เงินของมังกรอัสนีบาตสวรรค์ทั้งสองตัวถูกโอนแล้ว
ซูผิงรู้สึกพึงพอใจเล็กน้อยเมื่อมองไปที่แต้มพลังงานที่เขาได้รับ เขาจะทำเงินได้สี่หมื่นถึงห้าหมื่นถ้าเขาขายมังกรสิบตัวได้หมด!
มันเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ ผลสมุทรสายฟ้าจะถูกแทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์อื่นเมื่อหมดวัน
เขาจะมีพลังงานเพียงพอแม้ว่าจะมีการขายมังกรเพียงห้าตัวก็ตาม
“ไปทำสัญญา” ซูผิงกล่าว
หญิงผมสีม่วงพยักหน้าและเดินหาโจแอนพร้อมที่จะผูกมัดพวกมันเป็นอสูร
มีคนบุกเข้ามาในร้านทันที
เขาคือชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่กลับมาแล้ว หายใจหอบอย่างหนักจากการวิ่ง เขาแปลกใจที่เห็นว่าร้านว่างเปล่า แต่แล้วเขาก็รู้สึกยินดี
เขากลัวว่าจะสายเกินไปที่จะได้มังกรตัวอื่น
อย่างไรก็ตามคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่ได้ตระหนักว่ามังกรอัสนีบาตสวรรค์ของซูผิงมีค่าเพียงใด พวกเขาทั้งหมดไปอยู่ที่ร้านประเมินที่ฝั่งตรงข้ามถนน!
ไม่มีใครขวางทางเขา แทบจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว!
ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้น จากนั้นเขาก็จำผู้หญิงผมม่วงได้ และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
หญิงสาวได้ยินเสียงดังเมื่อชายหนุ่มบุกเข้ามาในร้าน เธอหันกลับไปมองและตระหนักว่าเขาเป็นคนที่ซื้อมังกรอัสนีบาตสวรรค์ตัวแรก
ทำไมเขาวิ่งกลับมาเร็วจัง? มีอะไรผิดปกติกับมังกรที่เขาซื้อไปหรอ?
หญิงสาวเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น
”ฮะ?”
ซูผิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยที่จะเห็นชายหนุ่มกลับมา แต่ดวงตาของคนหลังทำให้เขาตระหนักว่าผู้ชายคนนั้นต้องพบว่ามังกรที่เขาซื้อไปนั้นคุ้มค่ามาก
ซูผิงรู้ดีว่าอสูรที่เขาขายนั้นดีที่สุดในบรรดาอสูรที่มีราคาเท่ากัน ข้อสรุปของเขาเกิดจากความสามรถของระบบและความมั่นใจในการฝึกอบรมของเขา
นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ต้องเอาใจลูกค้า เขาเพียงต้องการขายอสูรตามคิว
“เจ้าของร้าน ผมต้องการซื้อมังกรสองตัวนั้น!” ชายหนุ่มกล่าวเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังทำสัญญาไม่เสร็จ เขาคิดอีกครั้งและเสริมอย่างรวดเร็วว่า “ผมต้องการมังกรอัสนีบาตสวรรค์ทั้งหมดในร้านของคุณ!”
”อะไรนะ?”
หญิงผมม่วงสงสัยว่าจะขอเงินคืนดีหรือไม่ แต่ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูด
นายไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอคืนมังกรเหรอ?
และ… นายวางแผนที่จะซื้ออสูรทั้งหมดในร้านของซูผิง?
ขณะที่หญิงสาวกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลูกค้าจำนวนมากก็กรูกันเข้ามาในร้าน ประตูร้านคงพังหากเป็นประตูปกติ แต่นี่มันทนราวกับทำจากเหล็ก เหล่านักรบอสูรสภาวะว่างเปล่าพยายามจะดันขอบประตู แต่กลับพบว่ามันไม่ขยับสักนิด!
ลูกค้าบางคนที่ตั้งใจจะพังประตูจริงๆ ตกใจมาก—ในที่สุดพวกเขาก็ต้องเบียดกันเข้ามา
เมื่อลูกค้าเข้าแถวแล้ว ซูผิงขอให้พวกเขาอยู่อย่างเป็นระเบียบ แถมเขายังไล่คนที่แซงคิวออกไป!
ไม่น่าแปลกใจที่ร้านค้าไม่ได้ขายอะไรเลยตอนเปิดร้าน แถมยังไล่ลูกค้ารายใหญ่ออกไป
พวกเขาจะมีความสุขด้วยซ้ำต่อให้ซูผิงจะตะโกนใส่หน้าพวกเขา ตราบใดที่เขาขายอสูรระดับ A ให้!
“อย่าผลัก! อย่าดัน! ทุเรศเอ้ย!”
“หยุดเบียดได้ไหม!”
“เจ้าของร้าน คุณมีมังกรอัสนีบาตสวรรค์อีกไหม? ผมต้องการซื้อพวกมันทั้งหมด!”
“ลีกไป! ฉันก็ต้องการเช่นกัน!”
“เจ้าของร้านผมต้องการแค่ตัวเดียว เพียงแค่ตั้งราคามาได้เลย ผมจะจ่ายให้คุณหนึ่งหมื่นล้านทันที ตราบใดที่มันมีไหวพริบระดับ A!”
“ออกไปจากที่นี่ซะ! นายต้องการซื้ออสูรที่มีไหวพริบระดับ A ด้วยเงินหมื่นล้านหรือไง? มันคือมังกรอัสนีบาตสวรรค์ ไม่ใช่แมวเทาตัวใหญ่นะ!”
แมวเทาตัวใหญ่: ???
ลูกค้าทุกคนต่างก็แก่งแย่งกัน บรรดาคนที่ล้มเหลวมาไม่ถึงด้านหน้าก็พยายามตะโกนเพื่อยื่นข้อเสนอ
การแข่งขันที่ดุเดือดทำให้หญิงสาวผมม่วงตะลึงงัน ซึ่งยิ่งตกใจกับคำพูดของลูกค้า
เธอไม่ใช่คนโง่ การแข่งขันอย่างดุเดือดที่เธอเห็น บวกกับเสียงจากภายนอก… อสูรที่ได้รับการประเมินว่ามีไหวพริบระดับ A คือมังกรอัสนีบาตสวรรค์จากร้านของซูผิงอย่างงั้นหรอ?
หญิงสาวผมม่วงตกตะลึง
แต่มังกรตัวนั้นขายเพียงแค่สี่ร้อยล้านเท่านั้น!
มันจะมีไหวพริบระดับ A ได้ยังไง?
ซูผิงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาก็พอจะเดาออก เขาถามชายหนุ่มผมสีน้ำตาลว่า “มังกรอัสนีบาตสวรรค์ที่ผมขายให้เป็นอสูรระดับ A ที่พวกเขาชื่นชมกันนะเหรอ?”
ชายหนุ่มเริ่มวิตกกังวลเมื่อเห็นลูกค้าที่อยู่ข้างหลังเขา โดยเฉพาะคนที่เสนอราคาสูง
เขาตกใจเมื่อได้ยินคำถามแปลก ๆ ของซูผิง โดยรู้ว่าเขาโชคดีจริงๆ ดูเหมือนเจ้าของร้านจะไม่รู้ว่าอสูรของเขาน่ากลัวขนาดไหน!
ทันใดนั้นเขาก็หมดความสนใจในการซื้ออสูรเพิ่ม การหันหลังกลับและหนีออกจากสถานที่ในทันใดรู้สึกเหมือนเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลกว่า
เขาจะหนีทำไมนะหรอ?
จากปฏิกิริยาของซูผิง เขาจึงมั่นใจว่าร้านไม่เคยทดสอบไหวพริบของอสูร มันเป็นแค่การสุ่มขายอสูร!
บางทีเขาอาจจะโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อที่ได้ซื้ออสูรระดับ A ที่มีเพียงตัวเดียวในร้าน!
หากเจ้าของร้านรู้เรื่องนี้ เขาอาจจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความโกรธ และขอให้เขาคืนอสูรก็ได้!
ไม่มีทางที่เขาจะคืนอสูรล้ำค่าที่เขาได้มาด้วยเงินเพียงสี่ร้อยล้าน
“เอ่อ…” เมื่อเผชิญกับคำถามของซูผิง ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงประกบมือทำความเคารพ “ขอบคุณครับเจ้าของร้าน ผมจะไปตามทางของผม!”
ซูผิง: “???”…ไอลีนโนเวล
ฉันแค่ถามคำถาม ทำไมนายถึงตื่นตระหนก
นอกจากนี้นายไม่ต้องการซื้ออสูรที่เหลือทั้งหมดแล้วหรอ?
ซูผิงปฏิบัติตามนโยบายมาก่อนได้ก่อนเสมอ เขาอาจขายอสูรทั้งหมดหากชายคนนี้เต็มใจที่จะซื้อพวกมันและมีที่ว่างเพียงพอ
“ไอ้ลูกหมานั่นกำลังจะไปแล้ว!”
“ทำไมเขาไม่ต้องการมังกรอัสนีบาตสวรรค์ตัวอื่นบ่ะ”
“ทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดเปล่า? เขาทำงานให้กับร้านนี้หรอ?”
ลูกค้าบางคนตกใจและสงสัยเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะไป
ชายหนุ่มเห็นว่าร้านแน่นไปด้วยผู้คน ออกไปไม่ได้!
ยังมีคนอีกมากที่อยากจะเข้าไปข้างใน!
เขาเบียดฝูงชนอย่างไม่สนใจสิ่งอื่นใด
เขาไม่ต้องการให้ซูผิงห้ามเขา หรือถูกบังคับให้คืนอสูร
ซูผิงไม่หยุดชายหนุ่มที่ตั้งใจจะไป เขามองไปที่ฝูงชนและพูดว่า “เงียบ!”
เขาเบ่งเสียงสุดแรง ทำให้เสียงของมนุษย์เหมือนเสียงคำรามของมังกร
กลิ่นอายน่ากลัวของเขาทำให้ร้านที่มีเสียงดังเงียบลงในทันที
หลายคนมองไปที่ซูผิงและพบว่าเขากำลังคุกคามราวกับมังกรที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์
”เข้าแถว! ออกจากร้านนี้ไปถ้าไม่ต้องการรับบริการใดๆ!” ซูผิงประกาศอย่างเย็นชา “อย่าตะโกนหรือแซงคิวขณะอยู่ในร้านของผม มาก่อนได้ก่อน มาวันอื่นถ้าคุณไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ”
หลายคนเบิกตากว้างหลังจากได้ยินแบบนั้น
มีนักธุรกิจแบบนี้ที่ไหน?
มาหาเราวันอื่นถ้าคุณไม่ได้สิ่งที่ต้องการ? นายคิดว่าร้านของนายเป็นร้านเดียวในโลกหรือไง?
หลายคนโกรธจัด แต่เมื่อนึกถึงมังกรของชายหนุ่มแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดหรือไม่ พวกเขาตัดสินใจที่จะตรวจสอบอสูรที่เหลืออยู่ของซูผิงก่อน
ซูผิงให้คำแนะนำกับโจแอนนา ขอให้เธอช่วยจัดแถวลูกค้า
พวกเขาส่วนใหญ่สงบลงหลังจากเห็นโจแอนนา และยืนต่อแถวกันอย่างเชื่อฟัง
ในที่สุดชายหนุ่มผมสีน้ำตาลก็พบช่องว่างเมื่อลูกค้าเข้าแถวและรีบออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
“ลิลลี่?”
ในขณะนั้นหญิงสาวผมม่วงเข้ามาใกล้ และเห็นหญิงสาวผมสีเดียวกัน “ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่? เธอมาซื้ออสูรด้วยหรอ?”
หญิงสาวผมม่วงค่อนข้างแปลกใจที่เห็นเธอ เธออุทาน “พี่คลีโอ!”
“ห้ามแซงคิว ไม่เข้าใจหรอ?” มีคนพูดกับคลีโออย่างไม่พอใจ
คลีโอมองเขาและไม่สนใจ เธอพูดกับซูผิงหลังเคาน์เตอร์ “เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน ฉันขอพูดอะไรกับเธอหน่อยได้ไหม?”
ซูผิงยักไหล่ “คุณต้องเข้าแถวถ้าคุณต้องการรับบริการบางอย่าง แต่คุณมีอิสระที่จะทำอย่างอื่นได้”
คนอื่นๆ สงบลงเมื่อเห็นว่าคลีโอไม่ใช่คู่แข่ง
คลีโอรีบเข้ามาหาหญิงสาวผมม่วงและถามว่า “ชายหนุ่มที่เพิ่งออกไปซื้อมังกรอัสนีบาตสวรรค์ในร้านนี้หรอ?”
“พี่คลีโอ พี่มาที่นี่ทำไม? เขาทดสอบอสูรที่ร้านของพี่หรอ? มีไหวพริบระดับ A จริงไหม?” ลิลลี่ถามอย่างไม่เชื่อ
“ตอบคำถามพี่ก่อน” คลีโอพูดอย่างเคร่งขรึม
”ใช่ ผู้ชายคนนั้นซื้ออสูรที่นี่ หลายคนก็เห็น เขาจ่ายไปเพียงสี่ร้อยกว่าล้านเศษๆ” ลิลลี่กล่าว
ลูกค้าที่ไม่เคยมาที่ร้านของซูผิงก่อนหน้านี้ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินแบบนั้น สี่ร้อยล้านสำหรับมังกรอัสนีบาตสวรรค์ ถูกเกินไปจริงๆ!
มังกรยังได้รับการทดสอบและมีไหวพริบระดับ A ผู้ชายคนนั้นโชคดีจริงๆ!
คลีโอผงะเมื่อได้ยินคำตอบของลิลลี่ แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกตัวและเหลือบมองมังกรที่หญิงสาวเพิ่งซื้อ“เธอซื้อสองตัวนี้เหรอ?”
”ใช่ หนู่จ่ายเงินแล้วและกำลังจะทำสัญญากับพวกมัน” ลิลลี่พยักหน้าและถาม “พี่คลีโอ ผู้ชายคนนั้นทดสอบมังกรของเขาที่ร้านพี่หรอ?”
คลีโอไม่ตอบ เธอเพียงถามทางกระแสจิตว่า “เธอจ่ายค่าอสูรสองตัวนี้เท่าไหร่?”
“ตัวละประมาณสี่ร้อยล้าน รวมแล้วไม่เกินหนึ่งพันล้าน”
“รีบทำสัญญา พี่จะทดสอบพวกมันที่ร้านของพี่” คลีโอเร่งเร้าเธอทันที
เธอคิดเหมือนกับชายหนุ่มผมสีน้ำตาล เธอเชื่อว่าร้านไม่เคยทดสอบมังกรอัสนีบาตรสวรรค์ และอสูรร้ายที่ดูเหมือนจะมีข้อบกพร่องกลับกลายเป็นว่ามีศักยภาพมาก!
”ค่ะ” ลิลลี่ตกลง และตกใจเล็กน้อย
เธอทำสัญญาอย่างรวดเร็ว
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 756 การแข่งขัน
ตอนที่ 756 การแข่งขัน
Posted by ? Views, Released on พฤษภาคม 7, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…