เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – บทที่ 519-520

บทที่ 519-520

บทที่ 519 เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์
  เจียงอี้ต้องการตามหญิงสาวผมสีม่วงไปและถามนางว่านางรู้จักอีเพียวเพียวหรือไม่และนางเกี่ยวข้องกับแม่ของนางหรือเปล่าแต่เมื่อเขานึกถึงความเร็วของเรือลำนั้นแล้วเขาก็ตระหนักได้ว่ามันน่าจะห่างออกไปได้ราวห้ากิโลเมตรแล้ว
  คำพูดของหญิงสาวผู้นั้นได้ทำร้ายความภาคภูมิของเขาไปสิ้น
  “เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบแทนบุญคุณข้าหากเจ้าบรรลุถึงขอบเขตเทียนจุนแล้วจงตามหาข้า ข้าจะมอบอนาคตที่สดใสให้แก่เจ้า…”
  โลกนี้ได้ทำร้ายเจียงอี้อย่างเลวร้ายเขาไม่เคยร้องขอสิ่งใดจากคนอื่น เขามีทุกสิ่งเพราะความพยายามของเขา หากเขาต้องการสิ่งใดเขาจะต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นด้วยความสามารถของเขา เขาอาจจะต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองแต่เขาไม่เคยร้องขอความสงสารและความเห็นใจจากผู้อื่นเลย
  แต่เขาก็ไม่ได้แค้นเคืองหญิงสาวผู้นั้นนางมีสมบัติที่ทรงพลังเช่นนี้และสามารถเดินทางไปรอบทะเลบูรพาเวิ้งว้างได้ตามที่นางพอใจ แม้แต่จักรพรรดิอสูรก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้ ซึ่งมันก็ไม่ต้องบอกเลยว่านางมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา
  นางยังคงพูดถึงเรื่องจักรพรรดิอสูรและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลนางจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมากมายซึ่งนางคงมองว่าเขาเป็นเพียงคนพิการเท่านั้น
  เจียงอี้อาจมีความสามารถประหลาดที่หญิงสาวผู้นั้นสนใจเช่นสภาวะพิลึกในตอนที่เขาเข้าไปยังทะเลอัสนีแต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นเพียงคนพิการที่ขัดเกลาศิลาสวรรค์มากเกินไปและทำลายร่างกายของเขาเอง ซึ่งคงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่หญิงสาวผู้นี้จะดูแคลนเขา
  เจียงอี้รู้ดีว่าเขาเป็นคนพิการที่ไม่มีหญ้ามังกรยาจกและตอนนี้เขาไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้ และพลังในดาวดวงที่สามของเขาก็มีมากแล้ว หากเขากล้าฝืนบ่มเพาะพลังในดาวดวงที่สี่ ร่างของเขาอาจจะระเบิดออกมาอย่างแน่นอน
  ดังนั้นนอกจากการเข้าถึงวิชาเวทย์และรูปแบบเต๋าแล้ว เขาก็ไม่สามารถฝึกฝนสิ่งอื่นได้เลย
  หากเจียงอี้เป็นผู้ปกครองทวีปเทียนชิงและออกไปเที่ยวเริงสำราญและจากนั้นเขาก็ได้ช่วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่มีความสามารถพิเศษบางอย่างแต่เขาผู้นั้นเป็นคนพิการและอาจไม่มีหวังทะลวงขอบเขตจินกังได้ตลอดชีวิตของชายผู้นั้น แล้วเจียงอี้จะพาผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นกลับไปยังทวีปเทียนชิงหรือไม่?
  บางทีเจียงอี้อาจจะช่วยผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นและทิ้งเขาไว้กลางทางด้วยคำพูดว่า “หากเจ้าสามารถทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้ เจ้าสามารถมาหาข้าได้ที่ทวีปเทียนชิงและข้าจะมอบอนาคตให้แก่เจ้า…”
  ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่โกรธหญิงสาวนางนี้พวกเขามีสถานะต่างกันและฐานความคิดที่ต่างกันดังนั้นพวกเขาจึงพูดจาด้วยน้ำเสียงที่ต่างกัน
  “ฮ่าฮ่า!แม่นางอี หากข้ายังไปไม่ถึงขอบเขตเทียนจุน ข้าเองก็คงไม่มีหน้าไปพบท่านเช่นกัน”
  หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่เจียงอี้ก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเขาหยุดคิดมากและมองไปยังทิศตะวันออก หญิงสาวผมม่วงบอกว่าทวีปเฟิ่งหมิงอยู่ข้างหน้า เขาจึงต้องสงบจิตสงบใจลงก่อน
  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะเข้าไปยังทวีปเฟิ่งหมิงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? จะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอยู่หรือไม่นะ? เจียงอี้ไม่มีทางรู้ได้ในตอนนี้ แต่เขาก็ต้องคอยระมัดระวังตัวเองและไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเขาได้เนื่องจากมีโถงวรยุทธอยู่ทั่วทุกทวีป บางทีตอนนี้โถงวรยุทธสาขาอาจจะได้รับคำสั่งให้ตามหาเขาแล้วก็ได้
  “ไปกันเถอะ!”
  เขาเริ่มเดินทางและแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปด้านหน้าในขณะที่เขาสำรวจสถานการณ์รอบตัวเขา เขาก็เดินไปบนผิวน้ำทะเลในเวลาเดียวกัน เขากำลังจะเข้าสู่ทวีปเฟิ่งหมิงและอาจวิ่งไปในดงศัตรูได้ทุกเมื่อ ฉะนั้นเขาจึงต้องระวัง
  เขาไม่กล้านำสัตว์อสูรหยาจื้อออกมาหรือย้ายร่างฉับพลันเลยสิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของเขา เมื่อเขาใช้มัน มันก็จะตกเป็นเป้าได้ง่าย และเขายังสวมหน้ากากร้อยหน้าและเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาด้วย
  หลังจากที่เดินทางมาครึ่งวันก็เริ่มพบเกาะเล็กๆอยู่ด้านหน้าทวีปเฟิ่งหมิงคงอยู่ไม่ไกลแล้วเพราะมีเพียงทะเลน้ำตื้นเท่านั้นที่มีเกาะมากมายเช่นนี้
  ฟึ่บ!
  เจียงอี้มองทุกสิ่งรอบๆตัวเขาหลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีใคร เขาก็รีบพุ่งไปที่เกาะแห่งหนึ่ง
  ราชวังจักรพรรดิกระพริบขึ้นมาและเขาก็ปล่อยทุกคนออกมาพวกเขาถูกขังอยู่ในราชวังจักรพรรดิเกือบหนึ่งเดือนและรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อพวกเขาได้ออกมา เฉียนว่านก้วนถึงกับร้องอุทาน “ลูกพี่ นี่เจ้ามาถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้วหรือ? ทำไมเร็วจัง? นี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงเดือนเองนะ วู้ฮู้ว! ถึงคราวเฉียนว่านก้วนออกโรงแล้ว!”
  “นายน้อย!”
  เจียงเสี่ยวนู๋โกรธเล็กน้อยและกระซิบว่า“สัตว์อสูรหยาจื้อบอกว่าท่านตกอยู่ในอันตรายและจักรพรรดิอสูรกำลังไล่ล่าท่านอยู่ ทำไมท่านไม่ปล่อยให้ข้าออกมาสู้กับมัน? แล้ว…ท่านกำจัดจักรพรรดิอสูรไปได้อย่างไรเจ้าคะ?”
  เนื่องจากเจียงอี้สามารถปล่อยคนเหล่านี้ออกมาได้อย่างสบายๆมันจึงเห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิอสูรไม่ได้ตามเขามาแล้วซึ่งคนเหล่านี้รู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเขาและมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสังหารจักรพรรดิอสูรได้
  “เรื่องมันยาวน่ะ…”
  เจียงอี้บอกพวกเขาเกี่ยวกับหญิงสาวผมสีม่วงและทุกคนมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว โลกภายนอกนั้นอันตรายมากแน่นอน แม้แต่เจียงอี้เองอาจจบลงด้วยความตายที่น่าสังเวช
  “เอาเถอะอย่าคิดมากเลย ข้าจะไปจับสัตว์ป่าสักสองตัวก่อนแล้วเรามากินอาหารกัน จากนั้นเราจะพักผ่อนที่นี่สักหนึ่งวันแล้วหลังจากนั้นพวกเจ้าต้องเข้าไปในราชวังจักรพรรดิอีกครั้งจนกว่ามันจะปลอดภัยมากๆแล้ว ข้าไม่สามารถปล่อยพวกเจ้าออกมาได้ หวังว่าพวกเจ้าคงเข้าใจ”
  หลังจากจบประโยคเจียงอี้ก็รีบวิ่งไปใจกลางเกาะ ทุกคนต่างมองหน้ากันและกันและยิ้มอย่างขมขื่น ดวงตาของจ้านอู๋ซวงเผยความรู้สึกไร้ค่าออกมา ความเร็วในการฝึกฝนของเขาอาจจะค่อนข้างดีในทวีปเทียนชิง แต่เขาก็อยู่เพียงขั้นที่ห้าของขอบเขตเสินโหยวซึ่งมันทำให้เขาไม่สามารถช่วยอะไรเจียงอี้ได้เลย
  แต่ทุกๆคนก็เข้าใจเจียงอี้สิ่งที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้ก็คือการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและพยายามพัฒนาความแข็งแกร่งเพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยเจียงอี้ได้ในภายภาคหน้า
  หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเจียงอี้ก็หยิบกริชออกมาและตัดผมสีแดงของเขาไปจนสิ้นจากนั้นเขาก็เจาะหูซ้ายของเขาและหยิบต่างหูสีม่วงทองจากมือหยุนเฟยมาสวม จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเสื้อคลุมหนังซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอาณาจักรเทียนเซวี่ยน รูปร่างหน้าตาและท่าทางของเขาต่างจากเดิมมากจนแม้แต่เจียงเสี่ยวนู๋ก็แทบจำเขาไม่ได้เลย
  “สุดยอด!หล่อมาก! ลูกพี่ เจ้าช่างดูป่าเถื่อนนัก หญิงสาวหลายคนจะต้องพากันใจละลายแน่ๆ”
  เฉียนว่านก้วนนกยิ้วโป้งให้เขาจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ แต่เจียงเสี่ยวนู๋ไม่ได้หัวเราะ ความหลงใหลวูบวาวผ่านดวงตาของของนาง สำหรับนางแล้ว ไม่ว่าเจียงอี้จะแต่งตัวเช่นไรนางก็ชอบเขา
  เจียงอี้อายุเกือบสิบแปดปีแล้วเขาสูงราวๆหกฟุต ไหล่ก็กว้าง เอวก็บางและขาก็ยาว เขาไม่ได้ผอมเกินไปและไม่อ้วนเกินไป เขานั้นมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบนัก
  เขาไม่ได้ถูกมองว่าหล่อราวเทพบุตรแต่เขาก็มีมาดที่สมบูรณ์ ที่สำคัญที่สุดคือเขาได้ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมามากและสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน ครั้งหนึ่งเขายังเคยนำทัพกองกำลังนับล้านและอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปด้วย
  เมื่อขึ้นสู่อันดับหนึ่งแล้วกิริยาท่าทางเขาก็จะดีขึ้นด้วยเช่นกัน!
  เจียงอี้ปล่อยกลิ่นอายแห่งผู้ปกครองออกมาจากพฤติกรรมทั้งหมดของเขาดวงตาของเขาเฉียบคมและเฉลียวฉลาด เขามีนิสัยที่ไม่เหมือนผู้อื่นและยังป่าเถื่อน ร่างของเขานั้นยังเป็นวัยรุ่นแต่มีเสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่ อันที่จริงเขานั้นดูดีกว่าเหล่านายน้อยทั้งหลายในตระกูลพวกเขาอย่างมาก และเจียงอี้นั้นก็เป็นเหมือนแม่เหล็กที่คอยดึงดูดสาวๆจริงๆ
  “เอาล่ะทุกคนพักผ่อนกันเถอะ ข้าจะเดินทางไปยังทวีปเฟิ่งหมิงรุ่งสางและหาข้อมูลเกี่ยวกับทวีปจักรพรรดิบูรพา”
  จากปฏิกิริยาของคนอื่นๆเจียงอี้ก็รู้ได้ว่าการพรางตัวของเขานั้นสำเร็จไปได้ด้วยดี คนที่รู้จักเขายังแทบจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในทวีปเฟิ่งหมิง อย่างน้อยเขาก็จะไม่ถูกคนของโถงวรยุทธจำได้ในการพบกันครั้งแรก
บทที่ 520 พ่อหนุ่มน้อย
  ในทะเลทางตะวันตกของทวีปเฟิ่งหมิง,ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังเดินทางข้ามผ่านทะเลมา เขาสวมเสื้อคลุมหนังสัตว์และเผยให้เห็นหน้าอกของเขา หัวของเขาถูกโกนไปจนสิ้นขณะที่หูข้างซ้ายของเขามีตุ้มหูรูปไข่อยู่ เขามีกระบี่ซึ่งเป็นศาตราวุธระดับสวรรค์อยู่ที่หลัง เขาไม่ได้แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา แต่ดวงตาที่ดุดันนั้นฉายประกายที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่ควรดูแคลนเขา
  เจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมาขณะที่เขาไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับทวีปเฟิ่งหมิงเลยเขาไม่รู้ว่าทวีปนี้ปกครองโดยเผ่าพันธุ์ไหน และไม่รู้สิ่งใดเลย แต่หญิงสาวผมสีม่วงนางนั้นก็ไม่ได้ชี้แนะอะไร ซึ่งน่าจะหมายความว่าทวีปแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ประหลาดใดๆ
  เขาต้องเข้าไปในทวีปนั้นก่อนและค่อยๆค้นหาข้อมูลมันจะสมบูรณ์แบบหากว่าเขาสามารถหาแผนที่เต็มของโลกนี้ได้
  ตลอดทางเขาคอยสอดแนมอย่างระมัดระวังหากมีมนุษย์หรือทหาร เขาจะหลีกเลี่ยงคนเหล่านั้นทันที มันจะเป็นการดีที่สุดหากว่าเขาแอบเข้าไปได้ แต่เขาก็ไม่กล้าลงไปใต้น้ำเพราะกลัวว่าอาจจะมีอาคมยับยั้งบางอย่างซึ่งมันอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีกก็ได้
  ทวีปค่อยๆใกล้เข้ามามากขึ้นและเจียงอี้มองเห็นดินแดนที่กว้างใหญ่ได้แต่ไกลไม่มีมนุษย์หรือปีศาจทะเลอยู่รอบๆบริเวณนั้น เจียงอี้หยุดพักเล็กน้อยก่อนที่จะขึ้นจากทะเล เมื่อเขาอยู่ใกล้กับทวีปและแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่รอบๆแล้ว เขาก็เข้าไปในทวีปอย่างรวดเร็ว
  หลังจากที่ตรวจสอบสถานที่นั้นแล้วเจียงอี้ก็ตระหนักได้ว่ามันไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากป่ารกร้าง เขาจึงค่อยๆเริ่มตระเวนไปตามสถานที่นั้นและสอดแนมสถานการณ์ใกล้ๆ
  เขาหยุดหมุนเวียนแก่นแท้พลังในตันเทียนของเขาและใช้เพียงร่างกายธรรมดาด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถปกปิดกลิ่นอายของเขาได้อย่างสมบูรณ์ และแม้ว่าจะมีคนเห็นเขาแต่พวกนั้นก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่แท้จริงของเขาได้
  “มนุษย์!”
  หลังจากเดินทางมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเจียงอี้ก็เห็นเมืองจากระยะไกล เมื่อเขาตรวจสอบและเห็นกลุ่มทหารที่เป็นมนุษย์ในเมือง เขาก็ดีใจขึ้นมาทันที
  ทวีปเฟิ่งหมิงถูกปกครองโดยมนุษย์พวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาและไม่ใช่เผ่าพันธุ์พิเศษ เจียงอี้รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่เขาสามารถแฝงตัวเข้าทวีปได้อย่างเปิดเผยและค่อยวางแผนว่าจะทำสิ่งใดต่อไป
  เขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขามองไปลวกๆและสังเกตเห็นว่าทหารบนกำแพงไม่ได้น่าเกรงขามและผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจื่อฝู่เท่านั้นแม้ว่าเขาจะต้องปะทะกับคนเหล่านี้ แต่เขาก็สามารถสังหารทุกคนได้อย่างง่ายดายและจากไปโดยไม่ต้องคิดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
  แต่แน่นอนว่า…
  เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสังหารผู้คนเขามาที่นี่เพื่อรวบรวมข้อมูล เมื่อเขาสังหารใครไป มันอาจจะเสี่ยงในการถูกเปิดเผยตัวตนได้ หญิงสาวผมสีม่วงให้เขาถ่อมตนเข้าไว้ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะตายโดยไม่รู้สาเหตุ ดังนั้นเขาจึงต้องไม่เคลื่อนไหวใดๆและต้องปิดบังตัวตนของตัวเอง
  “เอ๊ะ?”
  เจียงอี้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาตรวจสอบอีกครั้งและสับสนเล็กน้อยเขาตระหนักได้ว่าจริงๆแล้วทหารทั้งหมดบนกำแพงเมืองเป็นผู้หญิง และไม่มีผู้ชายแม้แต่คนเดียว?!
  ในทวีปเทียนชิงนั้นมีนักสู้ที่เป็นสตรีมากมายและยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่เป็นผู้หญิงมากพอสมควรแม่เฒ่าบุปผาสีเงินเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังและสุ่ยโย่วหลานยังเป็นอันดับหนึ่งของทวีปด้วยซ้ำ
  ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่านักสู้ของทวีปมักเป็นผู้ชายมีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนในกองทัพและสามารถนับจำนวนแม่ทัพหญิงได้ด้วยนิ้วด้วยซ้ำ
  เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าเมืองของเมืองนี้เป็นผู้หญิง?ทหารทั้งหมดที่นี่ก็เป็นผู้หญิงด้วยหรือเปล่านะ?
  เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและไม่คิดมากอีกต่อไปเขาลงไปใต้ดินและเตรียมตัวที่จะแทรกซึมเข้าไปในเมืองนั้น จากนั้นเขาก็จะหาโอกาสรวบรวมข้อมูลต่างๆ
  เมืองนี้เล็กมากไม่มีม่านพลังใดๆอยู่ใต้เมืองแห่งนี้จนเจียงอี้สามารถแทรกซึมเข้าไปในนั้นได้อย่างง่ายดายและสอดแนมสถานการณ์ด้านบนด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา
  ด้านบนนั้นคึกคักและเสียงดังราวกับตลาดสดเจียงอี้ค่อยๆกวาดตามองอย่างสบายใจและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้อย่างชัดเจนว่ามนุษย์เหล่านี้กำลังพูดอะไรเพราะมันเป็นภาษาเดียวกันกับทวีปเทียนชิง
  เมื่อนึกถึงเรื่องนี้อีเพียวเพียวและหญิงสาวผมสีม่วงล้วนมาจากทวีปอื่น พวกนางก็ยังพูดภาษาเดียวกับผู้คนในทวีปเทียนชิง ซึ่งเจียงอี้ก็เข้าใจในทันทีว่าภาษานี้น่าจะเป็นภาษาที่ใช้ในแดนเทียนชิงทั้งหมด
  เจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปเรื่อยๆอย่างระมัดระวังเขามั่นใจว่าการแต่งกายของพวกเขาไม่ได้แตกต่างกันมากนักและมีบางคนที่สวมเสื้อคลุมขนสัตว์ เขาโล่งใจมากและไม่ได้คิดมากก่อนที่จะแอบขึ้นมาจากใต้ดิน
  ตอนนี้เขากลับมาอยู่ที่เมืองของมนุษย์แล้วเขามองไปรอบๆบ้านที่สร้างด้วยหินปูนและรู้สึกคุ้นเคย หลังจากล่องอยู่ในทะเลมานานกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดเขาก็กลับมาที่โลกมนุษย์ซึ่งทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
  …
  เมื่ออยู่ในเมืองเขาไม่กล้าที่จะปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาอีกต่อไป ขณะที่เขาปิดอุโมงค์ด้านล่าง เขากระโดดออกมาจากสนามร้างและเดินไปที่ถนนหลัก เขามองไปรอบๆและเตรียมค้นหาโรงแรมเพื่อรวบรวมข้อมูลของทวีปเฟิ่งหมิง
  “หืม?”
  เมื่อเขาเดินไปบนถนนเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
  เขาสังเกตเห็นว่ามีคนมากมายกำลังมองมาที่เขาหลายคนก็ซุบซิบกับและจับจ้องเขาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
  เจียงอี้กระพริบตาและถูจมูกของเขาโดยที่เขาไม่คิดว่าจะถูกเผยตัวเพราะเขาไม่ได้พูดออกมาแม้แต่คำเดียวทำไมคนเหล่านี้ถึงได้มองเขาเช่นนี้กัน?
  หรือว่าเขาหล่อมาก?หรือว่าการแต่งตัวของเขาดึงดูดสายตาเกินไป? หรือว่ากลิ่นอายความเป็นราชันของเขาโดดเด่นเกินไปรึเปล่านะ?
  แคร้ง!เคร้ง!
  นักสู้หญิงหลายคนบนถนนชักอาวุธของพวกนานและล้อมเจียงอี้ไว้ทันทีส่วนผู้ชายทุกคนรีบไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังผู้หญิงพวกนั้นและมองมาที่เขาอย่างหวาดกลัว เจียงอี้จึงเห็นถึงสถานการณ์แปลกๆ ผู้ชายที่นี่ทุกคนบนถนนดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆ แต่ผู้หญิงทุกคนที่นี่ล้วนเป็นนักสู้ นอกจากนี้พวกนางส่วนใหญ่ทั้งหมดอยู่ในขอบเขตจื่อฝู่ทั้งนั้น
  สิ่งที่ประหลาดยิ่งกว่าคือผู้หญิงบนถนนทุกคนมีกลิ่นอายที่ผ่าเผยและซื่อตรงมากส่วนผู้ชายที่นี่มีกิริยามารยาทที่ค่อนข้างดีและสงบเสงี่ยม บางคนถึงกับแต่งโฉมและบางคนก็มีหน้าตาที่ขี้อาย
  ปัง!
  เปลวไฟสัญญาณของหญิงสาวผู้หนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและเหล่าทหารก็มาที่นี่อย่างรวดเร็วทหารหญิงขี่สัตว์อสูรระดับสองมาซึ่งมันคือเสือแดง ผู้นำสวมชุดเกราะรบของแม่ทัพและมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม เห็นได้ชัดว่านางเป็นทหารขอบเขตเสินโหยว
  “เจ้าสายลับรีบมอบตัวและรอให้เจ้าเมืองมาจัดการเจ้า หากเจ้ากล้าบุ่มบ่าม เจ้าจะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี!”
  แม่ทัพหญิงอายุราวๆสามสิบปีและหอกของนางก็ชี้ไปที่เจียงอี้นางตะโกนมากจากไกลๆและกลิ่นอายสังหารของนางก็พุ่งตรงมาที่เจียงอี้ขณะที่นางพร้อมจะโจมตีทุกเมื่อ
  “สายลับ?”
  เจียงอี้กระพริบตาด้วยความสับสนเขาไม่รู้ว่าสิ่งใดกันที่ทำให้เขาถูกพบ แต่เขาก็พอจะรู้บ้างแล้ว
  เขาอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขาควรสู้หรืออดทนดีนะ? หากเขาจะสู้ เขาก็สามารถสังหารทุกคนที่นี่ได้อย่างง่ายดายแต่มันก็อาจจะเสี่ยงที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญทวีปเฟิ่งหมิงตามล่าเขาได้
  ทนไปก่อนแล้วกัน!
  เจียงอี้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองนี้น่าจะอยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยว ซึ่งจะถูกเขาสังหารได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ เขาจึงตัดสินใจที่จะรอดูว่าเจ้าเมืองจะจัดการกับเขาเช่นไร
  เขายิ้มออกมาและไม่พยายามเล่นลิ้นใดๆเขาโค้งคำนับและป้องมือพร้อมยิ้มออกมา “ข้าคือหมาป่าเดียวดาย ข้าชอบเดินทางท่องไปทั่วโลกและผ่านมาที่ทวีปเฟิ่งหมิงนี้ ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายแน่นอน ท่านแม่ทัพผู้นี้จะพาข้าไปพบเจ้าเมืองได้หรือไม่?”
  “ฮึ่ม!มัดเขาไว้!”
  เมื่อแม่ทัพหญิงผู้นั้นตะโกนขึ้นมาทหารสองคนก็กระโดดลงจากเสือแดงทันทีและกดเจียงอี้ลงไป พวกนางหยิบเถาวัลย์โบราณสีดำออกมาจากเอวและมัดเจียงอี้เอาไว้และยึดกระบี่ยาวของเขาไป แต่พวกนางไม่ได้ยึดไข่มุกวิญญาณเพลิงไปเพราะมันถูกซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขา
  “นำตัวไป!”
  เมื่อแม่ทัพหญิงเห็นว่าเจียงอี้ไม่ได้ขัดขืนอะไรนางก็โล่งใจ เจียงอี้ไม่ได้หมุนเวียนแก่นแท้พลังในตันเทียนของเขาและไม่มีกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญใดๆ แต่กลิ่นอายตามธรรมชาติของเขาที่เขาเปิดเผยออกมานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ใจของแม่ทัพหญิงผู้นี้สั่นไหวได้แล้ว
  เถาวัลย์โบราณนี้มีอะไรแปลกๆ!
  เจียงอี้สังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติกับเถาวัลย์เมื่อมันมัดเขาเอาไว้พลังงานบางสิ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาและป้องกันไม่ให้เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังได้ แต่เจียงอี้ก็ไม่ได้สนใจมันเลย จะต้องไปกลัวอะไรหากเขาสามารถปลดปล่อยเจตจำนงสังหารได้และเมืองทั้งเมืองจะถูกเขาตรึงไว้กัน?
  เขาถูกหญิงผู้หนึ่งอุ้มขึ้นไปบนเสือแดงและพวกนางก็รีบวิ่งไปที่ลานขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหญิงสาวที่แบกเจียงอี้นั้นดูดีพอสมควรและเมื่อพวกนางเคลื่อนไหว นางก็แอบรู้สึกถึงร่างกายที่แข็งแกร่งของเจียงอี้ นางต้องการสัมผัสร่างกายส่วนล่างของเจียงอี้ด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นทำให้เจียงอี้ถึงกับสั่นสะท้าน
  “อย่าขยับ!”
  เมื่อหญิงสาวผู้นั้นสังเกตเห็นว่าเจียงอี้กำลังมีปฏิกิริยาแปลกๆนางก็ยิ้มออกมาและเอนตัวไปด้านหลังเจียงอี้ จากนั้นนางก็กระซิบบางอย่างที่ทำให้เจียงอี้ต้องตกตะลึงถึงที่สุด “พ่อหนุ่มน้อย เป็นเด็กดีหน่อย! ท่านเจ้าเมืองชื่นชอบผู้ชายตัวเล็กๆที่แข็งแกร่งเช่นนี้ นางจะทะนุถนอมเจ้าอย่างแน่นอน และหลังจากที่เจ้าเมืองสนุกกับเจ้ามากพอแล้ว พี่น้องของเราก็จะร่วมสนุกกับเจ้า ตราบใดที่เจ้ายังเชื่อฟัง เราก็จะไม่มีวันสังหารเจ้า”
  ….

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ

ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้

วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก

ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ

ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้

จึงได้อุบัติขึ้น!

หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง

เกลื่อนปฐพี!

หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท