เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – ตอนที่ 209

ตอนที่ 209

บทที่ 209 หมาป่าจันทราสีเงิน

สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว

“แย่แล้ว! เพลิงโลกาใกล้จะหมดแล้ว!”

เจียงอี้จะถ่วงเวลาไปนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว หากเพลิงโลกาเผาในอัตราปกติ มันคงใช้งานได้กว่าครึ่งเดือน ปัญหาคือพลังโจมตีที่โถมเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดที่เพลิงโลกา ซึ่งต้องเอาออกมาใช้เป็นก้อนๆ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เพลิงโลกาคงไม่พอแม้ว่าเขาจะมีภูเขาไฟทั้งลูก

ข้าควรทำอย่างไรดี? ทำยังไงดีนะ?

จิตใจของเจียงอี้กำลังหมุนรวนอย่างรวดเร็วในขณะที่ดวงตาของเขาจ้องมองหยุนเฮ่อและสุ่ยเชียนโหรวที่อยู่ห่างไกลออกไป ดวงตาของเขาเปิดเผยร่องรอยของความดุร้ายในขณะที่เขาพุ่งตรงไปหาหยุนเฮ่อและสุ่ยเชียนโหรว

“โจมตี!”

สตรีจากหอดาราสุ่ยเยว่ล้อมเจียงอี้ไว้รอบๆในขณะที่เขาเคลื่อนไหว เพลิงโลกาที่ปกคลุมเจียงอี้นั้นมีรัศมีเพียงครึ่งเมตรและอีกไม่กี่นาทีก็จะหมดลงอย่างสมบูรณ์ซึ่งหมายความว่าหลังจากนั้นเจียงอี้จะต้องตายอย่างแน่นอน พวกเขาย่อมไม่หยุดกันตอนนี้หรอก

“ฮ่าฮ่าฮ่า พลังทั้งหมดของเจ้ากำลังจำหมดแล้ว? เจ้าต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อลากเราลงนรกไปกับเจ้า?”

หยุนเฮ่อหัวเราะ เมื่อเขาเห็นนัยน์ตาที่มีเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงของเจียงอี้ เขาไม่ได้สั่งให้ลิงยักษ์ขยับไปข้างหลัง แต่ส่งสัญญาณมือแปลกๆแทนและตะโกนว่า “มดกินเนื้อ!”

“บุฟ!”

อากาศด้านหน้าของหยุนเฮ่อสั่นไหวพร้อมมีมดสีแดงนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา ในพริบตาเดียวก็มีแมลงถึงหมื่นตัวเข้าปกคลุมท้องฟ้า

มดที่กำลังบินอยู่แต่ละตัวมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือและไม่ได้ดูเหมือนกับมดที่อ่อนโยนเลยแม้แต่นิดเดียว พวกมันเป็นเหมือนสัตว์ร้ายตัวเล็กๆที่มีดวงตาสีแดงฉานและขากรรไกรสีขาวที่คมแวววาว ทำให้สุ่ยเชียนโหรวรู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย หากมดที่บินอยู่เหล่านี้ปกคลุมคนคนหนึ่ง คนผู้นั้นคงถูกแทะไม่เหลือในไม่กี่ลมหายใจใช่ไหม?

“ไป!”

เมื่อจำนวนของมดกินเนื้อมีจำนวนถึงหมื่นตัว อากาศก็หยุดพัด มือที่หยุนเฮ่อเคยสร้างตราประทับนั้นโบกมือไปข้างหน้าสั่งให้กองทัพมดบินที่น่าเกรงขามและน่ากลัวบินไปในแนวตรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปที่เจียงอี้

“ฟึ่บๆ!”

เพลิงโลกานั้นน่าสยดสยองนัก มันเผามดบินที่ดุร้ายทันทีที่สัมผัสกับเปลวไฟ จากนั้นมดบินเหล่านี้ยังคงตรงไปที่เจียงอี้เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอีกเหมือนเดิม

เวรล่ะ!

สีหน้าของเจียงอี้เปลี่ยนไปอีกครั้ง มดบินพวกนี้ร่วงลงไปรวดเร็ว แต่เพลิงโลกาของเขาก็หมดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน มีเพียงเพลิงโลกาเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยในไข่มุกวิญญาณเพลิงและพวกมันกำลังจะหมดลง เจียงอี้ไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อหลังจากเพลิงโลกาหมดแบบไม่เหลือกซาก

หลังจากหยุนเฮ่อเริ่มลงมือ คนของหอดาราสุ่ยเยว่ก็ถอยออกไปอย่างเงียบๆและกลับไปรวมตัวกันในที่ที่สุ่ยเชียนโหรวและหยุนเฮ่ออยู่ ด้วยมดบินจำนวนมาก เพลิงโลกาของเจียงอี้จะหมดลงอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องโจมตี และมดบินเหล่านี้จะกัดกินเจียงอี้เอง

“ลงมือ!”

เจียงอี้กัดฟันของเขาและตะโกนออก เพลิงโลกาทั้งหมดในไข่มุกวิญญาณเพลิงก็หลั่งไหลออกมา เขาประสานฝ่ามือหลายครั้งด้วยความเร็วสูงพร้อมกับปล่อยเพลิงโลกาออกไปเหมือนคลื่นเพลิงในขณะที่ร่างกายของเขาเดินตามหลังเพลิงโลกาและพุ่งไปข้างหน้า

“ฟึ่บๆ!”

ในขณะที่เพลิงโลกาพุ่งเข้าไปที่มดบินด้านหน้า มดบินเกือบหมื่นตัวก็ถูกเผาและร่วงหล่นลงมา ต้นไม้ใหญ่สองต้นที่อยู่ใกล้ๆนั้นก็ถูกเผาด้วยไฟที่โหมกระหน่ำขณะที่วัชพืชบนพื้นดินก็ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากกลายเป็นเถ้าถ่านดำๆซึ่งทำให้ทั่วทั้งบริเวณเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง

ในขณะที่เพลิงโลกาหมดลงอย่างสมบูรณ์ เจียงอี้ก็ตะโกนว่า “ไหมปีศาจนภา หมาป่าจันทราสีเงิน ออกมา!”

“ฟรึ่บ ฟั่บ!”

ทันทีที่ไหมปีศาจนภาปรากฎขึ้น มันก็ห่อหุ้มร่างกายครึ่งหนึ่งของเจียงอี้ เจียงอี้กระโดดขึ้นไปบนอากาศและคร่อมไปที่หมาป่าจันทราสีเงินที่ปรากฏออกมาเช่นกัน จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาว่า “เจ้าหมา ปลดปล่อยวิชาอสูร! ตอนนี้แหละ…โจมตี!”

“ฟุ่บ!”

เขาของหมาป่าจันทราสีเงินส่องสว่างพร้อมยิงลำแสงสีม่วงออกมาเป็นเส้นตรงและกลับกลายเป็นเพียงภาพติดตา

“ฟึ่บ ฟึ่บ!”

ลำแสงสีม่วงปะทะกับมดจำนวนนับไม่ถ้วนและทำให้มันกลายเป็นฝุ่นผง ด้วยฝูงแมลงที่หนาทึบนั้น ลำแสงสีม่วงสามารถยิงออกไปได้ประมาณสิบเมตรเท่านั้น ซึ่งฆ่ามดบินนับพันไป ก่อนที่จะหายลับไป

“ฟรึ่บ!”

เขาใช้ช่วงเวลานี้ควบคุมหมาป่าให้พุ่งออกไปไม่กี่สิบเมตร เมื่อมองไปที่มดบินที่กำลังบินมาหาเขา มันดูเหมือนหมอกหนาๆ ดวงตาของเขาเผยให้เห็นร่องรอยของความเจ็บปวด จากนั้นเขากระโดดลงจากหลังปีศาจหมาป่า เขาให้ไหมปีศาจนภาคลุมทั่วทั้งตัวเขา ขณะที่หมาป่าจันทราสีเงินยังคงวิ่งต่อไป

ถ้าเขาตาย หมาป่าจันทราสีเงินก็จะตายทันทีในฐานะสัตว์วิญญาณของเขา ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเสียสละสัตว์อสูรนี้ หากเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาจะต้องตายและหมาป่าจันทราสีเงินก็จะตายเช่นนั้น!

“ฮู่ว ฮู่ว!”

เมื่อหมาป่าจันทราสีเงินวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง มันก็กลายเป็นเป้าหมายของมดกินเนื้อ พวกมันแห่ตรงไปที่หมาป่าจันทราสีเงินเหมือนตั๊กแตนกลุ่มหนึ่งและห่อหุ้มหมาป่าจันทราสีเงินอย่างรวดเร็ว

“ฮู๊ววว!”

หมาป่าจันทราสีเงินปล่อยเสียงครวญครางและน่าเศร้าขณะที่เจียงอี้รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกเฉือนด้วยมีด ไหมปีศาจนภารีบปล่อยเจียงอี้ออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่ไข่มุกวิญญาณเพลิงที่อยู่ในมือของเขายิงหินวิญญาณเพลิงออกไปทางหมาป่าจันทราสีเงินและฝูงมดบินที่หุ้มมันอยู่

“อ๊ากกก!”

เมื่อเจียงอี้เห็นมดบินและหมาป่าจันทราสีเงินกลายเป็นฝุ่น เจียงอี้ก็ปล่อยเสียงคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้าในขณะที่ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตอีกครั้ง คราวนี้รัศมีจิตสังหารนั้นแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า

ร่างของเขาพุ่งตรงไปที่หยุนเฮ่ออย่างดุเดือดเหมือนสัตว์ร้าย ในขณะที่ดาบเกล็ดทมิฬของเขาเหวี่ยงไปรอบๆ ทำให้มดที่เหลืออยู่กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

มันเป็นเวลาเพียงชั่วพริบตาสำหรับเจียงอี้ที่ปล่อยเพลิงโลกาและหมาป่าจันทราสีเงินออกไป ตอนแรกเขาอยู่ห่างจากหยุนเฮ่อมากกว่าร้อยเมตร แต่ตอนนี้ช่องว่างของพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่สิบเมตร และมดกินเนื้อแสนตัวที่หยุนเฮ่อปล่อยออกมาก็ถูกเจียงอี้กำจัดด้วยการโจมตีเพียงไม่กี่กระบวนท่า

“ถอยก่อน!”

เมื่อเจียงอี้ยิงหินวิญญาณเพลิงออกไป เหล่าสตรีของหอดาราสุ่ยเยว่ทั้งห้าคนต่างก็ตกใจ พวกนางอาจอยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร แต่พวกนางรู้สึกถึงความตายได้ทันที หินวิญญาณเพลิงนั้นน่าหวาดกลัวเกินไป ซึ่งทำให้ห้วงอากาศโดยรอบถึงกับบิดเบี้ยว

“คุณหนู เราต้องไปเดี๋ยวนี้!”

หญิงสองคนของหอดาราสุ่ยเยว่มีปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างรวดเร็ว พวกนางกระโดดขึ้นไปอุ้มสุ่ยเชียนโหรวและล่าถอยทันที ส่วนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่เหลือไม่ได้คิดเกี่ยวกับการโจมตีต่อและถอยกลับอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ …”

หยุนเฮ่อก็กลัวเช่นกัน เขาอาจทราบเกี่ยวกับอาวุธลับของเจียงอี้ซึ่งน่ากลัวมากและยังทำลายเสื้อคลุมวิหควิญญาณของสุ่ยเชียนโหรวได้

ในทันทีที่มันถูกใช้งาน หยุนเฮ่อยังคงรู้สึกว่าวิญญาณของเขาสั่นเทา มดบินนับแสนกลายเป็นฝุ่นในไม่กี่เสี้ยววินาที? ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรก็ถูกเผาและมอดไหม้เป็นผุยผงไปบนท้องฟ้า ซึ่งทำให้หยุนเฮ่อเกิดความหวาดกลัวขึ้น

“หนีก่อน!”

เมื่อลูกน้องของเขาถูกส่งออกไปหมดก็ไม่มีใครอยู่ปกป้องเขา เขาอาจยังมีวิธีการบางอย่างในการป้องกันตัวเอง แต่มันก็อันตรายอยู่ดีเมื่อเจียงอี้เข้าใกล้เขา ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลและสั่งให้ลิงยักษ์ถอยกลับทันที

“เอ๊ะ?”

ใครจะไปคาดคิด เมื่อลิงยักษ์ต้องการที่จะหลบหนี ร่างของเจียงอี้ก็ระเบิดกลิ่นอายสังหารที่น่ากลัวซึ่งเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนหลายเท่าออกมา

กลิ่นอายสังหารนั้นครอบคลุมรอบลิงยักษ์ทำให้ขาของมันสะดุดก่อนที่ร่างยักษ์จะคุกเข่าลงบนพื้น ดวงตาสีทองแดงคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เจตจำนงสังหารของเจียงอี้ก้าวเข้าสู่ขั้นสามหรือ?

ในขณะที่ลิงยักษ์กำลังคุกเข่า หยุนเฮ่อก็กระโดดลงไปแล้ว แต่เมื่อเขาเคลื่อนไหว เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขาเป็นผู้ซึ่งอยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่รู้สึกและสังเกตเห็นได้ว่ามือและขาของเขาอ่อนปวกเปียก เขาขยับไม่ได้จริงๆเหรอ?

เขานึกถึงความจริงที่ว่าลิงยักษ์ตัวนี้เป็นสัตว์อสูรระดับสามซึ่งอาจเป็นเพียงขั้นต่ำ แต่ถ้าเจตจำนงสังหารของเจียงอี้เป็นเพียงขั้นที่สอง มันคงไม่สามารถยับยั้งลิงยักษ์ได้ใช่ไหม? เมื่อมองเจียงอี้ที่กำลังเข้ามาหาเขา เขาเห็นดวงตาสีแดงก่ำซึ่งเหมือนเป็นดวงตาของปีศาจจากนรก

หยุนเฮ่อเห็นคนของเขาพยายามวิ่งเข้าไปหาเขา แต่ความเร็วของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ดวงตาของเขาจึงเผยให้เห็นร่องรอยแห่งความสิ้นหวังในขณะที่เขากัดฟันและตะโกนออกมาในนาทีสุดท้าย “แมลงพิษเขียวออกมาและกัดกินคนผู้นั้นซะ!”

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ

ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้

วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก

ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ

ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้

จึงได้อุบัติขึ้น!

หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง

เกลื่อนปฐพี!

หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท