ใช้เวลาไม่นานก่อนที่การต่อสู้บนเวทีจะจบลงซวนหยวนหลงเอาชนะชายหนุ่มที่สวมชุดสีเลือดได้อย่างหวุดหวิด
คนอื่นๆออกไปท้าทาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ไข่มังกรเทียนเปลี่ยวกับซวนหยวนหลงง่ายๆ
ยอดฝีมืออันดับสูงของอันดับราชาเทพจากเขตดาวหลายแห่งปรากฏตัวในการต่อสู้ พวกเขาแสดงความแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าดวงดาวทั่วไป ทำให้เกิดเสียงอุทานต่างๆมากมาย
บรรยากาศร้อนแรงขึ้นเมื่ออัจฉริยะในอันดับราชาเทพแลกหมัดกัน
ในขณะนั้นเองที่โหลวหลานเฟิงเชิญซูผิงไปที่โซนหลักโดยบอกว่าผู้นำตระกูลต้องการพบเขา
ซูผิงไม่ปฏิเสธ ท้ายที่สุดตระกูลโหลวหลานเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลที่ใหญ่ที่สุด แม้แต่สภาวะเทพอมตะก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อพวกเขา ยิ่งกว่านั้นโหลวหลานเฟิงก็มีมารยาทกับเขามากเพราะพวกเขาคิดถึงศักยภาพของเขาและอาจารย์ของเขาเป็นอย่างดี
เขาเดินตามชายคนนั้นไปที่เขตหลัก
ซูผิงรู้สึกว่าเสียงที่แผ่ซ่านได้ลดลงอย่างมากเมื่อเขามาถึง ดูเหมือนว่ามีกฎที่มองไม่เห็นปิดกั้นบางส่วนอยู่
นอกจากนี้ อากาศในสถานที่นี้เต็มไปด้วยพลังดวงดาวหนาแน่น กลิ่นอายทรงพลังสัมผัสได้ทั่วทุกที่ ตรงที่ลอร์ดสวรรค์นั่งอยู่มีกลิ่นอายของความยิ่งใหญ่
สภาวะเทพดวงดาวหลายคนสังเกตเห็นซูผิงขณะที่เขาเดินมา พวกเขามุ่งความสนใจไปที่ผู้มาใหม่
ลอร์ดสวรรค์สองสามคนที่กำลังพูดอยู่ก็สังเกตเห็นซูผิงและเหลือบมองเขา ลอร์ดสวรรค์เจี้ยนหลานหยุดพูดและหันมาสังเกตชายหนุ่ม เธอได้อ่านประวัติของซูผิงแล้วและรู้ว่าเขามีความสามารถมากขนาดไหน การประเมินของเธอเองคือเขาจะเท่าเทียมกับเธอเมื่อเขากลายเป็นสภาวะเทพดวงดาว
อย่างไรก็ตามสภาวะเทพดวงดาวยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ไม่สามารถละเลยได้
ผู้นำตระกูลโหลวหลานนั่งอยู่ในที่นั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาเป็นชายสูงหกเมตรที่แผ่กลิ่นอายสูงส่ง
ตามจริงแล้ว ผู้นำตระกูลโหลวหลานได้รับความเคารพมากกว่าจักรพรรดิ ท้ายที่สุดจักรพรรดิสามารถครองราชวงศ์ได้เพียงราชวงศ์เดียว ในขณะที่ผู้นำตระกูลควบคุมกาแล็กซีและกิจการนับไม่ถ้วน จักรพรรดิเป็นเหมือนมดในสายตาของเขา
ซูผิงเดินขึ้นบันไดและเข้าหาผู้นำตระกูลโหลวหลาน ผู้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาคือลอร์ดสวรรค์ซึ่งจ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มที่มาถึง คนปกติจะสั่นเทาภายใต้การจ้องมองเช่นนี้ แต่ซูผิงเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมามากมายในสนามบ่มเพาะ ยกตัวอย่างเช่นมังกรญาณโกลาหล มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่าลอร์ดสวรรค์พวกนี้มาก แม้ว่าในขณะที่มันกำลังหลับอยู่ก็ตาม
“เป็นเกียรติที่ได้พบท่านผู้อาวุโส”
ซูผิงยิ้มมั่นใจแต่ไม่หยิ่งเกินไป
ผู้นำตระกูลโหลวหลานถามด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ของคุณเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาดีมากครับ”
”คุณซู ตระกูลโหลวหลานรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ผูกมิตรกับอัจฉริยะรุ่นเยาว์อย่างเธอ” ผู้นำตระกูลกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าลอร์ดสูงสุดจะให้ทรัพยากรแก่คุณอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตระกูลโหลวหลานสามารถให้บางสิ่งกับคุณได้เช่นกัน ต้องการอะไรขอแค่บอกมา”
ซูผิงส่ายหัวและพูดว่า “ตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการอะไรครับ” “ไม่แม้แต่อสูรที่มีสายเลือดสภาวะเทพดวงดาวหรอ?” ลอร์ดสวรรค์หน้าตาหล่อเหลากล่าวติดตลก
ผู้นำตระกูลหัวเราะและกล่าวว่า “คุณซู ไม่ว่าคุณต้องการอสูรชนิดใด ผมจะให้คนหามันมาให้ ผมรับประกันว่ามันจะไม่ด้อยไปกว่ารางวัลของวันนี้”
ซูผิงรู้ว่าเขากำลังพูดถึงไข่มังกรเทียนเปลี่ยวและรู้สึกทึ่งเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขามีอสูรที่ต้องการการดูแลมากพอแล้ว เขาไม่ได้คิดที่จะหาอสูรเพิ่มในตอนนี้
การมีอสูรมากเกินไปไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง แม้ว่าจำนวนอสูรจะมีความสำคัญ แต่เขาก็มีหลายสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ ตอนนี้สิ่งสำคัญคิอเขาต้องพัฒนาอสูรของเขาให้กลายเป็นสภาวะเจ้าดวงดาวให้ได้ก่อน
“ตอนนี้ผมไม่ได้ขาดอสูร” ซูผิงส่ายหัว คงจะเป็นการยากที่จะตอบแทนความเมตตาคืนในภายหลัง ถ้าเขาได้รับอสูรสภาวะเทพดวงดาวจากตระกูลโหลวหลาน ผู้นำตระกูลแสดงท่าทีแปลก ๆ หลังจากเห็นว่าซูผิงไม่หวั่นไหวกับข้อเสนอของเขา ลอร์ดสวรรค์และสภาวะเทพดวงดาวคนอื่นๆ ก็มองมาที่เขาด้วยความชื่นชมเช่นกัน แม้แต่พวกเขาก็ยังพบว่ามันยากที่จะปฏิเสธอสูรสภาวะเทพดวงดาว ไม่ต้องพูดถึงอสูรอย่างมังกรเทียนเปลี่ยว
“ดูเหมือนว่าลอร์สูงสุดจะชื่นชอบคุณมาก” ผู้นำตระกูลถอนหายใจ เลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป “นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน คุณซู คุณไม่เคยมาที่ตระกูลของเรามาก่อน ถือว่านี่เป็นการแสดงความเป็นมิตรจากตระกูลของผม”
เขาโบกมือหลังจากพูดจบ และลูกบอลระยิบระยับสามลูกก็พุ่งออกจากความว่างเปล่า
ทั้งสามเข้ามาใกล้ซูผิงแล้วความเจิดจรัสของพวกมันก็หายไป พวกมันคือกำไลไข่มุกสีแดง ยาเม็ดสีเขียว และหน้ากาก
“ไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ของมังกรแดงเป็นสมบัติป้องกันของสภาวะเทพดวงดาว ไข่มุกทุกเม็ดสามารถต้านทานการโจมตีของสภาวะเทพดวงดาวได้!” ผู้นำตระกูลโหลวหลานหัวเราะคิกคัก “ยานี้ทำมาจากน้ำตาแหล่งดวงดาวซึ่งมีพลังดวงดาวจำนวนมหาศาล มันอาจมีประโยชน์เมื่อคุณพยายามทะลวงไปยังสภาวะเจ้าดวงดาว
“หน้ากากเป็นสมบัติลับสภาวะเทพดวงดาวซึ่งสามารถซ่อนกลิ่นอายของคุณได้ เมื่อคุณเดินทางในอนาคต คุณซู คุณสามารถใช้มันเพื่อเปลี่ยนตัวตนของคุณได้ สภาวะเทพดวงดาวส่วนใหญ่จะไม่สามารถระบุตัวตนของคุณได้”
แขกสภาวะเทพดวงดาวจ้องมองที่สมบัติลับที่มอบให้กับซูผิงด้วยดวงตาวาววับ
มีสภาวะเทพดวงดาวน้อยมาก นับประสาอะไรกับผู้ที่มีความแข็งแกร่งแบบนั้น ซูผิงแทบจะไม่ถูกลอบสังหารเมื่อใช้สมบัติชิ้นสุดท้าย!
ถึงแม้ว่าจะไม่มีสภาวะเทพดวงดาวที่โง่พอที่จะหวังเอาชีวิตของซูผิง แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้แม้ว่าจะต้องการ เมื่อซูผิงมีสมบัติเช่นนี้!
“ตระกูลโหลวหลานลงทุนเงินมหาศาลกับเขาจริงๆ!”
“จะดีกว่าไหมที่จะเก็บสมบัติล้ำค่านี้ไว้ให้กับอัจฉริยะของตระกูลเขา”
“เขาใจกว้างมาก เขามั่นใจได้หรอว่าชายหนุ่มคนนี้จะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว?
“พวกโหลวหลานจะต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่หากเด็กคนนั้นไม่สามารถเข้าถึงสภาวะเทพดวงดาวได้!”
ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวหลายคนมีความคิดที่แตกต่างกัน
ซูผิงก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน ไม่คิดว่าของขวัญของโหลวหลานจะใจกว้างแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ผู้นำตระกูลใช้เรื่องตลกของลอร์ดสวรรค์และเสนออสูรของสภาวะเทพดวงดาวให้เขา มันยากสำหรับเขาที่จะปฏิเสธความจริงใจเช่นนี้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดซูผิงก็ยอมรับของขวัญทั้งสามชิ้น
“ขอบคุณครับ” ซูผิงกล่าว
ผู้นำตระกูลโหลวหลานยิ้มออกมาหลังจากเห็นท่าทางเคร่งขรึมของซูผิง มันเป็นการลงทุนครั้งใหญ่จริงๆ แต่เขาเชื่อว่ามันคุ้มค่า เขาเต็มใจที่จะเดิมพันว่าซูผิงจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว แม้ว่าเขาจะทำไม่ได้ การสูญเสียก็ถือว่ายอมรับได้ เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงของขวัญเหล่านี้ก็คู่ควรกับความซาบซึ้งจากลอร์ดสวรรค์ มันย่อมคุ้มค่าแน่นอน
ซูผิงยอมรับของขวัญทั้งสามและสวมกำไลไข่มุกทันที ซึ่งจะถูกกระตุ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของสภาวะเทพดวงดาวโดยอัตโนมัติ
มีไข่มุกทั้งหมดเก้าเม็ดบนเชือก ซึ่งหมายความว่าพวกมันสามารถต้านทานการโจมตีได้เก้าครั้ง!
เมื่อรวมกับกระจกท้องฟ้า ซูผิงเชื่อว่าเขาปลอดภัยกว่าเมื่อก่อน ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวทั่วไปแทบจะไม่สามารถซุ่มโจมตีเขาได้ เว้นแต่พวกเขาจะมีสมบัติแปลก ๆ เหมือนกัน
ซูผิงกล่าวคำลาและกลับไปที่แท่นของเขาหลังจากพูดคุยกัน
“ขอแสดงความยินดีกับคุณซู คุณได้รับสมบัติล้ำค่ามากมาย” ผู้อาวุโสคิ้วแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แขกคนอื่นร่วมแสดงความยินดี
บางคนพูดด้วยคงามสุภาพ แต่บางคนก็อิจฉาจริงๆ
พวกเขาทั้งหมดเป็นแขกของตระกูลโหลวหลานแต่ไม่มีใครเคยได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ พวกเขาจะโกหกถ้าบอกว่าพวกเขาไม่อิจฉา
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความอิจฉา แต่พวกเขาก็เข้าใจจุดประสงค์ของตระกูล คนอย่างซูผิงอยู่ภายใต้การคุ้มครองของลอร์ดสูงสุด และอนาคตของเขาก็มีแต่ความหวัง ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับเขา ฉันสามารถใช้ยานี้ได้ตอนนี้เลย
ซูผิงตรวจสอบยาในที่เก็บของเขาเงียบ ๆ เขาได้รับยามาพร้อมกับสมบัติสภาวะเทพดวงดาวล้ำค่าสองชิ้น แม้ว่าผู้นำตระกูลจะอ้างว่ามันมีแค่พลังดวงดาวที่อุดมสมบูรณ์ แต่ซูผิงก็สามารถบอกได้ว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน เมื่อเขาสูดอากาศเข้าไป ซูผิงรู้สึกว่ามหาสมุทรแห่งดวงดาวของเขาพลุ่งพล่านและร่างกายของเขารู้สึกสบายมาก
มีคนอยู่มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่นำมันออกมาตรวจสอบเพิ่มเติม เขาตั้งใจจะรอจนกว่าพิธีจะสิ้นสุดลง
การแข่งขันสิ้นสุดลงในขณะนั้น อี้หลิงกลายเป็นแชมป์คนสุดท้าย เขาได้รับเชิญให้ไปที่โซนหลักและรับไข่มังกรท่ามกลางสายตาของทุกคน
ไข่นั่นสูงเกือบสิบเมตร เปลือกของมันเป็นสีทอง มีแถบสีแดงเล็กๆ จำนวนมากซึ่งทำให้ดูเหมือนถูกไฟไหม้
อี้หลิงหยิบไข่ขึ้นมา การประเมินอย่างรวดเร็วของเขาทำให้เขาตรวจพบพลังที่แทบจะล้นทะลักอยู่ในไข่เมื่อได้รับมัน
เขาทุ่มสุดตัวในการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้ไข่ และใช้ทักษะต้องห้ามเพื่อเอาชนะ การต่อสู้ทำให้เขาสูญเสียการบ่มเพาะร่วมสิบปีของเขา อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง เมื่อเขาชนะและได้รับไข่สภาวะเทพดวงดาว!
เมื่อการประลองเสร็จสิ้น สภาวะเทพดวงดาวบางคนก็ก้าวขึ้นมาและพูดความเข้าใจในกฎของตน
การบรรยายดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้บ่มเพาะทุกคนที่เดินทางมาไกล
เวลาดำเนินไป สามวันก็ผ่านไป
ในที่สุดงานกาล่าก็จบลงอย่างสมบูรณ์ และในที่สุดทะเลมายาก็เปิดออก
ดูเหมือนว่าจุดประสงค์หลักของตระกูลโหลวหลานในการจัดงานกาล่านี้คือการเชิญมาเพื่ออะไรบางอย่าง ซูผิงมุ่งความสนใจไปที่ที่นั่งของลอร์สวรรค์ระหว่างพิธี เขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่ดูเหมือนพวกเขาจะถกเถียงกันเยอะมาก
ไม่มีผู้มีอิทธิพลคนใดให้ความสนใจกับการประลองและคำสอนระหว่างงานกาล่ามากนัก
เมื่องานสิ้นสุดลง สภาวะเทพดวงดาวของตระกูลโหลวหลานประกาศว่าทะเลมายาจะเปิดในสองวัน นอกจากซูผิง มีหลายคนที่เดินทางมาเพื่อทะเลมายาโดยเฉพาะ
ซูผิงกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะของโหลวหลานและเริ่มบ่มเพาะต่อ
โหลวหลานหลิน ก็ไปที่พื้นที่บ่มเพาะและกำลังวางแผนที่จะคุยกับเขา แต่แล้วเธอก็โกรธเพราะเขาบ่มเพาะในทันที เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เธอจึงมุ่งความสนใจไปที่การบ่มเพาะเช่นกัน
หลังจากสร้างม่านพลังแล้ว ซูผิงก็หยิบยาที่เขาได้รับออกมา และรู้สึกทันทีว่าความหนาแน่นของพลังดวงดาวรอบตัวเขาสูงขึ้นหลายสิบเท่า ทุกรังสีแสงที่ปล่อยออกมาจากเม็ดยานั้นมีพลังดวงดาวสูงเท่าภูเขา
เป็นไปได้ว่าทุกคนสามารถไปถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรได้หากสิ่งนี้ถูกใช้เพื่อบุกเข้าไปในสภาวะเจ้าดวงดาว ซูผิงถอนหายใจ
ไม่ว่าคนๆนั้นจะไร้ความสามารถแค่ไหนก็ตาม การไปถึงขอบเขตของสภาวะเจ้าดวงดาวก็จะย่อโลกใบเล็กได้!
ซูผิงกลืนยาอย่างรวดเร็ว
เขาไม่กลัวอาหารไม่ย่อย?
ซูผิงไม่รู้สึกกดดันใดๆ การบ่มเพาะแผนภูมิดวงดาวโกลาหลมีประสิทธิภาพมากจนซูผิงไม่เคยรู้สึกอิ่มมาก่อน เขาสามารถดูดซับพลังดวงดาวได้มากมหาศาล แถมเซลล์ของเขายังสามารถเก็บสะสมไว้ได้มากมาย
ทันทีที่เม็ดยาเข้าปาก ซูผิงรู้สึกได้ทันทีว่าพลังดวงดาวที่หนาแน่นเคลื่อนจากพื้นผิวของเม็ดยา แผ่กระจายไปทั่วร่างกายในเวลาต่อมา ทุกชั้นของเม็ดยาก็เพียงพอแล้วที่จะเติมเต็มเขา
อย่างไรก็ตาม มหาสมุทรแห่งดวงดาวทั้งสองภายในตัวเขากำลังกลืนพลังดวงดาวอย่างต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนมันเป็นกลิ่นอายเซียน ซึ่งถูกใช้เพื่อควบแน่นดวงดาวในทันที ในไม่ช้าผลผลึกก็ควบแน่นในร่างกายของเขา
ซูผิงแข็งแกร่งขึ้นจากดาวที่ควบแน่นใหม่แต่ละดวง
รูขุมขนของเขาดูดซับพลังดวงดาวจากกลุ่มดาวในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ซูผิงรู้สึกราวกับว่าเขาเกือบจะละลายในมหาสมุทรแห่งดวงดาว
ต้องใช้เวลาสักระยะกว่าเม็ดยาจะค่อยๆ หดตัวจนมีขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์ ในที่สุดซูผิงก็รู้สึกว่าพลังดวงดาวที่ขยายตัวในร่างกายของเขาช้าลงในตอนนั้น
ซูผิงตื่นจากภวังค์การบ่มเพาะของเขา และความคิดแรกคือทะเลมายา เขาเอานาฬิกาออกมาดูเวลาด้วยความตกใจ และก็โล่งใจเพราะผ่านมาแค่สองวันพอดี โชคดีที่เขาไม่พลาดอะไร
เมื่อหายตกใจ ซูผิงก็สังเกตเห็นจำนวนดาวในร่างกายของเขาและตกใจ เขาได้รับดาวมากกว่ายี่สิบดวงภายในสองวัน!
“ฉันต้องการดาวเพิ่มอีกแค่สองสามดวงก็จะวาดภาพร่างดวงดาวที่เจ็ดเสร็จ!”
ซูผิงรู้สึกดีใจ เม็ดยานั้นได้เพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของเขาหลายสิบเท่า เมื่อเทียบกับความเร็วปกติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่ยังหมายความว่าอัตราการพัฒนาของเขาเร็วกว่าบนโลกปกติหลายร้อยเท่า!
ฉันจะบ่มเพาะอีกสองสามวันหลังจากที่ฉันกลับมาจากทะเลมายา โลกใบเล็กของฉันจะถึงเพดานของระดับแรกเมื่อฉันวาดภาพร่างดวงดาวที่เจ็ดเสร็จสิ้นการ ซูผิงรู้สึกตื่นเต้น เขาหยุดการบ่มเพาะชั่วครู่หนึ่ง
ทันทีที่ซูผิงก้าวออกมาก็เห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเห็นซูผิง โหลวหลานเฟิงก็รีบก้าวขึ้นมาและพูดว่า “คุณซู ในที่สุดคุณก็ออกมาแล้ว ทะเลมายาเปิดแล้ว ทุกคนอยู่ที่นั่นกันหมดแล้ว ไปร่วมกับพวกเขากันเถอะ”
”ตกลง” ซูผิงพยักหน้า..
คนอื่นๆออกไปท้าทาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ไข่มังกรเทียนเปลี่ยวกับซวนหยวนหลงง่ายๆ
ยอดฝีมืออันดับสูงของอันดับราชาเทพจากเขตดาวหลายแห่งปรากฏตัวในการต่อสู้ พวกเขาแสดงความแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าดวงดาวทั่วไป ทำให้เกิดเสียงอุทานต่างๆมากมาย
บรรยากาศร้อนแรงขึ้นเมื่ออัจฉริยะในอันดับราชาเทพแลกหมัดกัน
ในขณะนั้นเองที่โหลวหลานเฟิงเชิญซูผิงไปที่โซนหลักโดยบอกว่าผู้นำตระกูลต้องการพบเขา
ซูผิงไม่ปฏิเสธ ท้ายที่สุดตระกูลโหลวหลานเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลที่ใหญ่ที่สุด แม้แต่สภาวะเทพอมตะก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อพวกเขา ยิ่งกว่านั้นโหลวหลานเฟิงก็มีมารยาทกับเขามากเพราะพวกเขาคิดถึงศักยภาพของเขาและอาจารย์ของเขาเป็นอย่างดี
เขาเดินตามชายคนนั้นไปที่เขตหลัก
ซูผิงรู้สึกว่าเสียงที่แผ่ซ่านได้ลดลงอย่างมากเมื่อเขามาถึง ดูเหมือนว่ามีกฎที่มองไม่เห็นปิดกั้นบางส่วนอยู่
นอกจากนี้ อากาศในสถานที่นี้เต็มไปด้วยพลังดวงดาวหนาแน่น กลิ่นอายทรงพลังสัมผัสได้ทั่วทุกที่ ตรงที่ลอร์ดสวรรค์นั่งอยู่มีกลิ่นอายของความยิ่งใหญ่
สภาวะเทพดวงดาวหลายคนสังเกตเห็นซูผิงขณะที่เขาเดินมา พวกเขามุ่งความสนใจไปที่ผู้มาใหม่
ลอร์ดสวรรค์สองสามคนที่กำลังพูดอยู่ก็สังเกตเห็นซูผิงและเหลือบมองเขา ลอร์ดสวรรค์เจี้ยนหลานหยุดพูดและหันมาสังเกตชายหนุ่ม เธอได้อ่านประวัติของซูผิงแล้วและรู้ว่าเขามีความสามารถมากขนาดไหน การประเมินของเธอเองคือเขาจะเท่าเทียมกับเธอเมื่อเขากลายเป็นสภาวะเทพดวงดาว
อย่างไรก็ตามสภาวะเทพดวงดาวยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ไม่สามารถละเลยได้
ผู้นำตระกูลโหลวหลานนั่งอยู่ในที่นั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาเป็นชายสูงหกเมตรที่แผ่กลิ่นอายสูงส่ง
ตามจริงแล้ว ผู้นำตระกูลโหลวหลานได้รับความเคารพมากกว่าจักรพรรดิ ท้ายที่สุดจักรพรรดิสามารถครองราชวงศ์ได้เพียงราชวงศ์เดียว ในขณะที่ผู้นำตระกูลควบคุมกาแล็กซีและกิจการนับไม่ถ้วน จักรพรรดิเป็นเหมือนมดในสายตาของเขา
ซูผิงเดินขึ้นบันไดและเข้าหาผู้นำตระกูลโหลวหลาน ผู้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาคือลอร์ดสวรรค์ซึ่งจ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มที่มาถึง คนปกติจะสั่นเทาภายใต้การจ้องมองเช่นนี้ แต่ซูผิงเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมามากมายในสนามบ่มเพาะ ยกตัวอย่างเช่นมังกรญาณโกลาหล มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่าลอร์ดสวรรค์พวกนี้มาก แม้ว่าในขณะที่มันกำลังหลับอยู่ก็ตาม
“เป็นเกียรติที่ได้พบท่านผู้อาวุโส”
ซูผิงยิ้มมั่นใจแต่ไม่หยิ่งเกินไป
ผู้นำตระกูลโหลวหลานถามด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ของคุณเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาดีมากครับ”
”คุณซู ตระกูลโหลวหลานรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ผูกมิตรกับอัจฉริยะรุ่นเยาว์อย่างเธอ” ผู้นำตระกูลกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าลอร์ดสูงสุดจะให้ทรัพยากรแก่คุณอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตระกูลโหลวหลานสามารถให้บางสิ่งกับคุณได้เช่นกัน ต้องการอะไรขอแค่บอกมา”
ซูผิงส่ายหัวและพูดว่า “ตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการอะไรครับ” “ไม่แม้แต่อสูรที่มีสายเลือดสภาวะเทพดวงดาวหรอ?” ลอร์ดสวรรค์หน้าตาหล่อเหลากล่าวติดตลก
ผู้นำตระกูลหัวเราะและกล่าวว่า “คุณซู ไม่ว่าคุณต้องการอสูรชนิดใด ผมจะให้คนหามันมาให้ ผมรับประกันว่ามันจะไม่ด้อยไปกว่ารางวัลของวันนี้”
ซูผิงรู้ว่าเขากำลังพูดถึงไข่มังกรเทียนเปลี่ยวและรู้สึกทึ่งเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขามีอสูรที่ต้องการการดูแลมากพอแล้ว เขาไม่ได้คิดที่จะหาอสูรเพิ่มในตอนนี้
การมีอสูรมากเกินไปไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง แม้ว่าจำนวนอสูรจะมีความสำคัญ แต่เขาก็มีหลายสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ ตอนนี้สิ่งสำคัญคิอเขาต้องพัฒนาอสูรของเขาให้กลายเป็นสภาวะเจ้าดวงดาวให้ได้ก่อน
“ตอนนี้ผมไม่ได้ขาดอสูร” ซูผิงส่ายหัว คงจะเป็นการยากที่จะตอบแทนความเมตตาคืนในภายหลัง ถ้าเขาได้รับอสูรสภาวะเทพดวงดาวจากตระกูลโหลวหลาน ผู้นำตระกูลแสดงท่าทีแปลก ๆ หลังจากเห็นว่าซูผิงไม่หวั่นไหวกับข้อเสนอของเขา ลอร์ดสวรรค์และสภาวะเทพดวงดาวคนอื่นๆ ก็มองมาที่เขาด้วยความชื่นชมเช่นกัน แม้แต่พวกเขาก็ยังพบว่ามันยากที่จะปฏิเสธอสูรสภาวะเทพดวงดาว ไม่ต้องพูดถึงอสูรอย่างมังกรเทียนเปลี่ยว
“ดูเหมือนว่าลอร์สูงสุดจะชื่นชอบคุณมาก” ผู้นำตระกูลถอนหายใจ เลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป “นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน คุณซู คุณไม่เคยมาที่ตระกูลของเรามาก่อน ถือว่านี่เป็นการแสดงความเป็นมิตรจากตระกูลของผม”
เขาโบกมือหลังจากพูดจบ และลูกบอลระยิบระยับสามลูกก็พุ่งออกจากความว่างเปล่า
ทั้งสามเข้ามาใกล้ซูผิงแล้วความเจิดจรัสของพวกมันก็หายไป พวกมันคือกำไลไข่มุกสีแดง ยาเม็ดสีเขียว และหน้ากาก
“ไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ของมังกรแดงเป็นสมบัติป้องกันของสภาวะเทพดวงดาว ไข่มุกทุกเม็ดสามารถต้านทานการโจมตีของสภาวะเทพดวงดาวได้!” ผู้นำตระกูลโหลวหลานหัวเราะคิกคัก “ยานี้ทำมาจากน้ำตาแหล่งดวงดาวซึ่งมีพลังดวงดาวจำนวนมหาศาล มันอาจมีประโยชน์เมื่อคุณพยายามทะลวงไปยังสภาวะเจ้าดวงดาว
“หน้ากากเป็นสมบัติลับสภาวะเทพดวงดาวซึ่งสามารถซ่อนกลิ่นอายของคุณได้ เมื่อคุณเดินทางในอนาคต คุณซู คุณสามารถใช้มันเพื่อเปลี่ยนตัวตนของคุณได้ สภาวะเทพดวงดาวส่วนใหญ่จะไม่สามารถระบุตัวตนของคุณได้”
แขกสภาวะเทพดวงดาวจ้องมองที่สมบัติลับที่มอบให้กับซูผิงด้วยดวงตาวาววับ
มีสภาวะเทพดวงดาวน้อยมาก นับประสาอะไรกับผู้ที่มีความแข็งแกร่งแบบนั้น ซูผิงแทบจะไม่ถูกลอบสังหารเมื่อใช้สมบัติชิ้นสุดท้าย!
ถึงแม้ว่าจะไม่มีสภาวะเทพดวงดาวที่โง่พอที่จะหวังเอาชีวิตของซูผิง แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้แม้ว่าจะต้องการ เมื่อซูผิงมีสมบัติเช่นนี้!
“ตระกูลโหลวหลานลงทุนเงินมหาศาลกับเขาจริงๆ!”
“จะดีกว่าไหมที่จะเก็บสมบัติล้ำค่านี้ไว้ให้กับอัจฉริยะของตระกูลเขา”
“เขาใจกว้างมาก เขามั่นใจได้หรอว่าชายหนุ่มคนนี้จะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว?
“พวกโหลวหลานจะต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่หากเด็กคนนั้นไม่สามารถเข้าถึงสภาวะเทพดวงดาวได้!”
ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวหลายคนมีความคิดที่แตกต่างกัน
ซูผิงก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน ไม่คิดว่าของขวัญของโหลวหลานจะใจกว้างแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ผู้นำตระกูลใช้เรื่องตลกของลอร์ดสวรรค์และเสนออสูรของสภาวะเทพดวงดาวให้เขา มันยากสำหรับเขาที่จะปฏิเสธความจริงใจเช่นนี้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดซูผิงก็ยอมรับของขวัญทั้งสามชิ้น
“ขอบคุณครับ” ซูผิงกล่าว
ผู้นำตระกูลโหลวหลานยิ้มออกมาหลังจากเห็นท่าทางเคร่งขรึมของซูผิง มันเป็นการลงทุนครั้งใหญ่จริงๆ แต่เขาเชื่อว่ามันคุ้มค่า เขาเต็มใจที่จะเดิมพันว่าซูผิงจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว แม้ว่าเขาจะทำไม่ได้ การสูญเสียก็ถือว่ายอมรับได้ เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงของขวัญเหล่านี้ก็คู่ควรกับความซาบซึ้งจากลอร์ดสวรรค์ มันย่อมคุ้มค่าแน่นอน
ซูผิงยอมรับของขวัญทั้งสามและสวมกำไลไข่มุกทันที ซึ่งจะถูกกระตุ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของสภาวะเทพดวงดาวโดยอัตโนมัติ
มีไข่มุกทั้งหมดเก้าเม็ดบนเชือก ซึ่งหมายความว่าพวกมันสามารถต้านทานการโจมตีได้เก้าครั้ง!
เมื่อรวมกับกระจกท้องฟ้า ซูผิงเชื่อว่าเขาปลอดภัยกว่าเมื่อก่อน ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวทั่วไปแทบจะไม่สามารถซุ่มโจมตีเขาได้ เว้นแต่พวกเขาจะมีสมบัติแปลก ๆ เหมือนกัน
ซูผิงกล่าวคำลาและกลับไปที่แท่นของเขาหลังจากพูดคุยกัน
“ขอแสดงความยินดีกับคุณซู คุณได้รับสมบัติล้ำค่ามากมาย” ผู้อาวุโสคิ้วแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แขกคนอื่นร่วมแสดงความยินดี
บางคนพูดด้วยคงามสุภาพ แต่บางคนก็อิจฉาจริงๆ
พวกเขาทั้งหมดเป็นแขกของตระกูลโหลวหลานแต่ไม่มีใครเคยได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ พวกเขาจะโกหกถ้าบอกว่าพวกเขาไม่อิจฉา
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความอิจฉา แต่พวกเขาก็เข้าใจจุดประสงค์ของตระกูล คนอย่างซูผิงอยู่ภายใต้การคุ้มครองของลอร์ดสูงสุด และอนาคตของเขาก็มีแต่ความหวัง ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับเขา ฉันสามารถใช้ยานี้ได้ตอนนี้เลย
ซูผิงตรวจสอบยาในที่เก็บของเขาเงียบ ๆ เขาได้รับยามาพร้อมกับสมบัติสภาวะเทพดวงดาวล้ำค่าสองชิ้น แม้ว่าผู้นำตระกูลจะอ้างว่ามันมีแค่พลังดวงดาวที่อุดมสมบูรณ์ แต่ซูผิงก็สามารถบอกได้ว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน เมื่อเขาสูดอากาศเข้าไป ซูผิงรู้สึกว่ามหาสมุทรแห่งดวงดาวของเขาพลุ่งพล่านและร่างกายของเขารู้สึกสบายมาก
มีคนอยู่มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่นำมันออกมาตรวจสอบเพิ่มเติม เขาตั้งใจจะรอจนกว่าพิธีจะสิ้นสุดลง
การแข่งขันสิ้นสุดลงในขณะนั้น อี้หลิงกลายเป็นแชมป์คนสุดท้าย เขาได้รับเชิญให้ไปที่โซนหลักและรับไข่มังกรท่ามกลางสายตาของทุกคน
ไข่นั่นสูงเกือบสิบเมตร เปลือกของมันเป็นสีทอง มีแถบสีแดงเล็กๆ จำนวนมากซึ่งทำให้ดูเหมือนถูกไฟไหม้
อี้หลิงหยิบไข่ขึ้นมา การประเมินอย่างรวดเร็วของเขาทำให้เขาตรวจพบพลังที่แทบจะล้นทะลักอยู่ในไข่เมื่อได้รับมัน
เขาทุ่มสุดตัวในการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้ไข่ และใช้ทักษะต้องห้ามเพื่อเอาชนะ การต่อสู้ทำให้เขาสูญเสียการบ่มเพาะร่วมสิบปีของเขา อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง เมื่อเขาชนะและได้รับไข่สภาวะเทพดวงดาว!
เมื่อการประลองเสร็จสิ้น สภาวะเทพดวงดาวบางคนก็ก้าวขึ้นมาและพูดความเข้าใจในกฎของตน
การบรรยายดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้บ่มเพาะทุกคนที่เดินทางมาไกล
เวลาดำเนินไป สามวันก็ผ่านไป
ในที่สุดงานกาล่าก็จบลงอย่างสมบูรณ์ และในที่สุดทะเลมายาก็เปิดออก
ดูเหมือนว่าจุดประสงค์หลักของตระกูลโหลวหลานในการจัดงานกาล่านี้คือการเชิญมาเพื่ออะไรบางอย่าง ซูผิงมุ่งความสนใจไปที่ที่นั่งของลอร์สวรรค์ระหว่างพิธี เขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่ดูเหมือนพวกเขาจะถกเถียงกันเยอะมาก
ไม่มีผู้มีอิทธิพลคนใดให้ความสนใจกับการประลองและคำสอนระหว่างงานกาล่ามากนัก
เมื่องานสิ้นสุดลง สภาวะเทพดวงดาวของตระกูลโหลวหลานประกาศว่าทะเลมายาจะเปิดในสองวัน นอกจากซูผิง มีหลายคนที่เดินทางมาเพื่อทะเลมายาโดยเฉพาะ
ซูผิงกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะของโหลวหลานและเริ่มบ่มเพาะต่อ
โหลวหลานหลิน ก็ไปที่พื้นที่บ่มเพาะและกำลังวางแผนที่จะคุยกับเขา แต่แล้วเธอก็โกรธเพราะเขาบ่มเพาะในทันที เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เธอจึงมุ่งความสนใจไปที่การบ่มเพาะเช่นกัน
หลังจากสร้างม่านพลังแล้ว ซูผิงก็หยิบยาที่เขาได้รับออกมา และรู้สึกทันทีว่าความหนาแน่นของพลังดวงดาวรอบตัวเขาสูงขึ้นหลายสิบเท่า ทุกรังสีแสงที่ปล่อยออกมาจากเม็ดยานั้นมีพลังดวงดาวสูงเท่าภูเขา
เป็นไปได้ว่าทุกคนสามารถไปถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรได้หากสิ่งนี้ถูกใช้เพื่อบุกเข้าไปในสภาวะเจ้าดวงดาว ซูผิงถอนหายใจ
ไม่ว่าคนๆนั้นจะไร้ความสามารถแค่ไหนก็ตาม การไปถึงขอบเขตของสภาวะเจ้าดวงดาวก็จะย่อโลกใบเล็กได้!
ซูผิงกลืนยาอย่างรวดเร็ว
เขาไม่กลัวอาหารไม่ย่อย?
ซูผิงไม่รู้สึกกดดันใดๆ การบ่มเพาะแผนภูมิดวงดาวโกลาหลมีประสิทธิภาพมากจนซูผิงไม่เคยรู้สึกอิ่มมาก่อน เขาสามารถดูดซับพลังดวงดาวได้มากมหาศาล แถมเซลล์ของเขายังสามารถเก็บสะสมไว้ได้มากมาย
ทันทีที่เม็ดยาเข้าปาก ซูผิงรู้สึกได้ทันทีว่าพลังดวงดาวที่หนาแน่นเคลื่อนจากพื้นผิวของเม็ดยา แผ่กระจายไปทั่วร่างกายในเวลาต่อมา ทุกชั้นของเม็ดยาก็เพียงพอแล้วที่จะเติมเต็มเขา
อย่างไรก็ตาม มหาสมุทรแห่งดวงดาวทั้งสองภายในตัวเขากำลังกลืนพลังดวงดาวอย่างต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนมันเป็นกลิ่นอายเซียน ซึ่งถูกใช้เพื่อควบแน่นดวงดาวในทันที ในไม่ช้าผลผลึกก็ควบแน่นในร่างกายของเขา
ซูผิงแข็งแกร่งขึ้นจากดาวที่ควบแน่นใหม่แต่ละดวง
รูขุมขนของเขาดูดซับพลังดวงดาวจากกลุ่มดาวในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ซูผิงรู้สึกราวกับว่าเขาเกือบจะละลายในมหาสมุทรแห่งดวงดาว
ต้องใช้เวลาสักระยะกว่าเม็ดยาจะค่อยๆ หดตัวจนมีขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์ ในที่สุดซูผิงก็รู้สึกว่าพลังดวงดาวที่ขยายตัวในร่างกายของเขาช้าลงในตอนนั้น
ซูผิงตื่นจากภวังค์การบ่มเพาะของเขา และความคิดแรกคือทะเลมายา เขาเอานาฬิกาออกมาดูเวลาด้วยความตกใจ และก็โล่งใจเพราะผ่านมาแค่สองวันพอดี โชคดีที่เขาไม่พลาดอะไร
เมื่อหายตกใจ ซูผิงก็สังเกตเห็นจำนวนดาวในร่างกายของเขาและตกใจ เขาได้รับดาวมากกว่ายี่สิบดวงภายในสองวัน!
“ฉันต้องการดาวเพิ่มอีกแค่สองสามดวงก็จะวาดภาพร่างดวงดาวที่เจ็ดเสร็จ!”
ซูผิงรู้สึกดีใจ เม็ดยานั้นได้เพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของเขาหลายสิบเท่า เมื่อเทียบกับความเร็วปกติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่ยังหมายความว่าอัตราการพัฒนาของเขาเร็วกว่าบนโลกปกติหลายร้อยเท่า!
ฉันจะบ่มเพาะอีกสองสามวันหลังจากที่ฉันกลับมาจากทะเลมายา โลกใบเล็กของฉันจะถึงเพดานของระดับแรกเมื่อฉันวาดภาพร่างดวงดาวที่เจ็ดเสร็จสิ้นการ ซูผิงรู้สึกตื่นเต้น เขาหยุดการบ่มเพาะชั่วครู่หนึ่ง
ทันทีที่ซูผิงก้าวออกมาก็เห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเห็นซูผิง โหลวหลานเฟิงก็รีบก้าวขึ้นมาและพูดว่า “คุณซู ในที่สุดคุณก็ออกมาแล้ว ทะเลมายาเปิดแล้ว ทุกคนอยู่ที่นั่นกันหมดแล้ว ไปร่วมกับพวกเขากันเถอะ”
”ตกลง” ซูผิงพยักหน้า..