เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – บทที่ 376 จอมพลแห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยน

บทที่ 376 จอมพลแห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยน

บทที่ 376 จอมพลแห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยน
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“หยุนเสียนต้องเป็นรัชทายาทและหยุนเฟยจะต้องอภิเษกกับจ้านอู๋ซวง!”
ท้องพระโรงเต็มไปด้วยตัวตนชั้นสูงของอาณาจักรเทียนเซวี่ยน เมื่อพวกเขาได้ยินคำประกาศกร้าวของเจียงอี้ หลายคนถึงกับแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา
เจียงอี้คือใคร?
เด็กหนุ่มผู้นี้คืออุปราชแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยและยังเป็นปฏิปักษ์กับอาณาจักรใหญ่ที่เหลือ ก่อนหน้านี้มีพวกเขาหลายคนที่ยังตั้งหน้าตั้งตารอที่จะบดขยี้อาณาจักรต้าเซี่ยและฉีกกระชากร่างของเขาให้เป็นชิ้นๆ
อย่างไรก็ตาม เด็กเหลือขอคนนั้นกลับมานั่งอยู่บนบัลลังก์ต่อหน้าพวกเขาในเวลานี้ อีกทั้งยังคิดจะแทรกแซงกิจการภายในอาณาจักร แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเขารู้สึกโกรธแค้นและเกลียดชังได้อย่างไร?
ถึงอย่างนั้น…
ไม่น่าเชื่อว่าในขณะที่เหล่าชนชั้นสูงกำลังแสดงท่าทีไม่พอใจ หยุนฉิงเทียนกลับเป็นฝ่ายกระตือรือร้นและเร่งกล่าวขึ้นมาก่อน
“ท่านผู้ทรงเกียรติกล่าวได้ถูกต้องแล้ว! เสียนเอ๋อร์จะถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท ขณะเดียวกันเฟยเอ๋อร์และจ้านอู๋ซวงก็จะได้เข้าพิธีอภิเษกสมรส”
“สำหรับความเมตตาในครั้งนี้ ฉิงเทียนขอเป็นตัวแทนชาวเทียนเซวี่ยนนับล้านในการกล่าวขอบคุณท่าน”
“ในอนาคต… หากผู้ใดกล้าที่จะต่อต้านท่านผู้ทรงเกียรติ พวกมันเหล่านั้นจะกลายเป็นศัตรูของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนทันที!”
“…”
บรรดาขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นต่างก็ตกอยู่ในความโง่งม แม้กระทั่งแม่เฒ่าบุปผาก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
นี่ศีรษะขององค์ราชาไปกระแทกอะไรมารึเปล่า? มันเป็นเช่นนี้เพราะเจียงอี้ได้รับมรดกจากท่านจอมเวทย์? หรือเพราะเขาเป็นนายเหนือหัวของราชันสัตว์อสูรระดับสูงสุด?
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เมื่อครบกำหนดเวลาสามปี เจียงอี้และสัตว์อสูรหยาจื้อจะต้องรับมือกองทัพของจักรวรรดิมังกรเวหาและอีกสี่อาณาจักรที่เหลือ นี่ยังไม่นับกำลังรบของยอดฝีมือจากฝ่ายของสำนักมังกรเวหาและสำนักฮวาเหลี่ยง พวกเขาจะรอดพ้นภัยพิบัติที่จะมาถึงได้อย่างไร?
เรื่องการแต่งตั้งหยุนเสียนเป็นรัชทายาทหรือพิธีอภิเษกของหยุนเฟยก็ยังไม่นับว่าสำคัญเมื่อเทียบกับการสนับสนุนเจียงอี้อย่างเปิดเผย
หากอาณาจักรเทียนเซวี่ยนประกาศออกไปว่ายืนอยู่ฝั่งเดียวกับเจียงอี้ พวกเขาก็จะต้องแบกรับความโกรธเกรี้ยวของอาณาจักรที่เหลือ เรื่องนี้สามารถทำให้อาณาจักรของพวกเขาถูกลบหายไปจากทวีปได้เลยทีเดียว!
กระทั่งตัวเจียงอี้เองก็ประหลาดใจเช่นกัน อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินเจตนารมณ์ของหยุนฉิงเทียน เขาเองก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเจตนาที่แท้จริงของชายผู้นี้จะเป็นอะไร ตราบเท่าที่เขายังคงกดตัวลงต่ำ เจียงอี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้น
“เอาล่ะ ข้าขอสัญญาว่าตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะปกป้องสายเลือดตระกูลหยุนไว้ แม้ว่าด้วยพลังกำลังของข้าในตอนนี้มันอาจจะฟังดูหยิ่งผยองไปบ้าง แต่หากผู้ใดปรารถนาที่จะทำลายตระกูลหยุน มันผู้นั้นจะต้องข้ามศพของข้า เจียงอี้ ไปก่อน!”
“ขอบพระคุณสำหรับความเมตตาของท่านผู้ทรงเกียรติ!”
เมื่อกล่าวจบ หยุนฉิงเทียนก็โบกให้ทุกคนนั่งลง ขณะเดียวกันเขาก็ยังคงจ้องมองไปที่เจียงอี้ด้วยความตื่นเต้นและเอ่ยถามต่อ
“ท่านผู้ทรงเกียรติ ข้าขอเรียนถามได้หรือไม่ว่า… ท่านบรรพบุรุษจอมเวทย์ยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
ฮือฮา!
เพียงแค่คำถามเดียวเท่านั้น แต่ก็ทำให้ท้องพระโรงที่เงียบสงบบังเกิดเสียงอื้ออึงทันที
สมองขององค์ราชาไปกระแทกอะไรมาอีกเนี่ย? แม้ว่าท่านบรรพบุรุษจะกลายเป็นเทพแท้จริง แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีชีวิตอยู่มาถึงบัดนี้?
เจียงอี้ไม่แปลกใจกับคำถาม เขาเพียงแค่จ้องมองไปยังร่างของหยุนฉิงเทียนอย่างใจเย็นและกล่าวตอบ
“ตายไปแล้ว! อย่างไรก็ตาม ท่านผู้นั้นยังคงทิ้งเศษเสี้ยวของวิญญาณไว้ในพื้นที่ต้องห้ามรวมไปถึงมรดกของท่าน น่าเสียดายที่อีกครึ่งปีต่อจากนี้ เศษเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่จะสูญสิ้นพลังและจางหายไปตลอดกาล”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ดวงตาของหยุนฉิงเทียนเป็นประกายราวกับได้รับรู้บางอย่าง แต่จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและเอ่ยด้วยความเศร้าสร้อย
“ท่านบรรพบุรุษจอมเวทย์เป็นอัจฉริยะในรอบหมื่นปี น่าเสียดายที่ท่านไม่สามารถบรรลุก้าวสุดท้ายได้… น่าเสียดายจริงๆ…”
หลังจากนั้น ราชาหยุนฉิงเทียนก็ยังสอบถามสถานการณ์รวมไปถึงเรื่องราวบางอย่างของพื้นที่ต้องห้าม อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เอ่ยเกี่ยวกับหยุนลู่หรือหยุนเฮ่อ เพราะไม่ว่ายังไง บุตรชายของเขาทั้งสองก็ตายด้วยน้ำมือของชายหนุ่มผู้นี้
“ท่านผู้ทรงเกียรติ ข้าข้อเสียมารยาท แต่เนื่องจากท่านบรรพบุรุษมีเวลาเหลือเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น ข้าขอแนะนำให้ท่านจัดการธุระของตัวเองโดยเร็วที่สุดและกลับไปสืบทอดมรดกต่อ มิฉะนั้นข้าเกรงว่าศาสตร์เวทย์โบราณของท่านบรรพบุรุษจะสูญหายไปตลอดกาล หากเป็นเช่นนั้น มันคงจะน่าเสียดายเกินไป…”
เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบป้ายสีทองออกมาจากเสื้อคลุมและส่งมอบให้กับเจียงอี้
“ท่านผู้ทรงเกียรติ นี่คือป้ายของฉิงเทียน ด้วยของสิ่งนี้ ท่านจะมีอำนาจในการควบคุมอาณาจักรเทียนเซวี่ยนเทียบเท่ากับข้า ใครก็ตามที่เห็นป้ายนี้แต่ไม่แสดงความเคารพต่อท่าน ท่านสามารถสังหารมันได้ทันที”
“นอกจากนี้ ข้าจะประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ว่า ท่านผู้ทรงเกียรติคือจอมพลแห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยนของพวกเรา!”
“เอาล่ะ ข้ายอมรับป้ายชิ้นนี้รวมไปถึงตำแหน่งจอมพลด้วย”
“อีกอย่าง เจ้าไม่จำเป็นต้องประกาศให้ทั่วทั้งโลกรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเรา ข้ายังไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ในอีกสามปีต่อจากนี้… ดังนั้นหากข้าสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จ พวกเจ้าค่อยประกาศหลังจากนั้นก็ยังไม่สาย”
“เอาล่ะ ข้ารบกวนพวกเจ้ามามากแล้ว ในวันรุ่งขึ้นข้าจะเดินทางกลับอาณาจักรต้าเซี่ยและเมื่อเสร็จธุระ ข้าจะรีบไปยังพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์ทันที”
“นี่… ได้ตามที่ท่านต้องการขอรับ!”
ดวงตาของหยุนฉิงเทียนเผยให้เห็นความซาบซึ้ง เห็นได้ชัดเลยว่าเจียงอี้ไม่ต้องการดึงอาณาจักรเทียนเซวี่ยนให้เข้ามามีส่วนร่วมในสงครามของเขา
“เฟยเอ๋อร์ เสียนเอ๋อร์ พวกเจ้าช่วยนำท่านจอมพลไปยังที่พักได้หรือไม่?”
“ส่วนท่านจอมพล ท่านสามารถพักอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ คิดเสียว่ามันคือบ้านของท่านก็แล้วกัน หากต้องการสิ่งใด เพียงแค่เอ่ยออกมา”
“เจียง… ท่านจอมพลเชิญทางนี้!”
หยุนเฟยยังคงไม่สามารถปรับตัวได้ทัน นางเกือบจะเรียกเจียงอี้ด้วยชื่อตามความคุ้นเคย แต่พริบตาเดียวนางก็ตระหนักได้ว่าสถานะของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน หยุนเสียนก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน เขาจ้องมองเจียงอี้สลับกับหยุนเฟย แต่ก็ยังคงเดินตามพวกเขาไปด้วยความมึนงง
“ฝ่าบาท!”
วินาทีที่เจียงอี้จากไป เหล่าชนชั้นสูงต่างก็กรูกันเข้ามาและจ้องมองหยุนฉิงเทียนเป็นตาเดียวเพื่อขอคำอธิบาย ก่อนหน้านี้ ตัวตนของเจียงอี้ยังทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่เมื่ออีกฝ่ายจากไปแล้ว พวกเขาก็ต้องการคำอธิบายที่เหมาะสม มิฉะนั้นความไม่พอใจของพวกเขาคงจะไม่จางหายไป
“หึหึ!”
ราชาหยุนฉิงเทียนหัวเราะอย่างไม่แยแสและมองไปที่แม่เฒ่าบุปผาสีเงินก่อนจะกล่าว
“แม่เฒ่า ราชาผู้นี้ยังไม่ได้ลงโทษการกระทำก่อนหน้านี้ของเจ้าเลยนะ เจ้ายังจำได้หรือไม่… เมื่อตอนที่อยู่ในภูเขาจอมเวทย์ รูปปั้นของท่านบรรพบุรุษได้เกิดการสั่นไหวอย่างกะทันหัน?”
“เป็นไปได้ไหมว่า… ท่านจอมเวทย์จะเปิดเผยตัวตนของท่านออกมา?”
แม่เฒ่าบุปผาอยู่ในความงุนงง ย้อนกลับไป เมื่อรูปปั้นของจอมเวทย์เกิดการสั่นไหว หยุนฉิงเทียนจึงตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นกับเมืองเซวี่ยนเทียน ดังนั้นเขาจึงสั่งให้แม่เฒ่าบุปผาล่วงหน้ากลับมาก่อน
แววตาของหญิงชราส่อให้เห็นว่านางกำลังดำลึกลงไปในห้วงความคิด
“เป็นไปได้ไหมว่าท่านจอมเวทย์ได้ส่งสัญญาณให้ฝ่าบาทรับทราบว่าเจียงอี้คือผู้สืบทอดของท่าน ดังนั้นฝ่าบาทจึงตัดสินใจที่จะยืนอยู่ข้างเขา?”
“ถูกต้อง ถูกต้อง!”
ฝูงชนต่างก็ผงกหัวขณะทำความเข้าใจ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงมีข้อสงสัย
หากว่าบรรพบุรุษจอมเวทย์ยังคงมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าสถานะของเจียงอี้ในตอนนี้จะต้องสูงส่งและมั่นคงอย่างถึงที่สุด อาณาจักรเทียนเซวี่ยนจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเขาไว้จนกว่าจะเติบโต
แต่ในตอนนี้ เศษเสี้ยววิญญาณของจอมเวทย์เหลือพลังงานเพียงพอให้เขาคงสภาวะวิญญาณไว้ได้แค่ครึ่งปีเท่านั้น แม้ว่าเจียงอี้จะแข็งแกร่งและมีราชันสัตว์อสูรคอยสนับสนุน แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ต้านทานอาณาจักรที่เหลือ
ขณะเดียวกัน อาณาจักรเทียนเซวี่ยนก็อาจจะพลอยติดร่างแหไปด้วย พวกเขารู้ดีว่าราชาหยุนฉิงเทียนเป็นคนฉลาด แต่พวกเขาก็ยังคิดไม่ตกว่าทำไมราชาผู้นี้ถึงได้มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนัก
“ฮ่าฮ่า!”
หยุนฉิงเทียนหัวเราะออกมาราวกับว่าสามารถอ่านความคิดของทุกคนได้ แต่จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขณะเอ่ยต่อ
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งที่ข้าอยากจะพูดก็คือ ก่อนหน้านี้ท่านบรรพบุรุษได้ติดต่อข้าเป็นการส่วนตัว”
“ท่านกล่าวว่า ไม่ว่าข้าจะต้องทำยังไง ข้าจะต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเจียงอี้ให้จงได้ ท่านตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คืออัจฉริยะที่แท้จริงและเหนือกว่าท่านมาก”
“เขาคือผู้ที่มีศักยภาพเพียงพอในการทำลายโซ่ตรวนที่เหนี่ยวรั้งทวีปเทียนชิงเอาไว้ บางทีในอนาคต เขาอาจจะเป็นผู้ที่บรรลุขอบเขตสูงสุดที่ไม่เคยมีผู้ใดเอื้อมไปถึงมาก่อน!”
“นอกจากนี้… พวกเจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับใครบางคนที่สามารถหยั่งรู้รูปแบบเต๋าระดับกลางได้ในทันทีเลยหรือไม่? ข้าจะบอกให้ว่าเจียงอี้ไปถึงระดับนั้นแล้ว และยังทำการหยั่งรู้ในพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์ที่แสนจะอันตรายอีกด้วย!”
“แม้ว่าขั้นพลังของเขาในตอนนี้อาจจะยังต่ำไปบ้าง แต่เขาคือตัวตนที่ถูกกำหนดมาให้ทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้อย่างแน่นอน พวกเจ้าลองนึกสิ ตอนนี้เจียงอี้อายุเท่าไหร่กัน? หากอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ เขาสามารถทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้สำเร็จ อนาคตของเขาจะรุ่งโรจน์ขนาดไหน?”
“อะไรนะ?!”
ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ไม่ตกตะลึงกับสิ่งที่หยุนฉิงเทียนกล่าว แม้กระทั่งแม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็ยังตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่
พวกเขาไม่สามารถทะลวงสู่ขั้นต่อไปได้เพราะไม่มีความเข้าใจในรูปแบบเต๋าที่เพียงพอ พวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นผู้ที่ตีความได้เพียงเต๋าระดับต่ำเท่านั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่ครบยี่สิบปีกลับสามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับกลางในตำนานได้แล้ว
โลกใบนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่หรือไม่?
ในเวลานี้ ไม่มีใครที่กล้าดูถูกเจียงอี้อีกต่อไป ในเมื่อบรรพบุรุษของพวกเขาที่เป็นถึงบุคคลระดับตำนานยังทำนายว่าอนาคตของเจียงอี้จะไร้ขีดจำกัด เช่นนั้นพวกเขายังกล้าสงสัยได้อีกหรือ?
ทั้งหมดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการกระทำของหยุนฉิงเทียนเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างมาก หากวันหนึ่งเจียงอี้สามารถทะยานขึ้นไปเหนือหมู่เมฆและทะลวงผ่านขอบเขตสูงสุดที่แท้จริง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาณาจักรเทียนเซวี่ยนจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดและเจริญรุ่งเรืองไปอีกนับพันปี!

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ

ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้

วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก

ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ

ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้

จึงได้อุบัติขึ้น!

หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง

เกลื่อนปฐพี!

หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท