“เธอกำลังจะท้าทายอันดับราชาเทพและเธอต้องการให้ฉันไปกับเธอด้วยอย่างงั้นหรอ?”
ในลานที่พัก—ผู้เฒ่าหยานกำลังอ่านหนังสือโบราณอยู่ เขามองซูผิงด้วยความประหลาดใจ เขาแทบไม่ได้สอนอะไรให้ซูผิงเลยตลอดช่วงที่เขาฝึก เพราะโปรแกรมการฝึกพิเศษเสร็จสิ้นแล้ว และทั้งหมดที่ซูผิงต้องทำคือสะสมพลังงานให้มากขึ้น เขาสามารถบอกได้ว่าซูผิงก้าวหน้าในทุกวัน
”ครับ”
ซูผิงพยักหน้าด้วยท่าทางที่ผิดปกติ
เมื่อได้ยินคำตอบ ผู้เฒ่าหยานก็เบิกตากว้างทันทีและถามด้วยความตกใจ “อย่าบอกนะว่าเธอมั่นใจที่จะท้าทายสิบอันดับแรกของอันดับราชาเทพอย่างนั้นหรอ?”
”ใช่ครับ” ซูผิงพยักหน้าอีกครั้ง
“…”
ผู้เฒ่าหยานสูญเสียคำพูดไปครู่หนึ่ง เขาพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ฉันคิดว่าต้องใช้เวลาสิบปี แต่นี่ผ่านไปแค่สามปี”
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ซูผิงอยู่ในสภาเทพเทพอมตะแค่สามปี แต่เขาก็ก้าวขึ้นสู่สิบอันดับแรกของอันดับราชาเทพ การก้าวกระโดดนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ!
“เธอมั่นใจหรอ?” ผู้เฒ่าหยานถาม
”ครับ”
ซูผิงพยักหน้า
ผู้เฒ่าพูดไม่ออกอีกครั้ง เขารู้ว่าเขาไม่ควรถาม ซูผิงจะไม่เคร่งขรึมขนาดนี้ถ้าเขาไม่มั่นใจ แม้ว่าเขาจะล้มเหลวในครั้งนี้ เขาก็คงจะประสบความสำเร็จในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
“เธอตั้งใจจะออกไปหลังจากทำสำเร็จจริง ๆ หรอ?” ผู้เฒ่าหยานถาม ซูผิงพยักหน้า “คุณดูแลผมอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่าลังเลที่จะติดต่อผมหากคุณต้องการให้ผมทำอะไร”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรมาก ทั้งหมดเป็นคำสั่งของนายท่าน” ผู้เฒ่าหยานยกความดีทั้งหมดให้เจ้านายของเขา ความช่วยเหลือจากอัจฉริยะอย่างซูผิงจะมีประโยชน์มากจริงๆ
“สามปี… เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ” ผู้เฒ่าหยานรู้สึกขัดแย้ง อัจฉริยะทั่วไปก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในตอนแรก แต่พวกเขาจะช้าลงเมื่อไปถึงระดับดวงดาวหรือเจ้าดวงดาว พวกเขามักจะหยุดนิ่งเป็นเวลาหลายสิบปีก่อนที่จะสามารถพัฒนาได้ อย่างไรก็ตามซูผิงยังคงรักษาความเร็วในความก้าวหน้าก่อนหน้านี้ไว้ได้ ซึ่งมันไม่น่าเชื่อ
“ฉันไม่ได้ตรวจสอบคนอื่นๆ แต่ฉันไม่สงสัยเลยว่าเธอเป็นคนที่ก้าวหน้าที่สุด เธอน่าจะเก่งที่สุดในระดับดวงดาวแล้ว ฉันหวังว่าเธอจะสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับสูงสุดของอันดับราชาเทพในสักวันหนึ่ง!”ผู้เฒ่าหยานพูดอย่างมีหวัง
ซูผิงพยักหน้า
ทั้งสองไปที่เวทีเสมือนจริงทันที
ทันทีที่มาถึง ซูผิงสังเกตเห็นชายที่คุ้นเคยกำลังจะออกไป
”ฮึ!”
ซูผิงเห็นดิแอซ ในขณะที่อีกฝ่ายก็เห็นเขาเช่นกัน เซินหวงรับพวกเขาเป็นศิษย์พร้อมกัน หลายคนเปรียบเทียบพวกเขาโดยคุยกันว่าใครมีศักยภาพมากกว่ากัน คำตอบส่วนใหญ่ชี้ไปที่ซูผิง
ซูผิงสมควรได้รับความคาดหวังของพวกเขา ท้ายที่สุดเขาคือแชมป์ที่มีกายาซึ่งไม่มีใครรู้จัก
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กายาของซูผิงได้รับการยืนยันและบันทึกอย่างเป็นทางการในบันทึกของสหพันธ์ ร่างเทพทั้งเก้าที่ดีที่สุดก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นร่างเทพทั้งสิบ!
ในสภาเทพอมตะยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างหนาหู ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการว่าข่าวภายนอกจะน่าตกใจขนาดไหน!
ร่างเทพทั้งเก้าอยู่บนยอดปิรามิดของกายามานานกว่าแสนปี ซูผิงเป็นส่วนเสริมใหม่เพียงหนึ่งเดียว ด้วยสถานะของเขาในฐานะแชมป์การแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาล ตอนนี้ซูผิงได้รับความนิยมอย่างมากทั่วทั้งจักรวาลและได้รับความสนใจจากสาธารณชนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับซูผิงถูกปิดกั้น ไม่มีใครทราบความคืบหน้าของเขาในสภาเทพอมตะ
“นายมีเวลาสักนาทีไหม? มาฝึกกัน” ดิแอซมักจะโกรธซูผิงอยู่เสมอ เขาเสริมว่า “ฉันย่อโลกใบเล็กและขึ้นสู่อันดับที่ 70 ในอันดับราชาเทพ มันต้องแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อพิจารณาจากการสู้กันเมื่อสามปีก่อน!”
ซูผิงแสดงสีหน้าแปลกๆ ผู้เฒ่าหยานพูดอย่างสนุกสนาน “เพื่อนเก่าของฉันไม่ได้แจ้งความคืบหน้าในปัจจุบันของซูผิงให้เธอทราบหรอ?”
หนึ่งในอสูรของเซินหวงได้รับมอบหมายให้สอนดิแอซ และโปรแกรมการฝึกอบรมพิเศษก็ถูกร่างขึ้นสำหรับเขาเช่นเดียวกัน
ดิแอซเสร็จสิ้นการฝึกและแข็งแกร่งขึ้นมากในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขายังสามารถย่อโลกใบเล็กได้ การไปถึงอันดับที่ 70 ในเวลาเพียงสามปีนั้นถือเป็นความสำเร็จ
น่าเสียดายที่ซูผิงบ้ายิ่งกว่านั้น ผู้เฒ่าหยานรู้สึกเสียใจกับดิแอซจริงๆ
ทั้งคู่มีกายาที่ดีที่สุด แต่พรสวรรค์ในด้านอื่นๆ แตกต่างกันจริงๆ
แน่นอนว่าดิแอซไม่ได้อ่อนแอ ซูผิงเติบโตเร็วเกินไป เซินหวงกล่าวว่าเคล็ดบ่มเพาะของซูผิงนั้นค่อนข้างทรงพลัง ดังนั้นเขาจึงไม่สอนเคล็ดบ่มเพาะใด ๆ ให้กับซูผิง สอนแค่เทคนิคลับชื่อพันสายฝน
”ฮะ?”
ดิแอซตกตะลึงครู่หนึ่ง เขารู้สึกไม่ค่อยดีหลังจากเห็นท่าทางของผู้เฒ่าหยาน จากนั้นเขาก็ถามขมวดคิ้ว “ความคืบหน้าในปัจจุบันของเขา? ความคืบหน้าอะไร? เขาสามารถเอาชนะอันดับที่ 70 ในอันดับราชาเทพได้อย่างง่ายดายงั้นหรอ?”
ผู้เฒ่าไม่อยากทำให้ดิแอซผิดหวัง เขากล่าวว่า “เธอเข้าใจไม่ผิด สรุปว่าช่องว่างระหว่างเธอสองคนกว้างเกินไป เธอไม่คู่ควรกับเขาในตอนนี้ การสู้กันจึงไม่จำเป็น”
ไม่จำเป็น?
ดิแอซตกตะลึง เขาคงจะโกรธมากถ้ามีใครพูดแบบนั้น
นั่นเป็นคำพูดที่ดูถูกเขามาก ใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม คนพูดคือผู้เฒ่าหยาน และเขาไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร ซูผิงแซงหน้าฉันอีกแล้วหรอ?
ใบหน้าของเขาแสดงความเสียใจ เขาต้องการยืนยันที่จะต่อสู้กับซูผิง แต่ในที่สุดเขาก็ระงับความอยากของเขาไว้ ทัศนคติของผู้เฒ่าหยานทำให้เขาพอจะเข้าใจคำตอบ แต่เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน!
เขาฝึกหนักมาก แต่เขาก็ยังแพ้ซูผิงอยู่เรื่อยๆ!
เขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ทุกอย่างเริ่มต้นตั้งแต่เขาได้พบกับซูผิง เขาเป็นคนที่นำหน้าคนอื่นจนพวกเขาไม่สามารถตามเขาทันเสมอ—
แต่ตอนนี้เขาคือคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เมื่อมองสีหน้าของดิแอซ—ซึ่งดูเหมือนคนปวดท้อง—ซูผิงก็มีความรู้สึกผสมปนเปกันเช่นกัน เขากล่าวว่า “ฉันกำลังจะออกจากสภาเทพอมตะ ไว้พบกันใหม่ ร้านของฉันยินดีต้อนรับนาย ถ้านายว่าง”
จากนั้นเขาก็โบกมือและเข้าไปกับผู้เฒ่าหยาน
ดิแอซตกตะลึง ซูผิงกำลังจะออกจากสภาเทพอมตะ?
สภาพแวดล้อมของพลาซ่านี้สะดวกสบายมาก และผู้คนในนี้ก็เป็นมิตร ทำไมเขาถึงต้องการจากไป?
เขารู้สึกหดหู่ใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในทางกลับกัน เขาก็รู้สึกยินดีอยู่เล็กน้อย
ถ้าซูผิงจากไป เขาจะไม่พบสภาพแวดล้อมการบ่มเพาะที่ดีเท่ากับในสภาเทพอมตะอย่างแน่นอน แล้วเขาจะมีโอกาสตามซูผิงทันไหม?
เขาล้มเลิกความคิดนั้นในทันทีที่มันเข้ามาในหัว เขาสาปแช่งตัวเองที่คิดดูถูกตัวเองแบบนั้น!
ดิแอซส่ายหัวและกลับไปที่วิหารของเขา
“มีอะไรผิดปกติหรอ?”
ภายในวิหาร ชายชราประหลาดใจที่เห็นอัจฉริยะกลับมาอย่างรวดเร็ว การแพ้การท้าทายในอันดับราชาเทพไม่ใช่เรื่องแปลก ทำไมเขาดูอารมณ์เสียจัง?
“ผู้ชายคนนั้นกำลังจะไปแล้ว” ดิแอซพูดด้วยท่าทีเศร้าหมอง ชายชราถามว่า “ผู้ชายคนนั้น… เธอหมายถึงซูผิงนะหรอ?”
“จะเป็นใครได้อีกล่ะครับ” ดิแอซตกตะลึง ใครสมควรได้รับความสนใจจากเขายกเว้นซูผิง?
”เขากำลังจะไปไหน? อาจารย์ไม่ได้บอกว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป เว้นแต่เขาจะสามารถเอาชนะอันดับที่สิบในอันดับราชาเทพได้หรอ?” ชายชราถามด้วยความสงสัย
ดิแอซตัวสั่นและเงยหน้าขึ้นทันที เขาถามด้วยความไม่เชื่ออย่างบ้าคลั่ง “พะ พูดว่าอะไรนะ?”
เขายังลืมเรียกเขาว่า “ผู้เฒ่า” ด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าเขาตกใจเพียงใด ชายชราก็จำสิ่งที่ผู้เฒ่าหยานบอกเขาระหว่างการสนทนาเมื่อครึ่งปีก่อนได้ จากนั้นเขาก็สงสัยว่าศิษย์หนุ่มคนนั้นสามารถทำอย่างนั้นได้จริงหรอ
… ภายในพลาซ่า—
ผู้เฒ่าหยานนัดให้ซูผิงและซูผิงก็เข้าสู่สนามรบเสมือนจริง ผู้หญิงชุดดำยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ซูผิงต่อสู้กับเธอหลายครั้งในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทั้งหมดเพื่อเรียนรู้วิถีแห่งการทำลายล้างจากเธอ
เขารู้สึกแตกต่างออกไปในการพบกันครั้งนี้
ซูผิงมองเธอและพูดเบา ๆ ว่า “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถพบคุณในความเป็นจริง”
หญิงชุดดำยังคงนิ่งเฉย เธอเป็นเพียงข้อมูลการต่อสู้ที่ไม่สามารถสื่อสารได้
ในไม่ช้าการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
ซูผิงสูดหายใจเข้าลึก เขาผ่านการต่อสู้เช่นนี้มานับไม่ถ้วน และเขาตัดสินใจที่จะจบการต่อสู้ครั้งสุดท้ายด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา
ปัง!
รัศมีดาบอันเจิดจรัสของเขาส่องสว่าง ดั่งดวงตะวัน ก่อนที่มันจะดับไปในทันใด
หญิงชุดดำที่เผชิญหน้าเขาถูกแทงทะลุไปแล้ว ร่างกายของเธอก็ทรุดตัวลงและหายไปอย่างสมบูรณ์
ซูผิงกลับมาที่ลานกว้างและถอดหมวกออก
ผู้เฒ่าหยานตะลึงงัน และถามว่า “ทำไมเธอถึงออกมาเร็วแบบนี้ นี้? มีอะไรผิดปกติกับอุปกรณ์หรือเปล่า”
“จบแล้วครับ” ซูผิงตอบอย่างใจเย็น
ตาของผู้เฒ่าหยานเกือบจะถลนออกมา เขาถามด้วยความตกใจ “จบแล้ว? เธออยู่ที่นั่นแค่สามสิบวิ”
“นี่คือผลลัพธ์ของการต่อสู้ อุปกรณ์ไม่เคยผิดพลาด” ซูผิงชี้ไปที่จอภาพซึ่งแสดงคำว่า “ชนะ” ด้วยตัวอักษรที่ลุกเป็นไฟ ผู้เฒ่าหยานพูดไม่ออกอยู่นาน
เขาคิดว่าซูผิงมีโอกาสที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แต่เขาไม่คิดว่าการต่อสู้จะจบลงเร็วแบบนี้ เขาไม่ได้เห็นการต่อสู้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นชัยชนะที่ท่วมท้น
หมายความว่าซูผิงมีโอกาสที่จะชนะเธอและออกจากสภาเทพอมตะได้เร็วกว่านี้!
ผู้เฒ่าหยานถามขึ้นทันที “ตอนนี้เธอสามารถเอาชนะได้ถึงอันดับที่เท่าไร?”
เขาจ้องไปที่ในตาของซูผิง ไม่กะพริบแม้แต่ครั้งเดียว ราวกับว่าเขากังวลเกี่ยวกับคำตอบ
อย่างไรก็ตาม ซูผิงเพียงแค่ส่ายหัวและพูดว่า “ผมยังไม่ได้ลองเลย”
“เธอไม่ได้ลองหรอ?” ผู้เฒ่าหยานตะลึงงัน พบว่ามันยากที่จะเชื่อ “ทำไมไม่ล่ะ? เธอไม่อยากรู้ถึงความพิเศษของผู้ที่มีอันดับสูงกว่าหรอ? ทำไมถึงไม่ลอง?”
“ผมท้าทายผู้เข้าร่วมสิบอันดับแรกเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นผมอ่อนแอเกินกว่าจะเอาชนะพวกเขาได้ ดังนั้นผมจึงแค่ท้าทายเพื่อสังเกตความพิเศษของพวกเขาเท่านั้น ผมยังไม่ได้ท้าทายพวกเขาอีกเลย”ซูผิงอธิบาย..
ในลานที่พัก—ผู้เฒ่าหยานกำลังอ่านหนังสือโบราณอยู่ เขามองซูผิงด้วยความประหลาดใจ เขาแทบไม่ได้สอนอะไรให้ซูผิงเลยตลอดช่วงที่เขาฝึก เพราะโปรแกรมการฝึกพิเศษเสร็จสิ้นแล้ว และทั้งหมดที่ซูผิงต้องทำคือสะสมพลังงานให้มากขึ้น เขาสามารถบอกได้ว่าซูผิงก้าวหน้าในทุกวัน
”ครับ”
ซูผิงพยักหน้าด้วยท่าทางที่ผิดปกติ
เมื่อได้ยินคำตอบ ผู้เฒ่าหยานก็เบิกตากว้างทันทีและถามด้วยความตกใจ “อย่าบอกนะว่าเธอมั่นใจที่จะท้าทายสิบอันดับแรกของอันดับราชาเทพอย่างนั้นหรอ?”
”ใช่ครับ” ซูผิงพยักหน้าอีกครั้ง
“…”
ผู้เฒ่าหยานสูญเสียคำพูดไปครู่หนึ่ง เขาพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ฉันคิดว่าต้องใช้เวลาสิบปี แต่นี่ผ่านไปแค่สามปี”
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ซูผิงอยู่ในสภาเทพเทพอมตะแค่สามปี แต่เขาก็ก้าวขึ้นสู่สิบอันดับแรกของอันดับราชาเทพ การก้าวกระโดดนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ!
“เธอมั่นใจหรอ?” ผู้เฒ่าหยานถาม
”ครับ”
ซูผิงพยักหน้า
ผู้เฒ่าพูดไม่ออกอีกครั้ง เขารู้ว่าเขาไม่ควรถาม ซูผิงจะไม่เคร่งขรึมขนาดนี้ถ้าเขาไม่มั่นใจ แม้ว่าเขาจะล้มเหลวในครั้งนี้ เขาก็คงจะประสบความสำเร็จในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
“เธอตั้งใจจะออกไปหลังจากทำสำเร็จจริง ๆ หรอ?” ผู้เฒ่าหยานถาม ซูผิงพยักหน้า “คุณดูแลผมอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่าลังเลที่จะติดต่อผมหากคุณต้องการให้ผมทำอะไร”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรมาก ทั้งหมดเป็นคำสั่งของนายท่าน” ผู้เฒ่าหยานยกความดีทั้งหมดให้เจ้านายของเขา ความช่วยเหลือจากอัจฉริยะอย่างซูผิงจะมีประโยชน์มากจริงๆ
“สามปี… เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ” ผู้เฒ่าหยานรู้สึกขัดแย้ง อัจฉริยะทั่วไปก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในตอนแรก แต่พวกเขาจะช้าลงเมื่อไปถึงระดับดวงดาวหรือเจ้าดวงดาว พวกเขามักจะหยุดนิ่งเป็นเวลาหลายสิบปีก่อนที่จะสามารถพัฒนาได้ อย่างไรก็ตามซูผิงยังคงรักษาความเร็วในความก้าวหน้าก่อนหน้านี้ไว้ได้ ซึ่งมันไม่น่าเชื่อ
“ฉันไม่ได้ตรวจสอบคนอื่นๆ แต่ฉันไม่สงสัยเลยว่าเธอเป็นคนที่ก้าวหน้าที่สุด เธอน่าจะเก่งที่สุดในระดับดวงดาวแล้ว ฉันหวังว่าเธอจะสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับสูงสุดของอันดับราชาเทพในสักวันหนึ่ง!”ผู้เฒ่าหยานพูดอย่างมีหวัง
ซูผิงพยักหน้า
ทั้งสองไปที่เวทีเสมือนจริงทันที
ทันทีที่มาถึง ซูผิงสังเกตเห็นชายที่คุ้นเคยกำลังจะออกไป
”ฮึ!”
ซูผิงเห็นดิแอซ ในขณะที่อีกฝ่ายก็เห็นเขาเช่นกัน เซินหวงรับพวกเขาเป็นศิษย์พร้อมกัน หลายคนเปรียบเทียบพวกเขาโดยคุยกันว่าใครมีศักยภาพมากกว่ากัน คำตอบส่วนใหญ่ชี้ไปที่ซูผิง
ซูผิงสมควรได้รับความคาดหวังของพวกเขา ท้ายที่สุดเขาคือแชมป์ที่มีกายาซึ่งไม่มีใครรู้จัก
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กายาของซูผิงได้รับการยืนยันและบันทึกอย่างเป็นทางการในบันทึกของสหพันธ์ ร่างเทพทั้งเก้าที่ดีที่สุดก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นร่างเทพทั้งสิบ!
ในสภาเทพอมตะยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างหนาหู ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการว่าข่าวภายนอกจะน่าตกใจขนาดไหน!
ร่างเทพทั้งเก้าอยู่บนยอดปิรามิดของกายามานานกว่าแสนปี ซูผิงเป็นส่วนเสริมใหม่เพียงหนึ่งเดียว ด้วยสถานะของเขาในฐานะแชมป์การแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาล ตอนนี้ซูผิงได้รับความนิยมอย่างมากทั่วทั้งจักรวาลและได้รับความสนใจจากสาธารณชนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับซูผิงถูกปิดกั้น ไม่มีใครทราบความคืบหน้าของเขาในสภาเทพอมตะ
“นายมีเวลาสักนาทีไหม? มาฝึกกัน” ดิแอซมักจะโกรธซูผิงอยู่เสมอ เขาเสริมว่า “ฉันย่อโลกใบเล็กและขึ้นสู่อันดับที่ 70 ในอันดับราชาเทพ มันต้องแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อพิจารณาจากการสู้กันเมื่อสามปีก่อน!”
ซูผิงแสดงสีหน้าแปลกๆ ผู้เฒ่าหยานพูดอย่างสนุกสนาน “เพื่อนเก่าของฉันไม่ได้แจ้งความคืบหน้าในปัจจุบันของซูผิงให้เธอทราบหรอ?”
หนึ่งในอสูรของเซินหวงได้รับมอบหมายให้สอนดิแอซ และโปรแกรมการฝึกอบรมพิเศษก็ถูกร่างขึ้นสำหรับเขาเช่นเดียวกัน
ดิแอซเสร็จสิ้นการฝึกและแข็งแกร่งขึ้นมากในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขายังสามารถย่อโลกใบเล็กได้ การไปถึงอันดับที่ 70 ในเวลาเพียงสามปีนั้นถือเป็นความสำเร็จ
น่าเสียดายที่ซูผิงบ้ายิ่งกว่านั้น ผู้เฒ่าหยานรู้สึกเสียใจกับดิแอซจริงๆ
ทั้งคู่มีกายาที่ดีที่สุด แต่พรสวรรค์ในด้านอื่นๆ แตกต่างกันจริงๆ
แน่นอนว่าดิแอซไม่ได้อ่อนแอ ซูผิงเติบโตเร็วเกินไป เซินหวงกล่าวว่าเคล็ดบ่มเพาะของซูผิงนั้นค่อนข้างทรงพลัง ดังนั้นเขาจึงไม่สอนเคล็ดบ่มเพาะใด ๆ ให้กับซูผิง สอนแค่เทคนิคลับชื่อพันสายฝน
”ฮะ?”
ดิแอซตกตะลึงครู่หนึ่ง เขารู้สึกไม่ค่อยดีหลังจากเห็นท่าทางของผู้เฒ่าหยาน จากนั้นเขาก็ถามขมวดคิ้ว “ความคืบหน้าในปัจจุบันของเขา? ความคืบหน้าอะไร? เขาสามารถเอาชนะอันดับที่ 70 ในอันดับราชาเทพได้อย่างง่ายดายงั้นหรอ?”
ผู้เฒ่าไม่อยากทำให้ดิแอซผิดหวัง เขากล่าวว่า “เธอเข้าใจไม่ผิด สรุปว่าช่องว่างระหว่างเธอสองคนกว้างเกินไป เธอไม่คู่ควรกับเขาในตอนนี้ การสู้กันจึงไม่จำเป็น”
ไม่จำเป็น?
ดิแอซตกตะลึง เขาคงจะโกรธมากถ้ามีใครพูดแบบนั้น
นั่นเป็นคำพูดที่ดูถูกเขามาก ใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม คนพูดคือผู้เฒ่าหยาน และเขาไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร ซูผิงแซงหน้าฉันอีกแล้วหรอ?
ใบหน้าของเขาแสดงความเสียใจ เขาต้องการยืนยันที่จะต่อสู้กับซูผิง แต่ในที่สุดเขาก็ระงับความอยากของเขาไว้ ทัศนคติของผู้เฒ่าหยานทำให้เขาพอจะเข้าใจคำตอบ แต่เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน!
เขาฝึกหนักมาก แต่เขาก็ยังแพ้ซูผิงอยู่เรื่อยๆ!
เขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ทุกอย่างเริ่มต้นตั้งแต่เขาได้พบกับซูผิง เขาเป็นคนที่นำหน้าคนอื่นจนพวกเขาไม่สามารถตามเขาทันเสมอ—
แต่ตอนนี้เขาคือคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เมื่อมองสีหน้าของดิแอซ—ซึ่งดูเหมือนคนปวดท้อง—ซูผิงก็มีความรู้สึกผสมปนเปกันเช่นกัน เขากล่าวว่า “ฉันกำลังจะออกจากสภาเทพอมตะ ไว้พบกันใหม่ ร้านของฉันยินดีต้อนรับนาย ถ้านายว่าง”
จากนั้นเขาก็โบกมือและเข้าไปกับผู้เฒ่าหยาน
ดิแอซตกตะลึง ซูผิงกำลังจะออกจากสภาเทพอมตะ?
สภาพแวดล้อมของพลาซ่านี้สะดวกสบายมาก และผู้คนในนี้ก็เป็นมิตร ทำไมเขาถึงต้องการจากไป?
เขารู้สึกหดหู่ใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในทางกลับกัน เขาก็รู้สึกยินดีอยู่เล็กน้อย
ถ้าซูผิงจากไป เขาจะไม่พบสภาพแวดล้อมการบ่มเพาะที่ดีเท่ากับในสภาเทพอมตะอย่างแน่นอน แล้วเขาจะมีโอกาสตามซูผิงทันไหม?
เขาล้มเลิกความคิดนั้นในทันทีที่มันเข้ามาในหัว เขาสาปแช่งตัวเองที่คิดดูถูกตัวเองแบบนั้น!
ดิแอซส่ายหัวและกลับไปที่วิหารของเขา
“มีอะไรผิดปกติหรอ?”
ภายในวิหาร ชายชราประหลาดใจที่เห็นอัจฉริยะกลับมาอย่างรวดเร็ว การแพ้การท้าทายในอันดับราชาเทพไม่ใช่เรื่องแปลก ทำไมเขาดูอารมณ์เสียจัง?
“ผู้ชายคนนั้นกำลังจะไปแล้ว” ดิแอซพูดด้วยท่าทีเศร้าหมอง ชายชราถามว่า “ผู้ชายคนนั้น… เธอหมายถึงซูผิงนะหรอ?”
“จะเป็นใครได้อีกล่ะครับ” ดิแอซตกตะลึง ใครสมควรได้รับความสนใจจากเขายกเว้นซูผิง?
”เขากำลังจะไปไหน? อาจารย์ไม่ได้บอกว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป เว้นแต่เขาจะสามารถเอาชนะอันดับที่สิบในอันดับราชาเทพได้หรอ?” ชายชราถามด้วยความสงสัย
ดิแอซตัวสั่นและเงยหน้าขึ้นทันที เขาถามด้วยความไม่เชื่ออย่างบ้าคลั่ง “พะ พูดว่าอะไรนะ?”
เขายังลืมเรียกเขาว่า “ผู้เฒ่า” ด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าเขาตกใจเพียงใด ชายชราก็จำสิ่งที่ผู้เฒ่าหยานบอกเขาระหว่างการสนทนาเมื่อครึ่งปีก่อนได้ จากนั้นเขาก็สงสัยว่าศิษย์หนุ่มคนนั้นสามารถทำอย่างนั้นได้จริงหรอ
… ภายในพลาซ่า—
ผู้เฒ่าหยานนัดให้ซูผิงและซูผิงก็เข้าสู่สนามรบเสมือนจริง ผู้หญิงชุดดำยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ซูผิงต่อสู้กับเธอหลายครั้งในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทั้งหมดเพื่อเรียนรู้วิถีแห่งการทำลายล้างจากเธอ
เขารู้สึกแตกต่างออกไปในการพบกันครั้งนี้
ซูผิงมองเธอและพูดเบา ๆ ว่า “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถพบคุณในความเป็นจริง”
หญิงชุดดำยังคงนิ่งเฉย เธอเป็นเพียงข้อมูลการต่อสู้ที่ไม่สามารถสื่อสารได้
ในไม่ช้าการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
ซูผิงสูดหายใจเข้าลึก เขาผ่านการต่อสู้เช่นนี้มานับไม่ถ้วน และเขาตัดสินใจที่จะจบการต่อสู้ครั้งสุดท้ายด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา
ปัง!
รัศมีดาบอันเจิดจรัสของเขาส่องสว่าง ดั่งดวงตะวัน ก่อนที่มันจะดับไปในทันใด
หญิงชุดดำที่เผชิญหน้าเขาถูกแทงทะลุไปแล้ว ร่างกายของเธอก็ทรุดตัวลงและหายไปอย่างสมบูรณ์
ซูผิงกลับมาที่ลานกว้างและถอดหมวกออก
ผู้เฒ่าหยานตะลึงงัน และถามว่า “ทำไมเธอถึงออกมาเร็วแบบนี้ นี้? มีอะไรผิดปกติกับอุปกรณ์หรือเปล่า”
“จบแล้วครับ” ซูผิงตอบอย่างใจเย็น
ตาของผู้เฒ่าหยานเกือบจะถลนออกมา เขาถามด้วยความตกใจ “จบแล้ว? เธออยู่ที่นั่นแค่สามสิบวิ”
“นี่คือผลลัพธ์ของการต่อสู้ อุปกรณ์ไม่เคยผิดพลาด” ซูผิงชี้ไปที่จอภาพซึ่งแสดงคำว่า “ชนะ” ด้วยตัวอักษรที่ลุกเป็นไฟ ผู้เฒ่าหยานพูดไม่ออกอยู่นาน
เขาคิดว่าซูผิงมีโอกาสที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แต่เขาไม่คิดว่าการต่อสู้จะจบลงเร็วแบบนี้ เขาไม่ได้เห็นการต่อสู้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นชัยชนะที่ท่วมท้น
หมายความว่าซูผิงมีโอกาสที่จะชนะเธอและออกจากสภาเทพอมตะได้เร็วกว่านี้!
ผู้เฒ่าหยานถามขึ้นทันที “ตอนนี้เธอสามารถเอาชนะได้ถึงอันดับที่เท่าไร?”
เขาจ้องไปที่ในตาของซูผิง ไม่กะพริบแม้แต่ครั้งเดียว ราวกับว่าเขากังวลเกี่ยวกับคำตอบ
อย่างไรก็ตาม ซูผิงเพียงแค่ส่ายหัวและพูดว่า “ผมยังไม่ได้ลองเลย”
“เธอไม่ได้ลองหรอ?” ผู้เฒ่าหยานตะลึงงัน พบว่ามันยากที่จะเชื่อ “ทำไมไม่ล่ะ? เธอไม่อยากรู้ถึงความพิเศษของผู้ที่มีอันดับสูงกว่าหรอ? ทำไมถึงไม่ลอง?”
“ผมท้าทายผู้เข้าร่วมสิบอันดับแรกเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นผมอ่อนแอเกินกว่าจะเอาชนะพวกเขาได้ ดังนั้นผมจึงแค่ท้าทายเพื่อสังเกตความพิเศษของพวกเขาเท่านั้น ผมยังไม่ได้ท้าทายพวกเขาอีกเลย”ซูผิงอธิบาย..