บทที่ 385 การเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวนู๋
เมื่อเวลาค่อยๆผ่านไปมังกรอัสนีจะปล่อยเสียงร้องออกมาในช่วงสิบอึดใจ มันเข้ามาในม่านพลังและกระแทกเข้ากับโลงศพโบราณ มีสิ่งมหัศจรรย์กับโลงศพโบราณนั่น เมื่อสายฟ้าที่ทรงพลังฟาดลงมา เจียงอี้ที่อยู่ไม่ไกลนั้นสัมผัสได้ว่าร่างกายและวิญญาณของเขาสั่นไหว แต่โลงศพโบราณนั้นไม่เป็นอะไรเลย หญิงร่างเปลือยเปล่าที่ไม่มีลมหายใจในโลงศพโบราณนั้นไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาอีต่อไป
ผู้หญิงนางนี้เป็นใคร?นางยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วกันนะ?
เจียงอี้มองไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นในตอนนี้จากการมองลอดไปเพียงนิดเดียว เขาก็พบว่านางงดงามอย่างไม่มีผู้ใดเทียบและไม่น้อยไปกว่าซูรั่วเสวี่ยเลย นางดูยังสาวมากราวกับอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปี
เขาไม่รู้สึกถึงลมหายใจของนางโล่นี้ไม่มีชีวิตและพลังใดๆ เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหญิงสาวคนนี้ตายแล้วหรือยังอยู่มีชีวิตอยู่
โอ้ใช่แล้ว! สัมผัสศักดิ์สิทธิ์!
ทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งแล่นผ่านเจียงอี้มาเขาสกัดกลั่นใบว่านน้ำอย่างเต็มที่และหลังจิตวิญญาณของเขาได้ก้าวหน้าไปมาก ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเห็นนางเลย เขาสามารถตรวจสอบนางได้ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์
ในไม่ช้าเขาก็ปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปยังโลงศพโบราณ อย่างไรก็ตาม…เมื่อเขาสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาสัมผัสกับโลงศพโบราณ มันก็ส่องสว่างไปด้วยแสงสีขาวทันที และจิตวิญญาณของเขาก็ฉีกขาดไปด้วยความเจ็บปวด หากไม่ใช่เพราะพลังงานที่มาจากไข่มุกวิญญาณเพลิง จิตวิญญาณของเขาอาจแตกสลายไปได้เลย
เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆสิ่งที่เขาทำได้ทั้งหมดก็คือการนอนลงเงียบๆและมองสายฟ้าที่ยิงมาอย่างต่อเนื่องจากท้องฟ้าเหนือทะเล เขาจ้องมองไปรอบๆทะเลสีดำและรอให้ความตายมาถึง
ความรู้สึกนี้ระทมทุกข์เป็นพิเศษเขาเต็มใจที่จะถูกฆ่าด้วยดาบเสียเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เขามีพลังและความสามารถมากมาย แต่เขาไม่สามารถใช้พลังพวกนั้นได้เลย แถมเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูของเขาเป็นใคร
เมื่อเวลาผ่านไป..แม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่เจียงอี้ก็รู้สึกราวกับผ่านไปเป็นศตวรรษทันใดนั้นสายฟ้าจากบนฟากฟ้าก็หยุดลงและรอบๆนั้นก็เงียบสงัด…ตั้งแต่ที่เขาลงมาใต้ทะเลลึก ก็มีแรงกดดันมหาศาลที่มองไม่เห็นเช่นกัน มันนค่อนข้างยากสำหรับเจียงอี้ที่จะหายใจ
ฟึ่บฟั่บ!
ทันใดนั้นเอง!
หวายที่อยู่ไม่ไกลนักก็เคลื่อนไหวมันพุ่งขึ้นไปบนผิวน้ำเหมือนศรที่เฉียบคมและกลับลงมาในไม่ช้า มันพันรอบปีศาจทะเลยักษ์ตัวหนึ่ง และเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของมันก็พบว่ามันเป็นปีศาจทะเลระดับสอง
“ลู๊ลู๊!”
ปีศาจทะเลตัวนี้ดูเหมือนปลาโลมาที่มีเขาห้าเขาอยู่บนหัวมันโหยหวนและดิ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งยิ่งทำเช่นนั้นมากเท่าไร หวายทะเลนี้ก็จะรัดแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น
“ลู๊ลู๊!”
เห็นได้ชัดว่าปีศาจทะเลระดับสองนั้นไม่ฉลาดนักมันร้องออกมาดังขึ้นและดิ้นมากยิ่งขึ้นจนในที่สุดมันก็ถูกรัดคอจนตาย เจียงอี้เห็นหวายทะเลที่เฉือนเข้าไปในเนื้อของมันและเลือดก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
บุฟ!
หวายทะเลนั้นเปล่งประกายแวววาวเล็กน้อยร่างของปีศาจทะเลเริ่มสลายตัวอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็กลายเป็นโครงกระดูก เลือดทั้งหมดบนพื้นดินหายไปและมันถูกดูดซับโดยหวายทะเล
โหดเหี้ยมนัก!
เจียงอี้ตกใจมากภาพนั้นปรากฏในใจของเขา สุดท้ายแล้วเขาจะถูกรัดคอจนตายและถูกหวายทะเลพวกนี้กลืนกินไปและกลายเป็นโครงกระดูกอยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่นี้ตลอดไป
ฟึ่บฟั่บ!
เจียงอี้จะไม่เป็นอะไรเมื่อเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แต่ในขณะที่เขากำลังไตร่ตรอง หวายทะเลก็เริ่มเคลื่อนไหวและหดตัวอย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังจะบีบรัดคอเจียงอี้!
ผู้อาวุโสเฮ่อเสี่ยวนู๋ ข้าขอโทษ!
ความตาย– เจียงอี้นั้นไม่ได้ได้กลัว! สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเสียใจก็คือผู้อาวุโสเฮ่อและเสี่ยวนู๋ ครั้งนี้ เขาพาเสี่ยวนู๋ออกมาเล่นสนุกและคิดว่าคงไม่มีอัตรายใดๆในเส้นทางนี้เนื่องจากมีหยาจื้อมาด้วย เขาไม่ได้คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น
ข้าจะทำมันข้าจะปล่อยผู้อาวุโสเฮ่อกับเสี่ยวนู๋ออกมา ในเมื่อพวกเขาก็จะไม่มีชีวิตอยู่แล้วหากเขาตายไป ก็ลองดูหน่อยเถอะเผื่อผู้อาวุโสเฮ่อจะมีแผนการขึ้นมาบ้าง
หากเจียงอี้ตายไปไข่มุกวิญญาณเพลิงนี้ก็จะกลายเป็นวัตถุไร้เจ้าของและถูกทิ้งไว้ที่นี่ถาวร แจกันเขียวพิสุทธิ์นั้นอยู่ภายในไข่มุกซึ่งทำให้ผู้อาวุโสเฮ่อและเสี่ยวนู๋ไม่มีทางออกมาได้ หลังจากที่เสบียงของทั้งสองหมดลง พวกเขาก็จะตายไปเพราะความหิวโหย
แก่นแท้พลังสีแดงในดาวดวงแรกที่อยู่ในตันเทียนพุ่งไปที่เส้นปราณของเจียงอี้อย่างบ้าคลั่งอย่างไรก็ตาม แก่นแท้พลังก็ได้ชะลอลงทันทีตั้งแต่ที่มันออกจากตันเทียนของเขา และทุกๆการเคลื่อนไหวของมันนั้นก็ช้าเป็นอย่างมาก เส้นลมปราณของเจียงอี้อาจแตกซ่านได้หากเขายังฝืนหมุนเวียนแก่นแท้พลัง!
ก็แตกไปสิ!
เขากำลังจะตายอยู่แล้วดังนั้นเจียงอี้จึงไม่ได้ใส่ใจมันนักและไหลเวียนแก่นแท้พลังไปทางมือขวาของเขา และร่างกายของเจียงอี้นั้นก็มีแต่ความเจ็บปวดเพิ่มพูนขึ้น แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงหมุนเวียนแก่นแท้พลังไปยังฝ่ามือและเทมันลงไปในแจกันเขียวพิสุทธิ์!
บุฟ!
แจกันเขียวพิสุทธิ์ส่องสว่างขึ้นทันทีและมีร่างสองร่างปรากฏขึ้นกลางอากาศทันทีที่ผู้อาวุโสเฮ่อและเสี่ยวนู๋ออกมา พวกเขาก็มองไปยังเจียงอี้ซึ่งดวงตาของผู้อาวุโสเฮ่อก็หดลง ส่วนใบหน้าของเสี่ยวนู๋นั้นเปลี่ยนเนสีเทาทันที นางอุทานออกมา “นายน้อย!”
ฟึ่บฟั่บ!
ในความสิ้นหวังของเจียงอี้ก่อนที่ทั้งสองจะทันได้ขยับตัว หวายทะเลทั้งสองก็พุ่งตรงไปยังพวกเขาด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่ผู้อาวุโสเฮ่อจะสามารถตอบโต้อะไรได้ พวกเขาทั้งสองก็ถูกมัดไปแล้วเรียบร้อย
อนิจจา…มันจบแล้ว!
เขาถอนหายใจอย่างเสียใจเจียงอี้เห็นทั้งสองถูกฉุดลงไปที่พื้นข้างๆเขา เจียงอี้ยิ้มอย่างขมขื่น “ผู้อาวุโสเฮ่อ เสี่ยวนู๋ คราวนี้ข้าลากพวกเจ้าเข้ามาติดร่างแหด้วย! ข้าเกรงว่าเราจะตายในสถานที่บ้าบอนี่แล้วแหละ”
“นายน้อยอี้สิ่งที่น่ารังเกียจนี่คืออะไรกัน? ทำไมข้าถึงไม่สามารถหมุนเวียนแก่นแท้พลังของข้าได้กันนะ?” ผู้อาวุโสเฮ่อถามด้วยความกลัว
เสี่ยวนู๋นั้นกำลังบิดตัวอย่างต่อเนื่องเหมือกระต่ายตื่นตูมอย่างไรก็ตามหวายทะเลก็รัดนางมากขึ้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกลัวและดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยประกายของน้ำตา นางดูน่าสงสารนัก
เฮ้อ…
เจียงอี้อธิบายกับผู้อาวุโสเฮ่อและเสี่ยวนู๋อย่างรวดเร็วก่อนที่จะมองพวกเขาด้วยความสำนึกผิด “ข้าจะปล่อยผู้อาวุโสเฮ่อออกมาเผื่อว่าจะหาทางออกได้ แต่ตอนนี้มันเหมือนว่าเบื้องบนต้องการให้พวกเราตายแล้วแหละ”
หลังจากที่ผู้อาวุโสเฮ่อฟังอยู่เงียบๆและลองบางวิธีเขาก็รู้แน่แล้วว่าเขาไม่น่าหนีพ้น เขาปล่อยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา “นายน้อยอี้ ท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดเลย ข้านั้นก็ชรามากแล้วและคงเหลือเวลาอีกไม่กี่ปี มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ตายเคียงข้างนายน้อยอี้!”
น่าแปลกที่เสี่ยวนู๋ไม่ได้พูดอะไรและหลับตาแทนใบหน้าเล็กๆของนางซีดราวหิมะ ดูเหมือนว่านางนั้นกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้
ฟุ่บฟั่บ!
หวายทะเลทั้งสามก็ยังคงรัดพวกเขาอยู่เจียงอี้ถูกรัดคอมาตั้งแต่แรก ตอนนี้เขานั้นพูดไม่ได้และรู้สึกว่ากระดูกของเขากำลังจะร้าว เขาหันหัวไปอย่างลำบากและมองเจียงเสี่ยวนู๋ที่อยู่ข้างๆเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเจ็บปวด เขาใช้กำลังทั้งหมดเพื่ออ้าปากพูดว่า “เสี่ยวนู๋ไม่ต้องกลัวนะ นายน้อยจะไปท่องปรโลกกับเจ้า”
ดวงตาของเจียงเสี่ยวนู๋ยังคงปิดอยู่และนางเริ่มสั่นรุนแรงยิ่งขึ้นเจียงอี้ก็เป็นทุกข์มากเมื่อมองที่นาง ส่วนผู้อาวุโสเฮ่อก็มองและถอนหายใจอย่างเอื่อยๆ เขาปิดตาและรอความตายที่กำลังมาถึง
บุฟ!
และในตอนนั้นเอง!
จู่ๆดวงตาของเจียงเสี่ยวนู๋ก็เปิดขึ้นมาร่างเล็กๆของนางเปล่งประกายด้วยแสงสีเขียวซึ่งมันพราวมากจนทำให้เจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อแสบตา กลิ่นอายที่น่ากลัวนี่ออกมาจากเจียงเสี่ยวนู๋
จากนั้น….!
สิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นผมของเจียงเสี่ยวนู๋เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มในทันใด ดวงตาของนางส่องแสงสีเขียว หูของนางใหญ่ขึ้นและแหลมออกมาเหมือนแมว เสื้อคลุมด้านหลังนางฉีกขาดออกและเผยปีกสีเขียวทั้งสองข้างขณะที่นิ้วและเล็บที่เรียวยาวของนางกลายเป็นสีเขียวไปด้วย
“นี่…”
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเจียงเสี่ยวนู๋ทำให้เจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อต่างพากันหวาดกลัวเจียงอี้นั้นมึนงงไปด้วยความตกใจ นี่ยังเป็นสาวใช้ที่น่ารักและอ่อนโยนของเขาอยู่ไหมนะ? เห็นชัดๆว่านี่มันคือปีศาจกลายพันธุ์!
เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – บทที่ 385 การเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวนู๋
บทที่ 385 การเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวนู๋
Posted by ? Views, Released on ธันวาคม 14, 2021
, เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
Status: Ongoing
นิยายกำลังภายใน นิยายจีน นิยายจีนย้อนยุค นิยายจีนแปลไทย นิยายดราม่าเข้มข้น นิยายบู๊ล้างผลาญ นิยายผจญภัยมันๆ นิยายแฟนตาซี นิยายแฟนตาซีสนุกๆ แก้นแค้น
เรื่องย่อ
ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ
ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้
วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก
ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ
ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้
จึงได้อุบัติขึ้น!
หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง
เกลื่อนปฐพี!
หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!