สำหรับคนที่เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดนักฆ่าในอดีต นี่เป็นแผนที่นายคิดขึ้นเองหรอ?
ผู้ชายคนนั้นค่อย ๆ หันกลับมา ปล่อยกลิ่นอายที่เย็นชาและเป็นอันตราย ราวกับว่าเขาเป็นงูพิษที่จับจ้องอีกหกคนในยาน ใบหน้าของเขาค่อนข้างนิ่ง ในขณะที่ดวงตาสีเงินของเขาสะท้อนความเย็นยะเยือกของใบมีดแหลมคม
ผู้อาวุโส
ผู้ชายอีกหกคนในห้องโดยสารเปลี่ยนท่าทาง ชายหนุ่มที่เล่นกับอสูรของเขาหยุดนิ่ง และสาวสวยที่พิงเก้าอี้ก็ค่อยๆ นั่งตัวตรงเช่นกัน
เอาเวลาที่เถียงกันเอง มาคิดหาวิธีจัดการกับสิ่งที่อาจจะเกิดดีกว่าไห?
ชายชราคนหนึ่งซึ่งสูงครึ่งเมตรพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า แม้ว่าเด็กคนนั้นจะแข็งแกร่งพอๆ กับผู้ครองอันดับราชาเทพสิบอันดับแรก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยลอบสังหารแบบนี้มาก่อน อันดับสองเมื่อสองพันปีก่อนก็ยอดเยี่ยมเช่นกันจริงไหม? ทั้งจักรวาลรู้จักชื่อของเขา แต่เราก็ฆ่าเขาไปง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ?
เด็กๆ เหล่านั้นมีพรสวรรค์เป็นพิเศษ แต่พวกเขาเป็นเพียงเด็กหัดเดินที่ไม่เคยเห็นความโหดร้ายที่แท้จริง!
จริงด้วย เมื่อเราร่วมมือกัน ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะอยู่ในอันดับราชาเทพหรือไม่ เราจะไม่ต่อสู้กับเขาแบบตัวต่อตัว นอกจากนี้เขายังเป็นเด็กน้อยระดับดวงดาว แม้ว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่เกินระดับของเขาได้ เขาก็ไม่สามารถหนีจากเราได้อยู่ดี ชายหนุ่มสวมหน้ากากยิ้มกล่าว
ฮะ ฮ่า…
ชายวัยกลางคนหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ดวงตาของเขาเย็นชากว่าที่เคย ฉันสามารถบอกเธอได้ในตอนนี้ว่า หากการลอบสังหารล้มเหลวและเธอถูกบังคับให้ต่อสู้กับเขาแบบตัวต่อตัว พวกเธอทั้งหกอาจไม่สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวน้อยนั้นได้
ฮะ?
ผู้อาวุโส คุณต้องล้อเล่นแน่ๆ
ผู้อาวุโส คุณอาจไม่รู้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้างในบ้านแห่งการทำลายล้าง พวกเราจะเป็นผู้อยู่ในอันดับสูงถ้าเราสามารถปรากฏตัวในที่สาธารณะ!
ทั้งหกคนไม่พอใจ การถูกดูหมิ่นยังทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ
ข้อมูลของเธออาจไม่ได้อัปเดท ชายวัยกลางคนพ่นลมหายใจโดยไม่คิดจะโต้แย้ง สัตว์ประหลาดตัวน้อยนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว ตามข่าวกรองล่าสุด เขาน่าจะแข็งแกร่งพอๆ กับสามอันดับแรกของอันดับราชาเทพ เขาอาจจะเป็นที่สองหรืออันดับหนึ่งก็ได้!
เมื่อพิจารณาถึงผู้ที่อยู่ภายใต้สภาวะเทพดวงดาว ฉันไม่คิดว่าเจ้าดวงดาวจะสามารถฆ่าเขาในการต่อสู้ตัวต่อตัวได้!
กระจกท้องฟ้าเป็นสมบัติที่เขาได้รับจากสภาเทพอมตะ เรามีทางออกสำหรับสิ่งนั้น อย่างไรก็ตามสมบัติที่ลอร์ดสูงสุดมอบให้เขาก็ดีพอๆ กัน! นอกจากนี้พลังจิตของเขามีแนวโน้มที่จะไม่ธรรมดาเช่นกัน ซึ่งหมายความว่าการแทรกแซงทางจิตใจของเธอจะไม่ได้ผลกับเขา!
ดังนั้น หากการลอบสังหารล้มเหลวและเธอต้องต่อสู้แบบตัวต่อตัว มันต้องใช้พวกเธอสี่คนปะทะหนึ่ง!
สัตว์ประหลาดตัวน้อยนั้นยังไม่ได้เปิดเผยอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา หนึ่งตัวที่เขาแสดงให้เห็นอยู่ในระดับดวงดาว แต่มันเป็นโครงกระดูกกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งเท่ากับนักรบร้อยอันดับแรกของอันดับราชาเทพ! อสูรนั่นตัวเดียวก็เพียงพอที่จะรั้งเธอคนหนึ่งไว้แล้ว!
แล้วพวกเธอคิดว่าอสูรที่แข็งแกร่งสุดของเขาจะร้ายสักแค่ไหน?
เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้แล้ว มันก็จะเป็นสองต่อหนึ่งในการปะทะซึ่งๆหน้า เธอมั่นใจที่จะฆ่าอัจฉริยะระดับสูงด้วยคนสองคนไหมล่ะ?
ทั้งหกคนประหลาดใจกับการเปิดเผยของหยินซิง
เขาอยู่แค่ระดับดวงดาวนั้น แต่เขาก็แข็งแกร่งพอๆ กับสามอันดับแรกของอันดับราชาเทพเนี่ยนะ?
เป็นไปได้ยังไง? แค่ที่เขาทำให้ติดสิบอันดับแรกก็เป็นเรื่องอัศจรรย์มากอยู่แล้ว นั่นยังไม่ใช่ดีที่สุดของเขาหรอ?
พลังจิตของเขาแข็งแกร่งเท่าเราอย่างงั้นหรอ?
ชายหนุ่มตาเดียวเปลี่ยนท่าทางเล็กน้อยและกล่าวว่า ผู้อาวุโส คุณตระหนักดีถึงวิชาของตระกูลผม คุณแน่ใจหรือว่าเขาสามารถแข่งขันกับผมได้?
หยินซิงมองเขาอย่างเฉยเมย มันมาจากข่าวกรองล่าสุด เธอควรลดความมั่นใจลงหน่อย องค์กรของเราเคยผิดพลาดหรอ? มันอาจจะช้าแต่ไม่เคยผิด!
นักฆ่าทั้งหกดูแย่มากหลังจากได้ยินแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่าข้อมูลที่รวบรวมโดยองค์กรนั้นน่าเชื่อถือเพียงใด มันต้องถูกต้อง
เด็กระดับดวงดาวเป็นสัตว์ประหลาดขนาดนั้นเลยหรอ? เราใช้เวลาแค่สองพันปีในบ้านแห่งการทำลายล้าง แต่โลกกลับน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ชายชราสูงครึ่งเมตรพึมพำ
เธอจะต้องรับผิดชอบต่อการลอบสังหารของเธอ อย่าหวังให้ฉํนคอยระวังหลังให้
หยินซิงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า แม้ว่าองค์กรของเราจะตรวจสอบและยืนยันว่าศิษย์ของลอร์ดสูงสุดยุ่งกับภารกิจของพวกเขาเองและไม่มีเวลาปกป้องเขา แต่แขกของตระกูลโหลวหลานจะได้รับการคุ้มครองอย่างลับๆโดยสภาวะเทพดวงดาวของพวกเขาอย่างแน่นอน เขาหันหลังกลับ
ภารกิจของฉันคือการเบี่ยงเบนความสนใจของสภาวะเทพดวงดาวที่คอยเฝ้าระวังเขา เธอต้องรู้ว่าอาจารย์ของเขาจะตรวจสอบพื้นที่นี้อย่างแน่นอนหากการลอบสังหารสำเร็จ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถช่วยเธอได้มาก ถ้าเธอต้องการที่จะอยู่รอด เธอต้องทำให้ทุกอย่างให้เป็นไปตามแผน!
ถ้าการลอบสังหารล้มเหลว เธอจะตายอย่างแน่นอนหากถูกบังคับให้ปะทะกันแบบตัวต่อตัว!
นักฆ่าหน้าซีดเมื่อพวกเขาตระหนักว่าภารกิจไม่ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด ไม่น่าแปลกใจที่องค์กรของพวกเขาเสนอรางวัลมากมายเช่นนี้ พวกเขาคิดว่าเหตุผลนั้นเป็นเพราะเป้าหมายของพวกเขาคือศิษย์ของลอร์ดสูงสุดและไม่มีใครกล้ายอมรับภารกิจนี้ อย่างไรก็ตามมันกลับกลายเป็นว่าภารกิจนั้นท้าทายจริงๆ การฆ่าสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวที่มีสมบัติป้องกันมากมายแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
เธออาจไม่สามารถกลับไปที่บ้านแห่งการทำลายล้างได้หากเธอประเมินเขาต่ำไป หยินซิงกล่าวอย่างเย็นชา
ทั้งหกคนยังคงนิ่ง รู้สึกหนักอึ้งกับข่าวที่เพิ่งได้รับ
บรรยากาศในห้องยานตอนนี้น่ากลัวมาก
…
ในอาณาเขตของตระกูลโหลวหลาน…
ที่ด้านบนของภูเขาศักดิ์สิทธิ์—ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากม่านพลัง
นอกม่านพลัง—ผู้อำนวยการอวี่โล่งใจที่เห็นซูผิงออกมา เขามีหลายสิ่งที่ต้องทำหลังจากงานกาล่า อย่างไรก็ตามโหลวหลานเฟิงขอให้เขาอยู่ที่นี่และดูแลซูผิง ผู้นำตระกูลก็ย้ำเขาอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ ที่แห่งนี้คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกของตระกูลโหลวหลาน ซึ่งได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาตลอดเวลา อย่าว่าแต่แมลงวันเลย แม้แต่อากาศก็ถูกกรองออกไปเกือบหมดแล้ว ฉันต้องปกป้องใครจริงๆหรอ?
ผู้อำนวยการอวี่รู้สึกงุนงง แต่เขาไม่กล้าที่ปฏิเสธ เขาแค่คิดว่าตระกูลกำลังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของซูผิงมากเกินไป แม้แต่อัจฉริยะในตระกูลก็ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้
ผู้อำนวยการอวี่เหลือบมองซูผิง และพบว่าเขายังอยู่ในระดับดวงดาว เขายังไม่ได้เป็นเจ้าดวงดาว เขาค่อนข้างแปลกใจ ดังนั้นเขาจึงพึมพำด้วยเสียงต่ำๆ คุณซู ออกมาพักผ่อนหรครับอ?
เขารู้ว่าพลังดวงดาวในสถานที่นั้นหนาแน่นเพียงใด หลังจากบ่มเพาะที่นั่นมานานกว่าหนึ่งเดือนและนับเวลาที่ซูผิงใช้มาจนถึงตอนนี้ เขาควรจะเป็นเจ้าดวงดาวแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีการพัฒนาใด ๆ แต่เขาก็รู้สึกแปลก ๆ จากชายหนุ่ม เขาแทบจะไม่สามารถมองทะลุผ่านซูผิงได้หากไม่ใช้พลังของสภาวะเทพดวงดาว อย่างไรก็ตามการตรวจสอบศิษย์คนหนึ่งของลอร์ดสูงสุดในลักษณะดังกล่าวจะเป็นการหยาบคาย
ใช่ ผมกำลังจะกลับบ้าน ซูผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่พบผู้อำนวยการอวี่ แต่ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
กลับบ้าน? คุณจะไม่ใช้เวลาเพิ่มอีกหน่อยหรอ? ผู้อำนวยการอวี่รีบพยายามจะรั้งเขา คุณยังไม่ได้สำรวจที่นี่ใช่ไหมคุณซู? มีสถานที่มากมายในอาณาเขตของเราที่ผมแน่ใจว่าคุณจะเพลิดเพลินกับมัน
ผมซาบซึ้งในความกรุณาของคุณ ผู้อำนวยการอวี่
ซูผิงยิ้ม แต่ยืนยันที่จะจากไป
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของซูผิง ผู้อำนวยการอวี่ก็ไม่ได้กดดันเขาเพิ่ม เพียงแจ้งผู้นำตระกูลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีชายสองสามคนบินมาโดยมีโหลวหลานเฟิงเป็นผู้นำ ข้างหลังเขาเป็นชายหนุ่มที่ดูเยือกเย็นซึ่งมีดวงตาที่ซับซ้อน
ข้างๆ ชายหนุ่มมีใบหน้าที่คุ้นเคยซึ่งดูอ่อนเยาว์ เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโหลวหลานหลิน
คุณซู คุณจะไปแล้วหรอ? โหลวหลานเฟิงเหลือบมองซูผิงและรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าเขาไม่ได้ทะลวงผ่าน เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้มากนัก อัจฉริยะอย่างซูผิงสามารถเป็นเจ้าดวงดาวได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ เขาอาจจะเลื่อนการพัฒนาออกไปด้วยเหตุผลบางอย่าง
ใช่ครับ
โหลวหลานเฟิงหยิบเหรียญตราที่มีลวดลายดอกไม้แปลก ๆ ออกมาและมอบให้ซูผิง
ผู้นำตระกูลขอให้ผมนำมาให้คุณ ตรานี้มาจากผู้นำตระกูลโหลวหลาน คุณสามารถเก็บไว้ในนาฬิกาได้ ด้วยสิ่งนี้ คุณจะไม่ต้องจ่ายเงินไม่ว่าในธุรกิจใด ๆ ของตระกูลโหลวหลาน และคุณสามารถออกคำสั่งให้กับสมาชิกของเราที่อยู่ต่ำกว่าตัวตนขั้นเจ็ดได้
ตราดูเหมือนวัตถุ แต่แท้จริงแล้วทำมาจากพลังงาน
ซูผิงเก็บไว้ในนาฬิกาของเขาตามคำแนะนำของโหลวหลานเฟิง จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานและฉายตราเพื่อทดลองใช้
คุณซู ว่างเมื่อไหร่แวะมาเยี่ยมเราที่นี่ได้เสมอ โหลวหลานเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูผิงพยักหน้า
นี่คือผู้อำนวยการเสวี่ย พี่ชายของเจ้าหญิงหลิน ทางกลับบ้านของคุณคือการเดินทางที่ยาวนาน คุณซูเราจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นหากผู้อำนวยการเสวี่ยได้ปกป้องคุณระหว่างทาง โหลวหลานเฟิงแนะนำชายหนุ่มที่ดูเยือกเย็น
ชายหนุ่มมองซูผิง เขาพยักหน้าเล็กน้อยเงียบๆ
ซูผิงพยักหน้ารับ ไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือ
เขามีวิธีการช่วยชีวิตมากมาย แต่เขาจะปลอดภัยจากอันตรายใด ๆ หากผู้บ่มเพาะสภาวะเทพดวงดาวพาเขากลับไปที่ร้าน
ฉันได้ยินมาว่านายกำลังกลับ บังเอิญว่าฉันกำลังวางแผนจะไปที่สภาเทพอมตะ ฉันได้ยินมาว่ามันยอดเยี่ยมมาก ฉันอยากไปเที่ยวที่นั่น โหลวหลานหลินกล่าว
ซูผิงส่ายหัวและกล่าวว่า ผมจะไม่กลับไปที่สภาเทพอมตะ ผมจะไปที่อื่น
ฮะ? ใบหน้าของโหลวหลานหลินแข็งทื่อ คอและหูของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฉันเบื่อที่จะบ่มเพาะแล้วและฉันต้องการออกไปเที่ยว นายจะไปที่ไหน? บอกมา บางทีฉันอาจจะสนใจ!
ดาวเคราะห์ธรรมดาที่ค่อนข้างห่างไกล ซูผิงกล่าว
ดาวเคราะห์ธรรมดา? ไม่เลว ฉันไม่เคยเห็นดาวเคราะห์ธรรมดามาก่อนตลอดในชีวิต ฉันจะไม่รังเกียจที่จะไปเยี่ยมเยียน โหลวหลานหลินเงยหน้าขึ้นและมองมาที่ซูผิง
เธอไม่เคยเห็นดาวเคราะห์ธรรมดาเลยเหรอ? ซูผิงประหลาดใจกับคำพูดนั้น เขามองไปที่โหลวหลานเฟิงซึ่งพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม จากนั้นเขาพูดด้วยความเห็นอกเห็นใจ ผมจำได้ว่าเห็นดาวเคราะห์ธรรมดาบางดวงอยู่ระหว่างทาง ทำไมคุณไม่ไปเยี่ยมพวกมันดูล่ะ?
โหลวหลานหลินจ้องไปที่ซูผิงหลังจากเห็นความจริงใจในดวงตาของซูผิง เธอพยายามที่จะมองออกไปและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำไมพูดมากจัง? นายจะไปหรือไม่ไป? ฉันไปทุกที่ที่ฉันพอใจ อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน! ฉันแค่มาถาม อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญ!
ซูผิง: ?
ทำไมจู่ๆเธอก็อารมณ์เสีย?
น่าแปลก ซูผิงไม่รบกวนเธออีกต่อไป เธอไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเขาอยู่ดี เธอไม่สามารถเอาชนะเขาได้แม้ว่าเธอต้องการ
ลาก่อน ผมฝากขอบคุณผู้นำตระกูลของคุณด้วย ซูผิงกล่าว
โหลวหลานเฟิงพยักหน้าด้วยท่าทางแปลก ๆ ผมจะบอกให้ครับ ระหว่างทางดูแลตัวเองด้วย ผู้อำนวยการเสวี่ย ฝากดูแลคุณซูด้วย
ชายหนุ่มเหลือบมองซูผิงและพยักหน้า จากนั้นเขาก็โบกมือสร้างช่องว่างในความว่างเปล่า ไปกันเถอะ.
โหลวหลานหลินกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ฉันได้ยินมาว่าผู้บ่มเพาะที่มีความสามารถทุกคนมีปัญหาทางสมองเพราะพวกเขาไม่รู้อะไรเลยนอกจากการบ่มเพาะ มันจริงด้วย!
ขณะที่เขาเดินตาม ซูผิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า อย่าอธิบายผู้อำนวยการเฟิงแบบนั้น ยังไงเขาก็โตกว่าเธอ
โหลวหลานเฟิงที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งกำลังจะจากไปเกือบจะสะดุดล้ม เขาหันกลับมามองพวกเขาแต่ไม่พูดอะไร
โหลวหลานหลินกลอกตาหลังจากได้ยินสิ่งที่ซูผิงพูด จากนั้นจึงก้าวเข้าไปในมิติโดยไม่หันกลับมามอง
ซูผิงหันมาโบกมือให้โหลวหลานเฟิงก่อนที่เขาจะเข้าไปในประตูมิติ
… ขอบคุณสำหรับการความเมตตาของคุณล่วงหน้า โหลวหลานเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ชายหนุ่มโบกมือแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
…
อีกด้านหนึ่งของประตูมิติเป็นท้องฟ้าเหนือดาวเคราะห์ ซึ่งเป็นที่จอดยานอวกาศรูปกระสวยสีเงินซึ่งทำให้ดูเหมือนกริชคม
คนใช้สภาวะเจ้าดวงดาวในยานอวกาศเชิญซูผิงและโหลวหลานหลินไปที่ห้องนั่งเล่น
เราจะไปที่ไหนกัน? ผู้อำนวยการเสวี่ยถาม
ซูผิงส่งพิกัดของรีอาไปหาเขาทันที ที่นี่
ตกลง.
ผู้อำนวยการเสวี่ยให้พิกัดกับสาวเซ็กซี่ที่กำลังขับยานอวกาศ หญิงสาวมีกลิ่นอายเย้ายวน
ซูผิงมองเธอด้วยความประหลาดใจ ผู้อาวุโสนี้ไม่ใช่มนุษย์หรอครับ?
ฮะ? ผู้อำนวยการเสวี่ยรู้สึกประหลาดใจที่ซูผิงรู้จักตัวตนของเธอ เธอเป็นอสูรและคู่หูของฉัน
ซูผิงพยักหน้า ไม่น่าแปลกใจที่ฉันรู้สึกว่ากลิ่นอายของเธอผิดปกติ อสูรสภาวะเทพดวงดาวทั้งหมดฉลาดจริงไหม? ซูผิงจำยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวที่เขาเคยเห็นในคลังสมบัติของราชาเซียนไวไลท์ได้ อสูรเหล่านั้นสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้เช่นกัน และฉลาดพอๆ กับมนุษย์
อสูรของฉันจะต้องฉลาดพอๆ กันเมื่อพวกมันขึ้นสู่สภาวะเทพดวงดาว ถึงเวลาที่ต้องสอนพวกมันถึงวิธีการแปลงร่าง เพื่อให้ฉันจะได้เก็บมันไว้ข้างกายได้ตลอดเวลา ซูผิงคิด..