”ฮะ?”
หลินเฟิงผู้ต่อสู้กับชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาของเขาสังเกตเห็นว่าเพื่อนของเขาหายไป ต่อมาต้องตกใจกว่าเดิม ที่เห็นซูผิงกำลังเดินมา
เขาสามารถมองเห็นชายคนนั้นและความโหดร้ายในดวงตาของเขาได้ แต่เขาไม่สามารถตรวจพบเจตนาฆ่าใด ๆ ได้เลย
เขาคงไม่สังเกตเห็นผู้ชายคนนั้นหากเขาไม่เข้ามาใกล้!
เพื่อนของฉันอยู่ที่ไหน?
หลินเฟิงมีความรู้สึกไม่ค่อยดี เขาต่อยชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาแล้วโจมตีซูผิง
ปัง!
ซูผิงต่อยหมัดทันที หมัดทองคำปรากฏขึ้นพร้อมกับรัศมีแหลมคมที่ซ่อนอยู่ภายใน เป็นวิชาดาบหมัดที่ซูผิงเข้าใจ
หลินเฟิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในขณะที่เขาสัมผัสหมัดของซูผิง เขาเริ่มระแวดระวังแล้วจึงพยายามดึงมือออกแต่ก็สายเกินไป เขารู้สึกเจ็บปวดมาก
มือของเขาปริแตก เลือดกระฉูด แม้แต่ข้อมือของเขาก็ยังขาด การโจมตีได้ทิ้งรูลึกเอาไว้
ซูผิงไม่หยุด เขาปลดปล่อยพลังดวงดาว ความก้าวร้าวของภาพร่างดวงดาวได้หลอมรวมกับดาบหมัดอีกครั้ง เขาต่อยคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว ทำให้คู่ต่อสู้หนีไม่พ้น ทางเลือกเดียวคืออดทนต่อการโจมตีทั้งหมดของเขา!
เขาก็จะตายอยู่ดีถ้าชายคนนี้หนีเข้ามิติชั้นห้าได้
ปะ-เป็นไปได้ยังไง?
หลินเฟิงตกใจมาก มันเป็นวิกฤตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาต้องเผชิญตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขัน เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงเช่นนี้!
เขายังคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง
หรือว่าเขาจะเป็นหนึ่งในพวกตาแก่หน้าด้านที่กลับชาติมาเกิด?
เขาตอบสนองในขณะที่ความคิดแล่นเข้ามาในหัวของเขา เขาเปิดใช้งานกายาของเขาอย่างเต็มกำลัง ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามท่ามกลางแสงแดด กฎแน่นหนาถูกกวาดออกไปเหมือนโซ่ตรวนและล้อมมือของเขาไว้ จากนั้นเขาก็ใช้เทคนิคโบราณที่สามารถบิดเบือนมิติ!
ปัง! ปัง! ปัง!
ดาบหมัดและมือของเขาปะทะกันทำให้เกิดคลื่นในมิติลึก ทำให้คลื่นมิติฉีกขาด
ชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตามองเห็นโอกาสและก็ลงมือเช่นกัน ตอนแรกเขาคิดว่าการต่อสู้จะเป็นโอกาสสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถของเขา แต่เขากลับถูกครอบงำอีกครั้ง มันน่าผิดหวังจริงๆ
”มา!”
ดวงตาของเขาเป็นประกาย และทันใดนั้นเขาก็เห็นแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของจักรพรรดิ หลินเฟิงรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกทุบ
เขาถูกแช่แข็งเพียง 0.001 วินาที แต่ซูผิงฉวยโอกาสและต่อยเข้าที่หน้าอก เขาถูกกระแทกเข้าไปในมิติชั้นสี่แล้วกระเด็นออกมา โดยมีซูผิงยืนอยู่ด้านหลังเขา
ความเจ็บปวดทำให้หลินเฟิงตกใจและโกรธ ซึ่งในที่สุดก็รู้ว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงหนีไป พวกเขาเป็นพันธมิตรชั่วคราวตั้งแต่เริ่ม และทั้งสองก็หนีไปเมื่อพบว่าชายหนุ่มนี่น่ากลัวเพียงใด
บัดซบ!
เขาเผาผลาญเลือดของเขาด้วยความสิ้นหวังและพยายามฉีกมิติหนี อย่างไรก็ตามรัศมีหมัดที่อยู่รอบตัวเขาทำให้มันเป็นไปไม่ได้ เขาคำราม “แกต้องการกำจัดฉัน? ฝันไปเถอะ!”
รัศมีของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากพูดเสียงดัง วงแหวนดาวหนึ่งดวงที่ล้อมรอบตัวเขาแตก ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า เขาทำลายกักมิติและรัศมีหมัดของซูผิงในวินาทีถัดมา ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในมิติชั้นห้า
“ฉันจะจำแกไว้!”
เขาหายไปแล้ว แต่เสียงของเขายังสะท้อนอยู่
ซูผิงยืนอยู่ข้างรอยแยกของมิติชั้นห้าขณะที่มันเริ่มคืนตัว เขาเลือกที่จะไม่ไล่ตาม เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นมีไพ่ตายเหนือกว่าคนอื่น ถ้าบีบอีกฝ่ายจนจนตรอกมันอาจไม่ส่งผลดี
“อัจฉริยะชั้นนำเหล่านั้นเก่งในการเอาชีวิตรอด พวกเขาอาจจะสามารถเอาชนะเจ้าดวงดาวได้ หากไม่ใช่เพราะขาดพลังแห่งศรัทธา!” ซูผิงพูดกับตัวเอง
“ให้ตายเถอะ!” ชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองสบถ เขารู้สึกมืดมนที่จัดการเป้าหมายไม่ได้ ความหวังของเขาในการดึงดูดความสนใจได้พังทลายลง เขาจะกลายเป็นคนดัง อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำได้แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากซูผิง การแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลเป็นการแข่งขันสำหรับสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง
ซูผิงกล่าวว่า “มาจัดการคนที่เหลือกัน”
หลังจากนั้นเขาหันกลับมาและเดินไปหาอัจฉริยะที่ติดตามทั้งสามคนนั้น
อัจฉริยะในกลุ่มนั้นมีพลังต่อสู้โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับดวงดาวขั้นกลางและขั้นสูง อย่างไรก็ตามความสามารถของพวกเขาในนี้อยู่แค่กลางๆเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถเทียบกับหลิงหู่เจี้ยนได้
”วิ่ง!”
“บัดซบ!”
ในที่สุด อัจฉริยะคนอื่นๆ ก็หายจากอาการตกใจ การต่อสู้เกิดขึ้นเร็วมากจนผู้นำของพวกเขาหนีไปก่อนที่พวกเขาจะทันโต้ตอบ ลูกทีมของซูผิงหยุดเมื่อพวกเขาพยายามหนี
ผ่านไปหลายนาที พวกเขาต่อสู้กันจนทุกคนพ่ายแพ้และถูกกำจัด
บางคนแข็งแกร่งพอๆ กับจักรพรรดิมังกร น่าเสียดายที่พวกเขาถูกกำจัดออกไปแล้วเช่นกัน
จักรพรรดิมังกร, หลิงหู่เจี้ยน และธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบรู้สึกโชคดีที่ได้อยู่ในทีมนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะไปถึงร้อยอันดับแรกด้วยตัวของพวกเขาเอง เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมีศักยภาพของสภาวะเทพดวงดาว
…
บนระเบียง—
“เด็กสองคนนั้นไม่เลว โดยเฉพาะคนที่ใช้หมัด อสูรที่เขาผสานด้วยเป็นแค่มังกรสภาวะชะตากรรม เขายังไม่ได้ใช้ทั้งหมดที่เขามี”
“เขาค่อนข้างมีพรสวรรค์ตั้งแต่เขาเข้าใจกฎร้อยข้อแล้ว น่าละอายใจนัก เขาอาจจะรวมเส้นทางไว้แล้วและกลายเป็นเจ้าดวงดาวได้ทุกเมื่อ ถ้าเขามุ่งความสนใจไปที่สายใดสายหนึ่ง”
“เขามาจากกาแล็กซี่ไหน? เขามีอาจารย์ไหม?”
“อย่าแม้แต่จะคิด ชายหนุ่มที่มีความสามารถเช่นนั้นจะไม่มีอาจารย์ได้ยังไง? นายไม่สามารถมีเขาเป็นศิษย์ได้”
ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวจำนวนมากสังเกตเห็นการต่อสู้จากระเบียง แม้ว่าจะมีเด็กเกือบสามสิบคนในทวีปที่มีศักยภาพสภาวะเทพดวงดาว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ยังต่อสู้อยู่ ดังนั้นการต่อสู้ก่อนหน้านี้จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ในที่สุดไคโรก็ยิ้มออกมาหลังจากได้ยินการสนทนาของพวกเขา ทั้งหมดนี้เป็นเกียรติสำหรับซิลวี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูผิงซึ่งสามารถกดขี่อัจฉริยะที่แข็งแกร่งเช่นนั้นให้ทำตามคำสั่งของเขา เขาเห็นสีหน้ามืดมนของสภาวะเทพดวงดาวจากกาแล็กซี่ของชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตา เขาไม่ยิ้มเลยสักนิด
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เขาอาจจะอยู่เงียบๆเพื่อหนีอาย
ชายชราคนหนึ่งในสภาวะเทพดวงดาวกล่าวทันทีว่า “กฎร้อยข้อไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผลแห่งกฏในตัวเขา มันหายากมาก ฉันได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะหลายคนที่พัฒนาขึ้นหลังจากกินผลแห่งกฏ หนึ่งในนั้นเข้าใจกฎมากกว่าสองร้อยข้อ ฉันอยากรู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน?”
มีคนถามด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “กฎมากกว่าสองร้อยข้อ? มันไม่มากเกินไปเหรอ? ไม่เป็นไรถ้าเขาสามารถดูดซับพวกมันได้ทั้งหมด แต่จะใช้เวลาศึกษานานเกินไปหากพวกมันย่อยได้ยาก มันคงไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป”
“ฉันคิดว่าเขาดีพอสมควรกับกฎเหล่านั้น แม้ว่าการควบคุมของเขาจะไม่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่เขาน่าจะสามารถเข้าใจพวกมันในระดับที่ลึกพอ ในทางกลับกันพลังดวงดาวและโครงสร้างทางกายภาพของเขานั้นช่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว”
“นั่นเป็นความจริง เด็กนั่นมีพลังดาวดาวที่น่าตกใจและความก้าวร้าวพิเศษ ฉันสงสัยว่าเขาบ่มเพาะมันยังไง แปลกมาก”
“ไม่ว่าในกรณีใด หวังว่าเขาจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว ถ้าเขาดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เป็นการลงทุนที่ดีที่จะรับสมัครเขาเป็นศิษ์ล่วงหน้า”
แม้ว่ายอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวจะสังเกตเห็นข้อบกพร่องบางอย่างของซูผิง แต่โดยทั่วไปแล้วพวกเขาก็พอใจ
การมีศักยภาพไม่ได้หมายความว่าเขาจะก้าวขึ้นสู่สภาวะเทพดวงดาว แต่เขาจะกลายไปเป็นเจ้าดวงดาวแน่นอนไม่ว่าจะด้วยวิธีใด
รับเขาเป็นศิษย์ตอนนี้ทันที และเขาอาจจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาวในอีกหลายพันปีต่อมา มันเป็นข้อตกลงที่ดีอย่างแน่นอน
…
เวลาผ่านไป
ซูผิงและคนอื่นๆ เผชิญการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากขอบเขตถูกจำกัด ผู้เข้าแข่งขันบางคนถูกคัดออก จำนวนทั้งหมดลดลงจากหกสิบหรือประมาณนั้นเหลือประมาณห้าสิบ
ซูผิงไม่ได้ทำให้เหล่าสภาวะเทพดวงดาวผิดหวังในตัวเขา เขาชนะการต่อสู้แต่ละครั้งและแสดงพลังดวงดาวและความแข็งแกร่งทางกายภาพ
สองวันผ่านไปในพริบตา
ทวีปอันกว้างใหญ่ได้ลดขนาดลงเหลือเทียบเท่าเขตเดียวบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว อัจฉริยะที่มีความรู้สึกเฉียบแหลมจะตรวจจับและวิ่งเข้าหากันได้อย่างง่ายดาย
การต่อสู้ปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ
สถานที่หลายแห่งถูกมองว่าเป็นมิติต้องห้าม ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป
หนึ่งในนั้นคือภูเขาที่กลุ่มของซูผิงพักอยู่
ภูเขาจริงถูกลดขนาดลงเหลือแค่เนินเขา พวกเขาทำได้เพียงสร้างภูเขาขึ้นใหม่ด้วยพลังของอสูร และจากนั้นพวกเขาก็สร้างค่ายกลดาบขึ้นมา
มีสถานที่อื่นๆ อีกหลายแห่งที่ปกป้องโดยคนแข็งแกร่ง
“โคตรน่ากลัว!”
“เขาถูกบดขยี้โดยไม่มีโอกาสหลบหนี ร่างเทพนั้นดีจริงหรอ? ว่ากันว่าชายคนนั้นอาจจะขึ้นสู่สภาวะเทพอมตะด้วยการฝึกที่เหมาะสม…” ไอรีนโนเวล
“เด็กคนนั้นมีศักยภาพของสภาวะเทพดวงดาว แต่เขาก็ยังไม่อยู่ในร้อยอันดับแรก…”
บนระเบียง ทุกคนต่างตกตะลึงกับการต่อสู้ที่พวกเขาเพิ่งดู
มีอัจฉริยภาพระดับสูงที่พวกเขาให้ความสนใจ พวกเขารู้อยู่แล้วว่าการต่อสู้จะต้องดุเดือด แต่ก็จบลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ชนะคือแชมป์ของกาแล็กซี่อู่ตื่อซึ่งพวกเขาพูดถึงกันมาตลอด
“เขามีโอกาสไปถึงสภาวะเทพอมตะ…”
สภาวะเทพดวงดาวหลายคนเริ่มเคร่งขรึม นั่นเป็นอัจฉริยะที่หายากที่แม้แต่พวกเขาก็ยังละเลยไม่ได้
ไคโรเคร่งขรึมเช่นกันในขณะที่เขานั่งอยู่ริมๆ เขาถอนหายใจ หวังว่าอัจฉริยะจะเกิดในซิลวี่ คราวนี้กาแล็กซี่อู่ตื่อได้รับเกียรติ มันจะเป็นข่าวที่ดังที่สุดถ้าเขาไปถึงสภาวะเทพอมตะ กาแล็กซี่จะเป็นที่รู้จักในฐานะบ้านเกิดของลอร์ดสูงสุดในจักรวาลทั้งหมด
…
ซูผิงและกลุ่มของเขารวมตัวกันบนภูเขา และธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบถามเขาด้วยเสียงต่ำว่า “มีผู้แข่งขันเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เรายังจะรออีกเหรอ?”
การก้าวแต่ละก้าวของทุกคนขึ้นอยู่กับซูผิงตั้งแต่รวมกลุ่มกัน ทุกคนยืนอยู่รอบตัวเขา
ซูผิงพยักหน้าและกล่าวว่า “คนอื่นๆ ก็กำลังเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเช่นกัน”
“แต่ถ้าไม่มีใครลงมือ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ายอดร้อยอันดับแรกจะถูกตัดสินยังไง?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
ซูผิงยิ้มและตอบว่า “ขอบเขตยังคงหดตัว ต่อให้ไม่มีใครเคลื่อนไหว เราก็จะต้องเผชิญหน้าและต่อสู้กันเองในที่สุด”
ไม่มีใครพูดอะไรอีก
ขอบเขตจะลดลงเรื่อยๆ ถ้าจำนวนทั้งหมดไม่ลดลงเหลือร้อย ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น
“ขณะนี้เรามีสมาชิกสามสิบคน ฉันอยากรู้ว่าที่นั่นมีกี่คน” จักรพรรดิมังกรพูดและหรี่ตาลง
กลุ่มที่มีสมาชิกเดิมหกสิบหายไปในช่วงสองวันที่ผ่านมา พวกเขาได้เจอศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าบางคน
ซูผิงไม่ได้พูดอะไร เขามองเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซูจินเอ๋อ
เธอวิ่งไปรอบ ๆ จนกระทั่งได้พบกับพวกเขา เธอยังเข้าร่วมกลุ่มพร้อมกับเพื่ออีกสามคน
“ฉันได้ยินเกี่ยวกับอัจฉริยะที่น่ากลัวที่ได้ปลุกหนึ่งในเก้าร่างเทพ” ซูจินเอ๋อกระซิบกับซูผิงด้วยดวงตาที่เคร่งขรึม
ซูผิงเลิกคิ้วและถามว่า “เธอไปได้ยินมาจากไหน?”
“ระหว่างต่อสู้ พวกเขาวิ่งเข้าไปหาเขาและรอดชีวิตไปได้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนกระหายเลือด ฉันหวังว่าเราจะไม่ต้องเจอเขา” ซูจินเอ๋อกล่าว
ซูผิงยิ้มและพูดว่า “เธอดูไม่เหมือนคนขี้กลัวเลย”
ซูจินเอ๋อกลอกตาใส่เขา “ฉันแค่ไม่อยากเปิดเผยไพ่ตายของฉัน”
ซูผิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ “แต่เขาอยู่คนเดียว แม้ว่าเราจะวิ่งเข้าไปเจอเขา ก็ไม่ต้องกลัว”
”อาจจะ” ซูจินเอ๋อส่ายหัวโดยไม่ได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอพบว่าซูผิงค่อนข้างเพิกเฉยต่อเรื่องต่างๆหลังจากที่พวกเธอต่อสู้ด้วยกัน เขาคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับร่างเทพทั้งเก้า เธอมีหนึ่งร่างและรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
เป็นสัญลักษณ์ว่าเธอมีศักยภาพของสภาวะเทพอมตะ!
ความหลงใหลแวบเข้ามาในดวงตาของเธอ แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เธอยังคงสามารถขึ้นสู่สภาวะเทพอมตะในแบบของเธอเอง แม้จะไม่มีร่างเทพทั้งเก้าก็ตาม
ครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ขอบเขตถูกลดขนาดลงอีก และมีกลุ่มอื่นปรากฏขึ้นข้างๆ ซูผิง ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นผู้รอดชีวิตจากกาแล็กซี่หลากหลาย และสี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้นล้วนมีศักยภาพของสภาวะเทพดวงดาว
การต่อสู้ที่ดุเดือดได้ปะทุขึ้น ซูผิง ซูจินเอ๋อ และชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาได้ต่อสู้กับพวกเขาและผลักพวกเขาถอยหลัง
คนอื่นไม่โชคดี สมาชิกหายไปแปดคนและเหลือเพียงยี่สิบคน
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 902 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
ตอนที่ 902 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
Posted by ? Views, Released on กันยายน 30, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…