เดิมที วันเกิดของซือถูอีเสี้ยวนั้นไม่ใช่งานใหญ่ อย่างไรก็ตามแต่ ในปีนี้ตระกูลซือถูเติบโตขึ้นมาก บางทีมันอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยหากซือถูอีเสี้ยวไม่ได้จัดงานเลี้ยง แต่เมืองเทพประทานก็กลับมามีชีวิตชีวาทันทีหลังจากที่เขาและเฉียนว่านก้วนส่งคำเชิญไปมากมาย
นายน้อยและคุณหนูจากสิบสามตระกูลได้อาศัยอยู่ในเมืองเทพประทานหลังจากเกิดการก่อตั้งสมาคมการค้ามังกรโผบิน ประการแรกนั้นมันเป็นการร่วมการค้าเพื่อรับประสบการณ์ ส่วนประการที่สอง มันคือการเพิ่มสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับเฉียนว่านก้วนและซือถูอีเสี้ยวในฐานะที่เขาเป็นประธานสมาคมการค้ามังกรโผบิน
บรรดานายน้อยและคุณหนูมากมายต่างส่งคนไปเตรียมของขวัญทันทีหลังจากซือถูอีเสี้ยวส่งคำเชิญไป พวกเขาไม่ต้องการละเลยซือถูอีเสี้ยว จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาและเฉียนว่านก้วนขับไล่ตระกูลใดตระกูลหนึ่งออกไป? พวกเขาจะประสบการสูญเสียกำไรมหาศาลแน่นอน ปัจจุบันนี้ ตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและอีกสามตระกูลอาจดูเหมือนต่อต้านพวกเขา แต่คนเหล่านั้นก็แอบอิจฉาพวกเขามากและต้องการจะร่วมการค้านี้ด้วย
สิ่งที่ทำให้คนจำนวนมากเริ่มสงสัยคือซือถูอีเสี้ยวส่งคำเชิญไปยังหนานกงมู่หยีและในเวลาเดียวกัน เขาได้เชิญหญิงม่ายตระกูลหนานกงมาด้วย แต่เขาไม่ได้ส่งคำเชิญไปยังเหลยฉีเหยียนหรือเหลยจื่อหานเลย ส่วนคุณหนูตระกูลลู่ แม่นางลู่หยี่เองก็ไม่ได้รับคำเชิญเช่นกัน
ซือถูอีเสี้ยวสุภาพกับทุกคนในเมืองมาโดยตลอด เขาจะไม่ตั้งใจรุกรานใคร แต่ทว่าในครั้งนี้เขาร้ายกาจจริงๆ เขาไม่ได้ไว้หน้าใครเลย สิ่งนี้มันทำให้นายน้อยและคุณหนูตระกูลใหญ่ทั้งเจ็ดเป็นกังวลมากขึ้น หรือตระกูลซือถูจะประกาศสงครามกับตระกูลเหลยจริงๆ?
แน่นอนว่าบางคนคิดถึงเรื่องที่เหลยฉีเหยียนขอแต่งงานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้มันชัดเจนยิ่งขึ้นหลังจากที่เห็นว่าซือถูอีเสี้ยวเชิญหญิงม่ายตระกูลหนานกงด้วย ซือถูอีเสี้ยวไม่พอใจเหลยฉีเหยียนเป็นอย่างยิ่งและต้องการใช้โอกาสนี้สร้างความขัดแย้งในพันธมิตรระหว่างตระกูลเหลยและตระกูลหนานกง เห็นได้ชัดว่าเขาให้โอกาสตระกูลหนานกงและขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้วว่าจะคว้ามันไว้หรือไม่
ตระกูลเหลยอยู่ในความสงบสุขมากและไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ แต่หนึ่งชั่วโมงก่อนงานเลี้ยง ประตูตระกูลเหลยก็เปิดขึ้นและรถม้าหรูสองคันก็วิ่งออกไปขณะที่พวกนั้นมุ่งหน้าตรงไปยังตระกูลหนานกง หนึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูของตระกูลหนานกงก็เปิดออกมาเช่นกันและรถม้าหกคันก็แล่นไปลานตำหนักซือถู
อะไรนะ?
ภายในปราสาทเจียง สีหน้าของเจียงอี้เปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่เขาได้ยินรายงานจากผู้คุมว่าเหลยฉีเหยียนมาโดยที่ไม่ได้รับเชิญ นอกจากนี้ เขายังมางานกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานด้วย และในตอนนี้ พวกเขาก็อยู่ในปราสาทของซือถูอีเสี้ยว และยังมีเหลยจื่อหานและลู่หยี่ที่มาโดยไม่ได้รับเชิญเช่นกัน ซือถูอีเสี้ยวจึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องต้อนรับพวกเขาเข้ามา มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่แสดงความห่วงใยต่อคนเหล่านั้นได้เลยใช่ไหมล่ะ?
หัวหน้าเจียง หัวหน้าเฉียนถามว่าท่านต้องการจะไปที่นั่นหรือไม่ขอรับ? ผู้คุมป้องหมัดของเขาแล้วส่งข้อความมา
แน่นอน ข้าต้องไปอยู่แล้ว!
เจียงอี้ตอบอย่างเย็นชา เขากวาดตาไปมองเฟิ่งหลวนและพูดว่า เฟิ่งเอ๋อร์ ไปเปลี่ยนชุดทางการและไปกับข้า
เฟิ่งหลวนลุกขึ้นมาและเข้าไปในห้องของนาง ในดวงตาของชิงหยีมีร่องรอยความขมขื่นแต่นางไม่กล้าแสดงออกมากเกินไปจากนั้นเจียงอี้ก็กวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปในห้องหวงฝูเทาเทียนและส่งข้อความว่า พี่ใหญ่เทาเทียน วันนี้เป็นวันเกิดของอีเสี้ยว เจ้าอยากจะไปร่วมงานไหม?
ก็ได้!
หวงฝูเทาเทียนลืมตาขึ้นมาและหยุดฝึกฝน ก่อนหน้านี้ ความประทับใจของเขาต่อซือถูอีเสี้ยวเปลี่ยนไปอย่างมาก และในตอนนี้เขาเองก็อาศัยอยู่ในลานบ้านตระกูลซือถู มันคงไม่ดีต่อเขาหากเขาไม่ไปแสดงความยินดีกับซือถูอีเสี้ยว
หวงฝูเทาเทียนเดินออกไปอย่างรวดเร็วและเฟิ่งหลวนก็เปลี่ยนชุดเป็นสีดำ นางสวมเครื่องประดับหรูหรามากมายและเป็นที่สะดุดตาอย่างยิ่ง เจียงอี้รีบกวักมือเรียกนางและพูดว่า ไปกันเถอะ
นายน้อย ท่านจะไม่เปลี่ยนชุดหรือ? เฟิ่งหลวนพูดอย่างลังเล ส่วนเจียงอี้ก็ยิ้ม อันที่จริงแล้ว…ข้ากำลังจะไปทำงานวุ่นวาย
เฟิ่งหลวนและชิงหยีกลอกตา เจียงอี้น่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าสร้างความวุ่นวายในงานวันเกิดของซือถูอีเสี้ยวใช่ไหม? ทั้งสามคนนำทหารหลายคนเดินออกจากปราสาทเจียงขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังปราสาทเสี้ยวข้างๆพวกเขา
ซือถูอีเสี้ยวต้อนรับแขกของเขาอยู่ที่ประตูขณะที่ซือถูอีเนี่ยนและเฉียนว่านก้วนไม่ได้อยู่ด้วย พวกเขาน่าจะอยู่ด้านในและกำลังให้ความบันเทิงแก่แขกต่างๆ ซือถูอีเสี้ยวต้อนรับเจียงอี้และคนอื่นๆด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นเมื่อเห็นพวกเขาเดินมา เขาพูดเบาๆว่า เจียงอี้ เดิมทีข้าอยากฉลองวันเกิดแบบเรียบง่าย ข้ารู้ว่ามันไม่ดีเลยเมื่อว่านก้วนบอกว่าเขาจะจัดงานเลี้ยง ช่างมันเถอะ….เมื่อเจ้าต้องการเล่น ก็เอาตามที่เจ้าต้องการเลย ไม่ต้องห่วงข้า เจ้าต้องตบหน้าเขาซะเมื่อเขากล้าทำเรื่องน่ารังเกียจ ไม่เช่นนั้น เขาจะประเมินความสามารถของตัวเองสูงไป
ฮ่าฮ่าฮ่า!
เจียงอี้และหวงฝูเทาเทียนหัวเราะ ซือถูอีเสี้ยวเป็นคนฉลาดและปฏิบัติต่อเจียงอี้เป็นหนึ่งในคนของเขาอย่างแท้จริง เขาไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพใดๆอีกต่อไปเมื่อพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูคนเดียวกัน
เจียงอี้ตบบ่าซือถูอีเสี้ยว เดี๋ยวเราพี่น้องมาดื่มร่วมกันหน่อย เจ้ายังต้องฉลองวันเกิดอย่างมีความสุขนะ ข้าไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมาเลย ดังนั้นข้าก็เลยวาดรูปมาให้เจ้า
ฮึฮึ!
ทันใดนั้น ซือถูอีเสี้ยวก็มีความสุขขึ้นมาและได้รับภาพวาดจากทหารที่อยู่เบื้องหลังเจียงอี้ เขาเปิดออกมาอย่างรีบเร่งและดีใจในทันที นี่คือภาพวาดบุคคล และบุคคลในภาพวาดนั้นคือซือถูอีเสี้ยวเอง นอกจากนี้ มันเป็นภาพวาดของเขาที่คอยควบคุมการต่อสู้อย่างกระตือรือร้นขณะที่เขาอยู่บนเรือลิขิตสวรรค์และด้านที่อยู่ไกลๆคือเกาะจอมมาร ผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังต่อสู้กันอยู่ในทะเลและหวงฝูเทาเทียนก็พุ่งออกมา เขาฟาดกระบี่อัสนีของเขาไปที่โม๋หลงและฉากนั้นงดงามมาก รายละเอียดของผู้คนในภาพวาดนั้นละเอียดมากนัก หากไม่สนใจรูปแบบเต๋าที่อยู่ในภาพวาด เพียงแค่ฝีมือการวาดภาพเพียงอย่างเดียวก็มีค่ามากแล้ว ส่วนที่สำคัญที่สุดคือซือถูอีเสี้ยวเป็นตัวเอกของภาพวาดนี้
เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยมยอด!
ซือถูอีเสี้ยวหัวเราะออกมาขณะที่เขามองภาพวาดด้วยความยินดีก่อนจะวางมันลงและส่งให้ผู้ใต้บัญชาข้างๆเขา นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ข้าได้รับมาตลอดชีวิตนี้เลย ข้าเต็มใจยอมรับความทุกข์ยากทั้งหมดเพื่อภาพวาดนี้
หวงฝูเทาเทียนเองก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไปและจ้องเขม็งพร้อมกับพูดว่า เจียงอี้ เจ้าจะไม่วาดให้ข้าบ้างหรือ?
เจียงอี้ยิ้ม ข้าจะวาดให้เจ้าในภายหลัง เราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ
ทั้งสามเดินเข้าไปเป็นแถว ส่วนผู้ใต้บัญชาไม่มีคุณสมบัติเข้าไปในนั้น พวกเขาจึงพากันไปรวมตัวอยู่ในห้องโถงเล็กและรอ บรรยากาศภายในห้องโถงนั้นดูปรองดองกันเป็นอย่างยิ่ง ซือถูอีเนี่ยนและเฉียนว่านก้วนกำลังสร้างความบันเทิงแก่แขกทั้งหลาย และมีสตรีที่กำลังร่ายรำอยู่กลางโถงปราสาท เหล่านายน้อยและคุณหนูเองก็กำลังยกแก้วของพวกเขาซึ่งมันทำให้มีชีวิตชีวามากนัก
ช่วงที่เจียงอี้ก้าวเข้ามา บรรยากาศก็เริ่มเย็นลงมาบ้าง และหลังจากที่เขาเข้ามา เขาก็จ้องเหลยฉีเหยียนขณะที่อีกฝ่ายเองก็ทำเช่นนั้น ทั้งคู่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารซึ่งทำให้รอบๆเงียบลงทันที
เจียงอี้เหลือบมองเหลยฉีเหยียนไม่กี่ครั้งก่อนที่จะกวาดตาไปข้างๆ หน้าของเขาเย็นชายิ่งขึ้นเมื่อเขาเห็นหญิงผู้หนึ่งสวมชุดสีดำและสวมผ้าคลุมหน้าสีอ่อนนั่งอยู่ข้างๆเหลยฉีเหยียน
แน่นอนว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมาร่วมงาน นอกจากนี้นางยังนั่งโต๊ะเดียวกับเหลยฉีเหยียนด้วย แม้ว่านางจะก้มศีรษะลงซึ่งมันทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของนาง แต่ก็เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการที่เหลยฉีเหยียนตบหน้าเจียงอี้โดยไม่มีเสียง
เมื่อเจียงอี้จ้องมองไปที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน เหลยฉีเหยียนก็ยื่นมือไปจับมือเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน ร่างอันบอบบางของนางสั่นสะท้าน แต่ก็ไม่มีวี่แววของการต่อต้านใดๆ นอกจากนางจะก้มศีรษะลงมากขึ้นเท่านั้น
ฮ่าฮ่าฮ่า!
เมื่อเจียงอี้เห็นท่าทียั่วยุของเหลยฉีเหยียน เขาก็ยิ้มด้วยความโกรธ เขาไม่สามารถปิดบังกลิ่นอายสังหารของตัวเองได้อีกต่อไป กลิ่นอายของเขารุนแรงราวกับว่ามันเป็นดาบอันล้ำค่าที่ถูกชักออกมาจากฝัก ซึ่งสร้างความกดดันให้แก่เหล่านายน้อยและนายน้อยหญิงทั้งหลายจนพวกเขาหายใจไม่ทั่วท้อง
น้องเจียง นั่งก่อนเถอะ!
ซือถูอีเสี้ยวพูดออกมาอย่างสุภาพซึ่งทำลายความเงียบงันไป เจียงอี้รู้ว่าซือถูอีเสี้ยวกำลังเตือนเขาไม่ให้หาเรื่องจากการที่เขาเริ่มเอง ไม่เช่นนั้นตระกูลเหลยก็จะทำให้เกิดข้อพิพาทขึ้นอีกครั้งได้อย่างง่ายดายและฉวยโอกาสนี้
เจียงอี้อดกลั้นต่อความเดือดดาลของเขาอย่างหนักและเดินไปที่นั่งทางด้านขวาขณะที่เขานั่งเคียงบ่าเคียงไหล่กับเฉียนว่านก้วน ขณะเดียวกัน เฟิ่งหลวนเองก็นั่งด้านขวาของเขา เฉียนว่านก้วนเต็มใจที่จะนั่งข้างเจียงอี้โดยไม่สนสถานะอันสูงส่งของตนเอง สิ่งนี้เองที่ทำให้นายน้อยและคุณหนูมากมายเคารพเลื่อมใสเจียงอี้มากยิ่งขึ้น
เหลยฉีเหยียนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและมองไปรอบๆ ทันใดนั้นเขาก็พูดกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานข้างๆว่า ฉี่หลิง ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับนายน้อยเจียงเป็นสหายเก่ากันนี่? เมื่อนายน้อยเจียงอยู่นี่แล้ว เจ้าจะไม่ไปทักทายเขาหน่อยหรือ?
เจียงอี้, หวงฝูเทาเทียน, เฉียนว่านก้วนและซือถูอีเสี้ยวขมวดคิ้วพร้อมกันและพวกเขาเผยรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นที่มุมปาก ตามที่คาดไว้ ดูเหมือนว่าเหลยฉีเหยียนจะมาที่นี่เพื่อมาหาเรื่อง!