“ฉันจะต้องปิดผนึกดาวเคราะห์สีน้ำเงิน จนกว่าการแข่งขันจะจบ!” ซูผิงพูดกับตัวเอง
หากมีคนจำนวนมากขึ้นรู้เกี่ยวกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่มีความรู้บางคนอาจรู้ว่าต้นไม้นี้เป็นต้นไม้มหัศจรรย์ชนิดหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว นี่อาจหมายถึงหายนะสำหรับดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
นั่นคือเว้นแต่เขาจะยอมให้ต้นไม้นั้นไปอย่างเชื่อฟัง
ถึงกระนั้นยอดฝีมือที่ถูกต้นไม้ดึงดูดจะต่อสู้บนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
เขาได้เพิ่มชื่อเสียงของดาวเคราะห์ด้วยการสังหารผู้บุกรุกหลังจากที่เขากลับมา องค์กรชั้นนำจำนวนมากอาจถูกดึงดูด สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภายหลัง แต่เขาจะต้องละทิ้งเพื่อเห็นแก่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์!
ซูผิงคิดแผนขึ้นมาอย่างรวดเร็วหลังจากตัดสินใจ
เขากลับไปที่งานเลี้ยงโดยตั้งเป้าที่จะคุยกับเซี่ยจินชุ่ยและเนี่ยฮั่วเฟิงที่กำลังดื่มอยู่ในขณะนี้
พวกเขาฉวยโอกาสพูดคุยกับสมาชิกพันธมิตรระดับดวงดาวสองคนที่ยินดีพูดคุยกับชายผู้มีอำนาจสูงสุดสองคนของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน โดยส่วนใหญ่เพื่อแสดงความเป็นมิตรกับซูผิง
บี๊บ…
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ได้รับข้อความ เนี่ยฮั่วเฟิงก้มมองและอ่านมัน จากนั้นเขาก็กล่าวลาแขกในทันที
“?”
แขกสับสนเล็กน้อย แต่พวกเขาไม่พอใจน้อยลงเมื่อได้ยินว่าพวกเขาถูกซูผิงเรียก พวกเขาปล่อยให้ทั้งคู่ออกไปในขณะที่ขอให้พูดถึงพวกเขาต่อหน้าซูผิง
เซี่ยจินชุ่ยและเนี่ยฮั่วเฟิงไปพบซูผิงอย่างรวดเร็ว
“เจ้าของร้านซู มีอะไรให้พวกเราช่วยครับ?”
ทั้งคู่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่พวกเขาก็กำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายและโค้งคำนับอย่างสุภาพเมื่อมาถึง
เขายืนอยู่บนยอดตึกระฟ้าในเมืองฐาน ขณะที่มองลงไปที่ถนน เขาก็พูดว่า “แม้ว่าผมจะจัดการผู้บุกรุกแล้ว แต่ผมต้องเข้าร่วมการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาล ดังนั้นผมจึงจะไม่อยู่ในดาวเคราะห์สีน้ำเงินนานนัก เนื่องจากต้นไม้อาจสร้างปัญหามากขึ้นในขณะที่ผมไม่อยู่ ผมจึงวางแผนที่จะผนึกดาว!”
“ผนึกดาว?”
ทั้งสองคนค่อนข้างตกตะลึงกับข่าวนี้
เนี่ยฮั่วเฟิงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าของร้านซูคุณแสดงความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้เมื่อคุณกลับมา มีเจ้าดวงดาวสนับสนุนคุณอีกด้วย แม้ว่าคนอื่นจะเรียนรู้เกี่ยวกับต้นไม้นี้ พวกเขาก็ไม่กล้าบุกรุกดาวเหมือนเมื่อก่อนแน่นอนใช่ไหม?”
“จริงด้วย เจ้าของร้านซ พวกเขากลัวและจะไม่กลับมาอีกแน่นอน เราจะสูญเสียครั้งใหญ่หากดาวกถูกผนึก เราจะหวนคืนสู่วันวานบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน”เซี่ยจินชุ่ยก็ไม่เต็มใจที่จะผนึกดาวเช่นกัน
การผนึกดาวจะหมายถึงการกลับสู่ยุคดึกดำบรรพ์
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินในขณะนี้เปรียบเสมือนรถไฟความเร็วสูงซึ่งได้รับแรงหนุนจากหัวรถจักรอย่างสหพันธ์
“ความโลภอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน เพื่อนของผมจากพันธมิตรดวงดาวจะจากไปกับผม แต่ถึงแม้ว่าจะมีคนใดคนหนึ่งอยู่ พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงตัวหากมีเจ้าดวงดาวคนอื่นบุกเข้ามา คุณจะเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บในที่สุด”
ซูผิงไม่ได้บอกความจริงเกี่ยวกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเขาทราบเพื่อหลีกเลี่ยงข้อมูลรั่วไหล ท้ายที่สุดมันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสภาวะเทพดวงดาว และเขาไม่แน่ใจว่ามันจะไม่ทำให้เกิดความโลภในใจพวกเขา
หลายคนเป็นคนดี เว้นแต่จะมีสิ่งล่อใจมากพอ
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความงุนงงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เนี่ยฮั่วเฟิงลังเล “เจ้าของร้านซู ไม่รีบไปหน่อยเหรอ? เราควรพิจารณาเรื่องนี้ใหม่หรือไม่?”
“ผมได้ตัดสินใจแล้ว เพียงทำตามคำแนะนำของผม คุณจะได้รับค่าตอบแทนเป็นสองเท่าหลังจากที่ผมสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน อย่ามองแค่สั้นๆ” ซูผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเผด็จการของลอร์ดที่จะไม่ถูกปฏิเสธ
ทั้งสองคนต่างสนใจ แท้จริงแล้ว ซูผิงมีความสามารถมากจนเขาอาจจะโด่งดังในการแข่งขัน! ในกรณีเช่นนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องชักชวนให้องค์กรต่างๆ มาที่ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน พวกเขาจะเป็นฝ่ายเลือกแทน!
ทั้งสองคนเริ่มมีควากระตือรือร้นมากขึ้น
เป็นความจริงที่ว่าผู้ที่อยู่ในที่สูงมีมุมมองที่ดีกว่า ผลประโยชน์ระยะสั้นที่พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับมันเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยในสายตาของซูผิง!
“ผมเข้าใจแล้ว”เซี่ยจินชุ่ยพยักหน้าและพูด
เขาเฝ้ามองซูผิงโตและมั่นใจในตัวเขามาก เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไปของสหพันธ์แล้ว เช่นการบ่มเพาะนอกเหนือจากระดับดวงดาว: สถานะเจ้าแห่งดวงดาว, สภาวะเทพดวงดาว และเมพอมตะ
ซูผิงได้ฆ่าคนจำนวนหนึ่งในระดับดวงดาวในขณะที่เป็นแค่นักรบสถานะว่างเปล่า เขาจะต้องทำให้ผู้คนจำนวนมากช็อคในการแข่งขันอย่างแน่นอน
”ครับ”
เนี่ยฮั่วเฟิงพยักหน้าด้วยและยอมรับคำสั่งของซูผิง
ซูผิงบอกให้พวกเขาออกไปหลังจากบอกคำแนะนำโดยละเอียด
จากนั้นเขาก็ไปพบซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์ซึ่งกำลังดื่มอยู่บนที่นั่งที่มีเกียรติที่สุดในงานเลี้ยง ใบหน้าของเธอแดงก่ำและดวงตาของเธอพร่ามัวจนน่าดึงดูด ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย แต่ยังไม่มีใครกล้าดูถูกเธอ เพราะเธอเป็นยอดฝีมือตัวจริงที่สามารถฆ่าทั้งดาวเคราะห์ได้!
“มีอะไรให้ช่วยหรอ?”
ซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์ดูเหมือนจะเมาน้อยลงเมื่อเห็นซูผิงมาถึงในพริบตา แต่อันที่จริงคนที่แข็งแกร่งอย่างเธอสามารถมีสติสัมปชัญญะได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่ง่ายที่สุดในชีวิตคือช่วงที่คนเมา
”ครับ”
ซูผิงพยักหน้า
ซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์เหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “โอเค”
จากนั้นเธอก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและตามซูผิงไปยังกลุ่มเมฆที่สูงเหนือเมืองฐานหลายหมื่นเมตร
เมืองฐานสี่เหลี่ยมที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขามีขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟจากความสูงนี้ มันส่องแสงระยิบระยับ นอกเมืองฐานเป็นความมืดของเวลากลางคืน
”พูดมาสิ”
“ผู้อาวุโสผมวางแผนที่จะบ่มเพาะตัวเองอย่างสันโดษเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน แต่ต้นไม้ในบ้านเกิดของผมได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ผมกลัวว่าอาจมีคนอื่นเข้ามาหาหลังจากที่ผมจากไป ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับดาวของผม ดังนั้นผมจึงตั้งใจที่จะปิดผนึกมัน” ซูผิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์พยักหน้า “เข้าใจได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ฉันจะไม่ปล่อยให้อะไรมาทำให้นายกังวลใจ นายมีความสามารถมากพอที่จะทำให้ตัวเองโดดเด่นในการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งติดหนึ่งในสิบ! แค่ให้ฉันช่วยจัดการเรื่องไม่สำคัญนี้แทนนาย”
”ขอบคุณมาก!” ซูผิงกล่าวอย่างจริงใจว่า “คุณต้องมีคนรู้จักและแหล่งข้อมูลมากมาย ข่าวและข่าวลือมากมายยังคงแพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ตในกาแลคซีใกล้เคียง คุณช่วยผมลบพวกมันได้ไหม?”
“ง่ายมาก”ซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์ตอบอย่างใจเย็น “เนื่องจากนายกำลังจะผนึกดาว ฉันจะขอให้ใครซักคนลบข่าวให้ ฉันจะบอกให้ทุกคนรู้ว่าฉันกำลังปกป้องดาวของนาย ไม่มีใครกล้ามาสร้างปัญหาแน่แม้แต่เจ้าดวงดาว”
ซูผิงค่อนข้างประหลาดใจ ดังนั้นเขาจึงขอบคุณเธออีกครั้ง “ขอบคุณมากครับ!”
ซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์เลิกคิ้วและกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องสุภาพมาก ฉันแค่ตอบแทนที่ฉันเป็นหนี้นาย และนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นายควรมุ่งเน้นไปที่การก้าวเข้าสู่สภาวะชะตากรรม เพื่อที่นายจะได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในการแข่งขัน นอกจากนี้ฉันจะไปกับนายในระหว่างการแข่งขัน นายจะเป็นโฆษณาที่มีชีวิตของฉันเมื่อนายชนะอันดับดีๆ…”
“ไม่มีปัญหา” ซูผิงตอบด้วยรอยยิ้ม
ซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์เหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ยังไงก็ตาม อย่าเรียกฉันว่าผู้อาวุโสอีกในอนาคต ฉันเป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์… แม้ว่าจะไม่ได้มีพรสวรรค์เท่านายก็ตาม แต่ฉันยังเด็กมาก เข้าใจไหม? ถ้านายเอาแต่เรียกฉันแบบนั้น ผู้คนอาจคิดว่าฉันบ่มเพาะมานับพันปีแล้ว และฉันก็ไม่ต้องการแบบนั้น”
”เอ่อ…”
“เรียกฉันว่าพี่เซินเอ๋อร์ ดีไหม?”
”ก็ดี”
“ท่าทางไม่เต็มใจนั่นคืออะไร? ฉันจะฉีกลิ้นของใครก็ตามถ้ามีคนอื่นกล้าเรียกฉันแบบนั้น!”
“…”
ซูผิงยอมรับด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ไม่ว่าในกรณีใดซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์ตกลงที่จะช่วยเขาในการรักษาความลับของต้นไม้ ซึ่งทำให้ความโล่งใจ
โชคดีที่หญิงสาวหยิ่งยโสคนนี้ยังเด็กเกินไปและไม่มีประสบการณ์ที่จะรับรู้ได้ว่าต้นไม้นี้สูญพันธุ์ไปแล้ว มิฉะนั้นเธออาจไม่ยอมรับข้อตกลงนี้
…
วันถัดไป
ซูผิงใช้เวลาทั้งวันกับพ่อแม่ของเขา
มันไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะจากไป เขาดูทีวีกับแม่และฟังเธอพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่สำคัญอย่างสุนัขของเพื่อนบ้านหายไป และวิธีทำเกี๊ยวที่ดีที่สุด…
ซูผิงสนุกกับชีวิตเรียบง่าย
เขาเสียเวลาทั้งวันโดยเลือกที่จะไม่บ่มเพาะ เพราะเขายุ่งมาเป็นเวลานานจนเกือบลืมไปว่าความรู้สึกผ่อนคลายมันเป็นอย่างไร
ในขณะที่เขากำลังพักผ่อน ซูผิงอดไม่ได้ที่จะพิจารณาว่าชีวิตของเขาควรจะเป็นเช่นไร เป็นการปีนขึ้นไปบนยอดเขาคนเดียว หรือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข?
ซูผิงคิดว่าอย่างหลังมีความสำคัญกว่า
อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะมีความสุขจริงๆ เขาต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขา มิฉะนั้นโชคร้ายจะเกิดขึ้นกับเขาในไม่ช้าก็เร็ว ถ้าเขาไม่สามารถต้านทานได้ ในเวลาต่อมาเขาจะต้องร้องไห้เพราะสิ้นหวัง และเสียใจกับเวลาที่เสียไปทั้งหมด
วันที่สาม— ไอรีนโนเวล
ซูผิงลาพ่อแม่ของเขาและเริ่มออกเดินทาง
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ออกผลอีกสองลูกก่อนที่เขาจะจากมา ซูผิงเก็บพวกมันและทิ้งอสรพิษม่วงเอาไว้ จากนั้นขอให้เนี่ยฮั่วเฟิงช่วยเก็บผลไม้ผลต่อไป
ซูผิงวางแผนทิ้งอสรพิษม่วงไว้เฝ้าผลไม้ให้เขา
ในบรรดาอสูรของซูผิง อสรพิษม่วงนั้นอ่อนแอที่สุด ยกเว้นเผ่าแมลงแม้ว่าจะมีความสามารถระดับพิเศษ แต่มันถูกจำกัดโดยสายเลือดของมัน
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพลังต่อสู้ของระดับดวงดาวเมื่อมีเพียงสายเลือดระดับหก
ซูผิงทิ้งมันไว้ที่นั่นส่วนหนึ่งเพราะเขาคิดว่ามันอ่อนแอเกินไปสำหรับการแข่งขัน และส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันสามารถป้องกันเนี่ยฮั่วเฟิงไม่ให้ขโมยผลไม้เพราะความโลภได้
อย่างไรก็ตามหากต้นไม้ให้ผลหลายสิบผลติดต่อกัน เนี่ยฮั่วเฟิงอาจได้ลองสักลูก
ต้นไม้โบราณสามารถผลิตผลไม้ได้จำนวนจำกัด และคนๆ หนึ่งต้องกินผลไม้ทั้งหมด 99 ผลจึงจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว ขาดไม่ได้เลยแม้แต่ผลเดียว!
อสรพิษม่วงกลายเป็นอัจฉริยะไปแล้วหลังจากติดตามซูผิงมาเป็นเวลานาน มันลาซูผิงพร้อมกับเนี่ยฮั่วเฟิง,เซี่ยจินชุ่ยพ่อแม่ของซูผิง และคนอื่นๆ
ซูผิงลูบอสรพิษม่วงเมื่อเห็นสายตาที่ไม่เต็มใจของมัน ทั้งหมดเพื่อปลอบโยนและกล่าวลา
ซูผิงกลับไปที่รีอาก่อน
เมืองวอฟเฟ็ตของรีอานั้นแออัด มันเกือบจะกลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในทวีปแคมป์ คึกคักกว่าเดิมมาก!
“เทพปรมาจารย์กลับมาแล้ว!”
“ใครจะคิดว่าผู้ฝึกสอนเทพปรมาจารย์ของเราเป็นยอดฝีมือระดับดวงดาวด้วย”
“เขาคงเป็นเจ้าของร้านขายอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์แน่ๆใช่ไหม?”
“ฉันสงสัยว่าเรายังมีสิทธิ์ขอให้เขาฝึกอสูรของเราอยู่ไหม ฉันเกือบจะละอายใจเกินกว่าจะนำเสนออสูรของฉันให้เขาฝึก…”
ถนนด้านนอกร้านขายอสูรพิกซี่ นั้นหนาตาจนลูกค้าจำนวนมากขาแทบจะไม่แตะพื้น ผู้คุมเมืองก็ยุ่งและเหงื่อออกเหมือนกันขณะที่พวกเขาพยายามรักษาความสงบเรียบร้อย
ซูผิงไม่ได้ต้องการก่อจลาจลอีก เขาขอให้ซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์และคนอื่น ๆ รออยู่ในบรรยากาศเหนือรีอา
จากนั้นเขาก็แวบไปที่หน้าร้านแล้วเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ผู้คนยังแตกตื่น แม้ว่าเขาจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ผู้คนนับไม่ถ้วนตะโกนตื่นเต้นที่ได้เห็นเขา
ถังยู่หรานยินดีที่ได้เจอซูผิงในตอนแรก จากนั้นเธอก็เรียกเขาด้วยท่าทางที่ซับซ้อน “นายกลับมา…”
ซูผิงพยักหน้า แล้วพูดกับท่านหญิงเขียวและโจแอนนาว่า “ผมจะไปสักพัก การแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลได้เริ่มขึ้นแล้ว และผมจะไปเข้าร่วม”
“การแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาล?” โจแอนนาถามว่า “นั่นคือการต่อสู้ศักดิ์สิทธิ์ของผู้ได้รับเลือกในดาวของนายหรอ? ฉันได้ยินเสียงที่มาจากจักรวาล นั่นต้องเป็น… เทพสูงสุด”
โจแอนนาค่อนข้างตกใจเมื่อพบว่ามีเทพสูงสุดในดาวของซูผิง แต่แล้วเธอก็พบว่าเข้าใจได้ ท้ายที่สุด สิ่งที่อยู่เบื้องหลังร้านของซูผิงอาจแข็งแกร่งกว่าเทพสูงสุด เธอไม่เคยออกจากร้านและเดินทางไปในดาวของซูผิง แต่เธอรู้ว่ามันต้องเป็นดาวที่น่ากลัวเกินจินตนาการของเธอ
อย่างไรก็ตามเธอได้สังเกตลูกค้าในร้านและพบว่าเทคนิคการบ่มเพาะของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นอย่างที่เธอคิด เธอค่อนข้างสับสน แต่เธอไม่ได้ถามซูผิง เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะตอบ
ท่านหญิงเขียวพยักหน้า เธอรู้สึกว่าเสียงนั้นมีพลังที่เป็นของราชาเทพ
“ข้าไปด้วย” เธอพูดกับซูผิง “อย่างที่ข้าบอก ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปจากสายตาของจ้า!”
“…”
ซูผิงพูดไม่ออกเลยถามว่า “คุณจะผลักดาวอีกหรอ?”
”ทำไมจะไม่ล่ะ?” ท่านหญิงเขียวถามกลับ
“…”
ใบหน้าของโอนีลก็แวบเข้ามาในหัวของซูผิง เขาคิดในใจว่าขอโทษนะเพื่อน ดูเหมือนว่าดาวของนายจะถูกผลักอีกครั้ง
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 845 ผนึกดาว
ตอนที่ 845 ผนึกดาว
Posted by ? Views, Released on สิงหาคม 4, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…