เมื่อทุกคนมารวมกันแล้ว ภาพลวงตาที่น่าเกรงขามของมู่เซินก็ปรากฏขึ้นเหนือวิหารอีกครั้ง เขามองลงมาที่ทุกคน
“ทุกคนจะได้รับการทดสอบในรอบที่สอง
“พวกเธอจะมีโอกาสได้สัมผัสกับสนามรบมิติก่อนล่วงหน้า ใครก็ตามที่ล่าอสูรป่าระดับเจ้าดวงดาวในมิติชั้นหกจะได้เข้ารอบ”
“ตอนนี้มิติถูกเปิดแล้ว!”
วังวนปรากฏขึ้นเหนือวิหารหลังการประกาศของมู่เซิน มันมีขอบสีม่วงและดำ เปล่งกลิ่นอายชั่วร้ายและแสงมืดมน
“เข้าไปกันเถอะ” ยอดฝีมือระดับสภาวะเทพดวงดาวที่รับผิดชอบการแข่งขันกล่าว
“ระวังขณะที่อยู่ที่นั่น อย่าไปไกลจากฐานมากเกินไป” โหยวหลงพูดกับซูผิงผ่านกระแสจิต ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย จากนั้นเขาก็พยักหน้า
คนอื่นๆ ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังช่องว่าง
หลัวหยิงและคนอื่นๆ ในสิบอันดับแรกเข้าไปแล้ว ซูผิงไม่มัวเสียเวลา เขาเข้าไปในช่องนั้นทันที
ทันทีที่เข้ามาก็ถูกโจมตีด้วยแรงสั่นสะเทือนและมีอาการเวียนหัว อย่างไรก็ตามความรู้สึกนี้ค่อยๆก็หายไปในไม่ช้า เขาเห็นเกาะในความว่างเปล่าเมื่อเขาลืมตาอีกครั้ง
มีวิหาร อาคาร และกำแพงสูงบนเกาะนั่น
สถานที่นี้ถูกล้อมรอบด้วยชั้นพลังงานที่สดใส
ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือเกาะ เขาเหลือบมองมาที่ซูผิงและคนอื่นๆ ที่เพิ่งมาถึง จากนั้นก็พูดนิ่งๆว่า “เปิดชั้นป้องกันและให้พวกเขาเข้าไป”
ไม่นานก็มีช่องปรากฏ และทุกคนก็เข้าไปข้างใน เกาะลอยอยู่ในความว่างเปล่าอย่างเงียบสงบ ไม่มีอะไรนอกจากทัศนียภาพที่รกร้างในบริเวณโดยรอบ ไม่มีดวงอาทิตย์ แต่ก็ไม่มืด ความว่างเปล่าก็เหมือนถ้ำขนาดมหึมา “ท้องฟ้า” ในสถานที่นี้มีสีฟ้าหม่น
“พวกอัจฉริยะฟังทางนี้!”
ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวที่แข็งแกร่งราวกับหมีกล่าวอย่างเย็นชาและเฉียบขาด หลังจากที่ทุกคนเข้ามา “ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเธอจะมีความสามารถน้อยมากแค่ไหน พวกเธอควรวางความเย่อหยิ่งของเธอไว้ที่นี่!
“นี่คือมิติชั้นหก สถานที่ที่ผู้บ่มเพาะสภาวะชะตากรรมอย่างพวกเธอไม่ควรมา
“อสูรมิติบุกรุกสถานที่แห่งนี้ตลอดทั้งปี งานของเธอในครั้งนี้คือการตามล่าพวกมัน เราจะคอยช่วย แต่จำไว้ว่าเธอต้องดูแลตัวเอง มีอันตรายที่มองไม่เห็นนอกเหนือไปจากอสูรมิติ… แม้แต่เจ้าดวงดาวก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากพวกมันได้!
“เธอควรจะตระหนักไว้ให้ดีถึงสถานการณ์ที่ตัวเธอเองกำลังเผชิญอยู่!”
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างสับสนหลังจากพูดจบ บางคนดูเหมือนจะไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่บางคนก็กังวลเรื่องอันตรายที่มองไม่เห็น
ถ้าแม้แต่เจ้าดวงดาวก็ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วเด็ก ๆสภาวะชะตากรรมอย่างพวกเขาจะไม่ถึงวาระหรอกหรอ?
“มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการแข่งขัน เราต้องเสี่ยงชีวิตจริงด้วยหรอ?”
“ฉันรู้สึกว่าฉันเกือบจะหลุดจากความว่างเปล่า ฉันต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยืนหยัดอยู่ตรงนี้ ลอร์ดสูงสุดกล่าวว่าเราจะไม่ได้เข้ารอบ หากเราล่าอสูรระดับลอร์ดไม่ได้ มันยากเกินไป”
อัจฉริยะบางคนยังคงกระซิบกับคนอื่นๆ พวกเขาเก่งที่สุดในกาแล็กซีของตัวเอง แต่พวกเขาละทิ้งความเย่อหยิ่งทั้งหมดไปแล้วหลังจากได้เห็นคู่แข่งคนอื่น จู่ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งก็ถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ฉันขอถามความแข็งแกร่งของอสูรมิติระดับลอร์ดได้ไหมคะ?”
หลายคนรีบหันไปมองยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว บางคนก็ไม่สนใจ ราวกับว่าพวกเขารู้คำตอบอยู่แล้ว
“อสูรมิติระดับลอร์ดแข็งแกร่งพอๆ กับเจ้าดวงดาว!” ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวกล่าวและจ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น “อย่างไรก็ตามอสูรมิติไม่มีพลังแห่งศรัทธา พวกมันมีความแข็งแกร่งทางกายภาพเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่เธอจะถูกฆ่าพวกเขาหากเธอมีความสามารถมากพอ!
“เธอมีอิสระที่จะร่วมมือกันถ้ามันยากเกินไป แต่แน่นอน เธอจะต้องตัดสินใจระหว่างเพื่อนร่วมทีมเอาเองว่าใครจะเป็นคนฆ่า”
แข็งแกร่งเท่าเจ้าดวงดาว?
หลายคนถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น มันเป็นแค่การทดสอบและไม่ใช่กับดักที่ตั้งใจจะฆ่าพวกเขาจริงๆใช่ไหใ?
อสูรร้ายไม่มีพลังแห่งศรัทธา แต่พวกมันยังมีความแข็งแกร่งทางร่างกายเหมือนกับเจ้าดวงดาว!
จะมีใครสามารถข้ามช่องว่างของสองระดับหลัก ๆ ได้?
ในขณะที่ทุกคนกระซิบกระซาบกัน ผู้บ่มเพาะสภาวะเทพดวงดาวพูดอย่างเฉยเมยว่า “การทดสอบจะใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ เธอจะเข้าไปเป็นทหารรักษาการณ์ในท้องถิ่นระหว่างนี้ เธอต้องฟังคำสั่งของฉันเมื่อมีอสูรร้ายบุกเข้ามา!
“สำหรับการล่าอสูรป่าระดับลอร์ด นั่นขึ้นอยู่กับเธอ เธออาจจะออกไปล่าเดี่ยวและค้นหาในมิติ
“ฉันหวังว่าเธอจะคว้าโอกาสนี้และค้นหาว่านักรบผู้ปกป้องชายแดนมีเกียรติเพียงแค่ไหนใด!” เสียงกระซิบเงียบลง มีคนถามว่า “ผู้อาวุโส ถ้าเราออกไปล่าอสูรมิติระดับลอร์ด เราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่และต่อต้านอสูรมิติที่บุกรุกเข้ามาใช่ไหม?”
สภาวะเทพดวงดาวเหลือบมองเขาและตอบว่า “เธอไม่จำเป็นต้องมาตามเสียงเรียกถ้าเธอออกจากเกาะก่อนที่อสูรร้ายจะบุกเข้ามา แต่ถ้าเธอยังอยู่บนเกาะ เมื่อเสียงเตือนดังขึ้น เธอต้องทำตามคำสั่งของฉัน!
“ฉันต้องเตือนก่อนว่าเธออาจจะตายได้ทุกเมื่ออยู่นอกชั้นป้องกัน อสูรมิติที่ทรงพลังบางตัวนั้นคาดเดาไม่ได้แน่นอน อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ยังมีอันตรายที่มองไม่เห็นนอกเหนือจากอสูรมิติ
“ผู้อาวุโสของพวกเธอน่าจะสอนเธอมาแล้วแน่ๆว่าอุบัติเหตุใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและสามารถเกิดขึ้นได้ในมิติลึกใช่ไหม?”
คนที่เปล่งเสียงถามไม่พูดอะไรอีก เขาคิดหนัก
คนอื่นๆ ทั้งหมดก็กำลังพิจารณาว่าพวกเขาควรจะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้
อัจฉริยะระดับแนวหน้าอย่างพวกเขาเก่งในการแก้ปัญหา
เมื่อเห็นว่าไม่มีคำถามเพิ่มเติม ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวจึงขอให้นายพลเจ้าดวงดาวลงทะเบียนพวกเขา
ซูผิงกำลังวางแผนระหว่างรอการลงทะเบียนเสร็จ ก็มีคนเข้ามาทักเขา “เฮ้!”
เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นซูจินเอ๋อเดินเข้ามา
“นายสนใจร่วมทีมกับฉันไหม?” ซูจินเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายอาจแข็งแกร่งกว่าฉันมาก แต่ฉันมีประสบการณ์พิเศษในการล่าอสูรมิติ ฉันไม่คิดว่านายจะมี”
ซูผิงตกตะลึงครู่หนึ่ง เขายิ้มและพูดว่า “ขอโทษที แต่ฉันไม่ได้ขาดประสบการณ์ดังกล่าว”
ซูจินเอ๋อขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ นายอยู่แค่สภาวะชะตากรรม แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่นายจะฉีกมิติชั้นหกให้เปิดออกด้วยตัวเอง แม้ว่านายจะทำได้ นายก็จะอยู่ได้ไม่นาน ไม่มีทางที่ศิษย์พี่ของนายจะยอม นายจะมีประสบการณ์ในการล่าอสูรมิติได้ยังไง?”
“ฉันไม่ได้ขาดประสบการณ์แบบนั้น” ซูผิงกล่าวย้ำด้วยรอยยิ้ม “แต่ฉันต้องการคนชนและฉันไม่คิดว่าเธอจะมีคุณสมบัติเป็นคนรับการโจมตีให้”
ซูจินเอ๋อลืมตาโตและพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ว่า “นายล้อเล่นเหรอ? ก็ได้ ฉันสามารถทำงานเป็นคนรับให้นายได้ แต่ฉันมีบางสิ่งที่สามารถล่ออสูรมิติได้ ฉันเตรียมไว้สำหรับการทดสอบโดยเฉพาะนี้ นายไม่มีอะไรแบบนั้นใช่ไหมล่ะ? เราแค่ต้องล่ออสูรมิติไปยังที่ที่เราเลือกเพื่อที่เราจะได้สามารถจัดการพวกมันได้”
ซูผิงเลิกคิ้ว เขาไม่มีอะไรแบบนั้นจริงๆ
“มันน่าดึงดูดขนาดไหน? เกิดอะไรขึ้นถ้าอสูรมิติทั้งฝูงถูกล่อด้วยสิ่งนี้? จะมั่นใจได้ยังไง?” “แค่ดึงดูดอสูรมิติตัวใดตัวหนึ่งได้ก็ดีมากแล้ว เราสามารถวิ่งกลับไปที่ฐานได้เสมอ หากฝูงอสูรมิติพยายามจะโจมตีเรา” ซูจินเอ๋อร์พูดล่าวอย่างโกรธเคือง “อย่าดูถูกมัน ของนี้หายาก คงจะอันตรายถ้าเราไม่ใช้มันเพื่อค้นหาอสูรมิติในโลกของพวกมัน นายอาจจะวิ่งเข้าไปในฝูงอสูรมิติระดับผู้ครอบครองที่น่าสะพรึงกลัวได้ทุกเมื่อ”
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ซูผิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็ได้ เรามาร่วมมือกันเถอะ”
ซูจินเอ๋อแอบโล่งใจ เธอยิ้มและพูดว่า “อีกไม่นานนายจะรู้ว่าฉันมีประโยชน์แค่ไหน”
ซูผิงยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
“พี่ซู”
อีกคนเดินเข้ามาหาเขา เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในสายตาของเขา เขาเป็นคนที่เคยตกเป็นทาสของซูผิง
ซูผิงถอนรัศมีดาบที่อยู่ข้างๆ หัวใจของชายคนนี้หลังจากจบการทดสอบรอบนั้น ท้ายที่สุดแล้วชายคนนี้ก็มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นกัน มันคงเป็นเรื่องเลวร้ายถ้าเขายังคงข่มขู่ชายคนนี้อยู่
“สนใจที่จะร่วมมือกันไหม?” ชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาพูดราวกับว่าเขาลืมความอัปยศก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว
แปลกใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินข้อเสนอ ซูผิงถามว่า “นายอยากตามฉันอีกหรอ?”
ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดใจหลังจากนึกถึงสถานการณ์ครั้งก่อน เขาตอบว่า “เรารู้จักกันแล้วนิ? เราควรร่วมมือกันดีกว่าร่วมมือกับคนที่เราไม่รู้จัก นายแข็งแกร่งกว่าฉันอย่างแน่นอน แต่ผู้ช่วยจะเป็นประโยชน์เสมอเมื่อนายตกอยู่ในอันตราย
“อสูรร้ายระดับลอร์ดตัวแรกจะเป็นของนายหากเราร่วมกันล่า ฉันจะไม่โทษนายถ้านายไม่ต้องการช่วยฉันฆ่าตัวที่สอง”
เขาพูดดูค่อนข้างจริงใจ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซูผิงก็ถามว่า“นายแน่ใจใช่ไหม?”
“แน่” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อสูรมิติระดับลอร์ดน่ากลัวมากจนลอร์ดสูงสุดใช้พวกมันเพื่อทดสอบเรา มันก็หมายความว่ามีคนไม่มากที่จะสามารถตามล่าพวกมันได้ ฉันแทบจะไม่สามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นคงจะดีกว่าถ้าได้ร่วมมือกับนาย”
”ตกลง แต่อย่าโทษฉันถ้าการล่านั้นอันตรายเกินไป และฉันตัดสินใจที่จะกลับไปทันทีที่ฉันฆ่าของฉันได้” ซูผิงกล่าว
“แน่นอน ไม่โทษอยู่แล้ว” ชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาพูดพร้อมยิ้ม
ซูผิงเหลือบมองเขา เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้พูดจริง
“งั้นเราไปกันเถอะ” ซูผิงมองไปที่ซูจินเอ๋อและแนะนำชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาให้เธอฟัง
ซูจินเอ๋อพูดพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม อสูรร้ายตัวที่สองที่เราล่าจะเป็นของฉัน และตัวที่สามจะเป็นของเขา”
เธอรู้ว่าเธอต้องต่อสู้เพื่อทวงสิทธิ อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้หากเธอเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับอสูรร้ายมันจะไม่มั่นคงกับเธอ
”แน่นอน”
ซูผิงพยักหน้า
เมื่อพวกเขาตกลงกันได้ อีกสองสามคนพูดกับซูผิงผ่านกระแสจิตและต้องการเข้าร่วมทีมของเขา แต่ซูผิงปฏิเสธพวกเขา
ท้ายที่สุด สมาชิกใหม่ทุกคนย่อมต้องการอสูรมิติ ทีมที่มีห้าคนหมายความว่าเขาต้องล่าอสูรป่าระดับลอร์ดห้าตัว เขาคงอยากจะไปล่าคนเดียวหากเป็นแบบนั้น
ผู้เข้าร่วมทั้งหมดลงทะเบียนเสร็จในไม่ช้า ข้อมูลถูกส่งผ่านนาฬิกาที่ได้รับจากกองทัพ เช่นที่ตั้งของที่อยู่อาศัยในสถานที่นั้น
ซูผิงถามเจ้าดวงดาวผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนเรื่องเกิดเปิดและปิดฝา เจ้าดวงดาวค่อนข้างสุภาพเมื่อพูดคุยกับอัจฉริยะอย่างซูผิง มีผู้เข้าแข่งขันประมาณสามสิบคนที่มีโอกาสขึ้นสู่สภาวะเทพดวงดาว แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับอันดับสองของซูผิงในการแข่งขันยังไม่ได้แพร่กระจายออกไป แต่องค์กรที่รู้ข้อมูลเร็วรู้เรื่องของเขาแล้ว
เจ้าดวงดาวคนนั้นรู้ถึงความสามารถของซูผิง ดังนั้นเขาจึงตอบทุกคำถามของเขา
“ใช้เวลาห้าวินาทีในการเปิดฝาในขนาดเล็กและสามนาทีในขนาดใหญ่
“ใช้เวลาเท่ากันในการปิด”
ซูผิงจดจำ ในกรณีที่เขาไม่มีเวลามากพอที่จะกลับไปในกรณีฉุกเฉิน
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป
หลายคนเลือกที่จะร่วมทีม หลัวหยิงผู้ชนะอันดับหนึ่งได้ร่วมมือกับอัจฉริยะจำนวนหนึ่ง
ถัดจากมังกรชีพาร์ด อันดับหก เจ็ดและเก้าได้ร่วมมือกัน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในสิบอันดับแรก
ทีมของพวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในขณะนี้
บางคนที่มีอันดับต่ำกว่าได้ตั้งทีมที่มีคนมากกว่ายี่สิบคน พวกเขาหวังที่จะล่าอสูรร้ายได้เช่นกัน แต่การแจกจ่ายจะเป็นปัญหา
ซูผิงเพิกเฉยพวกเขา นำซูจินเอ๋อและชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาไปที่แผนกทหารบนเกาะ
ซูผิงไปที่นั่นเพื่อขอข่าวเกี่ยวกับอสูรมิติ
มันมีหลายประเภท ซูผิงอ่านอย่างถี่ถ้วนและรู้ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับพวกมัน
จากนั้นเขาก็ขอบันทึกการป้องกันของฐาน
บันทึกนี้ถือเป็นความลับ แต่ชายคนนั้นก็มอบมันให้ซูผิงอยู่ดี เขาคิดหนักมากเมื่อซูผิงขอดู ท้ายที่สุดมันเป็นไปได้ที่จะสรุปรูปแบบการโจมตีของพวกมันจากบันทึก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงสำคัญมาก ซูผิงขมวดคิ้วหลังจากอ่านบันทึกของสามปีที่ผ่านมา
การต่อสู้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย ไอรีนโนเวล
การต่อสู้นั้นยากกว่าที่เขาคิด คลื่นอสูรมิติจะปะทุออกมาทุกๆ สามวันโดยเฉลี่ย แต่พวกมันส่วนใหญ่จะมีจำนวนไม่เยอะ กระแสอสูรร้ายจำนวนเยอะๆจะเกิดขึ้นปีละสองครั้ง
มีเพียงคลื่นอสูรร้ายเท่านั้นที่ต้องต้านทานด้วยการป้องกัน
คลื่นอสูรมิติขนาดเล็กว่าสามารถกำจัดได้โดยหน่วยธรรมมดา
“ทหารที่นี่มาจากไหน?” ซูผิงถามด้วยความสงสัยหลังจากอ่านบันทึก
นายพลที่รับผิดชอบการป้องกันคือเจ้าดวงดาว เขาส่ายหัวและพูดว่า “พวกเขามาจากหน่วยทหารจากที่ต่างๆในสหพันธ์ เธอจะได้รับแต่งตั้งให้เข้าร่วมกรมทหารซึ่งมีหน่วยงานพิเศษเพื่อจัดการกับอสูรมิติ หากเธอเลือกที่จะเกณฑ์ทหาร มือใหม่ทุกคนได้รับการฝึกฝนที่นั่น ก่อนที่พวกเขาจะโดนระดมมา.
“ผมไม่รู้เลยว่ามีคนบาดเจ็บล้มตายอยู่ที่นี่ตลอดเวลา” ซูผิงถอนหายใจ
นายพลพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอจะชินกับมันเอง อาจจะมีคนอื่นมาแทนที่ฉันในภายหลัง นี่เป็นเพียงบรรทัดฐานที่ชายแดน การบาดเจ็บล้มตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เว้นแต่ลอร์ดสภาวะเทพดวงดาวจะมาร่วมกับเรา..”
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 921 กลุ่มล่า
ตอนที่ 921 กลุ่มล่า
Posted by ? Views, Released on ตุลาคม 19, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…