์กำจัดอสูรป่าโดยมีนักรบอสูรในตำนานเป็นผู้นำ
ชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แม้แต่ผู้บังคับบัญชาและที่ปรึกษาก็ก้าวออกจากเต็นท์ด้วยรอยยิ้ม
วิกฤติจบแล้ว!
เมืองฐานหลงจิงและแนวป้องกันซิงจิงปลอดภัย!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
มนุษย์เริ่มส่งเสียงเชียร์เมื่ออสูรป่ากลุ่มสุดท้ายกรีดร้องและทรุดตัวลง
มันจบแล้ว!
พวกเขาชนะ!!
นักรบอสูรบางคนปีนซากศพจำนวนมาก ปักธงและตะโกนเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของพวกเขา
นักรบอสูรหลายคนกอดกันด้วยน้ำตาแห่งความปิติยินดี
นักรบอสูรคนอื่นเข้าไปหาอสูรของพวกเขาที่ได้รับบาดเจ็บและปลอบโยนพวกมัน
นักรบอสูรบางคนพยายามค้นหาซากอสูรของพวกเขาในแอ่งเลือด
ในช่วงเวลาแห่งชัยชนะนี้ ผู้สื่อข่าวสงครามทั้งหมดหันกล้องไปที่คนที่ลอยอยู่ในอากาศพร้อมกับนักรบอสูรในตำนานมากมายรอบตัวเขา
ผู้คนสามารถเห็นได้จากวิดีโอว่าเหล่านักรบอสูรในตำนานปฏิบัติต่อบุคคลนั้นด้วยความเคารพอย่างสูงสุด “ความจริงที่ว่าเมืองฐานหลงจิงนั้นปลอดภัยก็เพราะนักรบอสูรผู้ทรงพลังที่ปกคลุมไปด้วยกระดูกสีขาว”
“นี่คือนักรบอสูรในตำนานที่ช่วยเมืองฐานหลงจิง และแนวป้องกันซิงจิง!”
“ชายคนนี้ไม่ปรากฏตัวที่การประชุมก่อนการรบ ฉันคิดว่าเขาได้รับมอบหมายจากหอคอยให้มาที่นี่ เรายังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชื่อและระดับของเขาเลย…”
ข่าวมากมายถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก
บางคนโทรหาเมืองฐานอื่น ๆ ในแนวป้องกันซิงจิงเพื่อบอกข่าวดีแก่พวกเขา
เมืองฐานจากแนวป้องกันเดียวกันรู้เรื่องสถานการณ์เลวร้ายของหลงจิง
ประชาชนต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ยินการอัปเดต
พวกเขาจะต้องอพยพทันทีเมื่อหลงจิงเสียท่า!
เมืองฐานใกล้เคียงบางแห่งได้ระดมคนพิการและผู้อ่อนแอไปยังศูนย์พักพิงเมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับวิกฤตของหลงจิง
นั่นเป็นการต่อสู้ครั้งแรกหลังจากตั้งแนวป้องกัน!
เมืองฐานหลงจิงได้รวบรวมนักรบอสูรในตำนานไว้มากมาย หากพวกเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้ เมืองฐานอื่น ๆ ในแนวรับก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
แต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปทันทีที่ซูผิงมาถึง!
ผู้สื่อข่าวสงครามกำลังถ่ายทอดสดการต่อสู้ และผู้คนสามารถดูวิดีโอการต่อสู้ของซูผิงได้ วิดีโอนั้นภาพไม่ชัด แต่พวกเขาสามารถเห็นระดับการทำลายล้างได้
อาคารและพื้นดินสั่นสะเทือน ระดับการทำลายล้างนั้นทำให้ทุกคนที่ดูถ่ายทอดสดเงียบกริบ แม้แต่คนทั่วไปก็ยังตะลึงกับสิ่งที่ชายคนนั้นสามารถทำได้
นักรบอสูรในตำนาน
เขาไร้เทียมทานเหมือนพระเจ้า!!
ซูผิงพูดกับนักรบอสูรในตำนานเป็นระยะๆ ผู้สื่อข่าวสงครามสามารถถ่ายภาพระยะใกล้ของซูผิงและโครงกระดูกน้อยที่ยืนอยู่ข้างเขาได้
ทุกคนเห็นชายที่ช่วยเมืองฐานหลงจิง ในเมืองฐานอื่น ชายชราและหลานสาวของเขารู้สึกไม่อยากเชื่อขณะมองไปที่หน้าจอบนถนน
พวกเขาเคยเห็นใบหน้านี่มาก่อน พวกเขายืนใกล้กันมาก!
ทั้งสามได้พบกันบนรถไฟเมื่อพวกเขาไปที่เมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน
“เขา… อยู่ในระดับตำนาน”
ชายชราฝืนยิ้ม
เขาคือจี้ซานถัง เขาต่อสู้กับอสูรป่าบนรถไฟกับซูผิง ต่อมาเขาได้รู้ว่าซูผิงเป็นผู้ฝึกสอนชั้นนำ… แต่สำหรับความประหลาดใจมากกว่านั้น ซูผิงยังเป็นนักรบอสูรในตำนานอีกด้วย!
นักรบอสูรในตำนานและผู้ฝึกสอนชั้นนำ…
จี้ฉิวเยว่รู้สึกว่านี่เป็นการระเบิดความมั่นใจของเธออย่างมาก
เหนือเมืองฐานหลงจิง
ถึงเวลาที่ฉันจะต้องกลับ
ซูผิงมองไปรอบๆ สิ่งต่าง ๆ สงบลง
ทางเข้าที่นำไปสู่ถ้ำลึกถูกปิด อสูรป่าไม่ได้พยายามที่จะออกมา ซูผิงรู้สึกว่าพวกมันถอนตัวกลับไปแล้ว
ราชาอสูรร้ายเป็นตัวแรกที่วิ่งหนี
พวกมันกลับไปที่ถ้ำลึกและซูผิงตามไปไม่ได้เพราะต้องใช้เวลาและพลังงานอย่างมาก ท้ายที่สุดถ้ำลึกมีภูมิประเทศที่ซับซ้อนและค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็กยังคงอยู่ แต่ถ้าเขาเข้าไปและทำลายค่ายกลที่ยังเหลืออยู่ล่ะ? บางทีเขาอาจจะจบลงด้วยการให้อิสระกับอสูรป่ามากขึ้น!
”ท่าน!”
”ท่าน!”
หวืด! หวืด!
นอกเหนือจากนักรบอสูรในตำนานแล้ว นักรบกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดในท้องถิ่นบางคนบินมาหาซูผิง พวกเขาเป็นมหาเศรษฐีของเมืองฐาน มีไหวพริบและคอนเนคชั่นดี พูดเพียงคำเดียว คนนับล้านจะตกงาน
เหล่านักรบกิตติมศักดิ์หยุดอยู่ห่างจากซูผิงหลายสิบเมตร พวกเขามองซูผิงด้วยความยำเกรงและเคารพอย่างสูง!
นักรบอสูรในตำนานและปรมาจารย์ดาบยืนอยู่รอบๆ ซูผิง พวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดของอสูรป่า หอบเหนื่อยแต่ก็ยิ้ม
ซูผิงพยักหน้าให้พวกเขา เขากำลังจะพูดอะไรบางแต่มีคนรีบเข้ามาก่อน
ซูผิงเลิกคิ้ว
สภาวะว่างเปล่าอีกหนึ่งคน!
คนๆนี้อยู่สภาวะว่างเปล่าขั้นสูงสุดซึ่งมีพลังมากกว่าท่านเนี่ยหลายเท่า! “ผมชื่อหม่าเฟิง ผู้สังหารสวรรค์ของเมืองฐานหลงจิง ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ” ชายคนนั้นยิ้ม เขามีสะโพกที่แข็งแรงราวกับหมี และหลังที่อ่อนนุ่มราวกับเสือโคร่ง เขามีเครายาวแต่ดวงตาของเขาเล็ก เมื่อเขายิ้มมันจะกลายเป็นเส้นตรง
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น หม่าเฟิง?
“ผู้สังหารสวรรค์คืออะไร?” ซูผิงถามอย่างใจเย็น
แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้ว
หากเป็นก่อนการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจะไม่รู้อะไรเลยและประหลาดใจอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามหลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับกักสวรรค์และความจริงที่ว่าหลงจิงและหลงเจียงเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล ซูผิงก็คิดถึงค่ายกลในขณะที่ชายคนนั้นกล่าวว่าเขาเป็นผู้สังหารสวรรค์ เนื่องจากมีค่ายกลที่เคลื่อนไหวอยู่ มันจึงเข้าใจได้หากมีผู้พิทักษ์อยู่บ้าง
“ผู้สังหารสวรรค์…” หม่าเฟิงมองซูผิงอย่างประหลาดใจที่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเขา เขารู้ว่าซูผิงฆ่าราชาอสูรร้ายที่เหมือนภูเขานั้นแล้ว เขาจึงสันนิษฐานว่าซูผิงอยู่ในสภาวะชะตากรรมโดยทันที!
ผู้ที่อยู่ในสภาวะเช่นนั้นย่อมมีสถานะที่สูงในหอคอยอย่างแน่นอน และสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับได้!
“ก็… เรื่องมันยาว ท่าน แค่คิดว่าผมเป็นผู้พิทักษ์ก็พอ” หม่าเฟิงยิ้ม
เนื่องจากซูผิงไม่รู้เรื่องนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป ท้ายที่สุดงานของเขาเป็นความลับ เขาไม่ต้องการเปิดเผยความลับใดๆ
ซูผิงพูดว่า “โอ้” แต่จากนั้นเขาก็เข้าใจว่าการเดาของเขาถูกต้อง
“เมื่อกี้ผมไม่เห็นคุณ” ซูผิงหรี่ตาลง
หม่าเฟิงรีบอธิบาย “โปรดฟังผมก่อน ตอนนี้ มีราชาอสูรสภาวะว่างเปล่าสองตัวทางเหนือและผมก็อยู่นั่น ผมไม่มีโอกาสได้จัดการกับพวกมันเร็วนัก ผมทิ้งที่นี่ไว้ให้เนี่ย เจ๋อเฉิง ผมไม่รู้…”
“อย่างนั้นเหรอ”
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น
นักรบอสูรในตำนานอธิบายว่า “ผมสามารถพิสูจน์ได้ คุณหม่าช่วยเราเบี่ยงความสนใจของสองราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่า มิฉะนั้นการป้องกันของเราจะถูกทำลายไปนานแล้ว”
คนอื่นๆ พยักหน้า
ซูผิงสงบสติอารมณ์ลง “ผมจะปล่อยเรื่องทั้งหมดไว้ให้คุณ ผมต้องย้อนกลับไปเผื่อเมืองฐานหลงเจียงอยู่ในภาวะวิกฤติ คุณต้องรู้ว่าการป้องกันของเราไม่ดีเท่าของคุณ”
“คุณจะไปแล้วเหรอ”
“ท่านครับ ทำไมไม่ไปงานเลี้ยงก่อนล่ะครับ”
นักรบอสูรในตำนานต่างประหลาดใจ “อะไร? คุณคิดว่าผมควรอยู่ที่นี่และฉลองหรอ ฉลอง? ดูศพพวกนั้นสิ… ไม่มีอะไรให้น่าฉลอง ไปช่วยซ่อมแซมเมืองฐาน พวกคุณทุกคนเป็นนักรบอสูรในตำนานจากหอคอย คุณควรมีส่วนร่วมมากกว่านี้ เมืองฐานเหล่านั้นส่วนใหญ่ต้องสนับสนุนหอคอย และนั่นคือทรัพยากรที่พวกคุณใช้กัน” ซูผิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
นักรบอสูรในตำนานต่างตะลึงงัน ซูผิงกลายเป็นศัตรูอีกครั้ง
พวกเขามองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไร
ดูเขาพูด…
ซูผิงไม่ใช่นักรบอสูรในตำนานจากหอคอยหรือยังไง?
หม่าเฟิงตกใจเหมือนกับคนอื่นๆ แต่แล้วเขาก็เข้าใจว่าทำไมซูผิงถึงไม่รู้เกี่ยวกับผู้สังหารสวรรค์
ซูผิงไม่ได้มาจากหอคอย แต่ความแข็งแกร่งของเขา… เป็นไปได้ไหมว่า…
นอกจากปรมาจารย์ดาบและอีกสองคนที่ได้พบกับซูผิงในหอคอย คนอื่นๆ นึกไปถึงที่อื่น
สหพันธ์!
สหพันธ์ดวงดาว!
มีเพียงคนที่ไปถึงสภาวะชะตากรรมเท่านั้น แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในระดับดวงดาว และผู้คนก็ยังพูดกันว่า… มีเทพในสหพันธ์ดวงดาว!
พวกเขามองซูผิงด้วยความเคารพมากกว่าเดิม หากพวกเขาสามารถผูกมิตรกับซูผิงและติดต่อกับสหพันธ์ดวงดาวได้ อนาคตของพวกเขาคงจะสดใสมากกว่าการอยู่บนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
สหพันธ์ดวงดาวมีทรัพยากรมากกว่า การไปถึงสภาวะชะตากรรมจะง่ายกว่ามากหากเทียบกับการอยู่บนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
หากพวกเขาสามารถไปถึงระดับดวงดาวได้ อายุขัยของพวกเขาอาจเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นปี และพวกเขายังสามารถใช้วิธีพิเศษบางอย่างเพื่อยืดอายุให้ยาวนานกว่านั้นได้อีก!
พวกเขาล้วนปรารถนาความเป็นอมตะ
“ไปเถอะ ไป” ซูผิงมองไปยังผู้ที่ยืนอยู่รอบตัวเขา การเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของพวกเขาช่างน่าทึ่ง พวกเขาทั้งสงสัย สับสน ประหลาดใจ แล้วก็มีความยินดี
ซูผิงหายตัวไปในทันที
ก่อนที่เขาจะหายตัวไป เขาพูดประโยคไว้หนึ่งไว้กับปรมาจารย์ดาบ “พี่เล้ง มาช่วยเมืองฐานหลงเจียงเมื่อคุณมีเวลา!” หวืด!
ซูผิงเคลื่อนย้าย เขาไปถึงที่ที่เต็มไปด้วยลาวาในสมรภูมิ
ที่เคยเป็นถนนในเมืองฐาน แต่ถนนได้หลอมละลายและเกิดแอ่งลาวาขึ้น มังกรเพลิงนรกกำลังพักผ่อนอยู่ในสระ มันกำลังรอซูผิง
ซูผิงลงไปและยืนอยู่บนไหล่ของมังกร
ซูผิงเรียกอสรพิษม่วงและกรีนนี่จากเมืองฐานผ่านสัญญา และเขาก็ส่งโครงกระดูกน้อยไปยังพื้นที่สัญญาเพื่อพักผ่อนเช่นกัน
สำหรับวิญญาณของท่านเนี่ยและคนอื่น ๆ เนื่องจากโครงกระดูกน้อยไม่ได้ควบคุมพวกมัน ผีจึงถูกดูดเข้าไปในอาณาจักรอันเดธ
เป็นไปไม่ได้ที่จะอัญเชิญผีเหล่านั้นโดยไม่มีสื่อกลาง แน่นอนซูผิงไม่ได้คิดที่จะเรียกพวกเขาอีก ท้ายที่สุดโครงกระดูกน้อยสามารถเรียกสิ่งมีชีวิตระดับตำนานได้มากมาย เขาไม่ต้องการสิ่งที่อ่อนแอเหล่านั้น
“กลับบ้าน” ซูผิงกล่าว
มังกรเพลิงนรกกระพือปีกและบินขึ้นจากสระลาวา ลาวาหยดลงมาจากปีกของมัน มังกรพุ่งไปในระยะไกลเมื่อถึงระดับความสูงที่กำหนด
นักรบอสูรจ้องมองไปที่ซูผิงและมังกรด้วยความกลัวและเคารพ
นักรบอสูรในตำนานที่อยู่ห่างไกลมองซูผิงจากไป หลายคนจ้องเขม็งจนกระทั่งซูผิงบินออกจากเมืองฐานหลงจิง นักรบอสูรหลายคนยกมือขึ้นเพื่อแสดงความของคุณ
เขาปรากฏตัวขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้จักเขา
เขาจากไปพร้อมกับผู้คนมากมายที่อำลาเขา
เหนือเมืองฐานหลงจิงนับหมื่นเมตร
แทบจะมองไม่เห็นเมืองฐานหลงจิง แม้แต่แนวป้องกันซิงจิงและภูเขาล่องเหนือก็เล็กเท่าเส้นขน
มองเห็นได้เลือนลาง
สถานที่นั้นอยู่เหนือบรรยากาศ
ดวงดาวนับไม่ถ้วนริบหรี่อยู่บนท้องฟ้า
ทันใดนั้นยานอวกาศขนาดใหญ่ก็เข้ามาใกล้อย่างเงียบ ๆ ไม่มีเสียง ยานกำลังปล่อยควันไอเสีย แต่ไม่มีเสียง ราวกับว่ายานนั้นเป็นผี!
วินาทีต่อมายานอวกาศลำนั้นชนเข้ากับชั้นบรรยากาศ ผิวของยานอวกาศถูกหลอมด้วยไททาเนียมและทังสเตน แรงเสียดทานทำให้เกิดประกายไฟ
ความเงียบถูกทำลายลงทันทีที่ยานอวกาศเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เครื่องยนต์ส่งเสียง
“นี่คือดาวเคราะห์สีน้ำเงินเหรอ? ทรุดโทรมมาก”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพลังดวงดาวจะเบาบางขนาดนี้ ทุเรศ นายคิดว่าเราจะพบอัจฉริยะในที่แบบนี้จริงๆ หรอ?”
“ฉันได้ยินมาว่าระดับสูงสุดคือสภาวะชะตากรรมไม่มีใครไปถึงระดับดวงดาว”
“การไปถึงสภาวะชะตากรรมนั้นดีเพียงพอแล้วสำหรับสภาพแวดล้อมแบบนี้ มาดูกันว่าข้อมูลที่พวกเขาบอกเราเป็นความจริงหรือไม่ ให้ตาย ถ้าไม่ใช่เพราะเรากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการหาบุคลากร เราก็ไม่ต้องมาที่นี่…”
หลายคนกำลังคุยกันอยู่ในยานอวกาศ

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

Status: Ongoing

ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท