ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 693 -694

ตอนที่ 693 -694

ตอนที่ 693 ไปทำสงคราม
“มาลุยกันเลย!”เซียงเฟิงหรานปลุกจิตวิญญาณ เขายืนขึ้นและกล่าวอำลา”เราจะไปแล้ว ขอฝากทวีปนี้ด้วยนะ!”
“ได้”
“ระวังด้วย”
เย่อู่ซิวกับเสวี่ยอวิ๋นเซินยืนขึ้น ตั้งใจจะไป
เซียเงฟิงหรานโบกมือ”อา ไม่จำเป็น เราจัดการกับเรื่องแบบนี้มาก่อน นายจะได้เห็นทุกอย่างตอนอยู่ในถ้ำลึก ผลลัพธ์เลวร้ายสุดคือความตายและเราก็เตรียมใจกันไว้หมด ฮ่าๆ”
เขาออกประตูไปหลังพูด และหัวเราะ
สมาชิกทีมทั้งสามของเขาตามเขาออกไป ทั้งสี่บินไปทางจุดหมาย
ฉินตู้หวงกับโจวเทียนหลินแปลกใจขณะมองหน้ากัน นักรบอสูรในตำนานเหล่านี้อยู่ในถ้ำลึก?!พวกเขาไม่เหมือนนักรบอสูรในตำนานคนอื่นที่พวกเขาเห็น!
เวียงเฟิงหรานไม่เคยอ้อมค้อมและตรงไปตรงมา!
นั่นคือต้นแบบที่นักรบอสูรในตำนานควรจะเป็น!
ทั้งสองนั่งตัวตรงตามสัญชาตญาณ พวกเขาก็คือนักรบอสูรในตำนาน พวกเขาควรเอาแบบอย่างเขา!
เซียงเฟิงหรานไปแล้ว ซูผิงยังเตรียมตรอง เขาถ้ำลึกและเจอกับเย่อู่ซิวกับหลี่หยวนเฟิง กลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้พิจารณาเรื่องการเสียสละตัวเองเลย’เตรียมตัวให้พร้อม”ซูผิงพูด
เย่อู่ซิวกับคนอื่นมองซูผิง จิงเซินพูด”น้องวู นายอยู่ที่นี่และรู้สถานการณ์ดีกว่าเรา บอกเรา แผนของนายคืออะไร?”
“เรามีกำลังคนพอที่นี่ ผมขอเสนอให้เราเริ่มการค้นหารอบแนวป้องกันทั้งสาม แจ้งเตือนคนอื่นถ้าคุณพบอสูรซ่อนตัว เราจะเก็บกวาดพวกมันไปพร้อมกัน!”
หลังพิจารณาสักพัก เสวี่ยอวิ๋นเซินก็เสนอ”นี่ได้ผลแต่ฉันไม่คิดว่ามันมีประสิทธิภาพพอ ฉันคิดว่าเราสามารถแบ่งเป็นสี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบพื้นที่หนึ่งและจัดการกับกลุ่มอสูรป่าด้วยตัวเองถ้ามันอยู่ภายในขอบเขต ถ้ากลุ่มอสูรป่ามากไป ก็ให้แจ้งคนอื่นและเราจะจัดการด้วยกัน”
“ดี”จิงเซินเห็นด้วย
เย่อู่ซิวพูดกับซูผิงด้วยรอยยิ้ม”น้องซู ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรามาก เรามีประสบการณ์เรื่องความตายมาพอ ภาพรวมสำคัญสุด เราพร้อมเสียสละตัวเอง อย่างที่เราทำมาตลอด!”
“จริง”หลี่หยวนเฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ซูผิงฝืนยิ้มขมขื่น”ถ้าพูดแบบนั้น เราก็จะปรับใช้วิธีของคุณเสวี่ย”
“ดี”เสวี่ยอวิ๋นเซินยิ้ม
ไม่ช้า พวกเขาก็นำแผนที่ออกมาเพื่อตัดสินว่าจะรับผิดชอบพื้นที่ไหน เย่อู่ซิว รวมถึงอีกสองหัวหน้านำกลุ่มเดิม บางกลุ่มเสียหายหนักในทุ่งสายลม เสวี่ยวอวิ๋นเซินยังเหลือคนแค่คนเดียวจากกลุ่มเดิม
เช่นนั้น ซูผิงจึงมอบหมายให้โจวเทียนหลินไปอยู่กับเธอ
เธอไม่แสดงความคิดเห็น โจวเทียนหลินแค่สภาวะสมุทรและเธอก็ไม่ได้หวังกับเขาไว้มาก แต่เธอชอบซูผิงที่ช่วยเหลือเธอ
“ฉิน คุณจะเข้าร่วมกลุ่มของพี่ชายเย่”
ฉินตู้หวงพยักหน้า เขาจะทำทุกอย่างที่ซูผิงพูด
เย่อู่ซิวถาม”แล้วนายละ?”
“ผมตัวคนเดียว”ซูผิงพูด
เย่อู่ซิวค้าน”ไม่มีทาง!ฉันรู้ว่านายทรงพลัง บางทีอาจทรงพลังกว่าฉัน แต่นายคนเดียว มันอันตรายไป นายจะไม่มีโอกาสเรียกขอความช่วยเหลือถ้าเกิดเจออสูรกลุ่มใหญ่ที่สภาวะชะตากรรม!”
“ไม่เป็นไร อสูรสภาวะชะตากรรมทำอะไรผมไม่ได้หรอก”ซูผิงพูดอย่างสงบเขาไม่ต้องปิดบังพลังแท้จริงออีก
คนอื่นมองเขา
พวกเขาไม่คิดว่าซูผิงจะเป็นคนพูดเล่น หรือว่าซูผิงจะปิดบังความจริงที่เขาเป็นนักรบสภาวะชะตากรรม?
เย่อู่ซิว เสวี่ยวอวิ๋นเซินกับจินเซินจำได้ว่าหมัดของซูผิงหนักแค่ไหนตอนดวลกับคนบ้า พวกเขาจึงเชื่อ
มันดีแล้ว!
โจวเทียนหลินหัวเราะ”ไม่ต้องห่วง คุณซูจะไม่เป็นอะไร เขาเข่นฆ่าอสูรสภาวะชะตากรรมไปไม่นานมานี้ ด้วยตัวเขาเอง!”
“ผมจะกังวลทุกคนยกเว้นคุณซู”ฉินตู้หวงพูดเสริม
เขากับโจวเทียนหลินศรัทธาซูผิงแบบหลับหูหลับตา ซูผิงไปแนวป้องกันซินจิง เขาจัดการอสูรป่าในเมืองฐาน จากนั้นก็เข่นฆ่าราชาอสูรสภาวะชะตากรรม นอกจากนี้ เขาเพิ่งขายอสูรสภาวะว่างเปล่าสี่สิบตัว
พวกเขายังคิดว่าซูผิงซ่อนอสูรสภาวะชะตากรรมไว้!
“เขาฆ่าราชาอสูรสภาวะชะตากรรม?”
“อะไรนะ?”
ข้อมูลของโจวเทียนหลินน่าตกใจ
เย่อู่ซิวกับคนอื่นมองหน้ากัน แม้พวกเขาจะเป็นบุคคลทรงพลังในสภาวะว่างเปล่าและสามารถเลี่ยงการโดนสิ่งมีชีวิตสภาวะชะตากรรมฆ่าได้ พวกเขาก็ไม่สามารถฆ่าได้สักตัว!
ช่องว่างระหว่างพลังนั้นมากกว่าระหว่างสภาวะว่างเปล่ากับสภาวะสมุทร!ซูผิงจะเมินความแตกต่างนั้นได้ไง?!
อืม..ซูผิงอาจเป็นนักรบสภาวะชะตากรรม.พวกเขายังไม่สามารถบอกพลังแท้จริงของเขาได้ สัมผัสบอกพวกเขาว่าซูผิงเป็นระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด แต่ระดับจริงอาจสูงกว่านั้น เขาอาจอยู่ที่สภาวะชะตากรรม เหมือนเจ้าหอคอย!
มีเพียงนักรบอสูรสภาวะชะตากรรมถึงขายอสูรสภาวะว่างเปล่าระยะหลังได้
บางคนที่ระดับนั้นทำได้แค่ตั้งเป้าว่าจะได้รับอสูรสภาวะชะตากรรม
พวกเขามีเหตุผล พวกเขามองซูผิงด้วยความเคารพ
หลี่หยวนเฟิงถอนหายใจ เขาเชื่อว่าซูผิงยังไม่ไปถึงขั้นนั้นครั้งก่อนที่เขาออกจากถ้ำลึก เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงตอนนั้นและซูผิงก็ไม่มีวิธีการของสภาวะชะตากรรม มันเป็นแค่เวลาสั้นๆ แต่ความคืบหน้าของซูผิงน่าทึ่งมาก!
ช่างเป็นคนที่แปลก!
“เราอาจตอแยนายมาก่อน ขอโทษด้วย”จิงเซินยืนขึ้นและขอโทษด้วยรอยยิ้มขมขื่น
เย่อู่ซิวกับเสวี่ยอวิ๋นเซินเองก็ขอโทษ
ถ้าซูผิงอยู่สภาวะเดียวกับพวกเขาก็ยังดี แต่ตอนนี้ที่เขามีสภาวะสูงกว่า เขาจึงเป็น’ผู้อาวุโส’ในสายตาพวกเขา!
ซูผิงโบกมือ’โปรดนั่งลงก่อน ผมเป็นแค่ระดับกิตติมศักดิ์”
ไม่ใช่อีกแล้ว!
โจวเทียนหลินกับฉินตู้หวงกลอกตา ซูผิงชอบแกล้งโง่!
ระดับกิตติมศักดิ์?
เย่อู่ซิวกับคนอื่นเม้มปาก พวกเขาไม่เชื่อ พวกเขาไม่ได้เพิ่งเกิดเมื่อวาน!ซูผิงสังเกตเห็นความเข้าใจผิดอีกครั้ง
ช่างมัน ประเด็นคือการจัดการกับวิกฤต
“เราไม่มีเวลามาก มาคุยถึงที่ที่เราควรไปกัน ผมจะดูแลพื้นที่นี้และพวกคุณสามารถเลือกพื้นที่ของพวกคุณ”ซูผิงชี้ตะวันออก พื้นที่ที่ใหญ่สุด มีดินแดนร้างระดับAกว่าสิบแห่งตั้งอยู่ สภาพแวดล้อมรุนแรง เต็มไปด้วยป่ากับบึง นั่นเป็นสถานที่ที่เหมาะให้อสูรป่าซ่อน
พวกเขาไม่ค้านในครั้งนี้ เนื่องจากพวกเขา’รู้’สภาวะแท้จริงของซูผิง
พวกเขาจากไปกับกลุ่มตัวเอง กลับไปเมืองฐานหลงเจียง
ฉินตู้หวงผู้รับผิดชอบการสื่อสารได้ลงทุนอย่างหนักกับโทรศัพท์ดาวเทียมและทั้งสี่กลุ่มก็ได้รับไปหนึ่ง
ซูผิงเองก็ได้รับหนึ่งด้วย โทรศัพท์ช่วยให้พวกเขาโทรหากันได้ภายในเขตทวีป แต่สัญญาณจะขาดหายด้านอกทวีป นั่นทำให้เซียงเฟิงหรานไม่ได้สักอันตอนไป
“โทรหากันถ้าลำบาก!ไปกัน!”
“มาเลย!
“เรามาแล้ว!’
ทั้งสามกลุ่มออกเดินทางทีละกลุ่ม
ในขณะเดียวกัน ซูผิงไปร้านเขาและบอกกับถังยู่หรานที่นั่งบนพื้นอย่างเบื่อๆ”อยู่ในหลงเจียงและจับตาดู ฉันจะไปค้นหาอสูรป่า”
“นายกำลังจะไป?แล้วถ้าอสูรมาละ?”ถังยู่หรานเข้าใจสถานการณ์ที่พวกเธอเผชิญ นั่นทำให้เธอเปล่งเสียงกังวล เธอเชื่อว่าหลงเจียงคือสถานที่ที่ปลอดภัยสุดในโลก ทั้งหมดต้องขอบคุณซูผิง ถ้าเขาไปที่อื่น เมืองฐานหลงเจียงคงพินาศแล้ว!
“ไม่ต้องห่วง นักรบอสูรในตำนานที่เธอเพิ่งเห็นกำลังเริ่มการกวาดล้างพื้นที่รอบหลงเจียง พวกเขากำลังทำงานหาและจัดการกับอสูรป่า”ซูผิงยิ้ม
เดิมเขาไม่กล้าออกเมืองฐานเพราะเขามีความกังวลเหมือนถังยู่หราน
แต่ตอนนี้ขมั่นใจแล้ว
“ก็ได้ ถ้านายพูดงั้น”ถังยู่หรานเตือนเขา”นายต้องระวังตัวด้วยนะ อยากให้ฉันไปกับนายไหม?”
“ไม่ เธอมีแต่จะถ่วง”
“ช่วยพูดอ้อมๆหน่อยจะได้ไหม?”
“เธออาจไม่เข้าใจฉัน”ซูผิงลูบหัวเธอจนกระทั่งมันยุ่ง จากนั้นก็จากไปอย่างมีความสุข
ซวบ!
ขณะบินขึ้นฟ้า ซูผิงก็เรียกสุนัขมังกรดำออกมาและให้มันเปลี่ยนร่างเป็นมังกร อสูรเปลี่ยนเป็นมังกรร้ายแต่หัวมันยังเหมือนหมาป่า
ซูผิงยืนบนหัลงมันและบินออกจากเมืองฐาน
เขากำลังมุ่งหน้าไปตะวันออก!
เขาบินผ่านทะเลสาบ ที่ราบกับบึง วัชพืชสีเหลืองแห้งมีอยู่ทั่ว เขาเห็นอสูรจำนวนน้อยใหญ่ที่ระดับเจ็ดกับแปด
เขาเมินพวกอสูรระดับต่ำ พวกมันไม่มีอันตราย
เขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมและสัมผัสก็สามารถเจาะเข้าไปพื้นได้เป็นร้อยเมตร เขาบอกสุนัขมังกรดำให้บินใกล้พื้นเพื่อให้สัมผัสได้ชัดขึ้น
อสูรมักวิ่งกันอย่างตื่นตระหนกเพราะสุนัขมังกรดำ มันน่าข่มขู่มากกว่าราชาอสูรร้ายซะอีก เหนือสิ่งอื่นใด มันได้รับมรดกจากราชามังกรเฒ่า!
“รอเดี๋ยว!”
ทันใดนั้น ซูผิงก็สังเกตเห็นบางสิ่งในภูเขา
สุนัขมังกรดำหยุดชะงักและหยุดห่างจากภูเขาไม่กี่ร้อยเมตร
“พวกมันกำลังซ่อนตัวตรงนั้น ราชาอสูรหกตัว”ซูผิงหรี่ตา ภูเขายิ่งใหญ่ มีอสูรระดับแปดกับเก้า ขณะที่ราชาอสูรทั้งหกปกปิดตัวเองได้ดี
พวกมันสามารถถล่มเมืองฐานแห่งหนึ่งได้ในพริบตา เขาไม่เชื่อว่าพวกมันฉลาดพอจะซ่อนตัวที่นี่ อสูรเหล่านั้นคงโดนสั่งการ..
ซูผิงค่อยๆชักดาบออกมา
เขาวางดาบไว้ตรงหน้สายตา มันราวกับเขากำลังใช้ดาบเป็นไม้บรรทัดวัดภูเขา
ต่อมา เขาก็เทพลังงานอาชูร่ารวมถึงพลังงานเทพลงในดาบ คลื่นดาบสว่างพลันก่อตัว ซึ่งขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว รังสีดาบสับลงใส่ภูเขา
ปัง ภูเขาถูกผ่าออกและพังถล่ม
ซูผิงได้ยินเสียงร้องของอสูรนับไม่ถ้วน เลือดไหลย้อมภูเขาที่โดนผ่าครึ่ง
ซูผิงกระโจนเข้าภูเขาที่โดนผ่าเปิด
เขาได้ยินเสียงมังกรร่อนหลง ทุกอย่างเงียบลงหลังจากนั้น หลงเหลือแค่ฝุ่นที่ลอยคลุ้ง
ภูเขาทั้งสองส่วนถล่มและสั่นสะเทือน
ซูผิงมีเลือดติดเสื้อเล็กน้อย เขายืนบนหลังสุนัขมังกรดำและบอกให้มันเป่า
สุดท้ายฝุ่นก็สลาย เผยให้เห็นเลือดกับศพ มันเหมือนนรก
ขณะที่ซูผิง เย่อู่ซิวกับคนอื่นกำลังพยายามกวาดล้างอสูร คลื่นก็ก่อตัวในมหาสมุทรใกล้กับทวีปบึงมังกร
อสูรป่าในมหาสมุทรสร้างคลื่น คลื่นกินป่ากับดิน อสูรป่าหลายตัวเปิดตัวตอนคลื่นลด อสูรป่าพุ่งกระโจนโดยใช้แขนขาแปลกๆ
มีเมืองฐานขนาดใหญ่ตรงหน้าพวกเขา ไฟแห่งสงครามกำลังโหม
หลายคนกำลังหนีบนถนน กรูกันไปลานกลางเมือง
นั่นคือสถานที่ที่อุโมงค์เคลื่อนย้ายเปิด เพื่อช่วยให้ทุกคนรอด
ทันใดนั้น วังวนก็เปิดในอากาศทางเหนือของอุโมงค์และอสูรร้ายก็กรูกันออกมา
อสูรเป็นสีแดง มันมีดวงตาแดงก่ำกว่าพันดวง ถ้าซูผิงอยู่ที่นี่ เขาคงจำได้ว่ามันคือปีศาจพันตา
“หึ โง่เขลายิ่งนัก”
อสูรปีศาจพันตาจ้องไปไกล แสยะยิ้มเย็น
“ตัดมัน!”อสูรคำราม ตาหนึ่งบนหน้าผากมันเปิดกว้างและยิงรังสีแสงสีแดงออกมา
ปัง มิติแยกเปิด หลายคนล้มลงจากรอยแยก ราวกับถังขยะได้ถูกพลิกคว่ำ คนเหล่านั้นร่วงตกจากฟ้า ส่วนคนที่อยู่บนพื้นโดนบี้จนเละ
ตอนที่ 694 แนวป้องกันสุดท้าย
”อา…!”
“อ้ากก มันเจ็บ!”
ผู้คนกำลังกรีดร้อง คนอื่นๆ เริ่มสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตกลงมาจากฟากฟ้า สิ่งที่พวกเขาเห็นทำให้พวกสติแตก
อสูรร้ายที่น่ากลัวอยู่ตรงนั้น จ้องมองมาที่พวกเขา พวกเขาอยู่เหนือพื้นดินหลายร้อยเมตร ตกจากที่สูงขนาดนั้นคงแตกเป็นเสี่ยงๆ!
นักรบอสูรซึ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่หลบหนีก็ตื่นตระหนกกับสิ่งนั้น สมองของพวกเขาหยุดทำงานทันทีที่เห็นอสูรร้ายตัวนั้น
บางคนที่มีจิตใจเข้มแข็งก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว และเรียกอสูรของพวกเขาออกมา
อสูรบินบางตัวได้พาเจ้านายของพวกมันหนีจากความโกลาหลนั้น ชาวบ้านทั่วไปเกาะปีกของอสูรดังกล่าว เนื่องจากเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขา
มีอสูรที่บินไม่ได้ แต่พวกมันสามารถใช้ทักษะในการรับมือกับการตกได้
“อาหารชั้นต่ำ…”
อสูรพันตาหัวเราะคิกคัก ราวกับว่าการได้ยินเสียงร้องและเสียงกรีดร้องเป็นเรื่องสนุก คล้ายกับเสียงเพลงที่ไพเราะที่สุด
อสูรร้ายหันกลับมาและจ้องไปที่เมืองฐานในระยะไกล
อสูรร้ายเห็นบางคนกำลังมุ่งหน้ามา ทั้งหมดอยู่ในระดับตำนาน
ในไม่ช้าความโกลาหลก็ถูกนักรบอสูรในตำนานที่เฝ้าประตูมิติสัมผัสได้ แม้ว่าพวกเขาจะตัวสั่น แต่พวกเขาก็ต้องมาที่นี่ หากพวกเขาไม่สามารถซ่อมแซมเส้นทางได้ทันเวลา ก็ไม่มีใคร… ไม่มีใครในเมืองฐานทั้งหมดจะสามารถออกไปได้อย่างแน่นอน!
พวกเขาไม่รู้ว่าอสูรร้ายคืออะไร เพราะมันมีวิธีหยุดทักษะของอีแร้ง สิ่งหนึ่งที่พวกเขารู้ก็คืออสูรร้ายนั้นน่ากลัว
ความตายจะหลีกเลี่ยงไม่ได้หากพวกเขาไม่ไปเผชิญหน้ากับอสูรร้าย
“อาหารอร่อย…” อสูรพันตาเลียปากที่มีกลิ่นเหม็นและเมือกของมัน เขี้ยวของมันแหลมคม แทบนึกไม่ออกว่าแรงกัดของมันแรงแค่ไหน “โอ้ มานี่เลย…” อสูรพันตาพึมพำ
อากาศกำลังสั่นไหวต่อหน้ามัน นักรบอสูรในตำนานทั้งสามหายสาบสูญไปในอากาศ พวกเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งในวินาทีต่อมา ห่างจากอสูรพันตาหลายสิบเมตร พวกเขาอยู่ในระยะโจมตีของอสูรร้าย!
และอสูรพันตาก็โจมตี
ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตรู้ว่าทั้งสามคนจะอยู่ที่ไหน มันทำการโจมตีด้วยกรงเล็บที่แหลมคมในตำแหน่งนั้นทันที
”ยังไง…”
“สภาวะชะตากรรม…”
นักรบอสูรในตำนานทั้งสามไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวและแข็งตัวเมื่อจ้องมองที่กรงเล็บที่แหลมคม พวกเขายังคงนิ่งเฉย
พวกเขาต้องการจะวิ่ง อย่างไรก็ตามมิติหยุดพวกเขาไม่ให้วิ่งหนี!
เรื่องง่ายๆ!
การฆ่าทั้งสามเป้นเรื่องง่ายๆของอสูรพันตา ง่ายกว่านักรบอสูรสภาวะสมุทรฆ่านักรบกิตติมศักดิ์!
หวืด!
กรงเล็บบีบนักรบอสูรในตำนานสามคน ตาของพวกเขาถลนออกมาและเลือดไหลออกมาจากตาและปาก อวัยวะภายในของพวกเขา รวมทั้งหัวใจ ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
นักรบอสูรที่ขี่อสูรบินของพวกเขาเพื่อหนีไปตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
ทั้งสามอยู่ในระดับตำนาน!
แต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้โต้กลับด้วยซ้ำ!
สิ้นหวัง!
เหล่านักรบอสูรอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ความสยดสยองและความกลัวคืบคลานทั่วใบหน้าของพวกเขา บางคนที่ตอบสนองเร็วสั่งให้อสูรของพวกเขาบินหนีไปทันที
ทว่าพวกมันแทบจะยังไม่ขยับเลยแม้แต่นิดก็มีระเบิดขึ้นไปในอากาศ ทิ้งลวดลายดอกไม้เลือดไว้บนท้องฟ้า
นักรบอสูรคนอื่นๆ กลัวจนลืมวิธีเคลื่อนไหว
“แกจะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยของฉัน… “อสูรพันตายิ้มด้วยความปิติยินดีและโหดร้าย อสูรร้ายตัวใหญ่อ้าปาก มันมีกลิ่นราวกับชิ้นส่วนของเนื้อที่ถูกทิ้งให้เน่าเปื่อยเป็นเวลาหลายเดือน!
นักรบอสูรในตำนานทั้งสามคนต้องการที่จะร้องขอชีวิต แต่พวกเขาไม่สามารถอ้าปากได้
พวกเขาไม่สามารถแม้แต่กระพริบตา!
”ฮะ?”
ทันใดนั้นอสูรพันตาก็เบือนหน้าหนี
สี่คนกำลังพุ่งมา หัวหน้าของทั้งสี่เป็นชายร่างใหญ่ที่มีผมสีดำ ซึ่งทำให้ดูเหมือนหมี
เขาคือเซียงเฟิงหรั่น และเขามาเพื่อช่วยที่นี่!
“อาหารที่ดีกว่า…”
อสูรพันตาฉายรอยยิ้มโหดร้าย
เขตป่าในเขตอนุทวีป
FVd!!
เสียงคำรามทำหน้าที่เป็นสัญญาณให้ร่างที่คลุมด้วยลายเสือพุ่งออกไป อสูรร้ายสามตัววิ่งอย่างดุเดือดข้ามป่าเพื่อไล่ล่าสาวสวยในชุดเสือ “พวกมันอยู่ที่นี่ ฆ่าพวกมัน!”
นางเสือเคลื่อนย้ายไปที่ชายป่าแล้วหยุด
ร่างของผู้หญิงกลายเป็นเสือ แต่ใบหน้าของเธอยังคงเหมือนเดิม เธอคือเสวี่ยอวิ๋นเจิน
“สภาวะว่างเปล่าสามตัว…”
ชายวัยกลางคนหัวล้านมองราชาอสูรร้ายทั้งสามที่ไล่ตาม เสวี่ยอวิ๋นเจินอย่างจริงจัง เขายังอยู่ในสภาวะว่างเปล่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับ เสวี่ยอวิ๋นเจินที่อยู่ในสภาวะว่างเปล่าระยะหลัง เขาก็สามารถจัดการกับอสูรสภาวะว่างเปล่าที่มีไหวพริบน้อยกว่าได้เมื่อรวมเข้ากับอสูรของเขา
“ให้ผมจัดการ เราต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว” โจวเทียนหลินแนะนำ
ขณะที่ชายหัวโล้นกำลังสับสน โจวเทียนหลินก็ก้าวไปข้างหน้าและเปิดวังวนห้าวังวน
อสูรร้ายห้าตัวออกมาจากวังวนและคำราม อสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าทั้งห้าที่เคยถูกคุมขังในสุสานกึ่งเทพได้ปรากฏตัวขึ้น
ความรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วผืนป่า กรามของชายหัวล้านหุบลง
เขามีอสูรสภาวะว่างเปล่าห้าตัว?! ราชาอสูรร้ายทั้งห้า… คือที่สุดของที่สุด!
”ดูพวกมันสิ…”
เสวี่ยอวิ๋นเจินหันกลับไปในอากาศ เธอสังเกตเห็นว่าราชาอสูรร้ายทั้งห้านั้นเหมือนกันมากกับราชาอสูรร้ายที่เธอเพิ่งซื้อมาจากร้านของซูผิง
ราวกับว่าราชาอสูรร้ายทั้งหมดจะถูกหล่อหลอมในแม่พิมพ์เดียวกัน!
ฆ่ามันให้หมด!
โจวเทียนหลินบอกให้อสูรห้าตัวพุ่งออกไป
อสูรร้ายทั้งห้าพุ่งเข้าหาเป้าหมาย
บางตัวเคลื่อนย้ายไปยังเป้าหมาย และตัวอื่นๆ แอบย่องด้วยการเคลื่อนตัวผ่านใต้ดิน มีแม้แต่ตัวที่เรียกสายฟ้าเพื่อหยุดอสูรสภาวะว่างเปล่าทั้งสาม
อสูรร้ายทั้งสามนั้นมาจากทางเดิน และสภาพแวดล้อมนั้นทำให้พวกมันค่อนข้างโหดร้าย อย่างไรก็ตามทางเดินไม่มีอะไรเทียบกับคุกที่ใหญ่ที่สุดในหลุมศพกึ่งเทพ
สิ่งมีชีวิตสภาวะว่างเปล่าเป็นเพียงลูกน้องที่ไม่มีนัยสำคัญในเรือนจำขนาดใหญ่นั้น แม้แต่อสูรร้ายระดับดวงดาวก็ยังพบเห็นได้ทั่วไป!
โฮก!
โฮก!!
อสูรห้าตัวรอเป็นเวลานานเพื่อจะได้ระบายพลังงานออก ราชาอสูรร้ายทั้งสามถูกล้อม ในไม่ช้าพวกมันก็ถูกฉีกทึ้งท่ามกลางเสียงร้องที่น่าสังเวช
ห้าต่อสาม ไม่มีสิ่งใดน่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ตรงหน้า
นอกจากนี้ ยังอสูรห้าตัวทั้งหมดอยู่ในสภาวะว่างเปล่าระยะหลัง ในทางกลับกันมีเพียงหนึ่งในสามของราชาอสูรร้ายเท่านั้นที่อยู่ในระยะหลัง อีกสองอยู่ระยะกลาง
การต่อสู้สิ้นสุดลงในเวลาไม่ถึงสองนาที โจวเทียนหลินจ้องไปที่อสูรห้าตัวที่กำลังกลืนซากศพอยู่ หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าอสูรทั้งห้ากำลังบอกเขาผ่านสายสัมพันธ์ว่าพวกมันชอบเขา เขาคงจะทรุดตัวลงกับพื้น ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณซูอนุญาตให้เราเลือกอสูรร้ายดังกล่าวได้ตามต้องการ…โจวเทียนหลินอุทานกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ถามอสูรห้าตัวว่าพวกมันจะใจดีพอที่จะกลับไปที่พื้นที่สัญญาได้ไหม
ใช่เขาถามว่าพวกมันเต็มใจที่จะทำอย่างนั้นไหม ท้ายที่สุดแล้วหากอสูรทั้งห้าตัวกลายเป็นศัตรูต่อเขาจะหมายถึงจุดจบของชีวิตเขา
เมื่อได้รับข้อความอ้อนวอนนั้น มังกรก็หันกลับมาและชำเลืองมองที่โจวเทียนหลิน มังกรโยนเนื้อบางส่วนในปากของมันและเข้าไปในวังวนที่เพิ่งเปิดออก
อสูรอีกสี่ตัวเลิกกินอาหาร และกลับไปด้วย
โจวเทียนหลินโล่งใจ
หวืด!
เสวี่ยอวิ๋นเจินเข้ามาหาโจวเทียนหลิน เธอมองเขาและถามว่า “คุณซื้ออสูรนี้จากน้องซูหรอ?”
โจวเทียนหลินฝืนยิ้ม และกล่าวว่า “ใช่ ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับความเมตตาของคุณซู”
เธอเดาถูก ราชาอสูรร้ายทั้งห้านี่เหมือนกับที่เธอซื้อมาจากซูผิง และพวกมันต่างจากอสูรร้ายตัวอื่น ๆ ที่เธอเคยเห็นบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินอย่างสิ้นเชิง เธอไม่แปลกใจที่พบว่าแหล่งที่มาของอสูรเหล่านั้นคือซูผิง เขาขายอสูรให้โจวเทียนหลินห้าตัว…
ผู้ชายคนนั้นได้อสูรมากมายมาจากไหน?
เสวี่ยอวิ๋นเจินกระพริบตา เธอพบว่าชายหนุ่มลึกลับกว่าที่เธอคิด
“ไม่น่าแปลกใจที่คุณซูขอให้คุณเข้าร่วมกับเรา ปรากฎว่าฉันดันอ่อนแอที่สุด…” ชายหัวล้านตัดพ้อ
ในที่สุด เสวี่ยอวิ๋นเจินก็เข้าใจเจตนาของซูผิงที่ส่งโจวเทียนหลินออกมาพร้อมกับพวกเธอ
“ดูเหมือนว่าทีมของเราค่อนข้างแข็งแกร่ง ฮ่า ฮ่า ไปกันเถอะ มาทำให้ไอ้พวกนั้นตัวสั่น!” เสวี่ยอวิ๋นเจินโบกมือไปข้างหน้า
โจวเทียนหลินยิ้ม เขาเรียกอสูรสภาวะว่างเปล่าของตระกูลปีศาจเพื่อปกป้องเขา เสวี่ยอวิ๋นเจินและชายหัวล้านตะลึงเมื่อสังเกตเห็นว่าโจวเทียนหลินกำลังเรียกอสูรสภาวะว่างเปล่าอีกตัวที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน “คุณซื้ออสูรสภาวะว่างเปล่ามากี่ตัว” เสวี่ยอวิ๋นเจินถามด้วยตาเบิกกว้าง
โจวเทียนหลินยิ้มอย่างอายๆและพูดว่า “ไม่มาก แค่สิบ…”
เสวี่ยอวิ๋นเจินและชายหัวล้านมองหน้ากันอย่างสับสน
ในขณะเดียวกันบนที่ราบ
มีรอยแตกกึ่งโปร่งใสเป็นประกายลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือพื้นดินหลายสิบเมตร รอยแตกนั้นยาวกว่าร้อยเมตร และจะนำไปสู่ดินแดนรกร้าง นั่นคือดินแดนรกร้างระดับ A
นักโบราณคดีบางคนเคยขอให้นักสำรวจนำตัวอย่างบางส่วนกลับมา และได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามามันจากสมัยโบราณ
อย่างไรก็ตามอสูรร้ายที่เติบโตในสมัยโบราณได้หายไป เหลืออสูรตัวเล็กเพียงไม่กี่ตัว และแม้แต่ตัวเล็กก็เป็นราชาอสูรร้าย
เงาพาดผ่านรอยแตก การแกว่งไปมาทำให้เงาหายไปและปรากฏขึ้นอีกครั้งในป่าห่างจากรอยแยกหลายพันเมตร
มีหลายตัวอยู่ในป่า พวกมันกำลังรอ
เงาดำปรากฏขึ้น และร่างหนึ่งออกมาจากเงานั่นซึ่งก็คือเย่อู๋ซิ่ว
เขาได้รวมเข้ากับอสูรปีศาจของเขาซึ่งมีทักษะการซ่อนตัวดีเยี่ยม แม้แต่สิ่งมีชีวิตสภาวะชะตากรรมก็ไม่สามารถตรวจพบการปรากฏตัวของพวกเขาได้
“พวกมันซ่อนอยู่ข้างใน” เย่อู่ซิ่วกล่าว เขาหายใจเข้าลึก ๆ และพูดเสริมว่า “กองทัพอสูรทั้งหมดอยู่ที่นั่นพร้อมกับฝูงราชาอสูรร้าย “ฉันตรวจพบราชาอสูรสภาวะว่างเปล่ามากกว่าสิบห้าตัว และอาจมีมากกว่านี้!”
“คุณบอกว่าสิบห้า?”
หลี่หยวนเฟิง ชายตระกูลหานและฉินตู้หวงรู้สึกประหลาดใจ
อสูรป่าจำนวนมากซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกมิติเดียว นั่นจะต้องเป็นฐานที่ยอดเยี่ยมสำหรับอสูรร้ายทั้งหมดจากถ้ำลึก!
“มีอสูรร้ายชะตากรรมไหม ?” หลี่หยวนเฟิงถาม
เย่อู่ซิวส่ายหัว “ผมไม่พบ ผู้นำของพวกมันอยู่ในสภาวะว่างเปล่าระยะหลัง และมีอสูรอีกสี่ตัวอยู่ในสภาวะว่างเปล่าระยะหลัง ผมคิดว่าผู้นำของราชาอสูรร้ายสามารถรวบรวมพลังใกล้กับสภาวะชะตากรรมได้”
หลี่หยวนเฟิงและคนอื่นๆ มองหน้ากัน หน้าซีดเพราะสิ่งที่พวกเขาเห็น
ชายตระกูลหานเสนอว่า “หัวหน้าเราควรโทรหาทีมที่ใกล้เราที่สุด”
“เรามีคนไม่เพียงพอที่นี่” ผู้อาวุโสโม่เห็นด้วย
หลี่หยวนเฟิงยังคงเงียบ เขาไม่กลัวความตาย แต่ก็ไม่ได้โง่เช่นกัน นอกจากเขาและเย่อู่ซิวแล้ว คนอื่นๆ ในทีมยังอยู่ในสภาวะสมุทร การเข้าไปในรอยแยกก็เหมือนกับการมุ่งหน้าไปสู่ความหายนะ“ผมจะลองดู ถ้าไม่มีราชาอสูรในสภาวะชะตากรรม”ฉินตู้หวงกล่าว
คนอื่นๆ หันมาหาเขาด้วยความประหลาดใจ เย่อู่ซิวขมวดคิ้ว เขาไม่ได้คัดค้านในทันทีเพราะฉินตู้หวงมาจากเมืองฐานของซูผิง เขาถามว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”
”คุณเย่ คุณบอกว่ามีราชาอสูรห้าสภาวะว่างเปล่าห้าตัวทำงานเป็นแกนหลักของทีม รวมถึงหัวหน้าด้วยใช่ไหม ผมสามารถจัดการห้าตัวได้ สำหรับอสูรสภาวะว่างเปล่าตัวอื่นๆ คุณและคุณหลี่สามารถจัดการพวกมันได้ จากนั้นผมกับพี่หานและพี่โม่จะช่วยกันฆ่าราชาอสูรร้ายในสภาวะสมุทรอย่างรวดเร็ว!”ฉินตู้หวงกล่าวอย่างนิ่งสงบ แต่คำพูดของเขาไม่ได้ดูสบายๆ เลยแม้แต่น้อย
เขาได้รับฉายาจิตวิญญาณคลั่งและได้สำรวจทั่วทั้งทวีปในเวลาต่อมา จากนั้นเขาก็กลับมาเป็นผู้นำตระกูลฉิน เขาค่อนข้างช่ำชอง ฉินตู้หวงสามารถสงบสติอารมณ์ได้แม้ในขณะที่อยู่ต่อหน้านักรบอสูรในตำนานที่มีพลังมากกว่าเขามาก
“คุณพูดห้า?”
เย่อู่ซิวและหลี่หยวนเฟิงจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ
ความมุ่งมั่นในสายตาของฉินตู้หวงดูเหมือนจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้โกหก
เขาเป็นนักรบอสูรในตำนาน เขาจะไม่โง่พยายามอวดความเหนือกว่าของเขาในเวลานี้
“คุณจะทำยังไง?”เย่อู่ซิวถาม
ฉินตู้หวงตอบด้วยความเงียบ วังวนสองอันเปิดขึ้นถัดจากเขา หลี่หยวนเฟิงและเย่อู่ซิวตัวแข็งทันทีที่อสูรสองตัวเริ่มคลานออกมา อสูรทั้งสองตัวอยู่ที่สภาวะว่างเปล่าระยะหลัง!
พวกเขายังพบว่าอสูรทั้งสองนั้นคุ้นๆ
พวกมันเหมือนกับอสูรที่พวกเขาซื้อมาจากซูผิง!
อสูรสองตัวคำรามขณะที่พวกมันออกมา และมองลงมาเห็นทุกคนจากที่สูง รวมทั้งฉินตู้หวง
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินตู้หวงพยายามส่งพวกมันไปที่สมรภูมิ เขาไม่ประหม่าเมื่อเผชิญหน้ากับเย่อู่ซิว อย่างไรก็ตามเขากังวลและเครียดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสูรของตัวเอง
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมแสดงความกลัว มิฉะนั้นเขาอาจสูญเสียการควบคุมอสูร เขาพูดด้วยใบหน้าที่สงบ “ฟังนะ คุณซูขายอสูรเหล่านี้ให้ผมแปดตัว ก่อนที่พวกคุณจะมาที่หลงเจียง และพวกมันทั้งหมดอยู่ที่สภาวะว่างเปล่าระยะหลัง! ผมสามารถส่งพวกมันหกตัวไปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอสูรหลักทั้งห้า และอีกสองตัวจะจัดการหัวหน้า!
“ผมสามารถส่งไปอีกตัวได้ถ้ายังไม่พอ!
“ผมยังมีอสูรสภาวะว่างเปล่าตัวสุดท้ายอยู่กับผม เมื่อรวมเข้ากับมันแล้ว เราจะสามารถกำจัดราชาอสูรร้ายในสภาวะสมุทรได้!”
เย่อู่ซิวและคนอื่น ๆ พบว่าคำพูดดังกล่าวเหลือเชื่อ
ซูผิงขายอสูรแปดตัวให้ฉินตู้หวงก่อนที่พวกเขาจะมาถึงหลงเจียง? บัดซบ!
พวกเขาเถียงกันว่าใครจะได้อสูร
เย่อู่ซิวมองไปที่หลี่หยวนเฟิง และหลี่หยวนเฟิงก็ยกมือขึ้น อย่ามองมาที่ผม เราไปถึงที่นั่นสายเกินไปเอง!
เย่อู่ซิวเม้มปาก ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะบ่น ไม่ใช่ว่าเขาสามารถขอให้ฉินตู้หวงยกเลิกสัญญาอสูรได้ พวกเขารู้จักซูผิงแต่พวกเขายังเป็นแค่คนรู้จัก ในทางกลับกันฉินตู้หวงมาจากเมืองฐานเดียวกันกับซูผิง; เย่อู่ซิวรู้สึกเซ็งที่เขาออกมาจากถ้ำลึกช้าเกินไป!
“ไอ้สารเลวพวกนั้นในถ้ำลึก!”เย่อู่ซิวกำหมัดและฟันไว้แน่น
หลี่หยวนเฟิงและอีกสามคนจากถ้ำลึกก็เกลียดพวกอสูรในถ้ำลึก
พวกเขาน่าจะออกมาได้เร็วกว่านี้มาก หากไม่ใช่เพราะว่าอสูรร้ายในถ้ำลึกวางแผนว่าจะขังพวกเขาไว้ในทุ่งลม ไม่งั้นพวกเขาคงมาทันซื้ออสูรจากซูผิง!
“ผู้ชายคนนั้นได้อสูรที่น่ากลัวมากมายมาจากไหน? พวกมันดีกว่าอสูรของฉันอีก…” หลี่หยวนเฟิงพึมพำ
เย่อู่ซิวถอนหายใจ เขาคิดคำถามอื่นและถามฉินตู้หวง“คุณซูขายไปกี่ตัวแล้ว?”
“โดยรวมแล้ว…”ฉินตู้หวงรู้สึกเสียใจแทนพวกเขา ดังนั้นเขาจึงลดเสียงลง “ประมาณสี่สิบ…”
สี่สิบ สี่สิบ…
ทั้งสี่คนตะลึง
ในที่สุดเย่อู่ซิวก็กลับมารู้สึกตัวและถอนหายใจหลังจากมองรอยยิ้มอ่อน ๆ ของฉินตู้หวง“มาจัดการกับอสูรป่าที่นี่กัน เราไม่ต้องโทรหาใครเพราะคุณมีอสูรที่โดดเด่นมากมาย แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาดเราจะออกไปและผมจะปกป้องคุณ!”
คนอื่น ๆ ถอนหายใจอยู่ข้างใน พวกเขาหยุดคิดมากและเริ่มทำตามแผนของเย่อู่ซิว

โฮกก!
ไปทางตะวันออกของเมืองฐานหลงเจียง มีสิ่งมีชีวิตครึ่งมังกรครึ่งสุนัขที่วิ่งไปมาในป่า ไล่อสูรป่าที่มันเจอ
ซูผิงยืนอยู่บนหัวของสุนัขมังกรดำ มีกองเลือดไหลตามหลังพวกเขา กลิ่นเลือดรุนแรงและฉุนกระจายไปตามลม อสูรพวกนี้กำลังวางแผนที่จะรอและร่วมมือกับอสูรป่าจากทวีปอื่น ๆ หรือยังไง?
ฉันคิดว่านี่คือวิธีที่ทวีปเหนือถูกทำลาย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทั้งสองทวีปจะล่มสลายในชั่วข้ามคืน
ความเยือกเย็นผุดขึ้นในดวงตาของซูผิง
เขากำลังจะฆ่าอสูรป่าทั้งหมด!
รุ่งสางใกล้จะมาถึงแล้ว อุณหภูมิเพิ่มขึ้น ความอบอุ่นอันอ่อนโยนของยามเช้ากลายเป็นเตาที่แผดเผา
เวลาผ่านไปจนใกล้เที่ยงวัน
ซูผิงบินไปจนสุดทาง และฆ่าตลอดทาง!
มีกองศพอยู่ทุกที่ที่เขาผ่าน อสูรป่าใดๆก็หนีเขาไม่พ้น !
”สามสิบแปด…”
เลือดไหลรินในวันที่แดดจ้า อสูรร้ายล้มลงกับพื้น
ซูผิงสะบัดเลือดออกจากดาบ เขาได้ฆ่าราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าไปแล้วสามสิบแปดตัว เขาดูกังวลมากกว่าที่เคย
เขาจัดการด้านตะวันออกเพียงลำพัง แต่ก็มีราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าซ่อนอยู่มากเกินไป เขาไม่สามารถจินตนาการถึงสถานการณ์ของพื้นที่อื่นได้!
แต่นี่… แค่ทวีปเดียว!
อสูรป่ายังคงอยู่ที่อื่น พวกมันยังมาไม่ถึงทวีปของพวกเขา
หากอสูรป่ามาถึงและโจมตีครั้งใหญ่… จะต้องมีราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าหลายร้อยตัว และอาจมีราชาอสูรร้ายในสภาวะสมุทรมากกว่าหนึ่งพันตัว!
ท้ายที่สุดแล้วอสูรป่าในมหาสมุทรก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จำนวนราชาอสูรร้ายในมหาสมุทรนั้นมากมหาศาล นั่นคือเหตุผลที่มนุษย์พยายามไม่ไปทะเลโดยไม่มีเหตุผล
“ถ้าพวกมันมาที่หลงเจียง…” ซูผิงจ้องไปที่ศพบนพื้น ใบหน้าของเขาขุ่นมัว แม้แต่ราชาอสูรร้ายสภาวะสมุทรนับร้อยก็เพียงพอแล้วที่จะถล่มเมืองฐานหลงเจียง นับประสาอะไรกับหนึ่งพันตัว!
ราชาอสูรร้ายสภาวะสมุทรหนึ่งตัวสามารถกวาดล้างเมืองฐานระดับ B ได้!
ส่วนกว่าร้อยตัวนั้น… มันสามารถทำลายเมืองฐานสิบเมืองได้!
ฉันทำคนเดียวไม่ได้…
ยิ่งเขาสำรวจมากเท่าไหร่ ซูผิงก็ยิ่งตระหนักว่าเขาไม่มีความสามารถเพียงพอ จริงอยู่ว่าเขาสามารถฆ่าอสูรสภาวะชะตากรรมได้ แต่นั่นต่างจากการปกป้องมนุษยชาติทั้งหมด
การป้องกันไม่เคยง่าย!
ฉันต้องขอให้ทุกคนมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทุกคน ไม่ใช่แค่ผู้บังคับบัญชาเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเราจะแพ้ไม่ช้าก็เร็ว…
ซูผิงสูดหายใจเข้าลึก และมองออกไปไกล
เขากำลังจ้องมองที่ทะเลทราย ไกลออกไปคือมหาสมุทร มหาสมุทรสีฟ้า
นั่นคือขอบของทวีป!
เขาบินมาจากหลงเจียงและเขาก็มาถึงมหาสมุทรแล้วจริงๆ!
ถึงเวลาต้องกลับแล้ว
ซูผิงกระโดดกลับขึ้นบนหลังสุนัขมังกรดำ และมุ่งหน้ากลับไปที่หลงเจียง
เขาคิดอย่างจริงจังว่าจะจัดการกับอสูรป่าได้ยังไง นักรบอสูรในตำนานนั้นไม่เพียงพอต่อการปกป้องโลกทั้งใบอย่างแน่นอน!
บี๊บ…
โทรศัพท์ของซูผิงดังขึ้น หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการคือข่าวร้าย สายนั้นมาจากเย่อู่ซิว“หัวหน้าเย่”
“หุ้ว น้องซู ผมดีใจที่คุณไม่เป็นไร คุณอยู่ไหน?” เย่อู่ซิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ผมกำลังเดินทางกลับเมืองฐานหลงเจียง มีอะไรหรือเปล่า?” ซูผิงถาม
”ดีอัศวินดำคลั่ง..เพิ่งกลับมา”
”เขากลับมาแล้ว? ทวีปบึงมังกรเป็นยังไงบ้าง?” ซูผิงถามทันที
เย่อู่ซิวตอบหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “ทวีปบึงมังกร… ล่มสลายแล้ว”
”อะไรนะ…?”
ซูผิงไม่ได้ยินอะไรอยู่สองสามวินาที เขาหน้าซีด แต่น่าแปลก เขาไม่แปลกใจเลย แต่กลับตกใจแน ทวีปหนึ่งถูกบุกรุก และผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิต ความคิดนี้เกินจะรับไหว
“เกิดอะไรขึ้นกับทวีปบึงมังกร?” ซูผิงถาม
เย่อู่ซิวถอนหายใจและพูดว่า “น้องซู เราค่อยคุยกันได้ตอนคุณกลับมาดีกว่า ผมคิดว่าเราประเมินถ้ำลึกต่ำไป เราต้องเตรียมพร้อมก่อนที่พวกมันจะมาถึงที่นี่ มิฉะนั้น… มนุษย์บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะสูญพันธุ์!”
ซูผิงไม่ตอบ เขาวางสายและให้สุนัขมังกรดำบินกลับบ้านด้วยความเร็วเต็มที่
ไม่นานหลังจากนั้น ซูผิงก็มาถึงเมืองฐานหลงเจียง
ร้านขายอสูรพิกซี่ยังคงอยู่ระหว่างเลื่อนขั้น ผ่านไปเพียงหกชั่วโมงเท่าสำหรับการเลื่อนขั้น ยังคงต้องใช้เวลาอีกสิบแปดชั่วโมง เย่อู่ซิวและคนอื่นๆ พักอยู่ในอาคารของตระกูลฉิน
ซูผิงไปหาพวกเขา ทุกคนยืนขึ้น
”คุณซู”โจวเทียนหลินและฉินตู้หวงพยักหน้า โค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทักทายเขา ซูผิงมองทุกคน เขามีความสุขที่เห็นว่านักรบอสูรในตำนานส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่ากลยุทธ์ของพวกเขาจะได้ผลอยู่
แต่ว่า…
ซูผิงมองเซียงเฟิงหรั่น
เขาอยู่คนเดียว นักรบอสูรในตำนานอีกสามคนไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย   เกราะสีดำของเซียงเฟิงหรั่นเต็มไปด้วยรอยร้าว เขาดูซีดเซียวและหมดแรง ไม่มีจิตวิญญาณผู้กล้าหาญแผ่ออกมาอีก “เกิดอะไรขึ้นที่ทวีปบึงมังกร?” ซูผิงถามก่อนจะนั่งลง
เซียงเฟิงหรั่นมองเขา ในที่สุดเขาก็ก้มหน้าลง “มันเป็นอสูรร้ายสภาวะชะตากรรม”
ความเงียบเข้าครอบงำ
สภาวะชะตากรรม
“ผมได้พบกับอสูรพันตาจากประตูมิติ สิ่งมีชีวิตนั้นตัดช่องทางเคลื่อนย้าย ผมพยายามจะหยุดมัน แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ผมไม่สามารถเชื่อมต่อประตูมิติใหม่ได้ ผมไม่พร้อมเมื่อต่อสู้กับอสูรร้ายตัวนั้น ผมต้องพึ่งพาเฟิงและคนอื่นๆ แต่… พวกเขาไม่กลับมา…”
เซียงเฟิงหรั่นกัดฟันพูด หลี่หยวนเฟิงมองซูผิง
พวกเขาได้พบกับอสูรพันตาตอนที่เขาและซูผิงไปที่ทางเดิน อสูรของซูผิงทำให้อสูรร้ายเสียสมาธิเพื่อที่พวกเขาจะได้หนีออกมา
“ดังนั้น เมืองฐานในทวีปบึงมังกร…” ซูผิงยังพูดไม่จบประโยค สีหน้าของเซียงเฟิงหรั่นก็ได้บอกคำตอบแก่เขาแล้ว
ความเงียบ และซึมเศร้า
อารมณ์สงบนิ่งคงอยู่ไม่มีกำหนด
หลังเงียบไปนาน ก็มีคนปรบมือและทำลายความเงียบ เสวี่ยอวิ๋นเจินยืนขึ้นและพูดว่า “เฮ้ นายเป็นลูกผู้ชายไม่ใช่เหรอ? อย่าเป็นแบบนี้ มันก็แค่ความตาย ไม่ใช่ว่าเรากลัวตายซะหน่อย อย่าสูญเสียจิตวิญญาณของนาย วันของเรายังไม่สิ้นสุด เราพบและทำลายที่ซ่อนของอสูรป่าเจ็ดแห่งในดินแดนรกร้างทางทิศตะวันตก สองในเจ็ดรวบรวมอสูรร้ายจำนวนมาก รวมทั้งราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่า เราฆ่าพวกมันได้ เราทำผลงานได้ดี” ทุกคนมองไปที่เธอ มีเพียงสามคนในกลุ่มเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง โดยเสวี่ยอวิ๋นเจินเป็นคนที่มีพลังมากที่สุดในบรรดาพวกเธอทั้งหมด
เพื่อนๆ ของเธอจะเรียกเธอว่าแม่เสือสาวเสวี่ยเพื่อบ่นเรื่องนิสัยไม่ดีของเธอ แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าเธอนั้นกล้าหาญกว่าใครในตอนนี้!
เย่อู่ซิวหายใจเข้าลึกและพยักหน้า “ใช่ ความเศร้าไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆ ให้เราได้ ทวีปบึงมังกรหายไป เราต้องกอบกู้ทวีปนี้ด้วยความพยายามทั้งหมดของเรา เราไม่สามารถปล่อยให้พื้นที่ส่วนสุดท้ายของมนุษยชาติถูกทำลายได้ ผมคิดว่าเราควรวางแผนสำหรับการแก้แค้นของเรา แทนที่จะจมอยู่ในความเศร้าโศก!”
“ผมไม่คิดว่าเราสามารถเอาพวกเขากลับมาได้ แต่อย่างน้อยเราควรปกป้องทวีป”จิ่งเสิ่นกล่าว
หลี่หยวนเฟิงหันไปหาซูผิงและกล่าวว่า “น้องซู ฉันคิดว่าเราต้องร่วมมือกับหอคอย เราคนเดียวไม่สามารถหยุดอสูรป่าได้ทั้งหมด ท้ายที่สุด… ต่อหน้าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมเหล่านั้น… เราอ่อนแอกว่าพวกมัน”
ซูผิงรู้ว่าหลี่หยวนเฟิงพยายามเก็บความรู้สึกของเขาไว้เพราะความขัดแย้งในอดีตของเขากับหอคอย
”ผมเข้าใจ ผมกำลังคิดอยู่เหมือนกัน” ซูผิงกล่าว
ระหว่างทางกลับเขาคิดเรื่องนี้เหมือนกัน
ในช่วงเวลานี้ วิธีเดียวที่จะเอาชนะวิกฤติได้ก็คือการรวบรวมความช่วยเหลือทั้งหมดที่มี!
ความขัดแย้งภายในมีแต่จะนำไปสู่การทำลายล้างเท่านั้น!
หลี่หยวนเฟิงมีความสุขที่ได้ยินแบบนี้ “น้องซู ฉันรู้ว่านายเป็นคนมีเหตุผล ฉันจะไปหอคอยและขอเข้าพบเจ้าหอคอย เราต้องใช้กำลังของนายและเขา เราจะหาวิธีกำจัดอสูรร้ายทีละกลุ่มเหมือนที่เราทำในวันนี้” ซูผิงพยักหน้า “นอกจากการไปหอคอยแล้ว ผมมีข้อเสนอแนะอีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้ทวีปนี้มีแนวป้องกันสามแนว ผมคิดว่าเราควรรวมแนวป้องกันทั้งสามและสร้างแนวป้องกันที่หุ้มเหล็กเพียงที่เดียว ด้วยวิธีนี้เราสามารถรวบรวมกองกำลังทั้งหมดที่เรามีเพื่อต่อสู้กับอสูรป่า มิฉะนั้นอสูรป่าสามารถแยกนักรบอสูรในตำนาน และฆ่าเราทีละคน”
เย่อู่ซิวเห็นด้วย “เป็นความคิดที่ดี ผมจะลองเสนอดูครับ”
เสวี่ยอวิ๋นเจินพยักหน้า “นั่นจะได้ผล แต่เราต้องคิดให้ดี เราไม่สามารถรวมตัวกันและปล่อยให้อสูรป่ากำจัดเราได้ในคราวเดียว แนวป้องกันต้องแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการจู่โจมของราชาอสูรร้าย!”
“เรายังพอมีเวลา เราสามารถใช้ราชาอสูรของเราทั้งหมดเพื่อสร้าง และเสริมกำลังแนวป้องกัน” จิ่งเสิ่นกล่าว
เสวี่ยอวิ๋นเจินขมวดคิ้ว “แต่ถ้าอสูรของเราหมดแรงก่อนที่อสูรป่าจะมาถึงที่นี่? พวกมันจะไม่สามารถต่อสู้ได้”
จิ่งเสิ่นไม่ได้ตอบ
ซูผิงยิ้ม “อย่ากังวลเรื่องนั้น คุณสามารถฝากอสูรของคุณไว้ในร้านของผม ผมสัญญาว่าพวกมันจะฟื้นคืนสภาพสูงสุดได้ภายในหนึ่งชั่วโมง!”
หลังจากเลื่อนขั้นร้านค้าเสร็จแล้ว คอกเลี้ยงดูขั้นสูงก็จะมีให้บริการ การพักผ่อนในคอกเลี้ยงดูเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก็เพียงพอแล้วที่จะปลดปล่อยอสูรให้หลุดจากความเหนื่อยล้า การอยู่ในคอกเลี้ยงดูอีกสองสามชั่วโมงจะรักษาบาดแผลที่ร้ายแรงที่สุดได้ นั่นคือพลังของคอกเลี้ยงดูขั้นสูง
สิ่งเดียวที่ทำให้เขากังวลคือเวลาที่ยังเหลือสำหรับการเลื่อนขั้นร้านค้า เนื่องจากยังต้องใช้เวลาอีกสิบแปดชั่วโมง
แต่ถึงกระนั้น การสร้างแนวป้องกันและการรวบรวมผู้อยู่อาศัยในทวีปอื่นก็ใช้เวลานาน อาจจะนานกว่าสิบแปดชั่วโมงด้วยซ้ำ!
ร้านค้าของเขาจะได้รับการเลื่อนขั้นในตอนนั้น
แต่…
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอาจเกิดขึ้นได้ หากอสูรป่ามาถึงภายในสิบแปดชั่วโมงนี้
อย่างไรก็ตาม ซูผิงเชื่อว่าทวีปของพวกเขาจะไม่ล่มสลายอย่างรวดเร็วเหมือนที่อื่นๆ เนื่องจากพวกเขาได้กวาดไปทั่วทวีปเพื่อหาที่หลบภัยของอสูรป่า
ยังไงก็ต้องเตรียมพร้อม… ซูผิงกระพริบตา เขาต้องคิดหาวิธีอื่นในกรณีที่อสูรป่ามาถึงเร็วกว่าสิบแปดชั่วโมง

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

Status: Ongoing

ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท