ซูผิงไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อนายพลพูดถึงความตายแบบสบายๆ กาแล็กซี่ของเขาสงบสุขและปลอดภัยจากอสูรร้ายเพราะกลุ่มของพวกเขาได้เสียสละตัวเองในสถานที่ที่เขาไม่รู้จัก
ชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาและซูจินเอ๋อดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากนัก ราวกับว่ารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
“เราจะรับใช้ที่นี่หลังจากเราขึ้นสู่สภาวะเทพดวงดาวแล้ว” ชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตากระซิบ
นายพลตอบด้วยรอยยิ้ม มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเสียชีวิตในการต่อสู้ เช่นเดียวกับทหารทุกคน แต่เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือคิดว่ามันไม่ยุติธรรม
พวกเขาทั้งหมดมีความเชื่อของตัวเอง เหตุผลในการมีชีวิตอยู่ต่างกัน ซูผิงกล่าวหลังจากออกมาแล้ว “อสูรมิติโจมตีบริเวณนี้ทุกสองสามวัน การต่อสู้เพิ่งเกิดขึ้นในวันก่อนที่เราจะมาถึง พวกมันอาจจะมาอีกครั้งในคืนนี้หรือพรุ่งนี้ ฉันแนะนำให้เราอยู่และมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอสูรมิติก่อนที่เราจะออกล่า”
ซูจินเอ๋อขมวดคิ้วและกล่าวว่า “นายหันมีเห็นอกเห็นใจคนอื่นหลังจากได้ยินสิ่งที่นายพลพูดหรอ?”
ซูผิงส่ายหัวและกล่าวว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ สิ่งสำคัญที่สุดของเราในตอนนี้คือการพัฒนาตัวเอง การเคลื่อนไหวเดียวของเราจะมีประสิทธิภาพกว่าตอนนี้ร้อยเท่าเมื่อเราไปถึงสภาวะเทพดวงดาว เราจะเป็นเหมือนทั้งกองทัพถ้าเราไปถึงสภาวะเทพอมตะ”
”ฉันยื่นข้อเสนอด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเท่านั้น”
ซูจินเอ๋อมองไปที่เขาและพยักหน้า “ดี อย่างไรก็ตาม นายไม่ควรพูดแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับสภาวะเทพอมตะมิฉะนั้นข่าวลืออาจแพร่กระจายออกไป นายควรระมัดระวัง แม้ว่าตอนนี้นายจะมีอาจารย์สภาวะเทพอมตะก็ตาม”
ซูผิงยิ้มและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ที่นี่มีแค่พวกเรา ฉันมองหาเธอเผื่อในกรณีที่ฉันต้องการคำตอบ”
ซูจินเอ๋อเหลือบมองเขาและชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองอยู่ในดวงตา แล้วเธอก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ไว้เจอกันใหม่เมื่ออสูรมิติมา”
”แน่นอน”
ซูผิงตกลง
ซูผิงเดินเตร่บนเกาะหลังจากที่พวกเขาจากไป บนเกาะมีสถานบันเทิงมากมาย แต่สถานประกอบการส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลและห้องเสบียง ซูผิงได้เห็นร้านค้าของแบรนด์ใหญ่ๆ ต่อมาเขาพบว่าร้านค้าเหล่านี้เป็นการบริจาค
หาเงินจากประชาชน และทำเพื่อประชาชน พวกเขาเป็นบริษัทที่มีมโนธรรม สินค้าที่ขายในนี้ถูกกว่าและมีคุณภาพสูงกว่าของข้างนอก ทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษ
เครื่องจักรและชุดเกราะอสูรทั้งหมดที่ขายมีระดับสูงสุด ราคาถูกทั้งที่ไม่มีข้อบกพร่อง
ทหารบริจาคเสบียงการรบฟรีให้บางสถานที่ด้วย
ซูผิงร่ำรวยเกินกว่าจะขอเสบียงเหล่านี้ อย่างไรก็ตามมันชัดเจนมากขึ้นสำหรับเขาว่ามนุษย์ชนชั้นสูงคนอื่นๆ ต่างก็ทำหน้าที่ของพวกเขาเพื่อช่วยในการต่อสู้กับอสูรมิติ
เขาเห็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในโรงพยาบาลบางแห่ง เช่นเดียวกับอสูรที่เปื้อนเลือด ฉากที่เห็นค่อนข้างเต็มไปด้วยเลือด แต่เขาแปลกใจ โรงพยาบาลต่างๆ เงียบสงบอย่างน่าประหลาด ทหารที่บาดเจ็บพูดเล่นเรื่องผู้หญิง เรือรบ และอสูร บางคนถึงกับแข่งขันกันเรื่องจำนวนอสูรร้ายที่พวกเขาฆ่าไป
แม้ว่าความตายจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แล้วยังไงล่ะ?
พวกเขาเพียงต้องเผชิญมันด้วยทัศนคติที่เปิดกว้างและต่อสู้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
แล้วพวกเขาจะได้ตายอย่างสงบสุข
ซูผิงรู้สึกซาบซึ้ง เขาเคยเห็นอสูรที่แข็งแกร่งมากมายและรู้สึกทึ่งหลายครั้งตอนที่สำรวจสนามบ่มเพาะ อย่างไรก็ตามเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างแท้จริงจากเหล่านักรบอสูรธรรมดาที่อ่อนแอกว่าเขา
มีกลุ่มๆนึงจำเขาได้ในขณะที่เขาเดินไปมา หัวหน้าเดินเข้ามาถามด้วยความประหลาดใจ “พี่ซู คุณไม่ได้อยู่รวมทีมหรอ?”
ซูผิงมองเขาและจำได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในยี่สิบอันดับแรก เขาส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมมีทีมแล้ว”
ชายหนุ่มไม่แปลกใจมากนัก ซูผิงแข็งแกร่งมากจนใครๆ ก็อยากเป็นเพื่อนร่วมทีมกับเขา เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ซู คุณยังไม่ไปอีกหรอ? คลื่นอสูรร้ายจะมาเร็ว ๆ นี้ คุณจะต้องอยู่ในการต่อสู้ถ้าคุณไม่ไป มันจะเสียเวลามากทีเดียว”
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็ตระหนักว่าชายคนนี้ต้องรู้ความถี่การรุกรานของอสูรมิติผ่านแหล่งข้อมูลอื่น เขากล่าวว่า “ไม่มีเวลาพอ ผมวางแผนที่จะอยู่จนกว่าจะสิ้นสุดการต่อสู้แล้วค่อยไปล่าอสูร”
“คุณจะเข้าร่วมการต่อสู้?” ชายหนุ่มยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เพื่อนร่วมทีมของเขาก็เช่นกัน
พวกเขามองว่าการเข้าร่วมการต่อสู้เป็นการเสียเวลาอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาเดินทางมาเพื่อทดสอบ ไม่ใช่เพื่อช่วยทหาร
“อสูรร้ายระดับลอร์ดที่ถูกฆ่าตายระหว่างคลื่นอสูรจะไม่ถือว่าเป็นของเราไม่ใช่หรอ?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
ซูผิงส่ายหัว “มันไม่เกี่ยวอะไรกับการล่า มันเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของผม” ชายหนุ่มไม่ถามต่อเนื่องจากเห็นว่าซูผิงดูไม่อยากจะพูด จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีด้วยกับการผ่านการทดสอบล่วงหน้าครับพี่ซู”
“พี่ซูสามารถบรรลุภารกิจได้อย่างแน่นอน”
“ถ้าพี่ซูทำไม่ได้ โอกาสที่พวกเราจะทำสำเร็จก็จะยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่”
เพื่อนร่วมทีมของชายคนนี้เยินยอซูผิง
ท้ายที่สุดซูผิงได้แสดงความสามารถออกมาอย่างน่าอัศจรรย์และได้อันดับสองในรอบล่าสุด คนนี้ได้รับข้อมูลจากองค์กรของพวกเขา ทุกคนได้รู้ว่าซูผิงเป็นแชมป์ในกาแล็กซี่ของเขา
มีทั้งหมดสิบสองเขตดวงดาว ไม่มีแชมป์คนไหนธรรมดา!
ซูผิงยิ้มและพูดสบายๆว่า “ขอบคุณ” ท้ายที่สุด คนเหล่านี้ก็มีพรสวรรค์ระดับสูงเช่นกัน พวกเขามีโอกาสที่จะเป็นสภาวะเทพดวงดาว พวกเขาเป็นทั้งคู่แข่งและเพื่อน
พวกเขาจะใกล้ชิดกันมากขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อพวกเขาได้เป็นสภาวะเทพดวงดาว
คนอื่นๆ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มหลังจากเห็นว่าซูผิงเป็นมิตรและพูดคุยกับซูผิงอีกครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็รีบออกไปค้นหาอสูรมิติระดับลอร์ด
ในคืนนั้น-
ซูผิงกำลังพักผ่อนอยู่ในที่พักของเขา จู่ๆก็มีสัญญาณเตือนภัยดังก้องไปทั่วทั้งเกาะ!
เสียงปลุกเขาให้ตื่น แม้แต่คนที่จมอยู่ในการบ่มเพาะเขาก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างแน่นอน
คลื่นอสูรกำลังมา
ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย เขาลุกขึ้นหยิบอาวุธอย่างรวดเร็วและออกจากที่พัก
เจ้าดวงดาวสองสามคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นประกาศว่า “ทุกคน ฟังทางนี้! ตอนนี้พวกเธอได้เข้าร่วมทีมหมายเลข 1 แล้ว! รวมตัวกันตรงหน้าฉันในสิบวินาที! คนที่มาสายจะถูกลงโทษและส่งไปหาลอร์ดสูงสุด!”
เหล่าอัจฉริยะทั้งหมดที่อยู่ในที่พักต่างก็ตกตะลึง พวกเขารีบไปสมทบกับคนอื่นๆ ข้างนอกอย่างรวดเร็ว
คงจะเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่งหากพวกเขาถูกลงโทษและส่งไปหาลอร์ดสูงสุด
คนแรกที่มาถึงคือซูผิง ในไม่ช้าเขาก็เห็นซูจินเอ๋อและชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาเดินเข้ามา อัจฉริยะคนอื่นๆ ก็วิ่งเข้ามาเช่นกัน อัจฉริยะเกือบสามสิบคนรวมตัวกันในชั่วพริบตา คนอื่นๆ ออกไปล่าอสูรมิติระดับลอร์ดแล้ว
ซูผิงเห็นว่าในสิบอันดับแรกมีเพียงหนึ่งคนที่ยังคงอยู่ เขาเป็นชายหนุ่มผมดำที่อยู่ในอันดับแปด ผิวของเขาเป็นสีบรอนซ์ แต่ตาของเขาเป็นสีเงิน
ชายผู้นี้สัมผัสได้ว่าถูกซูผิงจ้องมอง เขาจึงหันกลับมามองและตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยักหน้า ซูผิงพยักหน้ากลับ
”ดีมาก คนอื่นๆ ออกจากเกาะเพื่อไปทำการทดสอบต่อ ขณะที่เธอเลือกที่จะอยู่ต่อ โดยส่วนตัวแล้ว ฉันซาบซึ้งในจิตวิญญาณของพวกเธอ ตอนนี้เธอจะต้องทำตามคำสั่งของฉัน… ถ้าไม่ทำ ไม่ว่านายจะภาคภูมิใจและมีความสามารถแค่ไหน ฉันจะลงโทษเธอเป็นการส่วนตัว!” เจ้าดวงดาวกล่าว
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร
“ฉันรู้ว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ทรงพลัง แต่ฉันไม่กลัวการตอบโต้ใดๆ ลองดูถ้าพวกเธอกล้า” เจ้าดวงดาวเสริมด้วยการเยาะเย้ย
เหล่าอัจฉริยะมีสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขารู้ว่าทหารที่อยู่ที่นี้ไม่ได้สนใจความตายและอาจจะฆ่าพวกเขาจริงๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงแว่วมาแต่ไกลซึ่งฟังดูเหมือนเสียงคำรามของมังกรจากฟากฟ้า
ม่ออออ!! เงาสีน้ำตาลเข้มปรากฏขึ้นในท้องฟ้าสีม่วงหม่น พวกมันเหมือนผึ้งยักษ์ เพียงแต่ว่าพวกมันมีขาแหลมคม บางตัวถึงกับมีใบหน้ามนุษย์อยู่บนเปลือก พวกมันดูน่ากลัวมาก
อสูรมิติต่างพากันโห่ร้องและโผงผางอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเกาะ ราวกับว่าพวกมันเห็นอาหาร
“เตรียมโจมตี!”
นายพลที่รับผิดชอบในการป้องกันประกาศอย่างไร้ความปราณี “ไปฆ่าอสูรมิติในเขตเจ็ด!”
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 922 การโจมตี
ตอนที่ 922 การโจมตี
Posted by ? Views, Released on ตุลาคม 20, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…