ตอนที่ 669 เพิ่มจำนวนนักเรียน
เมืองฐานหลงเจียง
หวืด!
ลูกบอลไฟกำลังเคลื่อนที่ มันมาถึงนอกเมืองฐาน
ทหารหลายคนจำมังกรที่ถูกลูกบอลเพลิงปกคลุมได้ในทันที นักรบอสูรบางคนยกมือขึ้นเพื่อแสดงความเคารพ
ซูผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดี อสูรป่ายังไม่โจมตีเรา
“คุณตรวจพบอะไรไหม?” ซูผิงส่งข้อความทางจิตไปยังชายชราระดับกิตติมศักดิ์ เขาจ้องมองมาที่ซูผิง อยากจะกล่าวทักทายแต่กลัวว่าเขาจะไม่พอใจ
ชายชรารู้สึกปลาบปลื้มใจที่ซูผิงกำลังคุยกับเขา เขาตอบทันทีว่า “คุณซู เราส่งทหารออกไปลาดตระเวนพื้นที่โดยรอบแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ”
”ดี”
ซูผิงพยักหน้า
จากนั้นเขาก็บินตรงไปที่ร้านของเขา
ผู้คนต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเขากลับมา พวกเขารู้ว่าชายหนุ่มที่ขี่มังกรจะเป็นผู้กอบกู้เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์อสูรป่า
ที่ร้าน
ซูผิงเรียกมังกรเพลิงนรกกลับ เขาเห็นว่ามีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์หลายคนกำลังพูดคุยกันที่อาคารตระกูลฉินฝั่งตรงข้ามถนน “แนวรับอื่นๆ เป็นยังไงบ้าง? ได้ยินข่าวอะไรบ้างไหม?” ซูผิงเดินไปถาม
ผู้อาวุโสตระกูลฉินเข้ามาทักทายเขา
”คุณซู เราเพิ่งได้ยินจากเมืองฐานหลงจิง การโจมตีสิ้นสุดลงแล้ว” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดอย่างกระตือรือร้น “เราได้เห็นวิดีโอแล้ว คุณซู คุณคือฮีโร่ หลงเจียงจะปลอดภัยเมื่อคุณอยู่ที่นี่ เราจะหยุดอสูรป่าได้”
“ใช่ๆ…”
ผู้อาวุโสอีกสองคนเห็นด้วย
ซูผิงกลอกตา “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังพวกคุณเยินยอ ผมถามถึงสถานการณ์จริง”
ผู้อาวุโสรู้สึกเสียใจหลังจากการเยินยอไม่เกิดผล “รายงานใหม่จะมาถึงในอีกสองชั่วโมง มีความล่าช้าท้ายที่สุดอสูรป่าได้ทำลายหลายสิ่งหลายอย่าง รวมถึงสถานีในเมืองฐานบางแห่ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ”
”ดี”
ในที่สุด ซูผิงก็ได้คำตอบที่เขาต้องการ
ซูผิงกลับออกไปทันที
เขาจะไปช่วยถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแนวป้องกันอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม หากมีแนวป้องกันใดที่ไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้ก็อาจเป็นอันตรายต่อแนวป้องกันซิงจิง และเมืองฐานหลงเจียง เขาไม่อาจเห็นพวกเขาล้มลงและอยู่นิ่งเฉยได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ไปช่วยเหลือเมืองฐานหลงจิง
”คุณซู ขอให้เป็นวันที่ดีครับ”
ผู้อาวุโสของตระกูลฉินโค้งคำนับ
ซูผิงกลับไปที่ร้านของเขา เขาตัดสินใจที่จะไม่ไปสนามบ่มเพาะหลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว
เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองฐานหลงจิง เขาสามารถบอกได้ว่าสิ่งต่างๆ นั้นไม่ง่าย กลุ่มอสูรป่าที่นำโดยราชาอสูรร้ายจะมีความสามารถในการเข้าถึงรัศมีการตรวจจับของเมืองฐานภายในครึ่งวัน หลงเจียงยังไม่ตรวจพบอสูรป่าในขณะนี้ แต่อสูรป่าบางตัวอาจเริ่มรวมตัวกันอยู่ข้างนอก
ถ้าเขาไปสนามบ่มเพาะ แม้เพียงวันเดียว มันก็สายเกินไป
ซูผิงกดโทรออก
“เซี่ย”
”คุณซู!” การโทรได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว เสียงของเซี่ยจินชุ่ยฟังดูตื่นเต้นเมื่อเขารับสาย “ผมเห็นวิดีโอของคุณในเมืองฐานหลงจิง คุณซู ช่างกล้าหาญเหลือเกิน! ผมดีใจมากที่คุณอาศัยอยู่ในเมืองฐานหลงเจียงของเรา คุณซู ถ้าเราสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้ ผมยินดีที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเพื่อให้ตำแหน่งนี้กับคุณ!”
ซูผิงพูดอย่างไม่พอใจ “ร้านผมยุ่งอยู่แล้ว ผมไม่มีเวลาเป็นนายกเทศมนตรี กลับเข้าเรื่อง ผมต้องบอกว่าการโจมตีผิดปกติ หลงจิงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นและมีราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมเพียงตัวเดียว ซึ่งไม่มีความหมายอะไร จะมีมากกว่านั้น”
“ไม่มีความหมาย?”
เซี่ยจินชุ่ยรู้สึกสับสน
เขาไม่ได้อยู่ในระดับตำนาน แต่ตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเขาทำให้เข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสภาวะต่างๆ ของระดับตำนานอย่างชัดเจน
นักรบอสูรในตำนานที่สภาวะชะตากรรมอาจเป็นผู้ปกครองของดาวเคราะห์สีน้ำเงินทั้งดาว!
ราชาสวรรค์ทั้งสี่ที่สร้างความหายนะให้กับดาวเคราะห์สีน้ำเงินมานานกว่าพันปีนั้นอยู่ที่สภาวะชะตากรรม!
มีนักรบสิบสองคนในหอคอยอยู่ที่สภาวะว่างเปล่า มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในสภาวะชะตากรรมหรืออย่างน้อยนั่นก็เป็นข้อมูลที่สาธารณชนรู้!
มีราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมระหว่างการสู้รบในเมืองฐานหลงจิง อย่างไรก็ตามซูผิงเพิ่งอ้างว่าไม่มีความหมาย แล้วอะไรที่มีความหมาย?!
เซี่ยจินชุ่ยสงบสติอารมณ์ เขาเชื่อใจซูผิง
เขารู้ว่าซูผิงเป็นคนลึกลับ ไม่น่าแปลกใจที่ชายหนุ่มสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลอื่นได้
ถ้าการต่อสู้ในหลงจิงไม่มีความหมาย จำนวนอสูรร้ายครั้งต่อไปก็จะ… น่าประหลาดใจ!
เซี่ยจินชุ่ยแสดงความกังวล “คุณซู อสูรป่าจากถ้ำลึกน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ?”
”แน่นอน ท้ายที่สุดแล้ว อสูรป่าเหล่านั้นถูกกักขังอยู่ในถ้ำลึกมาเป็นเวลานาน สภาพแวดล้อมรุนแรงและกฎของป่าเป็นกฎเดียวที่นั่น มีราชาอสูรร้ายในสภาวะชะตากรรมมากกว่าที่คุณคิด ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าเราได้เห็นพวกมันสิบตัวพร้อมกัน” ซูผิงกล่าว
เขาไม่ได้พยายามข่มขู่เซี่ยจินชุ่ย เขากำลังระบุข้อเท็จจริง
เขาไม่ได้วางแผนที่จะปิดบังข้อมูลนั้นจากเซี่ยจินชุ่ย เขาเป็นนายกเทศมนตรีและเขาจะต้องเตรียมใจเพื่อที่ผู้คนของเขาจะไม่ตกเป็นเหยื่อของความตื่นตระหนก
”สิบ…”
เซี่ยจินชุ่ยรู้สึกว่าจิตใจของเขาว่างเปล่า
ซูผิงประเมินความแข็งแกร่งทางจิตใจเซี่ยจินชุ่ยสูงเกินไป เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาหยุดเต้นเมื่อได้ยินตัวเลข!
ราชาอสูรร้ายสิบตัวเปรียบเสมือนเจ้าแห่งหอคอยสิบคน
แข็งแกร่งกว่าหอคอยสิบเท่า!
เซี่ยจินชุ่ยรู้สึกหนาวที่กระดูกสันหลัง เขานึกไม่ออกว่าภัยพิบัติจะร้ายแรงขนาดไหน
ซูผิงเรียกเขาหลายครั้งในขณะที่เขาเงียบไปพักใหญ่ ในที่สุดซูผิงกล่าวว่า “เซี่ย อย่าคิดมากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเมืองฐานหลงเจียงจะรอด บางทีเมืองฐานอาจไม่คงอยู่จนถึงจุดสิ้นสุด แต่มนุษยชาติจะสามารถยืนหยัดได้ พวกเราบางคนจะอยู่รอด”
เซี่ยจินชุ่ยยังคงเงียบ
ซูผิงไม่ได้พยายามปลอบโยนเขา เขาต้องประมวลผลข้อมูลนี้
ถ้าเขาไม่สามารถจัดการข้อมูลได้ ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อข้อมูลนี้กลายเป็นความจริง
“ผมโทรหาคุณเพราะผมต้องการให้คุณติดต่อผมเมื่อใดก็ตามที่มีสิ่งผิดปกติในแนวป้องกันอื่น ผมจะไปช่วยถ้าทำได้ การช่วยเหลือผู้อื่นคือการช่วยเหลือตนเอง” ซูผิงวนกลับมาที่ความตั้งใจเดิมของเขา
ในที่สุดเซี่ยจินชุ่ยก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง “ผมเข้าใจ แล้วจะโทรบอกครับ.”
”โอเค”
ซูผิงวางสาย
จากนั้นเขาก็ไปหาโจแอนนาที่กำลังบ่มเพาะอยู่ในคอกเลี้ยงดู และขอให้เธอสอนกักสวรรค์ให้เขา ซูผิงนั่งลงในคอกเลี้ยงดูเพื่อดูดซับวิญญาณ
หอคอย
ภูเขาที่ลอยอยู่ถูกย้ายจากจุดเดิมเพื่อเคลียร์เส้นทาง มียานอวกาศ ด้านหน้าของยานอวกาศคือเนินเขาของกู่ซือผิงสถานที่นี้ถูกตกแต่งโดยกระท่อมซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างเพียงอย่างเดียว
มีคนหลายสิบคนที่ยืนอยู่หน้ากระท่อมในขณะนี้ รวมถึงกู่ซือผิงและหลานชายสองคนของเขา คนจากสถาบันมีอา ตลอดจนนักรบอสูรในตำนานและคนหนุ่มสาว
“พวกเขาคือผู้สมัครอีกสี่คนใช่ไหม?”
ชายวัยกลางคนเหลือบไปมองคนหนุ่มสาวสี่คน
พวกเขายืนอยู่กับตระกูลของตน แม้ว่าทั้งสี่คนจะเป็นอัจฉริยะบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน แต่จริงๆ แล้วพวกเขาค่อนข้างประหม่า พวกเขาเพียงแสร้งทำเป็นสงบ
“อายุกระดูก 19 และเธออยู่ที่ระดับเก้าขั้นสูงสุด ฉันยังตรวจพบพลังสายฟ้าในตัวเธอ” ชายวัยกลางคนพูดกับหญิงสาวที่ถือดาบ
หญิงสาวที่ถือดาบดูนิ่งเงียบและสง่า
เธอคือหยวนหลิงรู่
“มีคุณสมบัติเข้าร่วมสถาบัน” ชายวัยกลางคนพยักหน้า
หญิงสาวกับชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังรู้สึกโล่งใจ
ชายชรายิ้ม แต่เขาพยายามมากที่จะควบคุมความสุขของเขา
ชายวัยกลางคนย้ายไปหาชายหนุ่มคนต่อไป
“อายุกระดูก 18 และอยู่ในระดับเก้า ใกล้กับขั้นสูงสุด มีพลังงานอันเดธอยู่ ดี”
“อายุกระดูก 14 ระดับเก้าขั้นกลาง มีพลังของอสูรแมลง ฉันอยากรู้ว่ามันดีแค่ไหน”
“อายุกระดูก 22 และอยู่ที่ระดับเก้าขั้นสูงสุด พลังดวงดาวในตัวนาย… ลึกซึ้ง!”
ชายวัยกลางคนสนใจชายหนุ่มคนสุดท้าย เขาไม่รู้สึกถึงทักษะที่มีมาแต่กำเนิดในตัวชายหนุ่ม แต่พลังดวงดาวมากมายนั้นน่าประหลาดใจ พลังดวงดาวของชายหนุ่มคนนั้นอยู่ใกล้กับสภาวะสมุทร
มันไม่ง่ายเลยที่จะบีบอัดพลังดวงดาวให้ถึงระดับดังกล่าว
“นายมีร่างกายพิเศษ แต่ฉันคิดว่ามันเกี่ยวกับพลังดวงดาว” ชายวัยกลางคนหรี่ตาลง
ชายหนุ่มประหม่าแต่ฝืนยิ้ม “ท่านมีสายตาเฉียบคม ผมมีพลังมากกว่าเมื่อทียบกับนักรบอสูรคนอื่น ผมมีพลังดวงดาวใกล้เคียงกับระดับสองตอนผมเกิด”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า ไม่แปลกใจเลย
”ดี ทุกมีคุณสมบัติครบถ้วน” ชายวัยกลางคนกล่าว
พวกเขาทั้งหมดโล่งใจ
เมื่อสามารถเข้าเรียนในสถาบันมีอาได้หมายความว่าพวกเขาจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า!
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราพบนักเรียนดีๆ มากมายที่นี่” ผู้หญิงผมแดงยิ้ม
ชายวัยกลางคนอีกคนกล่าวว่า “ฉันรู้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้เกือบจะเป็นดาวดึกดำบรรพ์ แต่มีมนุษย์อยู่ที่นี่ การเดินทางครั้งนี้ไม่เสียเปล่า”
“ผู้สมัครทั้งหกคนมีคุณสมบัติ เราไม่เสียเปล่าในการเดินทางครั้งนี้” เด็กสาวที่อยู่ไกลยกแขนขึ้นที่หน้าอก หยวนเทียนเฉิน กู่ซือผิงและคนอื่นๆ ยิ้มอย่างมีความสุข
“ไม่มีใครอีกแล้วใช่ไหม?” อาจารย์ถาม ทุกสายตาจับจ้องไปที่กู่ซือปิง
กู่ซือผิงกล่าวอย่างเร่งรีบ “คุณฟางเรามีการแข่งขันระดับโลกทุกๆสองสามปี นอกจากลีกนักรบแล้ว เรายังมีลีกสูงสุดอีกด้วย ทั้งสองเป็นการแข่งขันที่ตั้งใจจะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถ ใครก็ตามที่มีพรสวรรค์จะโดดเด่น เว้นแต่พวกเขาจะไม่สนใจการแข่งขัน”
“แต่นั่นหายาก ท้ายที่สุดแล้ว รางวัลสำหรับทั้งสองลีกนั้นเยอะมาก แม้จะมีคนบอกว่าบางคนไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขันใด ๆ เลย พวกเขายังคงต้องไปเรียนที่สถาบัน สถาบันชั้นนำทั้งหมดได้รับดูแลจากหอคอย”
“เราจะจดบันทึกรายชื่อนักเรียนที่มีแนวโน้มดีทั้งหมด และผมจะไปคัดเลือกผู้ที่ตรงตามความต้องการของคุณทันที ผมไม่คิดว่าผมพลาดใครไป” “อย่างนั้นหรอ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า “แต่ในเมื่อเราอยู่ที่นี่ ฉันเชื่อว่าการรับสมัครนักเรียนเพิ่มเป็นความคิดที่ดี เราจะรับสมัครใครก็ตามที่ตรงตามข้อกำหนดของเรา” เขามองไปที่นักรบอสูรในตำนานที่ยืนอยู่ข้างหลังหยวนหลิงรู่และกล่าวว่า “อัจฉริยะบางคนมาจากภูมิหลังที่โดดเด่น และบางคนอาจไม่สามารถใช้ศักยภาพในตัวเองได้ พวกเขาอาจถูกละเลย นอกจากสี่คนนี้แล้วไปรวบรวมข้อมูลของเยาวชนที่มีความสามารถทั้งหมดซึ่งอายุต่ำกว่า 22 ปี ฉันจะดูข้อมูลของพวกเขาเอง”
กู่ซือปิงรู้สึกประหลาดใจ “เอ่อ… แน่นอนครับในทันที”กู่ซือผิงไม่กล้าปฏิเสธ
เขาเรียกนักรบอสูรในตำนานที่ใกล้ชิด และบอกให้พวกเขาทำงานให้เรียบร้อย
หอคอยเก็บบันทึกของคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถทั้งหมดทั่วโลก
พวกเขามีทีมงานและบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้รวบรวมข้อมูลดังกล่าว
บันทึกการศึกษาของสถานศึกษา และบันทึกทั้งหมดที่เก็บไว้ในอาณาจักรลับบางแห่ง และสถานที่พิเศษบางแห่งก็ถูกบันทึกไว้เช่นกัน
หยวนหลิงรู่คิดถึงเขา เธอกัดปากและกำนิ้วแน่นยิ่งขึ้น
ข้างหลังเธอหยวนเทียนเฉินรู้สึกว่ารอยยิ้มหยุดนิ่งบนใบหน้าของเขา แววตาแห่งความเกลียดชังฉายผ่านในดวงตาของเขา แต่เขาซ่อนมันไว้อย่างดี
อัจฉริยะทั่วโลก?
นักรบอสูรในตำนานบางคนสามารถรักษาความสงบได้ ในขณะที่บางคนทำไม่ได้
ไม่นานหลังจากนั้น นักรบอสูรในตำนานก็กลับมาพร้อมเอกสารกองโต “ท่านครับ นี่คือไฟล์ทั้งหมดที่เรามี นี่คือคนที่เรารู้ว่าอายุต่ำกว่ายี่สิบสองปี และนี่คือที่เราเพิ่งได้ยินเรื่องราวของพวกเขา เราไม่รู้ชื่อหรืออายุของพวกเขา” นักรบอสูรในตำนานรายงาน
กู่ซือปิงพยักหน้า เขาส่งสัญญาณให้นักรบอสูรในตำนานส่งไฟล์ให้คุณฟางโดยตรง
ชายวัยกลางคนยังคงนิ่งเงียบ ถึงกระนั้นไฟล์ต่างๆ ก็เข้ามาหาเขาและเปิดโดยอัตโนมัติทีละหน้า ไฟล์สองสามไฟล์แรกเป็นบันทึกของนักเรียน และข้อมูลมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ รวมถึงอายุของนักเรียนและภูมิหลังตระกูล และอื่นๆ
ตอนที่ 670 ไม่แยแส
“ไม่เลว ไม่เลวเลย…”
คุณฟางเปิดดูไฟล์และพยักหน้า
นักเรียนบางคนนั้นดีพอๆ กับผู้สมัครที่ได้รับคัดเลือกแล้ว แต่เขาไม่แน่ใจว่าทุกคนมีร่างกายพิเศษหรือไม่ หากมี พวกเขาจะบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต นั่นคือเหตุผลที่สถาบันจะสนับสนุนผู้สมัครที่มีร่างกายพิเศษโดยกำเนิด
พวกเขาไม่เพียงแค่พยายามช่วยให้นักเรียนของพวกเขาไปถึงสภาวะชะตากรรม แต่พวกเขาพยายามหานักเรียนที่สามารถก้าวข้ามระดับตำนาน ไปถึงระดับดวงดาว และสำรวจจักรวาล!
ในขอบเขตของสหพันธ์ดวงดาว ใครก็ตามที่ไม่สามารถสำรวจจักรวาลที่ยังหลงเหลืออยู่ในดาวเคราะห์-จะถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่มีอนาคต
“พาคนเหล่านั้นมาให้ฉัน ฉันต้องตรวจสอบตัวเอง” อาจารย์วัยกลางคนกล่าว
กู่ซือผิง หยวนเทียนเฉิน และนักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ เห็นรายชื่อแล้ว บางคนได้รับความสนใจ แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรขัด เพราะกู่ซือผิงส่งคนไปติดต่อนักเรียนที่ถูกเลือกในทันที
ไม่นานอาจารย์วัยกลางคนก็อ่านไฟล์ที่รวบรวมโดยสถาบันต่างๆ เสร็จ และเริ่มดูข้อมูลที่บันทึกไว้ในอาณาจักรลับ ผู้เยี่ยมชมบางคนของอาณาจักรลับเหล่านั้นมีความแปลกในตัวเอง แต่ข้อมูลของพวกเขาไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก
นักวิชาการเรียกดูไฟล์ต่างๆ เงียบๆ โดยเลือกดูหลายหน้าเป็นระยะๆ “นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจ คนที่อยู่ในระดับเก้ามักจะสามารถไปถึงชั้นที่ 10 ของหอคอยกระดูกมังกร แต่บุคคลนี้ไปจนถึงชั้นที่ 12 ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเขาดี…
“เขาทำลายสถิติ…”
อาจารย์วัยกลางคนมองไปที่หยวนหลิงรู่ และถามด้วยความสนใจ “เธอรู้จักคนที่ทำลายสถิติเหมือนเธอไหม?”
หยวนหลิงรู่หน้าซีดเล็กน้อย เธอกำดาบแน่นขึ้น เธอกำลังจะตอบแต่คุณปู่ส่งสัญญาณเล็กๆ มาให้เธอพร้อมกับลมหายใจที่เปลี่ยนไป เธอตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง ถ้าซูผิงเข้าร่วมด้วยคุณสมบัติของเขา เขาจะถูกเลือกให้เป็นนักเรียนอย่างแน่นอน!
นั่นคือเว้นแต่อายุกระดูกของเขาจะเกิน 22 มิฉะนั้นเขาจะไม่ได้รับเลือก
ซูผิงจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นนักเรียนดาวเด่นคนหนึ่ง แม้จะเป็นไปตามมาตรฐานของสถาบัน เธอจะไม่มีโอกาสไล่ตามเขาทันหากสิ่งนี้เกิดขึ้น!
หลังจากเงียบไปสองวินาที หยวนหลิงรู่ก็ก้มหน้าและพูดว่า “ท่านคะ ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่รู้จักเขา”
อาจารย์วัยกลางคนมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็หันไปหากู่ซือผิง และพูดว่า “ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขา ฉันจะทดสอบเขาเป็นการส่วนตัวหากอายุของเขาต่ำกว่าเกณฑ์”
กู่ซือผืงมองไปที่แฟ้มและตอบว่า “ได้ครับ”
“คนนี้ดี เขาได้สำรวจอาณาจักรลับในมหาสมุทรลึก ผู้ที่เสี่ยงเข้าไปในสถานที่แบบนั้นมักจะอยู่ที่สภาวะสมุทร เขายังไม่ถึงระดับตำนาน แต่เขาก็ยังไปที่นั่น น่าสนใจ…
“ตามหาเขามาด้วย”
อาจารย์เลือกไฟล์เพิ่มเติม
ในไม่ช้าเขาก็อ่านบันทึกทั้งหมดเสร็จและเลือกไฟล์ทั้งหมดสิบสามไฟล์
“ไปพามาให้เร็วที่สุด” อาจารย์วัยกลางคนสั่ง กู่ซือผิงพยักหน้า เขามอบเอกสารให้กับนักรบอสูรในตำนานที่คอยอยู่ข้างเขา และบอกพวกเขาว่าต้องทำอะไร
จากนั้นกู่ซือผืงก็พูดอย่างเด็ดขาดว่า “ท่านครับ คนเหล่านี้กระจายไปทั่วโลก คงไม่เจอตัวพวกเขาง่ายๆ เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยปรากฏตัว ดังนั้นเราจึงไม่ได้ปกป้องพวกเขาอย่างดี บางคนอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว…”
“อย่ากังวลเรื่องนั้น แค่ทำในสิ่งที่ทำได้”
อาจารย์วัยกลางคนพูดอย่างสบายๆ
กู่ซือผืงพยักหน้า เขานึกอะไรบางอย่าง “ท่านคงเหนื่อยมากหลังจากการเดินทางอันยาวนานเช่นนี้ ทำไมไม่พักที่นี่สักสองสามวันเพื่อพักผ่อนสักหน่อยล่ะครับ? เรามีอาหารท้องถิ่นที่เราอยากให้ท่านได้ลิ้มลอง ผมยังมีไวน์โบราณที่ผมเก็บไว้เป็นร้อยปี ไวน์ทำด้วยสมุนไพรล้ำค่า เครื่องดื่มหนึ่งแก้วก็เพียงพอแล้วที่จะขัดเกลากระดูกและเนื้อของคนทั่วไป ยืดอายุขัยได้ถึงร้อยปีโดยไม่เจ็บป่วย ถ้าเราดื่มไวน์นี้ เราสามารถสะสมพลังดวงดาวและพัฒนาไหวพริบให้ดีขึ้น…” ผู้ที่อยู่ในสภาวะชะตากรรมรู้สึกทึ่ง
สะสมพลังดวงดาวและพัฒนาไหวพริบ?
สิ่งใดก็ตามที่สามารถพัฒนาไหวพริบได้จะต้องได้รับการถนอม!
นอกจากนี้เมื่อสิ่งนั้นใช้ได้ผลกับมนุษย์ มันก็จะมีผลกับอสูรด้วยเช่นกัน
ชายวัยกลางคนที่มีเคราหยิกเลียริมฝีปาก และพูดด้วยความกระตือรือร้นว่า “คุณฟาง แล้วพวกเราล่ะ…?”
อาจารย์วัยกลางคนส่ายหัว “นายขี้เมา ไวน์จะทำให้นายเดือดร้อนไม่ช้าก็เร็ว อนิจจา ในเมื่อตอนนี้คุณกู่ใจดีพอที่จะเชิญเรา เราจะอยู่ที่นี่สองสามวัน เราสามารถเดินทางไปรอบ ๆ และดูดาวเคราะห์ดวงนี้ที่เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของมนุษยชาติ…”
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินเป็นจุดเริ่มต้นของสหพันธ์ดวงดาว มนุษย์มีดาวเคราะห์สีน้ำเงินเป็นต้นกำเนิด จากนั้นจึงไปสำรวจจักรวาลในภายหลัง
อย่างไรก็ตามเมื่อการสำรวจครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น มนุษย์ก็พบดาวเคราะห์ต่างๆ มากมายที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
เทคโนโลยียังทำให้มนุษย์สามารถปักหลักอยู่บนดาวเคราะห์นั้นๆได้
มนุษย์เริ่มมีชีวิตและเติบโตบนดาวเคราะห์ที่เพิ่งค้นพบใหม่ และถือว่าดาวเคราะห์เหล่านี้เป็นบ้านของพวกเขา
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน—ที่ซึ่งเป็นจุดกำเนิดทุกอย่างเริ่มมีความสำคัญน้อยลง มันเหมือนกับว่าบางครั้งผู้คนไม่สนใจที่จะกลับไปหาครอบครัวของพวกเขา
เวลาสามารถลบล้างทุกสิ่งได้ บางคนอาจคิดถึงต้นกำเนิดของพวกเขา แต่นั่นไม่ได้หมายถึงอะไรที่เป็นประโยชน์ในชีวิตจริง
”คุณฟาง ขอบคุณครับ”
กู่ซือผิงขอบคุณ
เขาเก็บไวน์นั่นไว้เป็นร้อยปี นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ บางครั้งจะถามเขาเกี่ยวกับไวน์นั้น แต่เขามักลังเลที่จะแบ่ง เนื่องจากตอนนี้เขากำลังจะแบ่ง แต่ก็ยังต้องกล่าวขอบคุณ
เขารู้สึกขอบคุณคนจากสหพันธ์ดวงดาวที่ยอมอยู่ต่อ!
นั่นคือความสำคัญของพวกเขา!
ชายวัยกลางคนที่มีเคราหยิกเกาหัว เขาดูค่อนข้างไร้เดียงสา แต่เพื่อน ๆ ของเขารู้ว่าเขาทำได้ทุกอย่าง
“ดาวเคราะห์สีน้ำเงินกำลังประสบกับภัยพิบัติที่ไม่ค่อยพบเห็นในรอบหลายร้อยปี คุณฟาง มันคงลำบากถ้าคุณเดินทางไปรอบๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอสูรป่าทำร้ายคุณ..” กู่ซือผิงกล่าวในขณะที่ลดเสียงลง
”ไม่เป็นไร ฉันจะฆ่าพวกมัน ง่ายจะตาย”
เขาไม่ลืมที่จะเล่นตลก “ตราบเท่าที่คุณโอเค”
กู่ซือผิงยิ้มประจบ แน่นอนว่าเขาจะโอเคกับเรื่องนั้น
เนื่องจากอาจารย์หยุดการสนทนาไว้ตรงนี้พอดี กู่ซือผิงจึงตัดสินใจพูดต่อ “คุณฟาง ผมมีคำขอที่มากเกินควร เราตรวจพบราชาอสูรสภาวะชะตากรรมอย่างน้อยแปดตัว ผมสงสัยว่า…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ รอยยิ้มของอาจารย์วัยกลางคนก็หายไปและโบกมือให้กู่ซือผิงหยุด “เราอยู่ที่นี่เพื่อสถาบันของเรา ฉันได้เห็นข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้และเข้าใจความทุกข์ทรมานของนาย อย่างไรก็ตามเรามีกฎเกณฑ์ของเรา และเราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของดาวเคราะห์ดวงอื่นได้
“ฉันขอโทษ แต่ฉันช่วยนายไม่ได้”
การปฏิเสธโดยตรงของเขาทำให้กู่ซือผิงและคนอื่นๆ ตกตะลึง
หยวนหลิงรู่กังวลว่าปู่ของเธออาจจะต้องเจอกับความโชคร้าย ท้ายที่สุดมีราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมมากมาย และเจ้าแห่งหอคอยเพิ่งกล่าวว่าพวกเขาพบอย่างน้อยแปดตัว… เธอตกใจมาก
จู่ๆ ภาพของใครบางคนก็แวบเข้ามาในความคิดของเธอ
เธอสงสัยว่าเขาจะรอดไหม
”คุณฟางการโจมตีครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดอาจถูกกำจัดออกจากดาวเคราะห์สีน้ำเงิน และเปลี่ยนสถานที่นี้ให้กลายเป็นโลกของอสูรป่าหากคุณไม่ช่วย ดาวเคราะห์สีน้ำเงินเป็นต้นกำเนิดของเรา คุณต้องการที่จะเห็นการล่มสลายของดาวเคราะห์สีน้ำเงินหรอครับ? เรามีคนมากกว่าเจ็ดพันล้านคน…” กู่ซือผิงกล่าวทันที
นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ เริ่มวิตกกังวล ผู้สมัครจะออกจากสถาบัน แต่พวกเขายังต้องอยู่!
ไม่มีใครอยากอยู่เพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น
แต่อาจารย์คนนี้อยู่ในระดับดวงดาว!
เขาสามารถบีบสภาวะชะตากรรมให้ตายได้ด้วยสองนิ้ว!
ถ้าเขาช่วย สถานการณ์จะคลี่คลายในไม่ช้า ผู้บาดเจ็บก็จะน้อยลง ดาวเคราะห์สีน้ำเงินสามารถพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปได้ และหลังจากนั้นหลายร้อยปี พวกเขาอาจจะสามารถสร้างยานอวกาศเพื่อเชื่อมโยงกับสหพันธ์ดวงดาว การเดินทางไปยังสหพันธ์ดวงดาวอาจเป็นอันตราย แต่อย่างน้อยที่สุดดาวเคราะห์สีน้ำเงินก็จะไม่กลายเป็นดาวเคราะห์ร้างอีกต่อไป!
เมื่อพวกเขาเชื่อมต่อกับสหพันธ์ดวงดาว ผู้คนจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะมีโอกาสไปเยือนดาวเคราะห์ดวงอื่น พวกเขาจะเติบโตและนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ในอนาคตดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในสหพันธ์ดวงดาว นั่นคืออนาคตในอุดมคติ
อาจารย์วัยกลางคนและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาทำหน้านิ่ง และขมวดคิ้ว
”คุณกู่ ฉันพูดชัดเจนดีแล้วนะ นายยังขู่ฉัน?” อาจารย์วัยกลางคนจ้องมองกู่ซือผิง
กู่ซือผิงรู้สึกว่าเลือดของเขาแข็งตัวด้วยความกลัว “ไม่ ไม่ นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของผม ผมแค่รู้สึกเสียใจต่อคนบริสุทธิ์เหล่านั้น…
“ทุกคนล้วนมีชะตากรรม และดาวเคราะห์ทุกดวงย่อมมีทางของตัวเอง..
“ถ้านายไม่สามารถอยู่รอดที่นี่ได้ แสดงว่าโลกนี้ไม่เหมาะกับมนุษย์”
อาจารย์วัยกลางคนกล่าวต่อไปว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเราไม่อยากพลาดอัจฉริยะคนอื่นๆ เราก็คงจะไปแล้ว เราคงไม่ได้พักที่นี่”
กู่ซือผิงพยักหน้า “ครับ ครับ …”
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก เราสามารถใช้ช่วงเวลานี้เป็นเครื่องเตือนใจ รวบรวมคนเหล่านั้นให้เร็วที่สุด เรายินดีที่จะอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน นายควรพิจารณาว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ทุกคนควรรู้สึกเป็นเกียรติเพราะเราเต็มใจที่จะเดินทางมาดาวเคราะห์สีน้ำเงินเพื่อค้นหาผู้สมัคร ปัญหาเหล่านี้จะไม่เป็นปัญหาที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาสามารถทำอะไรเพื่อตัวเองได้ในอนาคต”อาจารย์วัยกลางคนหันไปหาหยวนหลิงรู่และผู้สมัครคนอื่นๆ “บ้านเกิดของพวกเธอถูกโจมตี และถ้าเธอต้องการช่วยที่นี่ จงเรียนให้หนักเมื่อไปถึงสถาบัน การแข่งขันมีความรุนแรงมากกว่าที่พวกเธอจะจินตนาการได้ และยังมีอะไรอีกมากให้ต้องเรียนรู้”
“ใช่ วิธีที่พวกเธอใช้โบราณมาก พวกเธอจะเป็นเหมือนมนุษย์ถ้ำ” ผู้หญิงผมแดงกล่าว
พวกเขาดูถูกคนที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
พวกเขาไม่ได้นึกถึงกู่ซือผิงมากนัก แม้เขาจะอยู่ที่สภาวะชะตากรรม แต่คนใดคนหนึ่งสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย
พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับวิถีของดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์นี่ นักรบอสูรจะอยู่ที่ด้านหลังในขณะที่อสูรของพวกเขาต่อสู้เพื่อพวกเขา
วิธีการต่อสู้ที่โง่เขลา
นักรบอสูร?
พวกเขาต้องมีความสามารถเพียงพอแม้ไม่มีอสูร พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าอสูรของพวกเขาด้วยซ้ำ!
มิฉะนั้น แค่พึ่งพาการสั่งอสูรตัวเองจะไม่มีวันยิ่งใหญ่ได้
ท้ายที่สุดเมื่อไปถึงระดับหนึ่ง—และเมื่ออสูรโตเพียงพอ สัญญาเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอที่จะควบคุมอสูร
หากนักรบอสูรไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ อสูรสามารถออกจากพื้นที่สัญญา และกินเจ้านายของพวกมันได้ตลอดเวลา!
หยวนหลิงรู่และผู้สมัครคนอื่นๆ ตัดสินใจเงียบเพราะกลัว
“ก็ได้ ไปจัดธุระของตัวเองเถอะ” อาจารย์วัยกลางคนบินกลับไปที่ยานอวกาศ
คนอื่นตามเขาไป อาจารย์เคราหยิกเตือนกู่ซือผิงด้วยเสียงหัวเราะ “อย่าลืมไวน์ของนายล่ะ”
กู่ซือผิงฝืนยิ้ม “ไม่ลืมแน่นอนครับ”
หลังจากขึ้นยานอวกาศ ยานอวกาศก็บินขึ้นและลอยอยู่เหนือเนินเขาที่กู่ซือผิงอ้างว่าเป็นบ้าน ทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรลับจะเห็นยานอวกาศที่ลอยอยู่ นักรบอสูรในตำนานบางคนไม่พอใจกับการแสดงพลังนั้น แต่ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร กู่ซือผิงพูดกับหยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ ว่า “พวกนายกลับไปได้แล้ว เด็กๆสามารถอยู่ที่นี่ได้”
หยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ กล่าวลาและจากไปทันที
หยวนหลิงรู่กำหมัดแน่น
เธอสงสัยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นคุณปู่ของเธอหรือเปล่า!
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์คนนั้นถึงไม่ช่วยในเมื่อเขาทำได้
การพูดเกี่ยวกับการไม่เข้าไปแทรกแซงดาวเคราะห์ดวงอื่นนั้น … เธอไม่ใช่คนโง่ นั่นเป็นข้อแก้ตัว
เธอมั่นใจว่าอาจารย์นั่นตบคนให้ตายได้ง่ายๆ! เขาสามารถฆ่ามนุษย์คนใดก็ได้ แต่เขาไม่ฆ่าอสูรร้าย ทำไม?
เธอซ่อนความเกลียดชังทั้งหมดไว้ในใจ เธอสัญญากับตัวเองว่าจะฝึกฝนให้หนักและพยายามกลับมาให้เร็วที่สุด! กู่ซือผิงมองคนหนุ่มสาว เขาสามารถมองเห็นความโกรธและความเกลียดชังที่พวกเขาซ่อนไว้ได้อย่างชัดเจน เขาถอนหายใจ ความคิดผุดขึ้นในใจของเขา อาจารย์น่าจะพยายามสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขา
ส่วนแรงบันดาลใจนั้นจะทำให้พวกเขาเกลียดเขาหรือไม่ เขาไม่สนใจ
อย่างไรก็ตาม… สำหรับอาจารย์ เขาใช้การอยู่รอดของดาวเคราะห์เป็นสิ่งเร้า เพียงเพื่อให้อัจฉริยะเหล่านี้เติบโต…
ชีวิตนั้นราคาถูก!
บางทีสำหรับผู้มาเยือนเหล่านั้น ผู้คนจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินอาจเป็นเหมือนมนุษย์ถ้ำ
พวกเขากำลังมองดูคนในท้องถิ่นเหมือนมนุษย์ที่มองลิง
พวกเขาจะไม่มีวันรู้สึกเสียใจไปกับดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 669 -670
ตอนที่ 669 -670
Posted by ? Views, Released on มีนาคม 16, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…