ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 780 ยอมแพ้

ตอนที่ 780 ยอมแพ้

  ในอาณาจักรลับของตระกูลไรอัน
โอนีลค่อนข้างตกตะลึงเมื่อได้ยินข่าว
มีนักรบระดับดวงดาวสองคน? ไม่ใช่แค่หนึ่ง?
อีกคนดูเหมือนจะอยู่ที่ขั้นสูงสุด?
ระดับดวงดาวสองคนคนทำธุรกิจร่วม? มันควรจะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นหรือเปล่า?
สิ่งที่ทำให้โอนีลตะลึงยิ่งกว่านั้นก็คือคนที่แข็งแกร่งกว่าอาจอยู่เบื้องหลังคนสองคนที่ทรงพลังนั้น อาจจะเป็นเจ้าดวงดาวหลายคน …
เขาไม่สามารถทำให้พวกเขาโกรธได้!
เขามีความคิดที่จะยอมแพ้ การดื้อดึงจะทำให้ตระกูลของเขาต้องทนทุกข์ทรมาน แค่“เจ้าของร้าน”ก่อนหน้านี้นั้นก็ยากพออยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายคนนั้นอาจมีพันธมิตร เขาอาจจะไม่สามารถจัดการพวกเขาได้แม้ว่าเขาจะเชิญเพื่อน ๆ ของเขามาช่วยก็ตาม และแม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กัน ดาวทั้งดวงก็จะถูกทำลาย
เว้นแต่… เขาจะขอความช่วยเหลือจากตระกูลไลเยฟา
ท้ายที่สุดแล้ว ดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ในระบบสุริยะของตระกูลไลเยฟา และความเจริญรุ่งเรืองของดาวเคราะห์นี้ก็เป็นผลประโยชน์สูงสุดของพวกเขา
แต่!
ถ้าเขาเริ่มต้นสงครามดาวเคราะห์เพียงเพราะหลานชายคนหนึ่งของเขาเสียชีวิต เขาจะถูกลงโทษและถูกตระกูลไลเยฟาฆ่าในภายหลังหรือไม่?
เขาไม่สงสัยในเรื่องนี้
ท้ายที่สุดสิ่งทั้งหมดได้เกิดขึ้นเพราะหลานชายของเขาแรนดัลพยายามจะขโมยอสูรของยอดฝีมือระดับดวงดาว ทำให้เขาขุ่นเคือง การถูกฆ่าตายเป็นผลโดยธรรมชาติ
แม้ว่าระดับดวงดาวคนอื่นๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ พวกเขาก็จะเห็นด้วยว่าเขาสมควรตาย
ดังนั้นเรื่องทั้งหมดจึงค่อนข้างยุ่งยาก
การตอบโต้ของเขาไม่สมเหตุสมผล
เขาจะไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ถึงการกระทำของเขาถ้าเขาแข็งแกร่งพอ แต่นี่ไม่ใช่ นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับ
ไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลถ้าเขาสามารถบดขยี้ศัตรูได้ แต่เขาจะต้องให้เหตุผลถ้าไม่แกร่งพอ
จะทำยังไงดี?
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ โอนีลก็ยิ่งดูแย่มากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดเขาก็สูดหายใจลึก ค่อย ๆ หายใจเอาความโกรธของเขาออกและฟื้นคืนความสงบ
เสียหน้าดีกว่าต้องทนกับความสูญเสียที่มากกว่า
“ถ่ายทอดคำสั่งของฉันออกไป อย่าทำให้ร้านนั้นโกรธอีก ส่งคนไปเจรจากับพวกเขาให้ปล่อยการ์แลนด์ ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการ ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ขอเกินไป” โอนีลกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ชายชราชุดม่วงพยักหน้าและยอมรับภารกิจ เขาโล่งใจที่เห็นว่าพ่อของเขาไม่ประมาท
หลายปีที่เขาดูแลตระกูล ต้องขอบคุณบุคลิกที่สงบและมีน้ำใจของเขา แม้การตายของแรนดัลจะทำให้เขาโกรธ แต่ความโกรธไม่สามารถแก้ปัญหาได้ มันจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงเท่านั้น
เขาได้รับเลือกให้จัดการทุกเรื่องในตระกูล ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เพราะเขามีเหตุผลและใจเย็นมากพอ!
ถ้าหลานชายหายไป หลานชายอีกคนก็เกิดใหม่ได้เสมอ
นอกจากนี้ยังมีลูกชายอีกสองคนที่ดูมีแวว
แรนดัลได้ยั่วยุศัตรูที่น่าเกรงขาม ส่งผลต่อตระกูลก่อนที่เขาจะโตเต็มที่ เขาสมควรตายจริงๆ!
ชายชราชุดม่วงครุ่นคิดทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ทำให้เขาโกรธคือหลานชายไร้ค่าคนนั้นทำให้ตระกูลต้องอับอาย!
มันยกโทษให้ไม่ได้!
ในเมืองวอฟเฟ็ต—
อสูรจำนวนมากกำลังซ่อมแซมถนน พวกมันมีทักษะที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างผ่านการฝึกอบรมพิเศษ
ในไม่ช้าถนนก็ได้รับการซ่อมแซมเสร็จ
ร้านค้าที่พังเสียหายบางส่วนก็ได้รับการปรับปรุงและเสริมความแข็งแกร่งเช่นกัน
แถวด้านนอกของร้านขายอสูรพิกซี่นั้นยาวมาก มีคนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากรู้ว่ามีคนจากตระกูลไลเยฟาอยู่ที่นี่
ดวงดาวและดวงจันทร์ค่อยๆ หายไป และดวงอาทิตย์ก็ขึ้นมาแทนที่
วันรุ่งขึ้นก็มาถึงในไม่ช้า..ไอรีนโนเวล
อสูรและแผนกก่อสร้างเมืองพากันกลับออกไปแล้ว จึงเหลือเพียงผู้พิทักษ์เมือง ซึ่งอยู่รักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อช่วยร้านของซูผิง พวกเขาอ้างว่ามีคนรอมากเกินไปและอาจเกิดความขัดแย้งขึ้น
ผู้ที่รอเข้าแถวล้วนเป็นนักรบอสูร พวกเขาไม่ใช่คนโง่ จะเกิดความขัดแย้งขึ้นได้ยังไง?
มันเป็นเพียงการแสดงความเป็นมิตร
ไม่นานก็สิบโมงเช้า
“ทำไมประตูยังไม่เปิด”
“ร้านยังปิดเพราะการต่อสู้เมื่อวานหรือเปล่า?”
“ ทำไมยังไม่เปิดร้านอีก? เขาทำธุรกิจแบบนี้หรอ?”
“เรารออะไรอยู่เนี่ย?”
”หุบปาก จะพูดว่ารอแล้วไม่ได้อะไรได้ยังไง แม้ว่าวันนี้ร้านจะไม่เปิดแต่พรุ่งนี้ก็อาจจะเปิด การรอจะคุ้มค่าแม้ว่าฉันต้องยืนที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์!”
”จริงด้วย อสูรทุกตัวที่นี่มีไหวพริบระดับ A การรอคอยวันเดียวนั่นไม่มีความหมายเลย ออกไปจากที่นี่ซะถ้าไม่อยากรอ”
ทุกคนในแถวซุบซิบกัน ตอนนั้นเองที่ประตูร้านเปิดออกอย่างช้าๆ และซูผิงก็ยืนอยู่ข้างประตู มีหนวดขึ้นบนใบหน้าของเขาหลังจากผ่านไปแค่คืนเดียว
ซูผิงเปิดประตูโดยไม่สนใจจะโกนเพราะรู้ว่าลูกค้ารออยู่เป็นเวลานานแล้ว
“นายกลับมาแล้ว”
ซูผิงมองและยิ้ม
ถังยู่หรานและจงหลิงถงที่ยืนอยู่ตรงนั้นรีบวิ่งมาหาเขา จงหลิงถงแลบลิ้นแล้วพูดว่า “อาจารย์สุดยอดมาก ร้านของเราดังมากหลังจากเพิ่งเปิดใหม่ได้ยังไง?”
“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าร้านของเราเพิ่งขายอสูรระดับA จริงหรือเปล่า?” ถังยู่หราน ก็อยากรู้เช่นกัน
ทั้ง 2 คนคาดไม่ถึงว่าร้านจะได้รับความนิยมมากเสียยิ่งกว่าตอนอยู่บนดาวเคราะห์เดิม มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงหลังจากพวกเธอกลับมาจากโรงเรียนสอนภาษา
“ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเธอจะพูดกันคล่องแคล่วเชียว” ซูผิงหัวเราะเมื่อได้ยินพวกเธอพูด
ถังยู่หรานพ่นลมหายใจและกล่าวว่า “แน่นอน พวกเราเป็นอัจฉริยะ”
“อัจฉริยะหรอ? ไปต้อนรับลูกค้าไป”
ซูผิงยิ้มแล้วเข้าไปในร้าน
“ให้คนที่มารับอสูรเข้ามาก่อน” ซูผิงกล่าว
ถังยู่หรานกลับสู่ความเป็นมืออาชีพเหมือนตอนอยู่บนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน เธอทำความเคารพและพูดว่า “ตามที่สั่ง!” จากนั้นเธอยืนอยู่ที่ประตูา ก่อนที่เธอจะตะโกนว่า “เข้ามาเลยถ้าคุณมาที่นี่เพื่อรับอสูร หากคุณต้องการบริการอื่น ๆ โปรดรอสักครู่”
”ฮะ? ทำไม? ฉันต้องรอต่ออีกหรอ?” มีคนในแถวตะโกนกับคำประกาศของหญิงสาว
ถังยู่หรานเป็นนักรบระดับ 9 ซึ่งค่อนข้างโดดเด่นในดาวเคราะห์สีน้ำเงิน แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่นี่เป็นนักรบสภาวะสมุทรพวกเขาไม่พอใจเธอเลย
แม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลกที่ได้เห็นใครบางคนที่แข็งแกร่งอย่างเธอทำงานเป็นพนักงานร้านค้า แต่พวกเขาได้เห็นหญิงผมบลอนด์แล้ว การปรากฏตัวของถังยู่หรานนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
“กฎก็คือกฎ!” ถังยู่หรานกลอกตาและตะโกนใส่ผู้ชายที่บ่นคนนั้น
ชายหนุ่มเงียบลงหลังจากได้ยิน ทุกคนค้นหากฎออนไลน์ในร้านของซูผิงขณะที่พวกเขารอคิว กฎนั้นแปลก แต่พวกเขาก็ต้องเชื่อฟัง
กฎบางอย่างไม่สามารถหักล้างได้ แม้แต่ด้วยเงิน อย่างเช่นการแซงคิวหรือการซื้อที่
ลูกค้าที่มาที่นี่เพื่อรับอสูรของพวกเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะปฏิบัติตามที่ถังยู่หรานบอก ทุกคนเข้าไปในร้านและทักทายซูผิง
ซูผิงขอให้โจแอนนานำอสูรออกมาและคืนให้ตามรายชื่อ
พวกเขารู้สึกเกรงกลัวโจแอนนาผู้ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าอยู่ในระดับดวงดาว เธอทำให้หัวหน้าผู้พิทักษ์เมืองคุกเข่าในคืนก่อน แม้แต่ชายหนุ่มผมแดงระดับดวงดาวที่อยู่ข้างหลังเธอก็ยังแสดงท่าทีเชื่อฟัง
ตอนนั้นเองที่เจ้าของอสูรเห็นชายหนุ่มผมแดงอยู่บนโซฟา
ใจของพวกเขาเริ่มเต้นแรงเมื่อเห็นเขานั่งนิ่งอยู่บนโซฟา พวกเขาสรุปฐานบ่มเพาะของโจแอนนาหลังจากสังเกตเห็นพฤติกรรมของหัวหน้าผู้พิทักษ์เมือง แต่ซูผิงและชายหนุ่มผมแดงนั้นเป็นนักรบระดับดวงดาวอย่างไม่ต้องสงสัย!
ไม่มีลูกค้ารายใดที่มารับอสูรแล้วทดสอบผลการฝึกในร้านของซูผิง พวกเขาเพียงแค่บอกลาและไปที่ร้านประเมินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน
คนที่ฉลาดกว่าไปถนนใกล้เคียงเพื่อทำการทดสอบ เกรงว่าซูผิงจะโกรธเพราะคิดว่าพวกเขาไม่เชื่อใจเขา
“จะ เจ้าของ ฉันมารับอสูรของฉัน”
คลีโอมาถึงพร้อมกับฝูงชนและมองไปรอบๆ รูม่านตาของเธอหดเกร็งเมื่อเห็นการ์แลนด์ จากนั้นเธอก็ละสายตาออกไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่กล้าแสดงท่าทางเย่อหยิ่งเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เธอมาที่ร้านนี้อีกต่อไป
”ชื่อ?”
“…คลีโอ”
คลีโอไม่รู้จะพูดอะไร เขาลืมชื่อฉันหลังจากผ่านไปวันเดียว? ไม่มีใครที่อยู่ในระดับดวงดาวแล้วจะมีความทรงจำไม่ดีเช่นนี้ เว้นแต่เขาไม่เคยคิดจะจำชื่อของเธอ
“โอ้ อสูรของเธอกำลังได้รับการฝึกฝนมืออาชีพ มันยังฝึกไม่เสร็จ” ซูผิงกล่าวอย่างสบายๆ ขณะมองเธอ
คำตอบเป็นไปตามคาด เธอพยักหน้าและตอบว่า “เข้าใจแล้ว”
เธอมาที่นี่เพื่อตรวจสอบการ์แลนด์เป็นหลัก ดังนั้นเธอจึงหันหลังกลับและจากไป
การ์แลนด์เปลอดภัย…ในตอนนี้
ไม่นานคลีโอก็กลับมาถึงร้านประเมินผลของเธอ พร้อมที่จะส่งข่าวกลับไปให้ตระกูล
แต่แล้วเสียงอุทานก็ดังขึ้นที่โถงต้อนรับเมื่อเธอก้าวเข้ามาในร้าน
คลีโอเงยหน้าขึ้นและลูกตาของเธอก็หดเกร็ง
เสาทดสอบตรงกลางโถงต้อนรับแสดงการอ่านระดับ A!
อสูรระดับ A อีกตัว?

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

Status: Ongoing

ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท