ซูผิงใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งนาทีในการขึ้นบันไดจนถึงขั้นสุดท้าย เขาเร็วมากจนดูเหมือนวิ่งอยู่บนทุ่งราบ
ทุกคนเต็มไปด้วยความอิจฉาหลังจากซูผิงหายตัวไปในหมอกที่อยู่อีกฟากหนึ่งของบันได
ถ้าบันไดถูกกำหนดให้เป็นที่พำนักศักดิ์สิทธิ์ ผู้ชายระดับดวงดาวคนนั้นจะไม่ได้รับสมบัติทั้งหมดที่อยู่ในนั้นหรอกหรอ?
“มีเจ้าดวงดาวมากมายที่นี่ แต่มีคนระดับดวงดาวกำลังเอาเปรียบเราอยู่เนี่ยนะ?”
”มันพูดยาก ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวสามคนไม่น่าจะพลาดสมบัติที่นี่”
“ปัญหาคือเราจะไปที่นั่นได้ยังไง?”
เจ้าดวงดาวทั้งหมดรู้สึกปวดหัว
บนบันได ชายหนุ่มชุดม่วงตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาสามารถยอมรับความล้มเหลวของการแข่งขันแย่งต้นไม้แห่งกฎได้ เนื่องจากเขาไม่ต้องการเปิดเผยไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาสำหรับบางสิ่งที่ไม่คู่ควรพอ
อย่างไรก็ตามเขาล้มเหลวอีกครั้งในขณะที่ทดสอบพรสวรรค์!
คราวนี้ไม่มีข้อแก้ตัว เขาถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์!
ที่ปลายบันไดอีกด้าน
ซูผิงมองไปยังที่พำนักศักดิ์สิทธิ์ซึ่งดูห่างไกลมากจนดูเหมือนว่าห่างออกไปหลายพันกิโลเมตรก่อนหน้านี้ แต่จับต้องได้และอยู่ใกล้แค่เอื้อมในขณะนี้
การก่อสร้างงดงามมาก ซูผิงรวมพลังเทพไว้ที่ตาและเห็นกับดักหลายๆ ที่
พวกมันเป็นกับดักโบราณที่สร้างด้วยม่านพลัง เขารู้สึกว่าสามารถทลายบางส่วนออกได้ แต่ส่วนอื่นๆ ยุ่งยากเกินไป
ที่นี่คือที่พำนักศักดิ์สิทธิ์หรอ? ไม่มีสมบัติที่นี่?
ซูผิงมองไปรอบ ๆ และไม่เห็นสิ่งใดเลย ถ้ามี ก็ควรจะมีคำแนะนำบางอย่างตั้งแต่เขาผ่านบททดสอบของบันไดมาแล้วไม่ใช่หรอ?
เขารอสักพัก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ
แต่ซูผิงไม่ได้เศร้าเกินไป ท้ายที่สุดสภาวะเทพดวงดาวทั้งสามได้เข้ามาในที่พำนักศักดิ์สิทธิ์นี่ก่อนหน้านี้ และอาจอ้างสิทธิ์ในสมบัติทั้งหมดไปแล้ว
มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะใช้ประโยชน์จากยอดฝีมือที่มีความสามารถระดับนั้น เพื่อมาค้นหาขุมทรัพย์ที่พวกเขาเหลือไว้
ซูผิงส่ายหัว ไม่เป็นไรหากไม่มีสมบัติ การเดินทางใด ๆ จะคุ้มค่าตราบเท่าที่เขาสามารถหาของมีค่าได้
มันจะทำกำไรได้มากกว่าถ้าเขาพบบางสิ่งที่ล้ำค่ากว่าต้นไม้แห่งกฎ!
ซูผิงมองไปที่ปลายอีกด้านของบันได เพียงพบว่าหมอกปิดกั้นสัมผัสของเขา ดูเหมือนว่าจะมีพลังงานพิเศษบางอย่างอยู่ตรงนั้น
เขามองไม่เห็นผู้นำสาวหรือเจ้าดวงดาวคนอื่นๆ เขาส่ายหัว รู้สึกโชคดีที่นักล่าสมบัติคนอื่นๆ ไม่สามารถเข้ามาได้
เขาละสายตาและเดินเข้าไปในลานข้างหน้า
สถานที่นั้นกว้างใหญ่และสะอาดมาก ล้อมรอบด้วยร่างที่ลอยอยู่ ราวกับฉากนรก แต่ที่จริงแล้วลานนี่สะอาดและมีเมฆล่องลอยอยู่ทุกหนทุกแห่ง
หลังจากที่เขาเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เสียงคำรามที่เย็นชาและโกรธก็ดังมาจากข้างหลังเขา “เห้ย!”
ซูผิงมองย้อนกลับไป และเห็นชายหนุ่มชุดม่วงจ้องมาที่เขาจากข้างบันได
ใบหน้าเขาดูน่าสังเวชจริงๆ เสื้อคลุมสีม่วงหรูหราของเขาซึ่งดูเหมือนจะเป็นสมบัติลับก็ขาดๆ แหว่งๆ ไปแล้ว ผมที่เรียบร้อยของเขาก็กลายเป็นฟูราวกับร็อคสตาร์ กางเกงของเขาถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เผยให้เห็นต้นขาที่ดำคล้ำและแม้แต่ก้นของเขา
”ฮะ? อยากให้ฉันช่วยอะไรไหม?” ซูผิงดูใสซื่อ
ริมฝีปากของชายหนุ่มกระตุก ช่วยอะไร? แกเหนือกว่าฉัน!
“จำชื่อฉันไว้ ฉันชื่อซิงเหอ!” ชายผู้จองหองพูดด้วยใบหน้าขมึงทึง และพูดต่อว่าคำ “วันหนึ่ง ฉันจะท้าทายแกอีกครั้งและกระทืบแกซะ!”
“อืม” ซูผิงตอบโดยไม่สนใจ เขาคิดอย่างอื่น
แกต้องการที่จะเอาชนะฉัน? มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น
แล้วฉันจะให้โอกาสแกท้าทายฉันทำไม ฉันจะได้อะไรหลังกระทืบแกอีกครั้ง?
อืม… ชายหนุ่มชุดม่วงเกือบจะอาเจียนเป็นเลือดเมื่อได้ยินคำตอบของซูผิง นั่นเป็นวิธีที่ผู้ชายควรจะตอบสนองต่อความท้าทายหรอ? สามัญสำนึกกำหนดว่าอัจฉริยะควรถนอมน้ำใจกัน เขาควรจะพูดว่า ‘ฉันจะรอให้แกมาท้าทายฉัน!’
ถ้าเขาเย่อหยิ่งมากกว่า เขาอาจจะเพิ่มว่า ‘แกจะล้มเหลวอีกครั้งเมื่อเราเจอพบกันครั้งต่อไป!’
แม้ว่าชายหนุ่มจะโกรธกับคำตอบนั้น แต่เขาก็จะตอบอย่างเย็นชาว่า ‘ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป รอดู!’
แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือ “อืม”? ความหมายของมันคืออะไร?
การดูถูกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการไม่แยแส
“แกจะเสียใจกับความเย่อหยิ่งของแก!”ซิงเหอกัดฟัน
“?”
ซูผิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย หยิ่งอะไร? ใครหยิ่ง? แกเป็นแค่นักรบสภาวะชะตากรรมที่กำลังท้าทายคนสภาวะว่างเปล่าอย่างฉัน แต่แกกำลังว่าฉันหยิ่ง?
“ฉันจะไปล่ะ ถ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้” ซูผิงอยากจะใช้เวลากับการล่าสมบัติมากกว่าการพูดคุยอย่างไร้เหตุผล
ซูผิงไม่คิดจะคิดที่จะกำจัดชายคนนี้ออกไป เพราะไม่อยากสร้างปัญหาใดๆ ในอนาคต
“!!”
ซิงเหอมองซูผิงที่หันหลังกลับและเดินจากไป เขากำหมัดแน่นจนมือแทบแตก
เขาไม่เคยถูกเมินขนาดนี้มาก่อน นี่เป็นวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคนอื่นๆ ถึงกระนั้นเขากลับเป็นคนที่กลายเป็นเป้าหมายของการเยาะเย้ยในวันนี้
น่าขายหน้า!
ซิงเหอจ้องไปที่แผ่นหลังของซูผิงและสาบานว่า “รอก่อนเถอะ! เมื่อฉันไปถึงระดับดวงดาวฉันจะเหยียบหัวแก จากนั้นแกจะต้องคุกเข่าขอความเมตตา!”
เขาไม่เสียเวลาต่อ เขาหันกลับและจากไป
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่งหลังจากก้าวไปสองสามก้าว
บันไดเหมือนเป็นการทดสอบ แล้วรางวัลสำหรับการทดสอบนั้นอยู่ที่ไหน?
ซูผิงได้ไปแล้วหรอ?
นั่นไม่มีทางเป็นได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเก่งกว่า แต่เขาใช้ไพ่ตายไปจำนวนมากและตามซูผิงมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่เห็นซูผิงได้รับมรดกใด ๆ
“ดูเหมือนว่าการทดสอบขั้นบันไดไม่ได้ถูกกำหนดไว้เพื่อเลือกทายาท แต่เพียงเพื่อคัดผู้เข้าชม หากมีมรดกใด ๆ เหลืออยู่ สภาวะเทพดวงดาวทั้งสามคงเอาไปหมดแล้ว”ซิงเหอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
หากซูผิงได้รับมรดก มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะซูผิงได้ในสักวันหนึ่ง และเขาคงจะโอ้อวดเรื่องนี้
ยิ่งคนมีความภาคภูมิใจมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งโอ้อวดน้อยลงเท่านั้น
เฉพาะผู้ที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเท่านั้นที่สนุกกับการคุยโวเกี่ยวกับตัวเองได้
เมื่อเขาคิดอย่างนั้นซิงเหอเลือกที่จะไม่อยู่และย้ายไปฝั่งตรงข้ามกับทิศทางของซูผิง
”ฮะ?”
ซูผิงเดินไปครู่หนึ่งและตัวสั่นในทันใด หมอกปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ไม่นานมันก็หายไป เผยให้เห็นว่าเขาอยู่กลางสวนลูกท้อ
กลิ่นดอกไม้รุนแรงในจุดนี้ ซูผิงรู้สึกประหลาดใจกับการเคลื่อนย้าย นี่คือค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ซ่อนอยู่หรอ?
หรือเป็นค่ายกลลวงตา?
เขาสังเกตสวนลูกท้อและพบว่ามันเหมือนของจริงมาก.ไอรีนโนเวล.
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ในไม่ช้าก็พบหลุมศพ สถานที่นี้น่าขนลุกมาก
ซูผิงเพ่งสายตาไปที่หลุมฝังศพ เขาอ่านอักขระศักดิ์สิทธิ์โบราณที่จารึกไว้ไม่ได้ทั้งหมด แต่เขาจำหนึ่งในอักขระเหล่านั้นได้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคำว่า “สวรรค์”
สวนลูกท้องค่อย ๆ จางหายไปเมื่อเขาจ้องมองไปที่หลุมฝังศพ ดอกท้อสีชมพูเปลี่ยนสีและกลายเป็นสีเทา อากาศแห่งความตายอันรุนแรงออกมาจากด้านล่างของต้นไม้และกลายเป็นผี
ดอกสีชมพูร่วงโรยหล่นลงบนพื้น
เมื่อดอกไม้ร่วงหล่น ซูผิงก็เห็นสุสานมากมายในสวนลูกท้อ นอกจากต้นไม้ที่ดูเหมือนต้นแห้ง
ที่นี่เป็นสุสาน!
ผี? เมื่อเขามองดูรูปร่างของผีที่เพิ่งถูกรวมเข้าด้วยกัน ซูผิงก็ขมวดคิ้วและเรียกโครงกระดูกน้อยออกมา
ที่นี่เป็นที่พำนักศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่กล้าที่จะประมาทเพราะเขามีแค่ชีวิตเดียว
โครงกระดูกน้อยเปล่งรัศมีอันทรงพลังราวกับราชาแห่งความตายทันทีที่ออกมา แสงสีแดงเข้มส่องออกมาจากตาของมันขณะที่มองไปยังผีอย่างเย็นชา
ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าพวกผีจะไม่ตกใจกับสิ่งนี้ และยังคงล้อมพวกเขาต่อไป
ซูผิงหมุนเวียนพลังดวงดาวของเขาพร้อมสำหรับการต่อสู้
แต่ในขณะนั้นเองมีเสียงแผ่วเบาดังมาจากที่ไกลๆ “ปีอะไรแล้ว?”
เสียงนั้นส่งกระแสจิตเข้ามาในหัวของซูผิง เขาเข้าใจความหมายที่จะสื่อถึง
เขาตกตะลึงครู่หนึ่ง แต่แล้วมองผีที่ดูเหมือนชายชราร่างโค้งงอ เสียงดังมาจากเขา
สิ่งที่ทำให้ซูผิงจริงจังขึ้นก็คือชายชรายืนอยู่ตรงนั้นราวกับภูเขาที่ทำลายไม่ได้ ซึ่งสามารถปิดกั้นอะไรก็ได้!
“นี่ปี 5694 ยุคเจ็ดของปฏิทินรัฐบาลกลาง!” ซูผิงกล่าว
เขาได้รับข้อมูลผ่านตราผู้ปกครองตอนอยู่ในรีอา นอกจากนี้ยังเป็นวิธีสากลในการนับปีของมนุษย์
“ปฏิทินรัฐบาลกลาง… นั่นอะไร?ราชาเทพไวไลท์ยังมีชีวิตอยู่ไหม?”ชายชราถามผ่านทางกระแสจิตอีกครั้ง
ซูผิงรู้สึกสับสน “ราชาเทพไวไลท์? เขาเป็นเจ้าของสถานที่นี้ใช่ไหม?”
”ใช่”
“อืม ผมไม่คิดอย่างนั้น ที่พำนักศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกละทิ้งไปนานแล้ว ผมได้ยินมาว่ามันโผล่ขึ้นมาจากห้วงมิติเพราะม่านพลังบางส่วนคลายออก ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรนอกจากซากปรักหักพัง” ซูผิงกล่าวตามความจริง เนื่องจากพวกผีเต็มใจที่จะสื่อสาร เขาจึงยินดีที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียพลังดวงดาวเพื่อต่อสู้
“ทิ้ง?”
ผีที่อยู่รอบตัวเขาดูเหมือนจะสั่นสะท้านด้วยความตกใจหลังจากคำตอบของเขา
รัศมีแห่งความตายกระเพื่อมรอบชายชราราวกับว่ารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก จนกระทั่งครู่ต่อมาในที่สุดเขาก็สงบลงและพูดว่า “เจ้าเป็นผู้บุกรุกที่มาที่นี่เพื่อหาสมบัติหรือ?”
ผู้บุกรุก?
ซูผิงพบว่าคำนี้ดูรุกรานและดูไม่ดี เขาจึงรีบพูดว่า “ผมไม่ใช่ผู้บุกรุก และผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ที่ไม่ดี ผมต้องขอโทษด้วยถ้าผมรบกวนการพักผ่อนของคุณ”
“ข้าเห็นพลังเทพบริสุทธิ์ในตัวเจ้า และเจ้าก็เป็นมนุษย์ ไม่ต้องกังวล เราจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก” ชายชรากล่าว
เสียงของเขาส่งเสียงแห่งความตาย แต่ฟังดูอ่อนโยนและห่วงใย “มนุษย์ควรจะสามัคคีกันแล้วในขณะที่เรากำลังตกต่ำ เราต้องไม่ต่อสู้กันเอง ในเมื่อเจ้ามาที่นี่แล้ว มันเป็นชะตากรรมของเจ้าที่จะสืบทอดมรดกใดๆ ที่ราชาเทพทิ้งไว้เบื้องหลัง คงจะดีไม่น้อยหากราชาเทพองค์อื่นปรากฏตัวขึ้นและนำพามวลมนุษยชาติให้ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง!”
ซูผิงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อพบว่าไม่น่าจะมีอะไรอันตราย เขาถามด้วยความสงสัย “มนุษย์กำลังตกต่ำ? ตอนนี้เราเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล เราได้ยึดครองดาวเคราะห์นับไม่ถ้วนและเปลี่ยนสัตว์ร้าย ผี และมนุษย์ต่างดาวให้เป็นอสูร เราไม่ได้อ่อนแออย่างที่เคยเป็น”
“สายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล?”
ไม่เพียงแต่ชายชราเท่านั้น ผีตัวอื่นๆ ก็ตื่นตัวด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่รู้ว่า “จักรวาล” หมายถึงอะไร แต่พวกเขาเข้าใจว่ามันเป็นโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดผ่านการสื่อสารทางกระแสจิต
“สายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด” เข้าใจง่าย มนุษย์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วหรือ?
“จะ— เจ้าพูดจริงเหรอ” ชายชราตัวสั่นและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
ซูผิงตกตะลึง “ครับ”
นี่คือสิ่งที่เขาได้รู้มาจากตราผู้ปกครอง
มนุษยชาติเป็นเผ่าพันธุ์ที่ครอบงำทั้งจักรวาลในขณะนี้!
“ข้าไม่รู้เลยว่าวันนี้จะมาถึงจริงๆ…”
“ในที่สุด ยุครุ่งเรืองที่รอคอยมานานก็มาถึง…”
“การเสียสละของเราไม่สูญเปล่า!”
“ราชาเทพไวไลท์จากไปแล้ว เขาได้ปิดกั้นหลุมสวรรค์ด้วยการเสียสละชีวิต เขาเสียสละตัวเองเพื่อยุคที่เจริญรุ่งเรืองนี้ ฮ่า ฮ่า…”
วิญญาณทั้งหมดสั่นสะท้านอย่างรุนแรงในขณะนี้ บางคนปล่อยเสียงน่าขนลุกที่ฟังดูทั้งสะอื้นและหัวเราะ แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นค่อนข้างประทับใจ
บางคนก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าพวกเขาจะเสียสติไปแล้ว
“มนุษย์ไม่ได้มีความสำคัญเท่ามดอีกต่อไป เราไม่ต้องแหงนมองสายพันธุ์อื่นอีกต่อไป ฮ่าๆๆ…”
ชายชราหัวเราะแล้วปาดน้ำตา แม้ว่าเขาจะไม่มีสิ่งใดไหลออกมาเลยก็ตาม เขาแค่ทำมันโดยไม่รู้ตัว
ซูผิงตกใจกับปฏิกิริยาของพวกเขา เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ตื่นเต้นลึกซึ้งในหมู่พวกเขา
การเรียนรู้เกี่ยวกับยุคเจริญรุ่งเรืองเป็นเรื่องที่น่าตกใจด้วยหรอ?
หลังจากควบคุมตัวเองได้แล้ว ชายชราก็ขอบคุณซูผิง “ขอบคุณ ขอบคุณที่นำข่าวดีมาบอกพวกเรา…”
ผีตัวอื่นก็กล่าวขอบคุณเช่นกัน
ซูผิงรู้สึกตื้นตัน เขาคาดหวังการต่อสู้ที่ดุเดือด ไม่ใช่การเฉลิมฉลองที่สนุกสนาน
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นยุครุ่งเรือง ตอนนี้เราสามารถตายได้โดยไม่ต้องเสียใจ!”
“ใช่ ไม่เสียใจอีกต่อไปแล้ว!”
“ชีวิตของเราคุ้มค่าแล้ว!”
ผีทั้งหมดประกาศด้วยความตื่นเต้น
“นี่คือสวนท้อศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งราชาเทพได้ฝังเราไว้ น่าเสียดายที่ต้นท้อทั้งหมดเหี่ยวเฉาไปหลายปีเพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเรา อีกไม่นานเราจะไปต่างโลก” ชายชรากล่าวกับซูผิง
ซูผิงจึงตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ที่แห้งและดำคล้ำ
“ผู้อาวุโส ท่านรู้ไหมว่าผมจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร?” ซูผิงถามอย่างสุภาพ
“ง่ายมาก” ชายชรายกมือขึ้นและโบกมือ จากนั้นมีรอยแตกปรากฏขึ้นเพื่อแสดงที่พำนักศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายนอก เขามองดูที่พำนักศักดิ์สิทธิ์อันงดงามด้วยความรัก “ด้วยธรรมชาติอันน่ากลัวของเรา เราไม่กล้าทำให้สถานที่พักผ่อนของราชาเทพเสื่อมเสีย เจ้าสามารถออกไปทางนี้ได้”
ซูผิงผ่อนคลายและขอบคุณเขาอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้ที่เจ้ามาอยู่นี่ ราชาเทพคงจะจากไปแล้วจริงๆ แต่ที่พำนักศักดิ์สิทธิ์ของเขายังคงอยู่ ข้ารู้ว่าคลังสมบัติของเขาอยู่ที่ไหน เจ้าสามารถไปที่นั่นและดูว่ามีสมบัติใดบ้างที่ยังไม่สูญสลายตามเวลา เจ้าจะได้ครองพวกมันถ้าเจ้าสามารถทำให้พวกมันเรืองแสงได้อีกครั้ง” ชายชราถอนหายใจ
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 825 ราชาเทพไวไลท์
ตอนที่ 825 ราชาเทพไวไลท์
Posted by ? Views, Released on กรกฎาคม 15, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…