จู่ๆ ยานอวกาศลงมาจอดเหนือถนน บังแสงอาทิตย์
“ใครกล้านำยานอวกาศเข้ามาในนี้” ถามใครบางคนด้วยความประหลาดใจ
ยานอวกาศเปิดออกและมีคนสองคนบินออกมา พวกเขาคือซูผิงและอวิ๋นมู่
ซูผิงยิ้มดีใจเมื่อมองไปที่ถนนที่และหญิงสาวที่คุ้นเคย
“นี่เป็นแค่ดาวเคราะห์ธรรมดา เรามาที่นี่ทำไม?”อวิ๋นมู่มองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน
“นี่คือที่ที่ผมทำธุรกิจอยู่” ซูผิงตอบด้วยรอยยิ้ม
“นี่คือที่ที่นายทำธุรกิจ?” อวิ๋นมู่ตกตะลึง
ศิษย์ของลอร์ดสูงสุดเป็นนักธุรกิจ?
คนที่มีความสามารถอย่างซูผิงขาดเงินเนี่ยนะ? ซูผิงไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด เขาเก็บยานอวกาศและบินไปทางหญิงสาวที่มีน้ำตาคลอ
ผู้คนจำนวนมากเห็นใบหน้าของเขาขณะที่เขาลงมา ทันใดนั้นถนนที่มีเสียงดังก็เงียบจนน่าประหลาด แต่ความเงียบก็อยู่ได้ไม่นาน และเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และกรี๊ด คนที่เคยเห็นซูผิงมาก่อนหน้าแดงเพราะความตื่นเต้น
“นั่นมันเจ้าของร้านซู!”
“เขาเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของกาแล็กซี่ซิลวี่!”
”ไม่ใช่ซะหน่อย เขาเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขตดาวทองคำ เจ้าของร้านซูต่อสู้เพื่อกาแล็กซี่ของเราและกลายเป็นแชมป์!”
“นายโง่มาก นายไม่ได้ยินหรือว่าแชมป์ของการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลคือเจ้าของร้านซู?”
“ห้ะ แชมป์ของจักรวาล? จริงหรอ?” “ฉันเรียนรู้เรื่องนี้ผ่านช่องทางลับ มันไม่มีทางผิดแน่!”
ทุกคนที่รอต่อแถวต่างกระซิบหระซาบกันอย่างตื่นเต้น
บางคนบอกว่าซูผิงเป็นแชมป์ของจักรวาล ไม่มีใครสามารถยืนยันความจริงได้ แต่นั่นไม่สำคัญ ความจริงที่ว่าเขาเป็นคนที่เก่งที่สุดในซิลวี่ และเขตดาวทองคำก็น่าตื่นเต้นมากพอแล้ว
“เขาคือซูผิง? เขาเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตดาวทองคำของเราจากการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลหรอ?”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาได้เป็นศิษย์ของลอร์สูงสุด มันจริงไหมนะ?”
ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องซูผิง ในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่เขา
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสามปีและซูผิงอาจไม่เป็นที่รู้จักบนดาวดวงอื่น แต่รีอาถือเป็นข้อยกเว้นอย่างแน่นอน!
ซูผิงเปิดร้านก่อนจะเข้าร่วมการแข่งขัน!
ข่าวว่าเขาเป็นเจ้าของร้านนี้แพร่กระจายออกไป มันทำให้ชาวบ้านทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจ
คนที่เก่งที่สุดในกาแล็กซี่และเขตดวงดาวของพวกเขามีร้านอยู่บนดาวของพวกเขา!
ผู้คนบนดาวดวงอื่นอาจไม่สนใจเมื่อยินเช่นนี้ แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในรีอาทุกคนรู้สึกภูมิใจในตัวเขา
“เสียงดังอะไร?”
ฝั่งตรงข้าม ในร้านประเมินอสูร—คลีโอถูกปลุกด้วยเสียง เธองีบหลับอยู่บนโซฟาชั้นสอง เธอขมวดคิ้วแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ในไม่ช้าเธอก็เห็นชายคนนั้นที่ค่อยๆ เดินลงมา
”นั่นเขา?”
คลีโอหรี่ตาและตกใจ
ซูผิงจึงยืนอยู่ที่จอดหน้าร้านของเขา ”ขอโทษทีมาช้าไปหน่อย”
เขาก็รู้สึกผิดขณะมองหญิงสาว เธอมีน้ำตา และกัดริมฝีปากของเธอ
ถังยู่หรานกัดฟันของเธอขณะที่เธอพูดว่า “ฉันคิดว่านายลืมทางกลับที่นี่ไปแล้ว?”
“ฉันเป็นเจ้าของร้าน ฉันต้องกลับมาแน่นอนอยู่แล้ว” ซูผิงพูดติดตลก เขาไม่ต้องการให้การกลับมาพบกันของพวกเขาเป็นเรื่องน่าเศร้า
ถังยู่หรานกัดริมฝีปากของเธออีกเล็กน้อย มีหลายสิ่งที่เธอต้องการจะพูดกับเขาตอนที่เขาไม่อยู่ เธออยากจะโพล่งคำพูดมากมายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอตอนที่เธอกินหรือนอน อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเมื่อก็ได้เห็นเขาตัวเป็นๆ
“นายกลับมาแล้ว”
ผู้หญิงสองคนค่อยๆ เดินออกมาจากร้านไป
หนึ่งในนั้นคือโจแอนนา เธอมีผมสีบลอนด์ รูปร่างและใบหน้าของหญิงสาวที่เย็นชา เธอดูสงบมากในตอนนี้ แต่ดวงตาที่สั่นไหวของเธอบ่งบอกว่าหัวใจของเธอไม่สงบอย่างภายนอกที่เห็น
ท่านหญิงเขียวรู้สึกยินดีมาก เป็นเวลาสามปีแล้วที่เธอไม่ได้พบซูผิง เธอคงคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาถ้าซูผิงไม่ได้มาบอกลาเธอตอนนั้น
การปรากฏตัวของโจแอนนาและท่านหญิงเขียวทำให้คนที่อยู่ในแถวตกตะลึงและเบิกตากว้าง
ชายหนุ่มในชุดขาวที่ยังคุกเข่าอยู่ก็ตกใจเช่นเดียวกัน เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้เห็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและน่าทึ่งถึงสองคนในเวลาเดียวกัน!
ซูผิงพยักหน้าให้พวกเธอด้วยรอยยิ้ม จากนั้นพูดด้วยความรู้สึกหลากหลายว่า “พวกเธอลำบากมามากแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าธุรกิจเจริญรุ่งเรืองในขณะที่เขาไม่อยู่ โจแอนนาดูแลมันอย่างดีมาโดยตลอด
“ดีใจที่ได้นายกลับมา” โจแอนนาพูดอย่างสบายๆ จากนั้นเธอก็เหลือบมองอวิ๋นมู่ที่อยู่ข้างๆ ซูผิง
ท่านหญิงเขียวยังสังเกตเห็นอวิ๋นมู่และถามด้วยความประหลาดใจ “เธอเป็นใคร?”
ซูผิงกล่าวแนะนำ “เธอคืออวิ๋นมู่ อาจารย์ของผมส่งเธอมาเพื่อปกป้องผม”
อวิ๋นมู่ก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นท่านหญิงเขียว เธอสามารถบอกได้ง่ายๆเลยว่าท่านหญิงเขียวเป็นสภาวะเทพดวงดาวเช่นกัน และพวกเธอก็น่าจะเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตามเธอตรวจไม่พบกลิ่นอายของมนุษย์จากเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอมาจากสายพันธุ์อื่น
“ดูเหมือนว่าอาจารย์ของนายจะดูแลนายเป็นอย่างดี” ท่านหญิงเขียวกล่าวด้วยดวงตาเป็นประกาย
”ใช่แล้ว” ซูผิงพยักหน้าและเชิญอวิ๋นมู่ให้เข้าไปในร้าน ท้ายที่สุดทหน้าร้านไม่เหมาะสมกับการพูดคุย
เมื่อซูผิงเข้าไปในร้าน ชายหนุ่มในชุดขาวก็พึมพำขณะมองด้านหลังของเขา “ขะ-เขาเป็นอัจฉริยะที่เก่งที่สุดของเขตดาวทองคำไม่ใช่หรอ?”
ลุงเว่ยที่อยู่ข้างๆ ตัวสั่นและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “นายน้อย ออกไปจากที่นี่กันเถอะ…”
แม้ว่าซูผิงจะไม่สนใจแม้แต่จะมองเขาเมื่อเขามาถึง เขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจและพยักหน้า
ในร้านขายเครื่องประดับใกล้ ๆ—
ชายหนุ่มที่กำลังหยิบเครื่องประดับก็วางเครื่องประดับนั้นไว้และจากไปอย่างสบายๆ เขาส่งข้อความผ่านนาฬิกาขณะที่เขาจากไป “เขากลับมาแล้ว”
ในร้านขายเสื้อผ้า—ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังลองชุดเดรส เธอก็ถอดมันออกและออกจากร้านทันที
หลายคนที่รอเข้าแถวออกจากฝูงชนไปอย่างเงียบๆ
ไม่ใช่ความลับที่ซูผิงเปิดร้านบนดาวดวงนี้ มีเบาะแสมากมายอยู่แล้ว นอกจากนี้เขาอยู่ที่ดาวดวงนี้เมื่อสามปีก่อน เพื่อนอัจฉริยะของเขาทุกคนรู้จักเขา
ผ่านไปเพียงสามปีนับตั้งแต่การการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลถูกจัดขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ลืมไปแล้ว ท้ายที่สุด พวกเขาส่วนใหญ่ยุ่งกับชีวิตของตัวเองมากเกินไป พวกเขาไม่มีเวลาสำหรับสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
…
ภายในร้าน—
ซูผิงรู้สึกแปลกๆเมื่อมองไปรอบๆ ร้านค้าของเขาเหมือนกับเมื่อสามปีก่อนมาก ไม่มีเศษฝุ่นหรือร่องรอยการทรุดโทรมใดๆ
“เธอทำงานหนักในช่วงสามปีที่ผ่านมา” ซูผิงกล่าว
โจแอนนาพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “เป็นความรับผิดชอบของฉันในฐานะพนักงานของนาย”
”ฮึ!”ถังยู่หรานเชิดหน้าขึ้น
ท่านหญิงเขียวเงียบราวกับมีบางอย่างอยู่ในใจ
อวิ๋นมู่มองไปที่ผู้หญิงสามคนและพบว่าการสนทนาของซูผิงแปลกและไร้เหตุผล เขาขอให้ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวทำธุรกิจให้กับเขาเนี่ยนะ?
สำหรับผู้หญิงอีกสองคน ถังยู่หรานสามารถมองทะลุได้ง่ายๆ คนสุดท้ายรู้สึกคุ้นๆอยู่บ้าง หากดวงตาของเธอไม่หลอกเธอ มีโอกาสสูงที่เธอจะเป็นสภาวะเทพดวงดาวกลับชาติมาเกิด
ถ้าเป็นเช่นนั้น มีสภาวะเทพดวงดาวสองคนคอยดูแลร้านอยู่!
“…”
อวิ๋นมู่พูดไม่ออก
เท่าที่เธอรู้ ธุรกิจที่ดำเนินการโดยสภาวะเทพดวงดาวสองคน อย่างน้อยควรเป็นบริษัทระหว่างดวงดาว รายได้รายวันน่าจะเพียงพอที่จะซื้อดาวเคราะห์ระดับ 5 ได้!
“วันนี้เรามาปิดร้านกันเถอะ ปิดประตู เราต้องปรับปรุงร้านนิดหน่อย” ซูผิงกล่าว
โจแอนนาพยักหน้าแล้วออกไปแจ้งข่าว
ลูกค้าหลายคนคร่ำครวญและบ่นอยู่ข้างนอก แต่ก็ไม่ได้เสียใจมาก พวกเขาตื่นเต้นกับการกลับมาของซูผิง อัจฉริยะที่เก่งที่สุดในเขตดวงดาวของพวกเขาไม่ลืมร้านของเขา เขาได้เดินทางมาเพื่อดูแลมัน เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ผู้คนก็พากันมาดู
หลายคนคิดว่าการรอคอยคุ้มค่าแล้วหลังจากที่พวกเขาเห็นซูผิงใกล้ๆ
เมื่อพวกเขาปิดร้าน ซูผิงพูดกับผู้หญิงทั้งสามคนด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเธอทุกคนได้รับการยอมรับว่าเป็นพนักงานดีเด่นสำหรับการทำงานของเธอในช่วงสามปีที่ผ่านมา”
โจแอนนาเหลือบมองเขา “ฉันได้รับนานแล้ว นายจะพาฉันไปที่นั่นเมื่อไหร่?” เธอไม่ได้กระตุ้นเขาก่อนหน้านี้เพราะเธอรอมาหลายหมื่นปีแล้ว อย่างไรก็ตามซูผิงจากไปสามปี เธอกังวลว่าเขาอาจจะหายไปอีกครั้ง
“ฉันจะพาเธอไปเร็วๆ นี้” ซูผิงกล่าว “ฉันก็อยากสำรวจที่นั่นเหมือนกัน”
“ฉันจะเชื่อนาย” โจแอนนาพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย
ซูผิงยิ้มและตอบว่า “ฉันให้เธอรอมานานแล้ว”
เขามองไปที่ท่านหญิงเขียวและถังยู่หรานและกล่าวว่า “พวกเธอยังมีอิสระที่จะเลือกสถานที่ที่จะไป ฉันจะพาเธอไปที่นั่น”
”ที่ไหนก็ได้หรอ?” ท่านหญิงเขียวถามทันที
ซูผิงพยักหน้า
“ฉันอยากไปเยือนอาณาจักรแห่งเทพ” เธอกล่าวอย่างรวดเร็ว มันคือโลกที่เธอและราชาเทพไวไลท์เคยอาศัยอยู่ เธออยากเห็นมันอีกครั้ง ย้อนกลับไปในตอนนั้นราชาเทพไวไลท์ขังเธอไว้ในวังและต่อสู้จนเขาตาย เธอไม่รู้ว่าโลกที่เธอรู้จักยังคงมีอยู่หรือไม่
แต่ถึงแม้ว่ามันจะพังทลายและรกร้าง เธอก็อยากจะเห็นมันเป็นครั้งสุดท้าย
”ตกลง” ซูผิงพยักหน้า
ถังยู่หรานมองไปที่ซูผิงและก้มหน้าลง “ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ฉันต้องการที่จะแข็งแกร่ง…”
ซูผิงพยักหน้า “ฉันจะจัดการให้”
หลังจากนั้น เขามองไปที่อวิ๋นมู่และกล่าวว่า “ผู้อาวุโสอวิ๋น ขออภัย แต่ผมต้องเข้ารับการฝึกอย่างสันโดษในร้านของผมสักสองสามวัน คุณคอยอยู่ข้างนอกได้ไหม?”
อวิ๋นมู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอมองซูผิงและผู้หญิงสามคนดูแปลก ๆ เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งเทพที่ท่านหญิงเขียวเพิ่งพูดถึง เธอเดาว่ามันเป็นโลกจากตำนานโบราณ อย่างไรก็ตาม ซูผิงสัญญากับเธอว่าเขาจะพาเธอไปที่นั่น ไม่มีทางที่เขาจะทำตามสัญญาได้
ฉันไม่รู้มาก่อนว่าลูกศิษย์ของลอร์ดสูงสุดเป็นคนขี้โกหก อวิ๋นมู่คิด
มีเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้นที่จะให้คำมั่นสัญญาที่เขาไม่มีวันทำได้
นอกจากนี้ เขาจะต้องไม่ใช่คนซื่อสัตย์ เนื่องจากเขาหลอกผู้หญิงสามคนให้มาทำงานให้กับเขา
ฉันไม่คิดเลยว่าแม้แต่หญิงเทพดวงดาวยังจะตกหลุมรักเขา ฉันต้องระวังเป็นพิเศษ อวิ๋นมู่เริ่มระแวดระวัง แต่เธอยอมรับคำขอของซูผิง
เธอต้องปกป้องซูผิงแค่ร้อยปีเท่านั้น และเธอไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
อวิ๋นมู่จากไปและซูผิงจึงไม่ต้องลังเลอีกต่อไป เขาไม่ต้องการที่จะบอกอะไรอวิ๋นมู่มากเกินไป เพราะเธอจะจากไปหลังจากร้อยปี เขาพูดกับถังยู่หรานว่า “เธอจะไปที่แดนเทพอาเคี่ยนกับเรา แม้ว่าเธอจะไม่พบสมบัติใด ๆ ก็ตาม เธอก็ยังจะแข็งแกร่งขึ้นเพียงแค่อยู่ที่นั่น”
“ฉันสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เพียงแค่อยู่ที่นั่น?”ถังยู่หรานตกตะลึง “ยังไง?”
เขาแค่ตอบว่า “แค่หายใจ”
ถังยู่หราน: “…”
โจแอนนาเหลือบมองที่ซูผิงและกล่าวว่า “อย่าประมาท สงครามเมื่อหลายปีก่อนได้ทำลาย สภาพแวดล้อมของแดนเทพอาเคี่ยนไม่ได้สวยงามอย่างที่นายคิด เว้น”
“อืม ก็จริง” ซูผิงจำได้ว่าอาจารย์ของเขากล่าวว่าแดนเทพอาเคี่ยนถูกทำลาย และสนามรบในระหว่างการแข่งขันก็เป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นนั้น เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ฉันควรไปสำรวจที่นั่นก่อนไหม?”
“นายไม่เคยไปที่นั่นหรอ?” โจแอนนาถาม
“ไม่” ซูผิงส่ายหัวและกล่าวเสริม “แต่ไม่ต้องกังวล เธอสามารถไปที่นั่นได้อย่างแน่นอน”
”ตกลง” โจแอนนาเหลือบมองเขาโดยไม่พูดอะไรอีก
ท่านหญิงเขียวยืนนิ่งเงียบ
เมื่อเขาคุยกับพวกเขาเสร็จแล้ว ซูผิงไปตรวจสอบรายได้ของร้านของเขา และพบว่าตัวเลขนั้นน่าตกใจมากกว่าที่คาดไว้
รายได้ที่สะสมมาเป็นเวลาสามปีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เกิดขึ้น มันแทบจะทำให้เขาหายใจไม่ออก
นี่คือความสนุกของระบบอัตโนมัติใช่ไหม? ซูผิงคิด
เขามีเงินมากจนสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ ค่าเข้าชมแดนเทพอาเคี่ยนอยู่ที่ 9,000 แต้มต่อการเข้าชม ซึ่งเคยเป็นราคาที่สูงสำหรับซูผิงในอดีต แต่ตอนนี้มันเหมือนกับค่าขนมสำหรับเขา เขาไม่รู้สึกอะไรกับการใช้มันเลยสักนิด..
“ใครกล้านำยานอวกาศเข้ามาในนี้” ถามใครบางคนด้วยความประหลาดใจ
ยานอวกาศเปิดออกและมีคนสองคนบินออกมา พวกเขาคือซูผิงและอวิ๋นมู่
ซูผิงยิ้มดีใจเมื่อมองไปที่ถนนที่และหญิงสาวที่คุ้นเคย
“นี่เป็นแค่ดาวเคราะห์ธรรมดา เรามาที่นี่ทำไม?”อวิ๋นมู่มองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน
“นี่คือที่ที่ผมทำธุรกิจอยู่” ซูผิงตอบด้วยรอยยิ้ม
“นี่คือที่ที่นายทำธุรกิจ?” อวิ๋นมู่ตกตะลึง
ศิษย์ของลอร์ดสูงสุดเป็นนักธุรกิจ?
คนที่มีความสามารถอย่างซูผิงขาดเงินเนี่ยนะ? ซูผิงไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด เขาเก็บยานอวกาศและบินไปทางหญิงสาวที่มีน้ำตาคลอ
ผู้คนจำนวนมากเห็นใบหน้าของเขาขณะที่เขาลงมา ทันใดนั้นถนนที่มีเสียงดังก็เงียบจนน่าประหลาด แต่ความเงียบก็อยู่ได้ไม่นาน และเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และกรี๊ด คนที่เคยเห็นซูผิงมาก่อนหน้าแดงเพราะความตื่นเต้น
“นั่นมันเจ้าของร้านซู!”
“เขาเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของกาแล็กซี่ซิลวี่!”
”ไม่ใช่ซะหน่อย เขาเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขตดาวทองคำ เจ้าของร้านซูต่อสู้เพื่อกาแล็กซี่ของเราและกลายเป็นแชมป์!”
“นายโง่มาก นายไม่ได้ยินหรือว่าแชมป์ของการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลคือเจ้าของร้านซู?”
“ห้ะ แชมป์ของจักรวาล? จริงหรอ?” “ฉันเรียนรู้เรื่องนี้ผ่านช่องทางลับ มันไม่มีทางผิดแน่!”
ทุกคนที่รอต่อแถวต่างกระซิบหระซาบกันอย่างตื่นเต้น
บางคนบอกว่าซูผิงเป็นแชมป์ของจักรวาล ไม่มีใครสามารถยืนยันความจริงได้ แต่นั่นไม่สำคัญ ความจริงที่ว่าเขาเป็นคนที่เก่งที่สุดในซิลวี่ และเขตดาวทองคำก็น่าตื่นเต้นมากพอแล้ว
“เขาคือซูผิง? เขาเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตดาวทองคำของเราจากการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลหรอ?”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาได้เป็นศิษย์ของลอร์สูงสุด มันจริงไหมนะ?”
ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องซูผิง ในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่เขา
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสามปีและซูผิงอาจไม่เป็นที่รู้จักบนดาวดวงอื่น แต่รีอาถือเป็นข้อยกเว้นอย่างแน่นอน!
ซูผิงเปิดร้านก่อนจะเข้าร่วมการแข่งขัน!
ข่าวว่าเขาเป็นเจ้าของร้านนี้แพร่กระจายออกไป มันทำให้ชาวบ้านทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจ
คนที่เก่งที่สุดในกาแล็กซี่และเขตดวงดาวของพวกเขามีร้านอยู่บนดาวของพวกเขา!
ผู้คนบนดาวดวงอื่นอาจไม่สนใจเมื่อยินเช่นนี้ แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในรีอาทุกคนรู้สึกภูมิใจในตัวเขา
“เสียงดังอะไร?”
ฝั่งตรงข้าม ในร้านประเมินอสูร—คลีโอถูกปลุกด้วยเสียง เธองีบหลับอยู่บนโซฟาชั้นสอง เธอขมวดคิ้วแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ในไม่ช้าเธอก็เห็นชายคนนั้นที่ค่อยๆ เดินลงมา
”นั่นเขา?”
คลีโอหรี่ตาและตกใจ
ซูผิงจึงยืนอยู่ที่จอดหน้าร้านของเขา ”ขอโทษทีมาช้าไปหน่อย”
เขาก็รู้สึกผิดขณะมองหญิงสาว เธอมีน้ำตา และกัดริมฝีปากของเธอ
ถังยู่หรานกัดฟันของเธอขณะที่เธอพูดว่า “ฉันคิดว่านายลืมทางกลับที่นี่ไปแล้ว?”
“ฉันเป็นเจ้าของร้าน ฉันต้องกลับมาแน่นอนอยู่แล้ว” ซูผิงพูดติดตลก เขาไม่ต้องการให้การกลับมาพบกันของพวกเขาเป็นเรื่องน่าเศร้า
ถังยู่หรานกัดริมฝีปากของเธออีกเล็กน้อย มีหลายสิ่งที่เธอต้องการจะพูดกับเขาตอนที่เขาไม่อยู่ เธออยากจะโพล่งคำพูดมากมายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอตอนที่เธอกินหรือนอน อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเมื่อก็ได้เห็นเขาตัวเป็นๆ
“นายกลับมาแล้ว”
ผู้หญิงสองคนค่อยๆ เดินออกมาจากร้านไป
หนึ่งในนั้นคือโจแอนนา เธอมีผมสีบลอนด์ รูปร่างและใบหน้าของหญิงสาวที่เย็นชา เธอดูสงบมากในตอนนี้ แต่ดวงตาที่สั่นไหวของเธอบ่งบอกว่าหัวใจของเธอไม่สงบอย่างภายนอกที่เห็น
ท่านหญิงเขียวรู้สึกยินดีมาก เป็นเวลาสามปีแล้วที่เธอไม่ได้พบซูผิง เธอคงคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาถ้าซูผิงไม่ได้มาบอกลาเธอตอนนั้น
การปรากฏตัวของโจแอนนาและท่านหญิงเขียวทำให้คนที่อยู่ในแถวตกตะลึงและเบิกตากว้าง
ชายหนุ่มในชุดขาวที่ยังคุกเข่าอยู่ก็ตกใจเช่นเดียวกัน เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้เห็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและน่าทึ่งถึงสองคนในเวลาเดียวกัน!
ซูผิงพยักหน้าให้พวกเธอด้วยรอยยิ้ม จากนั้นพูดด้วยความรู้สึกหลากหลายว่า “พวกเธอลำบากมามากแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าธุรกิจเจริญรุ่งเรืองในขณะที่เขาไม่อยู่ โจแอนนาดูแลมันอย่างดีมาโดยตลอด
“ดีใจที่ได้นายกลับมา” โจแอนนาพูดอย่างสบายๆ จากนั้นเธอก็เหลือบมองอวิ๋นมู่ที่อยู่ข้างๆ ซูผิง
ท่านหญิงเขียวยังสังเกตเห็นอวิ๋นมู่และถามด้วยความประหลาดใจ “เธอเป็นใคร?”
ซูผิงกล่าวแนะนำ “เธอคืออวิ๋นมู่ อาจารย์ของผมส่งเธอมาเพื่อปกป้องผม”
อวิ๋นมู่ก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นท่านหญิงเขียว เธอสามารถบอกได้ง่ายๆเลยว่าท่านหญิงเขียวเป็นสภาวะเทพดวงดาวเช่นกัน และพวกเธอก็น่าจะเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตามเธอตรวจไม่พบกลิ่นอายของมนุษย์จากเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอมาจากสายพันธุ์อื่น
“ดูเหมือนว่าอาจารย์ของนายจะดูแลนายเป็นอย่างดี” ท่านหญิงเขียวกล่าวด้วยดวงตาเป็นประกาย
”ใช่แล้ว” ซูผิงพยักหน้าและเชิญอวิ๋นมู่ให้เข้าไปในร้าน ท้ายที่สุดทหน้าร้านไม่เหมาะสมกับการพูดคุย
เมื่อซูผิงเข้าไปในร้าน ชายหนุ่มในชุดขาวก็พึมพำขณะมองด้านหลังของเขา “ขะ-เขาเป็นอัจฉริยะที่เก่งที่สุดของเขตดาวทองคำไม่ใช่หรอ?”
ลุงเว่ยที่อยู่ข้างๆ ตัวสั่นและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “นายน้อย ออกไปจากที่นี่กันเถอะ…”
แม้ว่าซูผิงจะไม่สนใจแม้แต่จะมองเขาเมื่อเขามาถึง เขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจและพยักหน้า
ในร้านขายเครื่องประดับใกล้ ๆ—
ชายหนุ่มที่กำลังหยิบเครื่องประดับก็วางเครื่องประดับนั้นไว้และจากไปอย่างสบายๆ เขาส่งข้อความผ่านนาฬิกาขณะที่เขาจากไป “เขากลับมาแล้ว”
ในร้านขายเสื้อผ้า—ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังลองชุดเดรส เธอก็ถอดมันออกและออกจากร้านทันที
หลายคนที่รอเข้าแถวออกจากฝูงชนไปอย่างเงียบๆ
ไม่ใช่ความลับที่ซูผิงเปิดร้านบนดาวดวงนี้ มีเบาะแสมากมายอยู่แล้ว นอกจากนี้เขาอยู่ที่ดาวดวงนี้เมื่อสามปีก่อน เพื่อนอัจฉริยะของเขาทุกคนรู้จักเขา
ผ่านไปเพียงสามปีนับตั้งแต่การการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลถูกจัดขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ลืมไปแล้ว ท้ายที่สุด พวกเขาส่วนใหญ่ยุ่งกับชีวิตของตัวเองมากเกินไป พวกเขาไม่มีเวลาสำหรับสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
…
ภายในร้าน—
ซูผิงรู้สึกแปลกๆเมื่อมองไปรอบๆ ร้านค้าของเขาเหมือนกับเมื่อสามปีก่อนมาก ไม่มีเศษฝุ่นหรือร่องรอยการทรุดโทรมใดๆ
“เธอทำงานหนักในช่วงสามปีที่ผ่านมา” ซูผิงกล่าว
โจแอนนาพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “เป็นความรับผิดชอบของฉันในฐานะพนักงานของนาย”
”ฮึ!”ถังยู่หรานเชิดหน้าขึ้น
ท่านหญิงเขียวเงียบราวกับมีบางอย่างอยู่ในใจ
อวิ๋นมู่มองไปที่ผู้หญิงสามคนและพบว่าการสนทนาของซูผิงแปลกและไร้เหตุผล เขาขอให้ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวทำธุรกิจให้กับเขาเนี่ยนะ?
สำหรับผู้หญิงอีกสองคน ถังยู่หรานสามารถมองทะลุได้ง่ายๆ คนสุดท้ายรู้สึกคุ้นๆอยู่บ้าง หากดวงตาของเธอไม่หลอกเธอ มีโอกาสสูงที่เธอจะเป็นสภาวะเทพดวงดาวกลับชาติมาเกิด
ถ้าเป็นเช่นนั้น มีสภาวะเทพดวงดาวสองคนคอยดูแลร้านอยู่!
“…”
อวิ๋นมู่พูดไม่ออก
เท่าที่เธอรู้ ธุรกิจที่ดำเนินการโดยสภาวะเทพดวงดาวสองคน อย่างน้อยควรเป็นบริษัทระหว่างดวงดาว รายได้รายวันน่าจะเพียงพอที่จะซื้อดาวเคราะห์ระดับ 5 ได้!
“วันนี้เรามาปิดร้านกันเถอะ ปิดประตู เราต้องปรับปรุงร้านนิดหน่อย” ซูผิงกล่าว
โจแอนนาพยักหน้าแล้วออกไปแจ้งข่าว
ลูกค้าหลายคนคร่ำครวญและบ่นอยู่ข้างนอก แต่ก็ไม่ได้เสียใจมาก พวกเขาตื่นเต้นกับการกลับมาของซูผิง อัจฉริยะที่เก่งที่สุดในเขตดวงดาวของพวกเขาไม่ลืมร้านของเขา เขาได้เดินทางมาเพื่อดูแลมัน เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ผู้คนก็พากันมาดู
หลายคนคิดว่าการรอคอยคุ้มค่าแล้วหลังจากที่พวกเขาเห็นซูผิงใกล้ๆ
เมื่อพวกเขาปิดร้าน ซูผิงพูดกับผู้หญิงทั้งสามคนด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเธอทุกคนได้รับการยอมรับว่าเป็นพนักงานดีเด่นสำหรับการทำงานของเธอในช่วงสามปีที่ผ่านมา”
โจแอนนาเหลือบมองเขา “ฉันได้รับนานแล้ว นายจะพาฉันไปที่นั่นเมื่อไหร่?” เธอไม่ได้กระตุ้นเขาก่อนหน้านี้เพราะเธอรอมาหลายหมื่นปีแล้ว อย่างไรก็ตามซูผิงจากไปสามปี เธอกังวลว่าเขาอาจจะหายไปอีกครั้ง
“ฉันจะพาเธอไปเร็วๆ นี้” ซูผิงกล่าว “ฉันก็อยากสำรวจที่นั่นเหมือนกัน”
“ฉันจะเชื่อนาย” โจแอนนาพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย
ซูผิงยิ้มและตอบว่า “ฉันให้เธอรอมานานแล้ว”
เขามองไปที่ท่านหญิงเขียวและถังยู่หรานและกล่าวว่า “พวกเธอยังมีอิสระที่จะเลือกสถานที่ที่จะไป ฉันจะพาเธอไปที่นั่น”
”ที่ไหนก็ได้หรอ?” ท่านหญิงเขียวถามทันที
ซูผิงพยักหน้า
“ฉันอยากไปเยือนอาณาจักรแห่งเทพ” เธอกล่าวอย่างรวดเร็ว มันคือโลกที่เธอและราชาเทพไวไลท์เคยอาศัยอยู่ เธออยากเห็นมันอีกครั้ง ย้อนกลับไปในตอนนั้นราชาเทพไวไลท์ขังเธอไว้ในวังและต่อสู้จนเขาตาย เธอไม่รู้ว่าโลกที่เธอรู้จักยังคงมีอยู่หรือไม่
แต่ถึงแม้ว่ามันจะพังทลายและรกร้าง เธอก็อยากจะเห็นมันเป็นครั้งสุดท้าย
”ตกลง” ซูผิงพยักหน้า
ถังยู่หรานมองไปที่ซูผิงและก้มหน้าลง “ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ฉันต้องการที่จะแข็งแกร่ง…”
ซูผิงพยักหน้า “ฉันจะจัดการให้”
หลังจากนั้น เขามองไปที่อวิ๋นมู่และกล่าวว่า “ผู้อาวุโสอวิ๋น ขออภัย แต่ผมต้องเข้ารับการฝึกอย่างสันโดษในร้านของผมสักสองสามวัน คุณคอยอยู่ข้างนอกได้ไหม?”
อวิ๋นมู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอมองซูผิงและผู้หญิงสามคนดูแปลก ๆ เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งเทพที่ท่านหญิงเขียวเพิ่งพูดถึง เธอเดาว่ามันเป็นโลกจากตำนานโบราณ อย่างไรก็ตาม ซูผิงสัญญากับเธอว่าเขาจะพาเธอไปที่นั่น ไม่มีทางที่เขาจะทำตามสัญญาได้
ฉันไม่รู้มาก่อนว่าลูกศิษย์ของลอร์ดสูงสุดเป็นคนขี้โกหก อวิ๋นมู่คิด
มีเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้นที่จะให้คำมั่นสัญญาที่เขาไม่มีวันทำได้
นอกจากนี้ เขาจะต้องไม่ใช่คนซื่อสัตย์ เนื่องจากเขาหลอกผู้หญิงสามคนให้มาทำงานให้กับเขา
ฉันไม่คิดเลยว่าแม้แต่หญิงเทพดวงดาวยังจะตกหลุมรักเขา ฉันต้องระวังเป็นพิเศษ อวิ๋นมู่เริ่มระแวดระวัง แต่เธอยอมรับคำขอของซูผิง
เธอต้องปกป้องซูผิงแค่ร้อยปีเท่านั้น และเธอไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
อวิ๋นมู่จากไปและซูผิงจึงไม่ต้องลังเลอีกต่อไป เขาไม่ต้องการที่จะบอกอะไรอวิ๋นมู่มากเกินไป เพราะเธอจะจากไปหลังจากร้อยปี เขาพูดกับถังยู่หรานว่า “เธอจะไปที่แดนเทพอาเคี่ยนกับเรา แม้ว่าเธอจะไม่พบสมบัติใด ๆ ก็ตาม เธอก็ยังจะแข็งแกร่งขึ้นเพียงแค่อยู่ที่นั่น”
“ฉันสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เพียงแค่อยู่ที่นั่น?”ถังยู่หรานตกตะลึง “ยังไง?”
เขาแค่ตอบว่า “แค่หายใจ”
ถังยู่หราน: “…”
โจแอนนาเหลือบมองที่ซูผิงและกล่าวว่า “อย่าประมาท สงครามเมื่อหลายปีก่อนได้ทำลาย สภาพแวดล้อมของแดนเทพอาเคี่ยนไม่ได้สวยงามอย่างที่นายคิด เว้น”
“อืม ก็จริง” ซูผิงจำได้ว่าอาจารย์ของเขากล่าวว่าแดนเทพอาเคี่ยนถูกทำลาย และสนามรบในระหว่างการแข่งขันก็เป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นนั้น เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ฉันควรไปสำรวจที่นั่นก่อนไหม?”
“นายไม่เคยไปที่นั่นหรอ?” โจแอนนาถาม
“ไม่” ซูผิงส่ายหัวและกล่าวเสริม “แต่ไม่ต้องกังวล เธอสามารถไปที่นั่นได้อย่างแน่นอน”
”ตกลง” โจแอนนาเหลือบมองเขาโดยไม่พูดอะไรอีก
ท่านหญิงเขียวยืนนิ่งเงียบ
เมื่อเขาคุยกับพวกเขาเสร็จแล้ว ซูผิงไปตรวจสอบรายได้ของร้านของเขา และพบว่าตัวเลขนั้นน่าตกใจมากกว่าที่คาดไว้
รายได้ที่สะสมมาเป็นเวลาสามปีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เกิดขึ้น มันแทบจะทำให้เขาหายใจไม่ออก
นี่คือความสนุกของระบบอัตโนมัติใช่ไหม? ซูผิงคิด
เขามีเงินมากจนสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ ค่าเข้าชมแดนเทพอาเคี่ยนอยู่ที่ 9,000 แต้มต่อการเข้าชม ซึ่งเคยเป็นราคาที่สูงสำหรับซูผิงในอดีต แต่ตอนนี้มันเหมือนกับค่าขนมสำหรับเขา เขาไม่รู้สึกอะไรกับการใช้มันเลยสักนิด..