โหลวหลานไฮ่เซินมองไปที่ซูผิงด้วยความตกใจและสงสัย นักฆ่าหกคนที่ก่อเหตุฆาตกรรมซึ่งทำให้ทั้งจักรวาลตกใจซ่อนตัวอยู่ในบ้านแห่งการทำลายล้างมาเป็นเวลาสองพันปี จนกระทั่งพวกเขาออกมาและพยายามลอบฆ่าซูผิง!
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือการลอบฆ่าของพวกเขาล้มเหลว!
ทั้งหกคนล้วนเป็นนักฆ่าสิบอันดับแรกในหอคอยทมิฬ แม้แต่เจ้าแห่งระบบดาวเคราะห์ก็ยังกลัวพวกเขา… โหลวหลานเฟิงมีท่าทางที่ซับซ้อน เนื่องจากซูผิงทำให้เขาตกใจได้ทุกครั้ง นักฆ่าเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในอันดับราชาเทพแต่พวกเขามีความสามารถไม่น้อยไปกว่าอัจฉริยะเหล่านั้น!
คุณคิดออกไหมว่าใครจ้างหอคอยทมิฬมาเพื่อฆ่าผม? ซูผิงถาม
โหลวหลานเฟิงและโหลวหลานไฮ่เซินมองหน้ากันและลังเล ไฮ่เซินกล่าวว่า แม้ว่าเราจะมีสายในหอคอยทมิฬ แต่การลอบสังหารครั้งนี้จะต้องเป็นความลับอย่างสูง เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตรวจสอบและแจ้งให้คุณทราบหากเราได้ข้อมูลมา
ซูผิงพยักหน้าและปล่อยเรื่องนั้นไป
ขณะที่ซูผิงและโหลวหลานหลินหนีจากอันตราย—ในอีกส่วนหนึ่งของจักรวาล
การต่อสู้ที่ดุเดือดได้สิ้นสุดลงแล้ว ชายคนหนึ่งบินผ่านมิติลึกไปอย่างรวดเร็ว และอสูรร้ายที่น่ากลัวก็มาจากอีกทิศทางหนึ่งเพื่อรายงานสถานการณ์
พวกเขาล้มเหลวอย่างที่ฉันคิดไว้ ช่างเป็นพวกขี้แพ้เสียจริงๆ!
หยินซิงดูเย็นชาและบูดบึ้ง แม้ว่าจะไม่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ แต่เขาก็ปูทางการฆ่าที่ดีที่สุดไว้สำหรับทั้งหกคน แต่พวกเขาก็ยังล้มเหลว
ข้อมูลที่ว่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์นั้นแข็งแกร่งเกินจินตนาการเป็นเรื่องจริง และสามารถเติบโตจนกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ภายใต้สภาวะเทพดวงดาวถ้ามีเวลาเพียงพอ!
หวืด!
เขาหายตัวไปที่อื่นพร้อมกับอสูรตัวใหญ่
จากนั้นเขาก็โบกมือเพื่อเปิดใช้งานเทคนิคลับและเอื้อมมือไปในแม่น้ำแห่งเวลา ในไม่ช้าก็เรียกสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ออกมาจากภายใน
มันเป็นอสูรตัวเล็กที่สามารถอาศัยในเวลาได้ มันดูเหมือนนกอ้วน มีปีกสั้นและขนเป็นประกาย มันร้องจิ๊บ ๆ เมื่อเห็นหยินซิง
หยินซิงเอาหน้าผากของเขาสัมผัสกับหัวของอสูรร้ายตัวเล็ก และในไม่ช้าก็เห็นฉากมากมาย
ฆ่าทันที?
โลกใบเล็กของเด็กเหลือขอนั้นมีกฎสูงสุดสี่ข้อ และทั้งหมดล้วนสมบูรณ์…
เขาอยู่ในระดับดวงดาวจริงหรอ?
เมื่อเขาเห็นทั้งหมดแล้ว หยินซิงก็ตกใจมากจนไม่สามารถพูดอะไรได้เป็นเวลานาน
ใบหน้าของเขามืดมน หากเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เขาคงไม่เชื่อว่าการลอบฆ่าจะล้มเหลวเละเทะแบบนี้!
เขายังสามารถอ่านริมฝีปากของซูผิงได้ในขณะที่เขาต่อสู้กับนักฆ่า มันค่อนข้างไม่น่าเชื่อ
ใช่ ไม่น่าเชื่อ
ไม่น่าเชื่อว่าคนโง่ทั้งหกถูกส่งมาเพื่อลอบฆ่าเด็กคนนั้น!
เขาเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว!
เขาเข้าใจกฎสูงสุดทั้งสี่อย่างสมบูรณ์แล้ว! หยินซิงไม่เคยรู้สึกกดดันแบบนี้ แม้แต่จากอันดับหนึ่งของอันดับราชาเทพ เขารู้ทันทีว่าทำไมเขาถึงได้รับภารกิจนี้
คนที่จ้างเขาคงรู้อะไรบางอย่าง และต้องการกำจัดสัตว์ประหลาดตัวนั้นออกไปตั้งแต่เนินๆ!
ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเด็กนี่จะน่ากลัวขนาดไหนเมื่อเขาไปถึงสภาวะเทพดวงดาว สักวันหนึ่งเขาอาจจะไปถึงเทพอมตะ!
ยิ่งหยินซิงคิดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น เขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิด มันจะเป็นหายนะสำหรับเขาถ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเติบโตและสืบหาต้นตอของการลอบฆ่าที่ล้มเหลวนี้!
บัดซบ!
หยินซิงโกรธ หากเขารู้ล่วงหน้า เขาคงจะลอบฆ่าด้วยตัวเขาเอง แม้ว่าในภายหลังเขาจะต้องซ่อนตัวอยู่ในบ้านแห่งการทำลายล้างไปตลอดก็ตาม เด็กนั่นเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่เกินไป!
ฉันควรจะคิดให้ดีก่อนยอมรับภารกิจนี้ นี่มีแต่คำว่าขาดทุน!
หยินซิงสิ้นหวัง เขาแค่หวังว่าคนที่จ้างเขาจะยื่นภารกิจให้คนอื่น
ถ้าฉันแบ่งปันข้อมูลกับองค์กรของฉัน คนๆ นั้นจะซื้อมันอย่างแน่นอน เขาเป็นคนที่ควรกังวลและจะทำบางอย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขาโดยไม่จ้างสภาวะเทพดวงดาว! หยินซิงคิด
เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น เขาก็รู้สึกว่าผู้แพ้ทั้งหกคนไม่ได้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง อย่างน้อยพวกเขาก็ช่วยให้เขาได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดนั่น
…
ซูผิงกลับมายังรีอาโดยได้รับการคุ้มครองจากยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวทั้งสองคน
นายอยู่ที่นี่หรอ? โหลวหลานหลินตรวจสอบระบบดาวเคราะห์นี้ทางออนไลน์หลังจากที่เธอมาถึง เธอรู้สึกทึ่งและอยากรู้เกี่ยวกับอดีตของซูผิง
แค่ตอนนี้ ซูผิงตอบ
ในทางหนึ่ง ดาวเคราะห์ดูเหมือนเป็นเหมือนยานอวกาศของเขา แม้ว่า…
โหลวหลานไฮ่เซินและโหลวหลานเฟิงซ่อนกลิ่นอายของพวกเขาไว้เมื่อพวกเขามาถึงท้องฟ้าเหนือเมืองวอฟเฟ็ต จากนั้นก็บินลงมาพร้อมซูผิง โดยที่ยังคงรักษาตัวตนธรรมดาไว้ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้าน
นายเปิดร้านขายอสูรจริงๆหรอเนี่ย? ซูผิงพูดถึงเรื่องนี้ระหว่างทาง แต่โหลวหลานหลินก็ยังตกใจเมื่อมาถึง
ศิษย์ของยอดฝีมือเทพอมตะ อัจฉริยะที่ปราบปรามคนระดับเดียวกันได้ แท้จริงแล้วคือเจ้าของร้านขายอสูร?
เขาไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ให้ทำแล้วหรอ?
ใช่แล้ว ซูผิงตอบอย่างภูมิใจ นี่คือร้านของฉัน
โหลวหลานหลินพูดไม่ออก
ลูกค้าที่รอต่อแถวร้องอุทานด้วยความดีใจเมื่อเห็นซูผิง
นั่นเจ้าของร้านซู!
คุณซูกลับมาแล้ว!
ซูผิงเป็นคนดัง เป็นแชมป์ระดับจักรวาล แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปีนับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันครั้งล่าสุดและดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ก็ลืมมันไปแล้ว แต่มันยังสดใหม่เหมือนเมื่อวานสำหรับชาวพื้นเมืองของรีอา ทุกคนต่างภาคภูมิใจในตัวเขา!
ซูผิงทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็เชิญโหลวหลานเฟิงและคนอื่นๆ เข้าไปข้างในร้าน ท้ายที่สุดพวกเขาได้ช่วยคุ้มกันเขาตลอดทาง มันคงไม่สุภาพที่ถ้าไม่ชวนพวกเขาเข้ามา
ยอดฝีมือทั้งสองไม่ปฏิเสธคำเชิญของเขา พวกเขาอยากรู้เกี่ยวกับร้านของซูผิงมากซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา สัมผัสของพวกเขาไม่สามารถเจาะเข้าไปในร้านได้
ในที่สุดนายก็กลับมา ถังยู่หรานได้ยินเสียงดังและกำลังพูดต่อ แต่เมื่อเธอเห็นโหลวหลานหลินข้างหลังซูผิง รอยยิ้มของเธอก็ค้างและหายไป เธอถามว่า พวกเขาเป็นลูกค้าหรอ?
เพื่อน ซูผิงตอบอย่างสบายๆ เขาไม่พบสิ่งผิดปกติในน้ำเสียงของถังยู่หราน
โหลวหลานหลินสังเกตถังยู่หราน และพบว่าเธอยังไม่ถึงระดับดวงดาวด้วยซ้ำ จากนั้นเธอก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา
เธออ่อนแอและสวยน้อยกว่าฉัน เธอไม่ใช่ภัยคุกคาม โหลวหลานหลินคิดในใจ
ถังยู่หรานดูเหมือนจะไม่สนใจที่จะคุยกับผู้มาเยี่ยม เธอหันหลังและเข้าไปในร้าน
ภายในร้าน—ท่านหญิงเขียวเห็นซูผิงและทักทายเขาด้วยรอยยิ้มว่า นายกลับมาแล้ว จากนั้นเธอก็มองไปที่สภาวะเทพดวงดาวสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา(ท่านหญิงเขียวอยู่มานานแล้ว น่าจะเปลี่ยนกลับมาเรียกพระเอกแบบคนสมัยใหม่ได้แล้ว)
นายกลับมาแล้ว โจแอนนาเหลือบมองเขาและทักทาย เธอยังคงนิ่งเงียบ ไม่เสียเวลากับการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ อย่างไรก็ตาม เธอเริ่มมองว่าเขาเป็นมากกว่าคนนำทางในแดนเทพอาเคี่ยนหลังจากที่เขาพาเธอไปที่นั่นซะที
ใช่แล้ว ซูผิงพยักหน้า
โหลวหลานหลินค่อยๆ หุบยิ้ม ไม่มีอะไรจะพูด
ถังยู่หรานเหลือบมองโหลวหลานหลินด้วยริมฝีปากที่โค้งงอ
สภาวะเทพดวงดาว… โหลวหลานไฮ่เซินเห็นท่านหญิงเขียวและหรี่ตาลง เขารีบพยักหน้าหน้าทักทายเธอทันที
เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้สนับสนุนของซูผิง ไม่จำเป็นต้องหยิ่งเกินไปต่อหน้าเธอ เนื่องจากตระกูลโหลวหลานพยายามจะสร้างความประทับใจให้กับซูผิงอยู่แล้ว
ทำตัวตามสบายเลยครับ ผมมีธุระต้องไปทำ ทำงานของเธอต่อไป ซูผิงกล่าวแก่ผู้มาเยี่ยมและหญิงสาวที่ดูแลร้าน
ท่านหญิงเขียวนิ่งเงียบ เธอไม่ได้รับรู้ถึงเจตนาร้ายจากสภาวะเทพดวงดาวทั้งสอง ดังนั้นเธอจึงตั้งใจกับงานของตัวเอง
พวกเธอคือ… โหลวหลานหลินกัดริมฝีปากราวกับอยากจะถามอะไรบางอย่าง
พวกเธอเป็นเพื่อนและพนักงานของฉัน ซูผิงกล่าว
พนักงาน? โหลวหลานหลินตกตะลึง เธอกระซิบเบา ๆ อย่างโล่งใจ รวมถึงยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวนั้นด้วยหรอ?
ใช่
ซูผิงตอบเสียงเบา เธอได้ยิน ไม่ว่าเสียงของเธอจะเบาแค่ไหน
โหลวหลานหลินจ้องมองเขา เธอเพียงแต่ลดเสียงลงเพื่อให้มีมารยาท เธอรู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องได้ยินเธออย่างแน่นอน
อาจารย์ของนายส่งพวกเธอมาช่วยนายหรอ? โหลวหลานหลินถามด้วยความสงสัย ดูเหมือนเป็นไปได้ที่อาจารย์ของเขาจะส่งสภาวะเทพดวงดาวมาปกป้องเขา แต่ทำไมผู้คุ้มกันไม่ตามไปที่ตระกูลโหลวหลาน? การเดินทางครั้งนี้ไม่อันตรายหรอ?
อย่าเพิ่งสอดรู้ ซูผิงพูดดุๆ
ท่านหญิงเขียวเหลือบมองโหลวหลานหลินเงียบ ๆ
โหลวหลานหลินหยุดถามเมื่อเห็นว่าซูผิงไม่เต็มใจที่จะบอก เธอไม่ได้ใส่ใจ จากนั้นเธอก็มองไปรอบๆ ร้านแล้วถามว่า นายเปิดร้านขายอสูรทำไม? จากสถานะของนายตอนนี้นายสามารถทำอะไรก็ได้
เพราะฉันอยากทำ ซูผิงพูดอย่างเป็นกันเอง อีกอย่างมันเป็นงานของฉัน
งานของนาย? โหลวหลานหลินรู้สึกตลก ใครหมอบหมายงานให้นาย? แม้แต่ลอร์ดสูงสุดก็คงไม่ขอให้นายทำเรื่องน่าเบื่อแบบนี้หรอกใช่ไหม?
ซูผิงถามอย่างเคร่งขรึม เธอคิดว่าการเปิดร้านขายอสูรน่าเบื่อหรอ?
โหลวหลานหลินตกตะลึงเล็กน้อย เธอสามารถบอกได้จากการแสดงออกของเขาว่าเขาไม่ได้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก เธอขมวดคิ้วและพูดว่า ฉันหมายความว่าถ้านายทำงานนี้เป็นหลัก มันจะมีประโยชน์กับนายตรงไหน? การเปิดร้านขายอสูรมีประโยชน์กับนายด้วยหรอ?
แน่นอน ซูผิงสงบลงและตอบอย่างเป็นกันเอง นักรบอสูรต้องเชื่อมโยงกับอสูรให้ได้มากที่สุด มิฉะนั้นเธอจะรู้ได้ยังไงว่าอสูรของเธอคิดอะไร ชอบกินอะไร และชอบเล่นอะไร
โหลวหลานหลินตกตะลึง ความรู้พวกนั้นมีประโยชน์?
ซูผิงเลิกคิ้วและพูดต่ออย่างสบายๆ มันไม่สามารถพัฒนาพลังต่อสู้ของเธอได้ อย่างไรก็ตามมันมีประโยชน์มากหากเธอคิดว่าอสูรเป็นคู่หูของเธอ เธอก็จะอยากรู้ว่าคู่หูของเธอชอบกินอะไร ชอบทำอะไร
มีประโยชน์มากถ้าเธอคิดว่าอสูรเป็นคู่หูของเธอ …โหลวหลานหลินไตร่ตรองคำพูดของเขาและเงียบ เธอจ้องไปที่ซูผิง รู้สึกเข้าใจเขา เธอพยักหน้าเบาๆ เข้าใจแล้ว..
��