ตอนที่ 697 เกินความคาดหมาย
เวลาผ่านไป ผ่านไปหลายชั่วโมง ยามค่ำมาถึง กลางคืนจะตามมาในไม่ช้า
เวลาผ่านไปเร็วเหมือนวันอื่นๆ แต่ผู้คนในทวีปนี้มองว่าเป็นวันที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของพวกเขา
โครงการป้องกันใหม่สามารถรวมเมืองฐานได้เพียงเก้าเมืองเท่านั้น เมืองฐานที่เหลือต้องยอมแพ้และย้ายไปยังที่ตั้งที่มีป้อมปราการ
เก้าเมืองฐานถูกอัดจนเต็ม ผู้ที่เคยย้ายถิ่นฐานมาแล้วก็ไม่รู้สึกหงุดหงิดใจมากในครั้งนี้ พวกเขาเคยผ่านความเจ็บปวดจากการออกจากบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาแค่ต้องมาเจอแบบเดิมอีกครั้ง
ส่วนชาวบ้านในเก้าเมืองฐานก็พากันบ่น
คนธรรมดาในสังคมเชื่อฟังมากกว่า พวกเขามีแต่งานที่แสนน่าเบื่อ มีครอบครัวธรรมดา และขาดความกล้าหาญ ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาถูกบังคับโดยนักรบอสูรและอสูรขนาดใหญ่ของพวกเขา
ผู้ที่มีที่ดินและสินทรัพย์ถาวรมีความทะเยอทะยานที่ใหญ่กว่าและกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่านั้นต่างไม่พอใจอย่างมาก พวกเขาต้องออกจากเขตความสะดวกสบายและต้องสูญเสีย
แม้ว่าผู้คนจะบ่น แต่มีน้อยคนที่ต่อสู้กลับ
ส่วนใหญ่รู้ดีว่ามันไม่ได้เกิดจากความบ้าของนักรบในตำนาน คำสั่งตรงมาจากตัวหอคอยเอง!
หอคอยเป็นผู้ปกครองบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน คำสั่งเดียวสามารถทำให้เมืองฐานแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ไม่มีใครอยากท้าทายหอคอย ประชาชนทั่วไปเห็นว่าเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟังและทำตาม
มีคนจำนวนน้อยพยายามที่จะต่อสู้กลับ บางคนถูกลงโทษด้วยความตาย คนอื่นถูก “ชักชวน” ให้ยอมแพ้ ขั้นตอนแรกของโครงการป้องกันจะแล้วเสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
มีการสร้างกำแพงสูงตระหง่านสองแห่ง แต่ละแห่งมีความสูงมากกว่าหกร้อยเมตร มีราชาอสูรร้ายเพียงไม่กี่ตัวที่สามารถปีนขึ้นไปได้
การทำกำแพงให้สูงขึ้นจะไม่สะดวกสำหรับผู้ที่เฝ้าดูปริมณฑลจากที่นั่น สิ่งนี้จะลดประสิทธิภาพของทักษะระยะยาว ความสูงถูกคำนวณมาอย่างพิถีพิถันแล้ว
กำแพงหนาแปดเมตร!
ผู้คนอาจพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่าแปดเมตรคือแค่ไหน ตึกระฟ้าในเมืองฐานมักสูงไม่ถึงแปดสิบเมตร โครงสร้างของกำแพงนั้นซับซ้อน วัสดุหลายชนิดถูกผสมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างมันขึ้นมา หอคอยมีส่วนสนับสนุนโดยการเพิ่มค่ายกลลับสุดยอดเพื่อป้องกันไม่ให้อสูรตระกูลหินขโมยวัสดุหินในกำแพงและทำให้มันพังทลาย
ในขณะที่กำแพงกำลังถูกสร้างขึ้น ประชากรที่ถูกย้ายออกไปได้รับมอบหมายให้ไปอยู่ในเมืองฐานเก้าแห่ง พวกเขาถูกแบ่งกลุ่มกระจายกันอย่างเท่าเทียมเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างภาระหนักที่เกินไปในเมืองฐานใด ๆ
นอกเหนือจากเมืองฐานเก้าเมืองแล้ว เมืองฐานใหม่สี่เมืองยังถูกสร้างขึ้นภายใต้การป้องกันของกำแพงเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรที่ย้ายถิ่นฐาน หากพวกเขาไม่ได้สร้างที่พักเหล่านั้นโดยพื้นฐานแล้วการยัดเยียดผู้รอดชีวิตทั้งหมดไว้ในเมืองฐานเก้าเมือง – เมืองฐานจะถูกครอบงำ
การสร้างเมืองฐานใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก และมาตรฐานการก่อสร้างก็ลดลงในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อสูรดวงดาวถูกใช้เพื่อสร้างอาคาร อสูรดวงดาวที่ทรงพลังกว่าบางตัวสามารถสร้างชุมชนที่สามารถรองรับผู้คนได้หลายแสนคนภายในหนึ่งชั่วโมง แน่นอนว่าชุมชนขนาดนั้นถือว่าใหญ่อยู่แล้ว
ผู้คนต่างเร่งรีบไปๆ มาๆ ขณะดูแลงานทั้งหมดในการสร้างโครงการป้องกันและการย้ายถิ่นฐานอย่างเป็นระเบียบ ผู้คนไม่พบอสูรป่ามากนักในขณะที่พวกเขาเดินผ่านดินแดนรกร้างเพื่อย้ายถิ่นฐาน ประการแรกอสูรป่าทั่วทั้งทวีปถูกเกณฑ์เข้ากองกำลังจู่โจม สำหรับอีกประการคือซูผิง เสวี่ยอวิ๋นเจิน เซียงเฟิงหรั่นและคนอื่น ๆ ได้จัดการอสูรป่าที่ซ่อนอยู่ทั่วทั้งทวีป
อสูรร้ายที่เหลืออยู่ในดินแดนรกร้างเป็นอสูรที่อ่อนแอและมีไม่เยอะ นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ซึ่งรับผิดชอบการย้ายถิ่นฐานสามารถช่วยให้ผู้คนปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย
ตอนค่ำ
เมืองฐานหลงเจียง อาทิตย์อัสดงทอแสงอันอบอุ่นบนเมืองฐานหลงเจียง ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าเมืองฐานที่ได้รับการเสริมกำลัง นักรบอสูรในตำนานจำนวนมากมาที่นี่เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดของซูผิง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมที่นี่จึงถูกมองว่าเป็นศูนย์บัญชาการ
นักรบในตำนานจำนวนมากรวมตัวกันในสำนักงานของเซี่ยจินชุ่ยในขณะนี้ ซูผิงก็อยู่ที่นี่ด้วย
อีกคนที่จะดึงดูดความสนใจของทุกคนก็อยู่ที่นี่
กู่ซือผิง!
เจ้าหอคอยเป็นคนที่เข้าใจยาก แม้แต่สมาชิกของหอคอยก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนลึกลับและน่ากลัว
ท้ายที่สุดเขาเป็นนักรบเพียงคนเดียวที่ไปถึงสภาวะชะตากรรม!
กู่ซือผิงและซูผิงนั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะ
ครั้งหนึ่งเคยมีที่นั่งหลักอยู่ที่หัวโต๊ะซึ่งเคยเก็บไว้ให้กู่ซือผิง ถึงกระนั้นกู่ซือผิงก็ประพฤติตัวเหมือนคนเจียมเนื้อเจียมตัวและปฏิเสธที่จะนั่ง ในที่สุดที่นั่งก็ถูกเก็บไป
หลังจากที่ทุกครั้งกู่ซือผิงเลือกที่จะไม่นั่งตรงนั้น ใครจะกล้านั่ง?
ซูผิงไม่สนใจการจัดที่นั่ง เขาโอเคกับการเป็นผู้บัญชาการสูงสุด แต่เขาต้องแน่ใจว่าเขาจะออกคำสั่งกับทุกคนได้จริงๆ ตัวอย่างเช่นกู่ซือผิงและนักรบอสูรในตำนานคนอื่น ๆ ที่เขาพามาจากหอคอยอาจไม่ตอบสนองต่อคำสั่งของซูผิง
นักรบอสูรในตำนานเหล่านั้นยังคงทำตามคำสั่งของกู่ซือผิง
ซูผิงจ้องมองชายชราผมหงอกที่นั่งตรงข้ามโต๊ะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเจ้าหอคอย เขาสังเกตเห็นได้ทันทีว่ากู่ซือผิงอยู่ที่สภาวะชะตากรรม
มันเป็นแค่ความรู้สึก ในขณะที่การรับรู้และความรู้สึกของเขาแข็งแกร่ง แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังของสภาวะชะตากรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกู่ซือผิงจงใจระงับพลังงานของเขา นอกจากนี้แม้ว่าเขาจะไม่เคยมีประสบการณ์กับสภาวะชะตากรรมเป็นการส่วนตัว แต่เขาเคยเห็นมามากพอแล้ว
ซูผิงได้พบกับเทพสวรรค์หลายคนที่อยู่ในสภาวะชะตากรรมเมื่อเขาไปเยี่ยมบ้านของโจแอนนา เทพสวรรค์บางคนจะแสดงพลังของพวกเขาออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน ปล่อยให้มันแสดงออกมาอย่างดุเดือด
เทพสวรรค์ยังมีลักษณะทั่วไปด้วย
ซูผิงสังเกตเห็นหลังจากได้โต้ตอบกับเทพสวรรค์เหล่านั้นหลายครั้ง และเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในผู้ที่อยู่ในสภาวะว่างเปล่า เป็นการยากที่จะอธิบายว่าลักษณะนิสัยเป็นอย่างไรด้วยคำพูด แต่เขาก็มั่นใจว่าเขารู้สึกได้แบบเดียวกันในเจ้าหอคอย
เขายังสามารถบอกได้ว่าเจ้าหอคอยไม่ได้อยู่ที่สภาวะชะตากรรมขั้นสูงสุด เขาเป็นคนธรรมดาเมื่อพิจารณาถึงกับคนอื่นที่ซูผิงเคยเจอมา ซูผิงได้พบกับเทพสภาวะชะตากรรม มีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับพวกเขา ซูผิงดูถูกกู่ซือผิงมากขึ้นหลังจากวัดความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
เจ้าหอคอยไม่สามารถหยุดการโจมตีได้!
เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นความหวังของมนุษยชาติทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่สามารถกอบกู้โลกจากอสูรป่าได้ ที่แย่ไปกว่านั้น เขาไม่ได้ใส่ใจกับการถูกโจมตีมากพอ พูดง่ายๆ ว่าเขาไร้ความสามารถและโง่เขลา!
อสูรป่าสามารถบุกออกจากถ้ำลึกได้เพราะค่ายกลในถ้ำลึกถูกทำลาย หอคอยมองข้ามเรื่องนี้… เจ้าหอคอยก่ออาชญากรรมร้ายแรง!
“ผมรู้จักคุณเพียงแค่ชื่อเท่านั้น ผมดีใจที่มีโอกาสได้พบคุณในที่สุด คุณซู คุณเป็นคนที่น่าทึ่ง ผมได้ยินมาว่าคุณฆ่าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมด้วยตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ ผมเชื่อว่าคุณอยู่ที่สภาวะชะตากรรมเหมือนกัน น้องซู ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง!”กู่ซือผิงกล่าวกับซูผิงด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ซูผิงเยาะเย้ย “ทวีปเหนือ ทวีปมหาสมุทรตะวันตก และทวีปบึงมังกรถูกทำลาย ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรน่ายินดีในตอนนี้”
คนอื่นๆ หน้าซีดเล็กน้อย กลัวว่ากู่ซือผิงจะโกรธ
แต่กู่ซือผิงดูเหมือนจะไม่โกรธ เขาถอนหายใจและตอบว่า “อันที่จริง ผมรู้สึกผิดถึงความพินาศของทั้งสามทวีป ผมอายเกินกว่าจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ผมได้ยินมาว่าคุณได้ช่วยแนวป้องกันซิงจิง และให้ความช่วยเหลืออย่างดี น้องซู ผมคิดว่าคุณควรเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในครั้งนี้”
นักรบอสูรในตำนานหลายคนที่มาจากหอคอยอยากจะคัดค้านแต่ไม่ทำ
เรากำลังจะให้ซูผิงเป็นผู้บัญชาการสูงสุด?
นักรบอสูรในตำนานที่สภาวะว่างเปล่าจากหอคอยเปล่งเสียงกังวลว่า “ท่านไม่อยาก… คิดใหม่เหรอ?” ด้วยผมสีทองและดวงตาสีฟ้า ชายผู้นี้อยู่ในวัยหกสิบเศษ เห็นได้ชัดว่าเป็นเขาเป็นพลเมืองจากทวีปเหนือ
“จริงอยู่ที่น้องซูแข็งแกร่ง แต่น้องซูยังเด็กอยู่ ผมไม่คิดว่าเขามีประสบกาณ์ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากการบ่มเพาะ การบังคับบัญชาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ” ชายอีกคนหนึ่งกล่าวเสริม นอกจากนี้เขายังหวังว่ากู่ซือผิงจะเปลี่ยนใจ หากเขาไม่ได้เห็นวิดีโอของซูผิงที่ฆ่าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรม หรือได้ยินคำให้การจากพยาน ชายคนนี้จะชี้ให้เห็นตรงๆว่าซูผิงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะแข่งขันกับเจ้าหอคอย!
อย่างไรก็ตามชายคนนี้รู้ว่าเขาไม่สามารถพูดออกมาดังๆ ได้ ท้ายที่สุดซูผิงมีแนวโน้มมากที่สุดว่าจะอยู่ในสภาวะชะตากรรม
“ท่านไม่ต้องตำหนิตัวเองสำหรับเรื่องการล่มสลายของสามทวีป อสูรร้ายเหล่านั้นจู่โจมเรากะทันหัน เราไม่ได้เตรียมตัว” ชายชราพูดอย่างใจเย็น เขาคือหยวนเทียนเฉิน
เขาไม่เคยมองซูผิง เขาจ้องมองกู่ซือผิงตลอดเวลา “คุณยังได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่คุณช่วยทวีปมหาสมุทรตะวันตก และสามารถฆ่าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมได้ คุณได้มีส่วนร่วมอย่างมาก!
“น้องซูยังเด็กอยู่ การอยู่ในระดับสูงไม่เท่ากับประสบการณ์การต่อสู้ คุณมีประสบการณ์มากที่สุด เพื่อเห็นแก่มนุษย์ทุกคนทั่วโลก ผมขอให้คุณเป็นผู้บัญชาการสูงสุด!”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นหยวนเทียนเฉินก็ยืนขึ้นและโค้งคำนับให้กู่ซือผิง
ชายคนนั้นรู้ว่าเขาจะทำให้ซูผิงขุ่นเคือง อย่างไรก็ตามไม่มีทางที่เขาจะยอมให้ซูผิงเป็นผู้บัญชาการสูงสุด เพราะเขาและซูผิงเคยทะเลาะกันมาก่อน
เขาไม่รู้ว่าซูผิงจะไม่พอใจหรือไม่ แต่เขาต้องทำ
ทุกคนจากหอคอยจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของซูผิงถ้าเขากลายเป็นผู้บัญชาการสูงสุด รวมทั้งหยวนเทียนเฉิน เขาจะไม่สามารถปฏิเสธหากถูกส่งไปต่อสู้กับอสูรร้ายที่ร้ายกาจที่สุดได้ หากซูผิงส่งเขาไป เขาจะตาย!
“เราขอให้คุณเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของเราเช่นกัน!”
นักรบอสูรในตำนานอีกคนหนึ่งยืนขึ้น และโค้งคำนับให้กู่ซือผิง
คนอื่นๆ จากหอคอยต่างมองหน้ากัน ในที่สุดพวกเขาก็ลุกขึ้นและโค้งคำนับให้กู่ซือผิง
นักรบอสูรในตำนานที่นั่งตรงข้ามโต๊ะจากซูผิงยืนขึ้น และโค้งคำนับ
ในทางกลับกันเสวี่ยอวิ๋นเจิน เซียงเฟิงหรั่น ฉินตู้หวงและคนอื่น ๆ นั่งอยู่ด้านข้างของซูผิงยังคงนั่งนิ่ง พวกเขาทั้งหมดได้รับอสูรสภาวะว่างเปล่าจากซูผิง และพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาติดหนี้เขา ในความเป็นจริงซูผิงขายอสูรเหล่านั้นในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ เขาได้รับความไว้วางใจอย่างเต็มที่จากพวกเขา!
“ไร้สาระ!”กู่ซือผิงตะโกน
ซูผิงค่อย ๆ เอนหลังพิงเก้าอี้ของเขา
“หึ น่าสนใจ”
ซูผิงใช้นิ้วเคาะโต๊ะ
“คุณ…” ซูผิงเหลือบมองไปยังนักรบอสูรในตำนานมากมาย เขาไม่ได้พูดจบประโยคนั้น เขาส่ายหัวและเปลี่ยนหัวข้ออื่น “ผมคิดว่าเราสามารถให้คุณกู่คอยออกคำสั่งได้ เขามีประสบการณ์มากกว่าผม และผมไม่ต้องการที่จะโต้แย้งกับเขาในเรื่องนี้ นอกจากนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าขันอย่างยิ่งที่เรากำลังโต้เถียงกันในเรื่องไร้สาระในช่วงเวลาวิกฤตินี้ เรามาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังได้ไหม เราจะเผชิญกับการโจมตีที่จะเกิดขึ้นได้ยังไง?”
กู่ซือผิงและคนอื่นๆ จากหอคอยดูโกรธจัด ซูผิงไม่ได้ซ่อนความดูถูก พวกเขารู้ว่าซูผิงไม่ได้ตั้งใจที่จะออกคำสั่ง ความโกรธฉายผ่านดวงตาของกู่ซือผิง เขาจ้องไปที่หยวนเทียนเฉิน และคนอื่นๆ ที่ขอร้องให้เขารักษาตำแหน่ง
เขาต้องการให้ซูผิงเป็นผู้บัญชาการอย่างจริงใจ เขาไม่ได้แกล้งทำ
เขามีเหตุผลและแผนการของเขา อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้กวนใจเขา ซูผิงต้องการอยู่เฉยๆ และเขาไม่สนใจตำแหน่งที่ทรงพลังนั้น
การเกลี้ยกล่อมซูผิงคงเป็นเรื่องยาก
เป็นการยากยิ่งกว่าที่จะโน้มน้าวผู้ที่ขอร้องให้เขาอยู่ในคำสั่งให้ยอมแพ้!
“น้องซูพูดถูก ใครจะเป็นผู้บังคับบัญชาก็ไม่สำคัญ การโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการเสียเวลา มาพูดถึงการโจมตีของอสูรร้ายกันเถอะ”
กู่ซือผิงทำหน้าจริงจังและกล่าวว่า “จากข้อมูลที่ผมได้รวบรวมมา มีราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมอย่างน้อยสิบตัวออกมาจากถ้ำลึก เราต้องพิจารณาถึงสี่ราชาสวรรค์ เช่นเดียวกับจักรพรรดิสมุทร และราชาอสูรร้ายทั้งแปด…
“เรากำลังพูดถึงราชาอสูรทั้ง 20 ตัวที่สภาวะชะตากรรม!”
บทสรุปของกู่ซือผิงทำให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบลง
เสวี่ยอวิ๋นเจิน เซียงเฟิงหรั่น และฉินตู้หวงก็ถูกเรื่องนี้ตอกย้ำ
พวกเขาอยู่ในสภาวะว่างเปล่าเท่านั้น พวกเขาต้องใช้กำลังอย่างเต็มที่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรม การเอาชนะตัวใดตัวหนึ่งจะยากมาก!
เว้นแต่พวกเขาจะประสานการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!
อย่างไรก็ตามมีอสูรร้ายในสภาวะชะตากรรมมากกว่านักรบอสูรในตำนานสภาวะว่างเปล่า ใครจะโจมตีใคร!
ซูผิงกลั้นหายใจ
จำนวนอสูรสภาวะชะตากรรมนั้นสูงกว่าที่เขาคาดไว้
เขารู้เกี่ยวกับราชาสวรรค์ทั้งสี่… แต่มีอสูรสภาวะชะตากรรมเก้าตัวที่มาจากมหาสมุทรด้วย?
มีราชาอสูรไปแล้วกว่าโหล นับประสาอะไรกับพวกที่มาจากมหาสมุทร!
ที่เลวร้ายไปกว่านั้น มีเพียงเจ้าหอคอยเท่านั้นที่อยู่ที่สภาวะชะตากรรม… นี่มันไร้สาระ!
ซูผิงรู้สึกหวาดกลัว มนุษยชาติควรจะสูญพันธุ์ก่อนที่อสูรร้ายเหล่านั้นจากถ้ำลึกจะออกมา! อสูรป่าต้องการที่จะกัดกินอาณาเขตของมนุษย์!
กู่ซือผิงเห็นความสับสนและตกใจบนใบหน้าของทุกคน เขาถอนหายใจ “ภัยคุกคามของอสูรมหาสมุทรมีอยู่เสมอ แต่จักรพรรดิสมุทรเคยบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหอคอยคนแรก จักรพรรดิสมุทรสัญญาว่าพวกมันจะไม่บุกรุกพื้นดิน ดังนั้นอสูรเหล่านั้นในมหาสมุทรจึงเติบโตมาได้หลายปี และไม่มีอะไรที่ผมสามารถทำได้ ผมต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับจักรพรรดิสมุทร ท้ายที่สุดเพื่อรักษาสัญญาว่าพวกมันจะไม่มาหาเรา พวกมันจะสู้กลับถ้าเราบุกเข้าไปในอาณาเขตของพวกมัน ราชาสวรรค์ทั้งสี่ไม่เคยเป็นมิตรกัน พวกมันอยู่กันอย่างอิสระเสมอ นั่นคือเหตุผลที่เรามีเวลาพักฟื้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้ผมขาดการติดต่อกับจักรพรรดิสมุทร มันไม่รับการเรียกหาใด ๆ ของผม แต่ผมไม่กล้าไปขอความกระจ่าง ผมคิดว่าจักรพรรดิสมุทรคงพยายามโจมตี”
นักรบอสูรในตำนานบางคนรู้สึกว่าพวกเขากำลังสูญเสียความหวังทั้งหมด มีราชาอสูรสภาวะว่างเปล่าประมาณยี่สิบตัว พวกมันสามารถครอบครองโลกได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจะทำอะไรเพื่อปกป้องดาวเคราะห์สีน้ำเงินได้บ้าง?
ตอนที่ 698 ข่มขู่
“นั่นสินะ…” กู่ซือผิงกล่าวเสริม สามคำนี้ได้รับความสนใจจากทุกคน
“เรายังพอมีหวัง”
กู่ซือผิงพูดอย่างใจเย็น “ผมรู้ว่าอสูรป่าดุร้าย แต่เรายังมีไพ่ตายอยู่ เพียงแต่มันไม่เป็นประโยชน์ในการจัดการกับอสูรป่าโดยตรง ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ”
นั่นเป็นคำพูดที่น่ายินดีทีเดียว มีคนถามทันทีว่า “ท่านครับ ไพ่ตายที่คุณพูดถึงคืออะไร?”
คนอื่นๆ ต่างก็อยากรู้เหมือนกัน
กู่ซือผิงอยู่ที่สภาวะชะตากรรม เขาไปช่วยทวีปมหาสมุทรตะวันตกแต่ล้มเหลว
เขาไม่สามารถหยุดอสูรป่าในทวีปมหาสมุทรตะวันตกได้ เขาจะทำอะไรได้บ้างเมื่ออสูรป่าทั่วโลกรวมตัวกัน?
“ผมจะเก็บไว้เป็นความลับ”กู่ซือผิงยิ้ม
“จากข้อมูลที่ผมได้รวบรวมเกี่ยวกับการโจมตี มีข้อบ่งชี้ว่ามีสายลับในหมู่พวกเรา ผมต้องเก็บบางสิ่งไว้เป็นความลับ ผมเข้าใจว่าผู้บริสุทธิ์จำนวนมากเสียชีวิต แต่นี่เป็นวิธีเดียว ถ้าเราพยายามช่วยทุกคน สุดท้ายก็จะไม่มีใครรอด!”
นักรบในตำนานมองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไร เสวี่ยอวิ๋นเจินและเซียงเฟิงหรั่นสงสัยว่าควรรู้สึกดีใจหรือตกใจ
พวกเขาไม่คิดว่ากู่ซือผิงกำลังโกหก อะไรคือประเด็นของมัน?
ต้องมีไพ่ตายจริงๆ!
แต่… มีใครบางคนเป็นสายลับของอสูรป่า?
“ท่านครับ ท่านบอกว่ามีคนในหมู่พวกเราเป็นสายลับ? ไม่มีทาง!” ชายคนหนึ่งตะโกน
คนอื่นๆ หันไปมองเขา ดวงตาของทุกคนทำให้ผู้ชายคนนั้นหงุดหงิด
กู่ซือผิงมองไปที่บุคคลนั้นและส่ายหัว “ผมแค่คาดเดา แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นจริงมากที่สุด ผมจะไม่พูดออกมาถ้าผมไม่คิดอย่างนั้น และทำให้พวกคุณสงสัยกันโดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตามภารกิจที่จะเกิดขึ้นเราจะมอบหมายให้กับทีมเล็กๆ คุณไม่ต้องกังวล”
“การทำงานเพื่ออสูรป่ามีประโยชน์ยังไง?”
เซียงเฟิงหรั่นเหลือบมองคนที่นั่งตรงข้ามโต๊ะด้วยใบหน้ามืดมน “เมื่ออสูรป่าทำลายเราทุกคนและโลกกลายเป็นสวรรค์ของพวกมัน คนทรยศจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกมันอย่างนั้นหรอ? หากทำจริง เขาคงเป็นคนเลวทรามต่ำช้ามากจริงๆ!”
”ฉันเห็นด้วย” เสวี่ยอวิ๋นเจินก็โกรธเช่นกัน “รับใช้อสูรป่า… นักรบอสูรในตำนานจะไร้ยางอายอย่างงั้นได้ยังไง?”
คนที่นั่งอยู่หน้าซีด บางคนไม่สามารถทนต่อการดูถูกได้ “ทำไมถึงคิดว่าเป็นเรา? บางทีพวกคุณบางคนอาจเป็นสายลับก็ได้ คุณอยู่ในถ้ำลึกตลอดเวลานิ ใครจะบอกว่าคุณไม่ได้ผูกมิตรกับอสูรร้าย?”
”อะไรนะ?!”
เซียงเฟิงหรั่นและคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความโกรธ คนทรยศในหมู่พวกเรา? โอ้ ไอ้***!
พวกเขาเป็นคนที่อยู่ในถ้ำลึกตลอดทั้งปี พวกเขาจะทนโดนดูถูกเหยียดหยามได้ยังไง?
พวกเขาไม่มีทางยอมให้ใครมาใส่ร้ายพวกเขา!
“งั้นมันก็เป็นความผิดของเราที่เราต้องอยู่ในถ้ำลึก!”
จิ่งเสิ่นดึงหน้าตึง แววของความหนาวเย็นแผ่ออกมาจากดวงตาของเขา
นักรบอสูรในตำนานที่กล่าวหาเขารู้ว่าเขาน่ากลัวแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วคนอย่างจิ่งเสิ่นเป็นวีรบุรุษของมนุษยชาติอย่างแท้จริง
ข้อกล่าวหานั้นทำให้พวกเขาโกรธ
“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดของนายหรือเปล่า แต่นายเคยอยู่ในถ้ำลึกและอสูรป่าก็ยังออกมาได้ เราไม่ต้องพูด แต่เราทุกคนรู้ว่านั่นหมายถึงอะไร!”หยวนเทียนเฉินแทรกแซง
เขาเองก็อยู่ในสภาวะว่างเปล่า เขาไม่กลัวเซียงเฟิงหรั่นและคนอื่น ๆ เขาอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับหัวหน้าเหล่านั้น แต่เขากล้าเพราะรู้ว่ากู่ซือผิงจะอยู่เคียงข้างเขา
เขาไม่คิดว่าคนที่ปกป้องถ้ำลึกจะทำร้ายเขาในเวลานี้
ความขัดแย้งภายใน? ใครก็ตามที่เริ่มต้นจะโดนคนทั้งโลกเกลียด!
“นาย-ฮึ่ม!
“หุบปากไปเลย!”เซียงเฟิงหรั่นทุบโต๊ะและกระโดดลุกขึ้นยืน มันเป็นความผิดของเรา? เรารายงานไปที่หอคอย แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเราอยู่ในถ้ำลึกอย่างระมัดระวัง และต่อสู้กับอสูรป่าทุกครั้งที่ออกจากทางเดิน นักรบอสูรในตำนานจำนวนมากถูกฆ่าตาย ตอนนี้เรากำลังถูกตำหนิ?
”ฮึ!”หยวนเทียนเฉินจ้องกลับไปที่เซียงเฟิงหรั่น
นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ ปลดปล่อยพลังดวงดาวเพื่อสนับสนุนหยวนเทียนเฉิน แม้ว่าจะไม่มีใครแข็งแกร่งเท่าเซียงเฟิงหรัน พวกเขาก็ไม่กลัวเพราะกู่ซิผิงอยู่เคียงข้างพวกเขา
“ไร้สาระ!”กู่ซือผิงคำราม ทำให้ทุกคนตะลึง “พวกเขาทั้งหมดเป็นวีรบุรุษ อย่าพูดกับพวกเขาแบบนี้!”กู่ซือผิงดุหยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ
พวกเขาไม่พูดอะไรอีก
”นั่งลง เราต้องทำงานร่วมกัน ใครก่อการทะเลาะวิวาทขึ้นอีก จะถือเป็นสายลับของอสูรป่า!”กู่ซือผิงจ้องมองเสวี่ยอวิ๋นเจิน เซียงเฟิงหรั่น และคนอื่น ๆ ที่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ
เซียงเฟิงหรั่นนั่งลงหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาโกรธจัด และไม่มีอะไรจะจะระบายความโกรธนั้นได้
“อย่าไปสนใจเรื่องคนทรยศ ก่อนอื่นเราควร…”กู่ซือผิงกล่าวต่อ
ผ่านไปครึ่งทาง มีคนตัดบทเขาออก “เฮ้ พวกแกนะ ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่พูด” ประโยคนั้นทำให้ทุกคนเงียบลง
ผู้คนหันไปมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ
ชายคนนั้นจ้องไปที่หยวนเทียนเฉิน“แกอย่าดูถูกคุณเซียงและคนอื่นๆ พวกแกทำอะไรตอนที่พวกเขากำลังปกป้องถ้ำลึก? ค้นอาณาจักรลับเพื่อหาสมบัติ? หาความสุขใส่ตัวเอง? เราควรสามัคคีกันในเวลาแบบนี้ ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคนถ้ายังโต้เถียงกันแบบนั้นอีก!”
“และฉันจะทำแน่!”
ภัยคุกคามทำให้หยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ ประหลาดใจ พวกเขาจ้องไปที่เขาแล้วหันไปหากู่ซือผิง
กู่ซือผิงคาดไม่ถึงเช่นกัน สีหน้าเขาไม่ดีมากๆ… เขาเพิ่งบอกว่าห้ามใครเริ่มการโต้เถียงอีก และซูผิงก็ทำ!
“น้องซู เรากำลังเผชิญกับศัตรูที่น่าเกรงขาม คุณควรเป็นตัวอย่างที่ดี”กู่ซือผิงขมวดคิ้ว
“ถูกต้อง” นักรบสภาวะว่างเปล่าพูดขึ้น
เนื่องจากกู่ซือผิงได้เตือนซูผิงแล้ว หยวนเทียนเฉินเชื่อว่าเป็นโอกาสของเขาแล้ว “ซูผิง ฉันรู้ว่านายมีความสามารถ แต่นายควรไปหาอสูรเพื่อระบายพลังงานพิเศษนั้น เราแค่พูดความจริง … อย่าคุกคามเราตลอดเวลาได้ไหม นายฆ่านักรบอสูรในตำนานสองคนที่หอคอยแล้ว และหนึ่งในนั้นอยู่ในสภาวะว่างเปล่า นายรู้ไหมว่ามันการสูญเสียครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ?”
คนอื่น ๆ จ้องมองที่ซูผิง
สำหรับคนที่อยู่ข้างซูผิง เซียงเฟิงหรั่นและคนอื่น ๆ พวกเขาไม่ได้สนใจ สิ่งที่ซูผิงพูดได้ทำให้พวกเขาประทับใจจริงๆ พวกเขาทำงานหนักอย่างไม่รู้จบในถ้ำลึก และถูกใส่ร้าย แต่กู่ซือผิงผู้นำของมนุษย์เปลี่ยนบทสนทนานั้นอย่างไม่ใส่ใจ พวกเขาไม่พอใจกับเรื่องนั้นอย่างแน่นอน
“นั่นเป็นการสูญเสียเหรอ? ไหนบอกฉันหน่อย ฉันอยากรู้” ซูผิงมองเข้าไปในดวงตาของหยวนเทียนเฉิน “นายอยู่ในสภาวะว่างเปล่าเหมือนกัน นายสามารถฆ่าอสูรสภาวะชะตากรรมได้กี่ตัว?”
หยวนเทียนเฉินรู้ว่าซูผิงกำลังหมายถึงอะไร “ฉันไม่สามารถฆ่าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมได้ แต่นายกำลังบอกเป็นนัยว่าเมื่อมีพลังที่แข็งแกร่งก็สามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ? หากเป็นอย่างนี้ เราควรจะสามารถฆ่านักรบกิตติมศักดิ์ได้ตามต้องการ!”
เหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่ยืนอยู่นอกห้องประชุม: “???”
ซูผิงเยาะเย้ย “อย่าพูดเหมือนนายไม่เคยทำแบบนั้น อย่าทำตัวให้น่าสมเพช ฉันจะปฏิบัติแบบเดียวกันกับที่นายทำกับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์เมื่อพวกเขาทำให้นายไม่พอใจ แต่เชื่อฉันเถอะ หากนายไม่เคารพฉัน ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นคิดยังไง และฉันไม่สนใจว่าฉันจะกลายเป็นประวัติศาสตร์และสัญลักษณ์ของความอับอายหรือไม่ ฉันแค่อยากมีชีวิตที่มีความสุขในตอนนี้ ลองดูสิ!”
หยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ หน้าซีด
นี่มัน… คนบ้า!
พวกเขารู้ว่าซูผิงเคยทำอะไรมาก่อน ชายหนุ่มจะทำตามที่พูด!
ถ้าเขาไม่ได้บ้า ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นในหอคอยตอนนั้น?
หยวนเทียนเฉินกำลังเดือดดาล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเงียบ เขากลัวว่าซูผิงจะโจมตีเขาทันที และแม้กู่ซือผิงจะหยุดซูผิง การต่อสู้ก็คงแตกหัก นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าซูผิงสามารถฆ่าราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมได้ การทำร้ายหยวนเทียนเฉินนั้นไม่ใช่เรื่องยาก กู่ซือผิงจะไม่สามารถปกป้องหยวนเทียนเฉินไปได้ตลอดชีวิต!
หยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ เงียบไป เสวี่ยอวิ๋นเจินและคนอื่น ๆ จ้องมองที่ซูผิง ทันใดนั้นพวกเขาพบว่าชายหนุ่มไม่ธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิด ผู้ชายคนนี้เป็นวีรบุรุษ กล้าหาญ และดุร้าย!
แต่พวกเขาชอบ!
หลี่หยวนเฟิงปิดปากของเขา เขาคงจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ถ้ากู่ซือผิงไม่อยู่ที่นี่ ซูผิงเป็นเพื่อนของเขา! ผู้ชายที่สามารถขายอสูรสภาวะว่างเปล่าได้สี่สิบตัวจะไม่ยอมโดนดูถูกนั้นอย่างแน่นอน!
ใบหน้าของกู่ซือผิงซีด ซูผิงเพิกเฉยต่อคำเตือนของเขา อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าการโต้เถียงกับซูผิงจะทำให้เขาดูแย่
ตำแหน่งของเขาไม่ได้ทำให้เขาสามารถทำตัวแบบซูผิงได้
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และสงบสติอารมณ์ลง!
ความสงบของกู่ซือผิงกลับมา แต่ดวงตาที่เย็นชาของเขาทำให้ทุกคนหวาดกลัว
“เราควรหยุดเรื่องไร้สาระนี้!”กู่ซือผิงใช้คำหนึ่งคำเพื่อควบคุมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งนับเป็นคำเตือนสำหรับซูผิงด้วย “เราควรพูดถึงวิธีจัดการกับอสูรร้าย คุณตั้งให้ผมเป็นผู้บัญชาการ ดังนั้นคุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผม!
ซูผิงหรี่ตาลง เรื่องไร้สาระ?
เขาต้องการโต้เถียงกับกู่ซือผิง แต่หยุดเมื่อคิดอีกที เขาสามารถเถียงต่อได้ แต่เขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้!
พวกเขาต้องพูดคุยเกี่ยวกับการโจมตีจริงๆจังๆ
เขาไม่ต้องการที่จะอคติกับข้อโต้แย้งเล็กน้อย!
การประชุมสิ้นสุดลงครึ่งชั่วโมงต่อมา
การประชุมทั้งหมดกินเวลาหนึ่งชั่วโมงโดยมีการโต้เถียงกันถึงครึ่งหนึ่งของเวลา โชคดีที่ทุกคนมีความกระตือรือร้นในช่วงครึ่งหลังของการประชุม พวกเขายื่นข้อเสนอและได้ข้อตกลงในไม่ช้า
นักรบอสูรในตำนานจากไปทันทีหลังจากการประชุมสิ้นสุดลง เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมาย
ซูผิงเป็นคนแรกที่ออกจากห้องประชุม เขาไม่ได้รับมอบหมายงานใด ๆ เขายังคงไม่มีอะไรทำในตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่ราชาอสูรร้ายยังมาไม่ถึง
นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ จะช่วยเตรียมการ ซูผิงจะเป็นพลังยืดหยุ่นที่สามารถไปได้ทุกที่หากจำเป็น
ตอนนี้ไม่มีใครต้องการเขา เขาจึงกลับไปที่ร้าน เมื่อเขามองดูพระอาทิตย์ตก เขาก็รู้สึกว่า… มันจะเป็นอาทิตย์สุดท้ายของพวกเขา
ฉันหวังว่ามันจะไม่ใช่ดวงอาทิตย์ตกสุดท้ายบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน… ซูผิงคิดกับตัวเอง
เขาส่ายหัว เขากลับเข้าไปข้างในร้านและไปรับวัตถุดิบจากถังยู่หราน จากนั้นเขาก็ออกไปสร้างค่ายกลเพิ่มเติม มีวัตถุดิบสิบแปดชุด และไม่มีอีก ซูผิงไม่ได้กระจายค่ายกลอย่างเท่าเทียมกันทั้งสี่ด้าน เขามุ่งความสนใจไปที่ฝั่งตะวันตก เขาใช้ค่ายกลทางทิศตะวันตกจนหมดสิบแปดชุด มันจะทำให้อสูรร้ายที่อยู่ทางด้านนั้นช้าลง สิ่งนี้จะทำให้มนุษย์มีช่องว่างให้หายใจ เพื่อมุ่งความสนใจไปที่อีกสามด้านก่อน ทำให้ความเครียดน้อยลง
ค่ำคืนล่วงไป เผยให้เห็นท้องฟ้าที่ประดับประดาด้วยดวงดาว
การสร้างแนวป้องกันกำลังจะเสร็จแล้ว
สถานที่ได้รับการตัดสินใจเมื่อเวลาประมาณเที่ยง กำแพงทั้งสองใกล้จะเสร็จแล้ว ตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำอสูรก่อสร้างที่ดีที่สุดในทวีปทั้งหมดอยู่ที่นี่เพื่อทำงานให้เสร็จ ความเร็วนี่มหัศจรรย์มาก ผู้อพยพย้ายถิ่นเข้าไปอยู่ในกำแพงทั้งสอง หลังจากที่กำแพงทั้งสองสร้างเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางกับดักไว้นอกกำแพง
ราชาอสูรร้ายจำนวนมากทำงานอยู่ที่นั่น
แผนกข่าวกรองกำลังรวบรวมข้อมูลทั่วทั้งทวีป
พวกเขาสามารถตั้งสถานีเฝ้าระวังได้อย่างง่ายดายทั่วทั้งทวีปหลังจากที่พวกซูผิงทำลายที่ซ่อนของอสูรร้าย ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับข้อมูลทันทีเมื่ออสูรป่ามาถึง
เวลาผ่านไป
ซูผิงมองนาฬิกาในร้าน
เก้าโมงแล้ว การเลื่อนขั้นร้านค้าจะเสร็จสิ้นภายในแปดชั่วโมง
ฉันหวังว่าเราจะสามารถอยู่รอดได้ในแปดชั่วโมงนี้… ซูผิงรู้สึกประหม่า เขาไม่ต้องการที่จะไตร่ตรองว่ากู่ซือผิงพูดความจริงเกี่ยวกับไพ่ตายที่มีหรือไม่ เขาจะพึ่งพาตัวเอง นั่นคือปรัชญาของเขา
จากสิ่งที่กู่ซือผิงได้แบ่งปันกับพวกเขา ซูผิงรู้สึกว่าพวกเขาแทบจะไม่รอดจากการโจมตีด้วยกองกำลังทั้งหมดที่มีอยู่
ความสมบูรณ์ของกำแพงทั้งสองทำให้หลายคนมีกำลังใจ เพราะพวกมันทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง อย่างไรก็ตามซูผิงรู้ดีว่ากำแพงสามารถถูกทำลายได้อย่างง่ายดายเมื่อราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมจำนวน 20 ตัวมาถึง
โลกภายในกำแพงนั้นสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ผู้คนต่างวิ่งวุ่นไปมา
ซูผิงกำลังเรียนรู้ค่ายกลกับโจแอนนาขณะที่มีคนมาที่ร้าน
พวกเขาคุ้นเคย
“เอ่อ คือคุณนั่นเอง!” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ ชือเจิ้นเซียงและทงทงที่เขาเจอที่สมาคมผู้ฝึกสอน
”ใช่!” หญิงสาวทั้งสองมีความสุขมากที่ได้เห็นซูผิง ต่อมาพวกเธอสังเกตเห็นโจแอนนาซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา
โจแอนนามีผมสีทอง และผิวของเธอก็ขาวราวกับหิมะ หญิงสาวทั้งสองตัวแข็งทันที พวกเธอไม่เคยเห็นใครที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้มาก่อน
“คุณซูจริงๆด้วย!”
ชือหาวจื่อพ่อของหญิงสาวทั้งสองคน และลู่ฉิวรองประธานสมาคมผู้ฝึกสอนก็เข้ามาในร้านเช่นกัน
พวกเขาเองก็ประหลาดใจกับหญิงสาวข้างๆ ซูผิงเช่นกัน
พวกเขาแทบจะไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย
ในขณะที่ชือหาวจื่อยังคงมีความหลงใหลในสายตา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร มันมาจากลูกสาวของเขา ชือเจิ้นเซียง ซือหาวจื่อกระแอมในลำคอ และยิ้มอย่างเขินอาย “คุณซูไม่เจอกันนานเลย เราเพิ่งย้ายมาที่เมืองฐานหลงเจียง เรารู้ว่านี่คือบ้านเกิดของคุณ เราจึงถามหาคุณไปทั่ว เราดีใจมากที่ได้พบคุณอีกครั้ง”
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 697 -698
ตอนที่ 697 -698
Posted by ? Views, Released on มีนาคม 30, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…