สัตว์อสูรนั้นมีมาตั้งแต่เริ่มประวัติศาสตร์ของมนุษย์และมันมีข่าวลือว่าเมื่อล้านปีก่อน สัตว์ป่านนั้นมีวิวัฒนาการที่ก้าวกระโดดและมีวิธีการบ่มเพาะพลังพิเศษที่ทำให้พวกมันดูดกลืนพลังงานสุริยันและจันทราได้
หลังจากผ่านมาหลายชั่วอายุ สัตว์ป่าได้วิวัฒนาการเป็นสัตว์อสูรที่มีวิชาอสูรลึกลับ จนกระทั่งหลายร้อยหลายพันปีผ่านมาก็กำเนิดสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมาอย่างนับไม่ถ้วน และบางตัวถึงขั้นที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ พวกมันมีสติปัญญาและความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เสียอีก!
ในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ สัตว์อสูรมักเป็นภัยต่อพิภพมาโดยตลอด เมื่อประมาณแสนสองหมื่นปีก่อน เหล่าสัตว์อสูรก่อการจลาจลขึ้นซึ่งเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงไปทั่วผืนปฐพี ผู้คนนับล้านต่างตายลงไปจากเหตุการณ์นั้น
แต่ในท้ายที่สุด ด้วยการนำทัพของปรมาจารย์ทั้งห้า เหล่ามนุษยชาติจึงสามารถปราบปรามกองทัพสัตว์อสูรและจักรพรรดิสัตว์อสูรทั้งสามได้สำเร็จ จากนั้นพวกเขาก็ทำสัญญาเลือดซึ่งสัตว์อสูรจะปักหลักอยู่ที่หุบเขาสามหมื่นลี้ แต่จ้าวแห่งมวลมนุษย์จะต้องไม่เข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาสามหมื่นลี้ในขณะที่ราชันสัตว์อสูรและจักรพรรดิสัตว์อสูรจะต้องไม่ออกจากหุบเขาเช่นกัน
นี่เป็นสัญญาเลือดที่โด่งดังไปทั่วพิภพซึ่งถูกตั้งชื่อไว้ว่า สัญญาเลือดแปดจักรพรรดิ มันเป็นเพราะสัญญาเลือดนี้ที่ทำให้เหล่าสัตว์อสูรไม่ออกมารุกรานมนุษย์อีกต่อไป อย่างน้อยก็เป็นเวลาหลายพันกว่าปีที่ราชันสัตว์อสูรหรือจักรพรรดิสัตว์อสูรไม่ออกมาจากหุบเขาสามหมื่นลี้เลย และแน่นอนว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญก็คงไม่โง่เหยียบเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สัญญาเลือดนี้มันได้ถูกทำลายลงในวันนี้
หลังจากเวลาล่วงเลยมากว่าแสนสองหมื่นปี กองทัพสัตว์อสูรก็ก่อจลาจลขึ้นอีกครั้ง ราชันและจักรพรรดิสัตว์อสูรที่อยู่ในหุบเขาสามหมื่นลี้ต่างพากันหลั่งไหลออกมาและเห็นได้ชัดว่าคงจะชำระล้างเมืองด้วยเลือดมนุษย์มาหลายเมืองแล้ว
หุบเขาสามหมื่นลี้ตั้งอยู่ระหว่างอาณาจักรเสินหวู่และอาณาจักรต้าเซี่ย ในตอนนี้เจียงอี้อยู่ทางเหนือของอาณาจักรต้าเซี่ยและหากเขาเจอกองทัพสัตว์อสูรที่นี่ นั่นก็หมายความว่าเมืองเล็กๆทางตอนใต้ของหุบเขาสามหมื่นลี้ถูกกำราบไปหมดแล้ว
“ตึก ตึก”
หัวใจของเจียงอี้เต้นรัวขณะที่เขามองภาพเหล่าสัตว์อสูรที่มากมายกำลังพากันกรูเข้ามา เขารู้สึกหายใจไม่ออกและอินทรีมังกรที่เขาขี่อยู่นั้นก็ไม่สามารถแม้แต่จะกางปีกบินได้เลยเนื่องจากมันกลัวและขดตัวอยู่อย่างนั้น
เจียงอี้ไม่รู้ว่ามีกี่ชีวิตที่ถูกกองทัพสัตว์อสูรพรากไป แต่เขารู้ตัวว่าเขาก็กำลังจะตายเช่นกัน การเผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์อสูรขั้นสูงมากมายเช่นนี้ แม้แต่ตัวพ่อของเขา เจียงเปี๋ยหลี เองก็ยังคงต้องชั่งใจเลยว่าจะสามารถหนีรอดไปได้หรือไม่
ที่สำคัญที่สุดคือ …. มีสตรีผู้เลอโฉมอยู่ในกองทัพสัตว์อสูรซึ่งคงเป็นจักรพรรดิสัตว์อสูรในร่างมนุษย์เป็นแน่!
เจียงอี้นั้นไม่เคยเห็นจักรพรรดิสัตว์อสูรมาก่อน แต่เขามั่นใจว่านี่ต้องเป็นจักรพรรดิอสูรในตำนานแน่ๆ… เพราะตัวตนและกลิ่นอายที่ปกคลุมทั่วทั้งสารทิศนั้นออกมาจากจักรพรรดิอสูร ซึ่งเจียงอี้ถูกพลังของมันกดดันจนแทบจะกระอักเลือดและไม่สามารถรวบรวมจิตวิญญาณให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ได้
“นี่ข้ากำลังจะตายหรือ?”
เจียงอี้พยายามเลียริมฝีปากของเขา ความตายนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาเกรงกลัว เขาแค่รู้สึกเสียใจที่เขาไม่สามารถช่วยเสี่ยวนู๋ได้
“เช่นนั้นก็เข้ามา ไอ้พวกสารเลว!”
เขาเผยรอยยิ้มที่โหดร้ายออกมาและเก็บอินทรีมังกรกลับไปอย่างรวดเร็ว ดาบมังกรเพลิงปรากฎขึ้นมาพร้อมกับไข่มุกวิญญาณเพลิง ในขณะที่ร่างของเขาแผ่เจตจำนงสังหารออกมาและแปรเปลี่ยนดวงตาของเขาเป็นสีแดงฉาน เจียงอี้คิดกับตัวเองว่า… หากแม้ว่าเขาจะต้องตาย เขาก็จะลากสัตว์อสูรให้ตายไปพร้อมกับเขาด้วย!
“หืม?”
จักรพรรดิสัตว์อสูรที่ลอยอยู่กลางอากาศเผยสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาเมื่อนางเห็นว่าเจียงอี้สามารถใช้งานดาบของเขาและต่อต้านตัวตนของนางได้ เมื่อนางเห้นดวงตาสีแดงของเจียงอี้และเจตจำนงสังหารที่ถูกปล่อยออกมา นางก็รู้ได้เลยว่ามันเป็นไปได้ยังไง
เจตจำนงสังหารเป็นพลังงานลึกลับที่สามารถกดขี่ศัตรูและฝังเจตจำนงเข้าไปในจิตใจและปัดเป่าความกดดันของศัตรูออกไปได้จนหมดสิ้น หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง….ในตอนนี้เขาเหมือนเครื่องจักรสังหารเคลื่อนที่ที่บังคับด้วยจิตวิญญาณของเขาซึ่งอัดแน่นไปด้วยเจตจำนงสังหาร ทำให้สิ่งต่างๆภายนอกต่างอ่อนแอลง
“เจ้าเด็กนั่นมัน? ฮึ่ม!”
จักรพรรดิสัตว์อสูรมองเจียงอี้ใกล้ขึ้นและพบว่าใบหน้าของเขาช่างคุ้นเคย นางหยุดอยู่กลางอากาศและยิ้มออกมา ด้วยมือที่ขาวราวหิมะของนางที่กำลังโบกอยู่ ราชันสัตว์อสูรต่างตรงมาหาเจียงอี้และไม่สนใจเขาและทำเพียงแค่วิ่งต่อไป ราชสีห์หิมะสีขาวคำรามออกมาและตรงดิ่งไปที่เจียงอี้อย่างบ้าคลั่ง
“เข้ามาเลย!”
ในเมื่อราชันสัตว์อสูรไม่ได้ตรงเข้ามาหาเขา เขาก็คงไม่คิดจะทิ้งชีวิตไปกับพวกมัน ดวงตาสีแดงเลือดของเขาจ้องมองไปที่ราชสีห์หิมะที่พุ่งตรงเข้ามาหาเขา เขาปล่อยเจตจำนงออกมาจากวาจาที่เปล่งออกมาพร้อมเหวี่ยงดาบมังกรเพลิงแลละปลดปล่อยมังกรเพลิงทั้งสองไปที่ราชสีห์หิมะ
“ฟึ่บ ฟึ่บ!”
มีแสงสีขาวปกคลุมไปทั่วร่างของราชสีห์หิมะทำให้ร่างของมันเป็นเพียงภาพติดตา มังกรเพลิงที่มีความรวดเร็วเช่นนั้นถูกมันหลบได้อย่างง่ายดายจริงๆหรอ?
“บูม!”
มังกรเพลิงสองตัวพุ่งผ่านไปและปะทะเข้ากับสัตว์อสูรยักษ์ที่ด้านหลังเข้าอย่างจัง มันทำให้เจียงอี้ตกอยู่ในความสิ้นหวัง สัตว์อสูรยักษ์คล้ายหมีตัวนั้นเปล่งแสงสีเหลืองออกมาเมื่อมังกรเพลิงพุ่งเข้าชนมัน ร่างของมันถูกบังคับให้ต้องถอยกลับไปเพียงสามเมตรโดยไม่มีความเสียหายใดๆอื่น
“พวกมันเป็นสัตว์อสูรระดับสามขั้นสูงทั้งหมด……”
หลังจากที่จักรพรรดิอสูรสั่งการลงไปแล้ว ราชันสัตว์อสูรระดับสี่ก็ไม่ได้พุ่งตรงมาหาเรื่องเจียงอี้ แต่มันเป็นสัตว์อสูรระดับสามขั้นสูงทั้งหมด ซึ่งเจียงอี้ไม่สามารถต่อกรกับพวกมันได้
“ตาย!”
แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น เจียงอี้ก็ไม่ได้ยอมแพ้ เพลิงโลกาไหลออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงในขณะที่ดาบมังกรเพลิงก็กวัดแกว่งไปข้างหน้าอีกครั้ง!
“ฟึ่บ ฟุ่บ”
มังกรวายุนับไม่ถ้วนถูกส่งออกไปพร้อมกับเพลิงโลกา และมังกรเพลิงอีกสองตัวก็ตามหลังไปอย่างต่อเนื่อง จู่ๆพื้นที่ด้านหน้าของดาบมังกรเพลิงก็ถูกตรึงในขณะที่มังกรวายุขังราชสีห์หิมะไว้อย่างแน่นหนา
“โฮก โฮก!”
ราชสีห์หิมะแผดเสียงออกมาและทำให้มังกรวายุที่อยู่รอบตัวมันกระจายตัวไป แต่ในวินาทีนั้น ร่างของมันยังคงแข็งอยู่ เพียงวินาทีเดียว เพลิงโลกาและมังกรเพลิงก็เคลื่อนมาถึงมัน
“ฟึ่บ ฟั่บ”
“ปัง!”
ร่างของราชสีห์หิมะถูกเผาด้วยไฟที่ร้อนแรงในขณะที่มังกรเพลิงทั้งสองตัวพุ่งทะลุไปและระเบิดร่างของมันออกเป็นชิ้นๆจนเกิดละอองเลือดกระจายอยู่กลางอากาศขณะที่เนื้อสดๆระเบิดเต้นไปทั่วท้องฟ้า
“ฮะ..”
นัยน์ตาสีแดงของเจียงอี้หดลง เขาไม่ได้คาดว่าในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เขาจะสามารถรวมเพลิงโลกา ดาบมังกรเพลิงและเพลงดาบเงาวายุเข้าด้วยกันได้ด้วยการตวัดดาบแบบสุ่มๆได้….และในที่สุดก็สามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับสามขั้นสูงได้
“การโจมตีรูปแบบเต๋า?”
มีแสงแวบหนึ่งลอดผ่านดวงตาของจักรพรรดิสัตว์อสูรในขณะที่นางโบกมือของนางอีกครั้ง ทำให้มีสัตว์อสูรระดับสามแปดตัวตรงไปที่เจียงอี้
“หากพวกเจาต้องการชีวิตของนายน้อยผู้นี้ เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งหมดก็จงตายไปด้วยกันนี่แหละ! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาและไม่ปกปิดความแข็งแกร่งของเขาอีกต่อไป
เพลิงโลกาพุ่งทะยานออกมาจากร่างของเขาอย่างต่อเนื่องขณะที่หินวิญญาณเพลิงปรากฎขึ้นเมื่อไข่มุกวิญญาณเพลิงส่องแสงออกมาในเวลาเดียวกัน จากนั้นเขาก็ยิงหินวิญญาณเพลิงไปที่สัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูง
“เอ๊ะ?”
จักรพรรดิสัตว์อสูรเริ่มเปลี่ยนแปลงท่าทีของนาง นางยื่นมือและชี้ไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ซึ่งคลื่นพลังก็ถูกส่งออกมาจากนิ้วของนางซึ่งมันกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ
สิ่งที่น่าพิศวงที่สุดก็เกิดขึ้น
เมื่อคลื่นที่มองไม่เห็นได้ปรากฏออกมา มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเวลาในพื้นที่นั้นได้หยุดเดิน สัตว์อสูรด้านล่างหยุดเคลื่อนไหวในขณะที่ร่างของเจียงอี้ก็แข็งอยู่กับที่ แม้แต่เพลิงโลกาและเปลวไฟจากหินวิญญาณเพลิงยังคงส่องสว่างอยู่
“ฟึ่บ”
ร่างของจักรพรรดิสัตว์อสูรที่ชวนหลงใหลได้เคลื่อนตัวไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเจียงอี้อย่างรวดเร็ว มีความอ่อนโยนแล่นผ่านมือของนางวูบหนึ่งในขณะที่นางเอื้อมมือไปหยิบหินวิญญาณเพลิงที่เจียงอี้ยิงออกมา นางคว้ามันเอาไว้ในมือของนาง แต่… เปลวเพลิงบนหินวิญญาณเพลิงกลับมอดหายไปทันใด
“นี่ นี่มัน…”
ดวงตาที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความสับสนในขณะที่นางมองไปใกล้ๆหินวิญญาณเพลิง หินวิญญาณเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวนี้กลายเป็นเหมือนก้อนถ่านธรรมดาบนมือของนางและไม่หลงเหลือความรุนแรงใดๆ