เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – บทที่ 337 ปีศาจทะเล

บทที่ 337 ปีศาจทะเล

บทที่ 337 ปีศาจทะเล
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“ลองขึ้นไปดูกันเถอะ!”
ผู้อาวุโสเฮ่อรู้สึกสับสนเล็กน้อยแต่เขาก็ตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังในร่างของเขาและกำลังจะกระโดดขึ้นไป
เจียงอี้หยุดเขาและพูดว่า“ผู้อาวุโสเฮ่อ ให้ข้าไปก่อน ข้ายังมีหินวิญญาณเพลิงเหลืออยู่อีกสองก้อน หากบนนั้นมันอันตรายจริงๆ ข้าจะได้จัดการมันได้”
“ไม่!”
ผู้อาวุโสเฮ่อพูดออกมาอย่างมั่นคง“หากไม่ได้เป็นเพราะพวกเราสองตระกูล นายน้อยอี้ก็คงไม่ต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้ ข้าจะให้นายน้อยอี้เสี่ยงได้อย่างไร? นายน้อยอี้อย่าได้พยายามที่จะโน้มน้าวข้าเลย ตาเฒ่าเฮ่อผู้นี้อาจจะดูเชื่องช้า แต่ข้าก็ยังมีความแข็งแกร่งพอที่จะป้องกันตัวเองได้นะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้….”
เจียงอี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้หากเขาพยายามโน้มน้าวเขาต่อ เขาก็คงจะคิดว่าเจียงอี้กำลังดูถูกเขาอยู่ เจียงอี้หยิบเชือกออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงและส่งมันให้ผู้อาวุโสเฮ่อ “ท่านก็ระวังตัวด้วย หากมีอันตรายใดๆก็กลับลงมาทันทีนะ”
ผู้อาวุโสเฮ่อเคลื่อนไหวเหมือนเจียงอี้ก่อนหน้านี้และวิ่งไปยังกำแพงเพียงไม่กี่ก้าวในการกระโดดขึ้นไปมันเป็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างเจียงอี้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดขอบเขตเสินโหยว เจียงอี้สามารถกระโดดขึ้นไปได้เพียงหกสิบเมตรเท่านั้น แต่ผู้อาวุโสเฮ่อนั้นกระโดดขึ้นไปข้างบนได้อย่างง่ายดายและคว้ารอยหลุมที่เจียงอี้สร้างไว้ได้ จากนั้นเขาก็ดึงตัวเองขึ้นไป
เจียงอี้มองอย่างจดจ่อโดยไม่หันไปมองที่ไหนเลยและเขาก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาด้วยซ้ำหากชั้นสองนั้นเป็นเช่นนี้เหมือนกันและไม่มีทางออก พวกเขาจะถูกขังอยู่ที่นี่จนตาย หินวิญญาณไฟของเขาเหลือเพียงสองก้อนเท่านั้นและอย่างมากที่สุดพวกเขาก็คงจะขึ้นไปได้เพียงแค่ชั้นสาม
ร่างของผู้อาวุโสเฮ่อขึ้นไปที่ชั้นสองได้อย่างรวดเร็วทันใดนั้นก็มีเสียงกังวานก้องออกมาจากในนั้น “ฮ่าฮ่าฮ่า นายน้อยอี้! เราออกไปจากที่นี่ได้!”
“อ่า?”
นัยน์ตาของเจียงอี้สว่างไสวขึ้นเขารอเชือกที่กำลังหย่อนลงมาและจากนั้นเขาก็ไต่เชือกเพื่อปีนขึ้นไปที่ชั้นสองในทันที เมื่อเข้าปีนขึ้นไปเขาก็สำรวจรอบๆทันทีและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นอีกครั้งในขณะที่เขาอุทานออกมา “ค่ายกลเคลื่อนย้าย!”
ชั้นสองนั้นดูเหมือนกับชั้นแรกไม่มีผิดแต่ต่างกันอย่างเดียวคือชั้นสองมีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ที่มุมห้อง ไม่มีโครงกระดูกแม้แต่ซากเดียวเพราะทุกคนที่มายังที่นี่จะสามารถออกจากที่นี่ได้ มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะถูกย้ายให้ไปที่ไหน อย่างไรเสียมันก็ยังเป็นทางออกอยู่ดี
พวกเขาทั้งสองไม่ได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในทันทีแต่สำรวจรอบๆแทน หลังจากมั่นใจแล้วว่าชั้นนี้เหมือนกับชั้นแรก พวกเขาก็เดินตรงไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายทันที
“นายน้อยอี้โปรดรออยู่ที่นี่ก่อน ให้ข้าไปดูลาดเลาก่อนนะขอรับ”
เดิมทีเจียงอี้ต้องการที่จะเข้าไปเดี๋ยวนั้นเลยแต่ผู้อาวุโสเฮ่อปรามเขาไว้แต่ในครานี้เจียงอี้ไม่เห็นด้วยและพูดว่า “ไปด้วยกันเถอะ มันจะเป็นปัญหาหากค่ายกลเคลื่อนย้ายนี่นำเราไปคนละที่ มันคงจะดีกว่าหากพวกเรายังอยู่ด้วยกัน”
“อืมมนั่นก็จริง”
ผู้อาวุโสเฮ่อไม่ได้ยืนกรานอีกต่อไปเขาชักดาบระดับสวรรค์ออกมาขณะที่เจียงอี้ก็ชักดาบมังกรเพลิงของเขาด้วยเช่นกัน จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ตรงเข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายพร้อมกัน
บุฟ!
ทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายมันก็สว่างจ้าขึ้นและเกิดแสงสีขาวขณะที่ทั้งสองก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
บุฟ!
เมื่อเท้าของเจียงอี้สัมผัสพื้นดินเขาก็ปล่อยเจตจำนงสังหารออกมาและสำรวจพื้นที่ด้วยความรวดเร็วพวกเขาเหลือบมองกันอย่างรวดเร็วและต่างมีสีหน้าที่ค่อนข้างตกใจ
ทั้งสองคนนั้นอยู่บนเกาะที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลมีเกาะเล็กๆและปะการังนับไม่ถ้วนอยู่ไกลๆ เจียงอี้มองเห็นปลาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลได้อย่างชัดเจน
“ที่นี่ที่ไหนกัน?”
เจียงอี้ค่อนข้างสับสนเขานั่งลงเพื่อสัมผัสทรายและใช้ดาบมังกรเพลิงผ่าไปยังทะเล เมื่อเขาเห็นว่าน้ำทะเลกระเพื่อมและสาดกระเซ็น เขาก็มั่นใจว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา และเขาก็มั่นใจว่าพวกเขาถูกย้ายร่างมายังเกาะเปลี่ยวแห่งนี้
“เอ๊ะ?”
เขาตระหนักได้ว่าผู้อาวุโสเฮ่อไม่ได้ตอบอะไรกลับมาจึงหันไปมองผู้อาวุโสเฮ่อและได้แต่ปล่อยรอยยิ้มที่ขมขื่นขึ้นทันที เขาลืมไปว่าตนเองกำลังใช้เจตจำนงสังหารอยู่และผู้อาวุโสเฮ่อไม่สามารถแม้แต่จะหายใจได้หลังจากถูกผลกระทบจากกลิ่นอาย เช่นนั้นแล้วเขาจะพูดออกมาได้อย่างไร?
“ฮู่ฮู่วววว”
หลังจากที่เจียงอี้ถอนเจตจำนงสังหารคืนมาผู้อาวุโสเฮ่อก็หายใจอย่างรวดเร็วและโอดครวญออกมา “นายน้อยอี้ เจตจำนงสังหารของท่านนั้นแข็งแกร่งเกินไป หากมันไปถึงขั้นที่ห้า แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทั่วไปก็คงถูกตรึงไว้แน่ๆ! และแน่นอนว่า….หากเป็นผู้เชี่ยวชาญเช่น สุ่ยโย่วหลานและเจ้าอาวาสเหยียนเส่อ พวกเขาอาจจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย”
เขามองไปรอบๆและก็สับสนเช่นกันเขาพึมพำกับตัวเอง “มันจะเป็นไปได้หรือที่พวกเราจะถูกย้ายออกมาตรงๆ? มันง่ายอย่างนี้เลยหรือ? บางอย่างมันไม่ถูกต้อง…..ตามปกติแล้ว ผู้คนมากมายน่าจะต้องขึ้นมายังชั้นสองได้เพราะมีศพเพียงไม่กี่สิบรายอยู่ที่ชั้นแรก แล้วทำไมผู้ที่เข้ามายังพื้นที่ต้องห้ามของจอมเวทย์จึงไม่ออกมา?”
“ไปกันเถอะ!”
เจียงอี้จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเหินไปยังผิวน้ำเขาเหินไปยังพื้นน้ำและใช้พลังผลักดันเพื่อเหินไปยังเกาะเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆนี้
“นายน้อยอี้ระวังตัวด้วย”
ผู้อาวุโสเฮ่อกำลังจะตามไปแต่ทันใดนั้นเขาก็มองไปในทะเลและตะโกนออกมาอย่างร้อนรน
“เห้ยยย!”
เจียงอี้รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่ประหลาดในทะเลเมื่อเขามองลงไปเขาก็เห็นปลายักษ์ฝูงหนึ่งกำลังแหวกว่ายมา พวกมันทุกตัวอ้าปากของพวกมันและเผยให้เห็นฟันที่คมกริบ เขาไม่ได้ตื่นตระหนกใดๆเพราะปลาพวกนี้มีกลิ่นอายที่อ่อนแอและเทียบได้ราวๆสัตว์อสูรขั้นสองซึ่งมันไม่ได้มีภัยต่อเขา
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ขณะที่เจตจำนงสังหารพุ่งออกมาจากร่างเขาก็เหวี่ยงดาบมังกรเพลิงลงไปและเฉือนปลาทั้งสามไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็เหยียบบนซากศพปลาและกระโดดไปยังเกาะที่อยู่ไม่ไกล
ฟึ่บ!
เมื่อผู้อาวุโสเฮ่อกระโดดตามไปเขาก็ดึงดูดปลาตัวใหญ่ที่มีปากแหลม ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสเอ่อนั้นทรงพลังนักและมากพอที่จะฆ่าปลาทั้งหมดนั่นได้ขณะที่เขามาถึงเกาะอีกเกาะได้อย่างง่ายดาย
“นี่ไม่น่าจะเป็นทะเลที่อยู่ใกล้กับทวีปเทียนชิงมิฉะนั้นคงไม่มีปีศาจทะเลมากมายเช่นนี้” ผู้อาวุโสเฮ่อเหินมายังเกาะและพูดออกมาด้วยความสลดใจ
ทวีปเทียนชิงถูกล้อมด้วยทะเลทั่วทุกทิศและมีปีศาจทะเลมากมายเช่นกันจากประวัติศาสตร์ของอาณาจักรที่อยู่ใกล้ทะเลแล้ว พวกเขาได้ส่งผู้เชี่ยวชาญออกมาสำรวจทะเลและทั้งหมดทุกคนนั้นจะถอยกลับไปหลังจากสำรวจไปประมาณแสนกิโลเมตร
มีปีศาจทะเลมากมายที่ทรงพลังมากและมีราชันปีศาจอยู่มากมายหากพวกเขาดันเผลอก้าวเข้าไปยังอาณาเขตของราชันปีศาจโดยไม่ได้ตั้งใจพวกเขาก็จะถูกราชันปีศาจไล่ล่านับไม่ถ้วน เมื่ออยู่ในทะเล ความแข็งแกร่งของมนุษย์จะได้รับผลกระทบและราชันปีศาจแค่เพียงตัวเดียวก็เพียงพอที่จะกำจัดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวได้นับร้อยแล้ว
ในด้านทิศตะวันออกของอาณาจักรต้าเซี่ยนั้นเป็นทะเลและในอดีตตระกูลจ้านได้ส่งผู้เชี่ยวชาญออกสำรวจทะเลพวกเขาจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่ทะเล ภูมิภาคทะเลนี้ไม่เหมือนกับภูมิภาคของทะเลรอบๆทวีปจากความคิดของผู้อาวุโสเฮ่อ
“อื้มผู้อาวุโสเฮ่อ นี่ไม่ใช่ทะเลที่อยู่ใกล้กับทวีปแน่นอน มันเป็นมิติประหลาด!” เจียงอี้พยักหน้าอย่างแน่วแน่และมีการแสดงออกที่เคร่งขรึม เขาชี้ไปที่ท้องฟ้าและพูดว่า “ดูท้องฟ้าสิ”
“ท้องฟ้า?”
ตอนแรกผู้อาวุโสเฮ่อไม่ได้สนใจอะไรแต่หลังจากที่เขามองใกล้ๆแล้ว มันมีบางสิ่งที่ผิดปกติ
ท้องฟ้านั้นสดใสแต่ไม่มีดวงอาทิตย์ดวงจันทร์หรือดวงดาวใดๆ! เขาพึมพำอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตวัดดาบไปบนท้องฟ้า และทำให้ส่งพลังโจมตีรูปทรงเสี้ยวออกมา สุดท้ายแล้วท้องฟ้าก็ส่องสว่างอย่างรวดเร็ว เหนือท้องฟ้าไปไม่กี่ร้อยเมตรนั้นก็ปรากฏอาคมยับยั้งรูปทรงตาข่ายปลาอย่างชัดเจน
“นี่….”
เมื่อมองไปยังอาคมยับยั้งตาข่ายไฟฟ้าบนท้องฟ้าแล้วใจของพวกเขาก็สั่นเทา จอมเวทย์ของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนผู้นี้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนแล้วแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถในการสร้างข่ายอาคมและการใช้เวทย์มนตร์นั้นช่างลึกซึ้งนัก ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังนั้นไม่น่ามีความสามารถในการสร้างพื้นที่ที่ลึกลับเช่นนี้ได้
พวกเขาทั้งสองมองไปยังทะเลที่กว้างไกลและเงียบสงบขณะที่ใจของพวกเขารู้สึกหนักอึ้งมันจะต้องมีทางออกในทะเลแห่งนี้และทางออกนั้นจะไปสู่ชั้นที่สาม จะต้องมีปีศาจทะเลที่ดุร้ายนับไม่ถ้วนในทะเลแห่งนี้และมันก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของสวรรค์หากพวกเขาจะสามารถหาทางออกพบ

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ

ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้

วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก

ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ

ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้

จึงได้อุบัติขึ้น!

หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง

เกลื่อนปฐพี!

หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท