ปัง! ปัง! ปัง!
ทักษะป้องกันครอบคลุมถึงโครงกระดูกน้อยและมังกรเพลิงนรกทันที การปกป้องนั้นมาจากสุนัขมังกรดำ อย่างไรก็ตามพวกมันพังลงราวกับเกล็ดหิมะที่เปราะบางเมื่อเข้าไปใกล้
มังกรเพลิงนรกก็สัมผัสได้ถึงอันตรายเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเลือกที่จะจุดไฟให้จิตวิญญาณของมัน ปลดปล่อยแสงอันเจิดจ้าออกมา มันใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อปกป้องเพื่อนของมัน
ปัง!
ร่างกายของมันสั่นแรง แล้วหยุดเคลื่อนไหว มันตายแล้ว
โครงกระดูกน้อยอยู่ด้านหลังศพมังกร เปลวไฟสีเลือดพวยพุ่งในเบ้าตาของมัน มันหายไปและหลีกเลี่ยงการระเบิด แล้วมันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในทะเลพร้อมฟันใส่ศัตรู ขณะที่ยืนอยู่ด้านหลัง ซูผิงรู้สึกประหลาดใจกับการแสดงออกของอสูรโกลาหล ทันใดนั้นมันก็เปล่งแสงพร่ามัวที่กำจัดรังสีแสงโดยรอบทั้งหมด เปลี่ยนมิติให้กลายเป็นอาณาเขตโกลาหล พลังระเบิดที่มุ่งมาในทิศทางของมันละลายเมื่อสัมผัสกับอาณาเขต
นั่นเป็นทักษะแบบไหนกัน? ซูผิงตกใจกับการเคลื่อนไหวนั้น แม้ว่าเขาจะได้เห็นสิ่งต่างๆมามากมายก็ตาม
อสูรน้อยสามารถต้านทานการโจมตีของอสูรสภาวะเทพดวงดาวได้เนี่ยนะ?
แม้แต่มังกรเพลิงนรกก็ไม่สามารถต้านทานการระเบิดครั้งนั้นได้ สิ่งมีชีวิตตัวน้อยนั้นแข็งแกร่งกว่ามังกรเพลิงนรกแล้วหรอ?
ในที่สุดซูผิงก็ตระหนักว่าเขาคิดผิด อาณาเขตที่ปล่อยออกมาจากอสูรน้อยได้ขวางพลังระเบิดไว้จริง แต่เห็นได้ชัดว่ามันช้ากว่ามังกรเพลิงนรกมาก เมื่อมันกระโดดลงไปในทะเล อสูรร้ายก็ค้นพบอสูรน้อยและคลุ้มคลั่ง
สนามพลังสีดำครึ่งวงกลมแผ่ออกที่ก้นทะเล ล้อมรอบอสูรโกลาหล อาณาเขตพร่ามัวรอบๆ มันถูกบีบอัดจนติดอยู่กับตัว จากนั้นก็แตกและระเบิด อสูรน้อยตายอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนฉันจะคิดมากไป
ซูผิงตระหนักว่าอาณาเขตพร่ามัวอาจมีผลกระทบลึกลับ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มันขวางพลังระเบิดได้ ในทางกลับกัน สนามพลังสีดำเป็นวิธีการของเจ้าดวงดาว ซึ่งประกอบด้วยพลังแห่งกฎและพลังเทพ มันไม่สามารถทำร้ายโครงกระดูกน้อยได้แม้แต่น้อย แต่มันกลับบีบอสูรโกลาหลน้อยจนเละ
พลังระเบิดนั้นมีพลังของสภาวะเทพดวงดาวแต่ถูกขับไล่ กลับกัน การโจมตีของเจ้าดวงดาวกลับได้ผล ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับอาณาเขตนั้น ฉันจะหาว่าอาณาเขตสามารถต้านทานการโจมตีประเภทใดได้หากฉันเข้าใจความแตกต่างของการโจมตีเหล่านั้น ซูผิงคิด
เขาคืนชีพทั้งอสูรน้อยและมังกรเพลิงนรก ซูผิงยังไม่ได้ออกคำสั่ง มังกรเพลิงนรกก็โจมตีอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม อสูรโกลาหลมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เพียงไม่กี่วินาทีก็ฟื้นความทรงจำ มันลังเลหลังจากนึกถึงความเจ็บปวดจากความตาย
เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าอสูรน้อยไม่เต็มใจ ซูผิงก็ใช้เทคนิคลับเพื่อกระตุ้นเจตนาฆ่าทันที
ดวงตาของอสูรโกลาหลเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเจตนาฆ่าเพิ่มขึ้น มันคำรามและพุ่งเข้าใส่อสูรทะเล
มันประมาทตั้งแต่แรก อสูรตัวอื่นจะหนีจากศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว แม้ว่าจะได้รับการกระตุ้นเจตนาฆ่าก็ตาม
อสูรทะเลคำรามเมื่อสังเกตเห็นการกลับมาของอสูรโกลาหล อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนมันจะตื่นตระหนกเพราะการคืนชีพของอสูรโกลาหล อสูรร้ายกลัวมันหรอ? ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเขาก็เห็นสนามพลังสีดำถูกสร้างขึ้นใหม่และห้อมล้อมอสูรน้อยไว้
อสูรน้อยส่งเสียงร้องโหยหวน วังวนสองวังวนปรากฏขึ้นนอกเหนือจากอาณาเขตหมอกโกลาหลซึ่งทำให้ความมืดบิดเบี้ยวเมื่อมันปรากฏขึ้น สิ่งนี้ทำให้เกิดมิติที่แคบมากสำหรับอสูรน้อย มากเสียจนถูกบีบอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน
มันสามารถทนได้ห้าวินาที ซูผิงตั้งใจดูมาก อสูรน้อยตายทันทีในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็มีความก้าวหน้าอย่างมากในครั้งที่สอง เขากระตือรือร้นที่จะศึกษาสิ่งมีชีวิตนี้เพิ่มมากขึ้น
ซูผิงยังคงเฝ้าสังเกตต่อไปหลังจากคืนชีพอสูรน้อย
อสูรทะเลส่งเสียงคำรามซึ่งผสมด้วยความโกรธและความตกใจ ขณะที่อสูรน้อยฟื้นคืนชีพเป็นครั้งที่สาม มันส่ายหางขนาดมหึมาทำให้เกิดคลื่นใหญ่ แล้วมันก็ดำลงไปอย่างรวดเร็ว มันเลือกที่จะหนี!
ฮะ?
ซูผิงไม่ได้คิดถึงสิ่งนี้ อสูรร้ายสภาวะเทพดวงดาวเลือกที่จะหนีจากศัตรูที่ไม่มีนัยสำคัญสองสามตัว?
โครงกระดูกน้อยยังคงไล่ตาม ดังนั้นซูผิงจึงเรียกมันกลับมาอย่างรวดเร็ว โครงกระดูกน้อยค่อนข้างโหดร้ายเช่นกัน ไม่เพียงแต่มันกล้าโจมตีอสูรสภาวะเทพดวงดาวเท่านั้น มันยังกล้าไล่ตามเมื่ออสูรสภาวะเทพดวงดาวกำลังจะหนีอีกด้วย
สิ่งมีชีวิตนั้นดูเหมือนจะสังเกตเห็นธรรมชาติที่ไม่ธรรมดาของอสูรน้อย และกลัวมัน
ก่อนหน้านี้โครงกระดูกน้อยโจมตีไม่หยุด แต่อสูรทะเลเพิกเฉยต่อมัน เนื่องจากมันโจมตีอสูรอสูรโกลาหลเป็นหลัก แม้ว่าเจ้าตัวเล็กจะยังไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ได้แสดงให้เห็นลักษณะการครอบงำของสิ่งมีชีวิตชั้นนำแล้ว กลับมา
ซูผิงเรียกพวกมัน เขาตั้งใจจะให้อสูรของเขาฝึกด้วยกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อที่อสูรน้อยจะได้รู้ว่าคู่หูหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตามเป้าหมายของพวกมันหนีไปแล้ว และเขาต้องหาเป้าหมายใหม่
เขาอนุญาตให้อสูรเริ่มดูดซับพลังเทพในทะเลสาบก่อน แล้วก็นำพวกมันไปข้างหน้า ทะเลกว้างใหญ่จนมองไม่เห็นอะไรนอกจากน้ำทุกทิศทาง ทำให้จับทิศทางไม่ถูก
พลังเทพควบแน่นและก่อตัวเป็นทะเลสาบในเมฆ แต่ไม่มีใครรวบรวมมันได้ อาจเป็นเพราะทะเลอันตรายเกินไป และน้อยคนนักที่จะเดินทางผ่านท้องฟ้า
ซูผิงให้มังกรเพลิงนรกปล่อยกลิ่นอายของมังกรและดึงดูดอสูรร้ายในบริเวณใกล้เคียง
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีการโจมตีหลายครั้งมาจากทะเล พวกมันมาจากปลาประหลาดที่มีเขี้ยวแหลม พวกมันทั้งหมดเป็นเจ้าดวงดาว
เยี่ยม!
ซูผิงกำลังจะสั่งให้อสูรของเขาต่อสู้กลับ แต่เขากลับเห็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวก่อน น้ำที่อยู่ด้านใต้มืดลงและเข้มขึ้น กลายเป็นเงายักษ์ ซูผิงสามารถมองเห็นฟันแหลมที่ขอบเงา ซึ่งเป็นปากขนาดใหญ่!
ปัง!
ปากยักษ์อ้าปากทันที กลืนปลาประหลาดเข้าไปทั้งหมด!
ปลาก็สังเกตเห็นการมาถึงของปากยักษ์และพยายามหนี แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกสะกดข่ม พวกมันทั้งหมดถูกกลืนกิน
หัวขนาดมหึมาโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำทะเล มันมีตาสีแดงสามดวง หนึ่งในนั้นสังเกตเห็นซูผิงและอสูรของเขา
ฟู่วว
สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์กลับลงไปในทะเล ทำให้เกิดคลื่นน้ำสูงหลายพันเมตร วินาทีถัดมา ซูผิงรู้สึกว่ามิติรอบๆ ตัวเขาแน่นขึ้น เขาไม่สามารถขยับหรือขยับตาได้แม้ว่าเขาจะเข้าใจกฎแห่งมิติก็ตาม การควบคุมมิติของเขาดูเหมือนจะถูกปิดกั้น!
นี่เป็นวิธีการอะไร?
ซูผิงตกใจมาก อสูรร้ายนั้นแข็งแกร่งกว่าอสูรร้ายสภาวะเทพดวงดาวที่หนีไป เขายังคิดว่าที่มันหนีไปน่าจะเพราะตรวจพบผู้มาใหม่มากกว่า ไม่ใช่เพราะกลัวอสูรโกลาหล
อสูรตัวนี้มีความยาวอย่างน้อยหนึ่งหมื่นเมตร ทะเลจะต้องลึกแค่ไหน สัตว์ประหลาดตัวนี้ถึงเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ?
ซูผิงขนลุกไปทั่วทั้งตัว เขารู้ว่าการเดาของเขาถูกต้องขณะที่เขามองปากยักษ์ ทะเลสาบพลังเทพบนเมฆสะสมพลังงานมาเป็นเวลานาน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเข้ามาในสถานที่อันตรายเช่นนี้
ในไม่ช้าซูผิงและอสูรของเขาก็เข้าไปในปากนั้น ซึ่งมีกลิ่นเหม็นและชื้น จากนั้นเขาก็หมดสติไป คราวนี้ซูผิงเลือกการคืนชีพแบบสุ่ม
มีอสูรร้ายที่ทรงพลังมากเกินไปในทะเล ซูผิงตั้งใจที่จะหาสถานที่ท้าทายที่มีอสูรน้อยกว่า
เพราะการฝึกจะไม่มีประโยชน์หากสถานที่นั้นอันตรายเกินไป
เวลาผ่านไป
ซูผิงท่องไปในแดนเทพอาเคี่ยนเป็นเวลาสามวัน
เขาคืนชีพแบบสุ่มหลายร้อยจุด ในที่สุดก็พบดินแดนรกร้างที่อสูรร้ายส่วนใหญ่เป็นอสูรสภาวะเจ้าดวงดาวกับสภาวะเทพดวงดาวเป็นส่วนน้อย
อสูรโกลาหลก้าวหน้าเร็วที่สุดในช่วงสามวันนี้
ไม่ใช่เพียงเพราะสายเลือดของอสูรน้อย แต่ยังเพราะมันไม่เคยผ่านการฝึกฝนเรื่องความเป็นความตายมาก่อน การกระตุ้นและความเจ็บปวดจากความตายนั้นได้ผลค่อนข้างดี
แค่สามวันเท่านั้น อสูรน้อยก็สามารถต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับดวงดาวได้แล้ว
ซูผิงมองไปที่อสูรโกลาหลซึ่งสูงเกือบแปดเมตรด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
มันเติบโตขึ้นอย่างมากในเวลาเพียงสามวัน อสูรร้ายที่เขาเคยอุ้มไว้ในอ้อมแขนตอนนี้กลายเป็นยักษ์ไปแล้ว ทั้งที่มันยังไม่ผ่านระยะตรัสรู้ด้วยซ้ำ!
ประสบการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีมากมายและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ความก้าวหน้าอย่างมากเป็นเครื่องยืนยันถึงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของอสูรน้อย
ในที่สุดซูผิงก็เข้าใจว่าทำไมอัจฉริยะบางคนถึงถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด
อสูรน้อยเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง
แม้แต่เทพที่มีพรสวรรค์ที่สุดก็ยังต้องประหลาดใจกับการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้
ซูผิงรู้สึกยินดี—นอกเหนือจากความสูงและความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น—อสูรน้อยก็ค่อย ๆ สงบสุขกับอสูรตัวอื่นๆ ของเขา อย่างน้อยก็ไม่ถือว่ามังกรเพลิงนรกเป็นอาหารอีกต่อไป ซูผิงได้สอนความหมายของการเป็นคู่หูให้กับมันแล้ว
ซูผิงจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาและเรื่องศีลธรรมให้กับอสูรน้อยเมื่อพวกเขาไม่ได้ต่อสู้
เขาไม่สนใจว่าอสูรน้อยจะเข้าใจหรือไม่ แค่ขาสนุกกับการสอนมันก็พอแล้ว
ซูผิงไม่ต้องการให้มันกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้อะไรเลยนอกจากการฆ่า นั่นคงเป็นแค่เครื่องมือ ไม่ใช่อสูร
ฉันควรช้าลงหน่อย การฆ่ามากเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน มันเพิ่งเกิด ซูผิงไม่ควรรีบร้อน เขาตัดสินใจที่จะฝึกอสูรน้อยให้ช้าลง และนำอสูรน้อยไปดูสิ่งมหัศจรรย์ในโลกที่เจริญรุ่งเรือง ทั้งหมดเพื่อให้เข้าใจว่าการฆ่าไม่ใช่สิ่งเดียวที่สำคัญ
ต่อมาซูผิงฆ่าตัวตายและเลือกที่จะคืนชีพแบบสุ่ม เพื่อค้นหาทวีปที่สถาบันวิถีสวรรค์อยู่ ในที่สุดเขาก็กลับมาที่สถาบันหลังจากคืนชีพไปหลายสิบครั้ง
ทันทีที่เขากลับมา คนใช้ของเขาก็มาพบเขาทันที
การท้าทาย? ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น ผู้ชายคนนั้นท้าทายเขาอย่างงั้นหรอ?
ซูผิงไม่ชอบเจ้าชายตระกูลสายฝนอยู่แล้วคนที่ไม่ถือว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ
ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่ผ่านการทดสอบที่สาม เขาไม่มีคุณสมบัติเทพมากนักหรอก ซูผิงพูดกับคนใช้อย่างไม่ลังเลว่า ข้ารับคำท้า จะเริ่มเมื่อไหร่?
นายท่าน ด่วนตัดสินใจไปหรือเปล่า?
คนรับใช้ประหลาดใจในความกล้าหาญของซูผิง ในขณะที่เขาถูกเจ้าชายจากตระกูลขั้นสูงท้าทาย!
เจ้าชายทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีความสามารถพิเศษ การไม่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติเทพไม่ได้หมายความว่าเขาอ่อนแอ! ไม่มีอะไรต้องพิจารณา การท้าทายไม่ควรปฏิเสธนี่? ซูผิงถาม
แต่… เขาเป็นเจ้าชาย คนใช้มองมาที่ซูผิง นางไม่อยากเสียเจ้านายคนใหม่ไปเร็วขนาดนี้
ซูผิงยิ้มและกล่าวว่า เจ้าชายไม่ได้ไร้เทียมทาน นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะไร้เทียมทาน ข้าก็จะทุบตีเขาและพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่!
คนใช้ตกใจกับคำตอบของเขา
นางมองรอยยิ้มสดใสของซูผิง สงสัยว่าทำไมมนุษย์ถึงมีความมั่นใจมากพอที่จะอ้างว่าเขาจะทุบตีเจ้าชาย!
ตกลง ข้าจะส่งคำตอบของท่านให้พวกเขา คนใช้กลัวเกินกว่าจะมองตาซูผิง เพราะนางจึงสัมผัสได้ถึงแสงที่มาจากมนุษย์ ซึ่งเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก
ซูผิงพยักหน้า
เขาไปพบอาจารย์ของเขาหลังจากที่คนใช้จากไป เขาใช้ตราส่งคำขอพบอาจารย์ แต่อาจารย์ก็ตอบว่าเขากำลังบ่มเพาะอย่างสันโดษ ซูผิงต้องรอ
สองสามวันต่อมา อาจารย์มาที่วังของซูผิงและถามว่า เจ้าอยากรู้อะไร?
อาจารย์ ข้าต้องการเรียนรู้ว่าจะเพิ่มโลกใบที่สองได้อย่างไร? ซูผิงถามตรงๆ ข้าต้องควบคุมกฎสูงสุดสี่ข้ออย่างเต็มที่เพื่อทำให้โลกใบแรกสมบูรณ์แบบ .. เมื่อข้าทำเสร็จแล้วควรทำอย่างไรต่อเพื่อสร้างโลกใบที่สอง? มีอย่างอื่นที่สามารถใช้สร้างโลกใบเล็กได้อีกหรือไม่?