ผู้อาวุโสที่ตกตายไปนั้นคือหยุนสุ่ย
เขามีความแข็งแกร่งเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาไม่ถือว่าทรงพลังและอยู่ในระดับเดียวกับชิงหลง เขายังอาศัยรูปแบบเต๋าระดับกลางเพื่อขึ้นไปยังขั้นสูงสุดของขอบเขตเทียนจุนด้วย อย่างไรก็ตามแต่ หยุนสุ่ยยังคงมีชื่อเสียงในเมืองเทพประทานและเป็นน้องเขยหนานกงหยุนยี่ด้วย เขาได้รับความไว้วางใจจากหนานกงหยุนยี่มากและถือเป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจในตระกูลหนานกง
แน่นอนว่า!
ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเขาถูกสังหารในกระบวนท่าเดียว และถูกสังหารโดยเจียงอี้!
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นพากันตกตะลึงขณะที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและแม่ของนางไร้สิ้นสติไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองคนตกตะลึงกับพลังที่ทรงพลังและตกลงไปที่พื้นหลังจากถูกกลิ่นอายที่น่าสะพรึงนั้นกดเอาไว้
โชคดีที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกป้องแม่ของนางในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่แน่นอนว่าสายฟ้านั้นก็แม่นยำมากเช่นกัน มันไม่มีสายฟ้าสถิตที่รั่วไหลหรือทำให้เกิดการระเบิดใดๆเลย ไม่เช่นนั้น แม้ว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แม่ของนางจะต้องตายไปจากแรงระเบิดแน่นอน
“นี่เป็นรูปแบบเต๋าอะไรกัน?”
หวงฝูเทาเทียนและซือถูอีเสี้ยวแลกสายตากันและเห็นความประหลาดใจอยู่ในสายตาของกันและกัน ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่ซือถูอ้าว, เหลยถิงเวย, หนานกงหยุนยี่, หวงฝูฉี, ลู่หลี่และคนอื่นๆเองก็สับสนเช่นกัน ความแข็งแกร่งของหยุนสุ่ยอาจไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่การจะสังหารเขาได้ในทันทีนั้นจะต้องเป็นรูปแบบเต๋าระดับห้าดาวขึ้นไป แต่ปัญหาคือ
หวงฝูเทาเทียนรู้ดีว่ารูปแบบเต๋าระดับสูงของเจียงอี้ยังไม่ผสานไม่เสร็จ และแม้ว่าเขาจะหลอมรวมมันได้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่เหตุใดจึงไม่มีความผิดปกติของฟ้าดินเลย? ทำไมเขาไม่ได้รับพลังดารา? หรือเจียงอี้จะหลอกพวกเขาและเข้าใจรูปแบบเต๋านี้มานานแล้ว? หรือรูปแบบเต๋านี้ต่ำกว่าห้าดาว?
อันที่จริงแล้ว เจียงอี้เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน และเขาไม่ได้หลอกหวงฝูเทาเทียนด้วย เขาเพิ่งผสานรูปแบบเต๋านี้ได้ เมื่อเขารวมพลังโลหะเข้าด้วยกัน เขาก็เข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับสูง “อัสนีพิโรธ” นี้ เขารู้อย่างชัดเจนถึงพลังของรูปแบบเต๋านี้แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ได้พลังดารา และเมื่อเขาเข้าถึงรูปแบบเต๋านี้แล้ว เขาก็วาดภาพพันภาพทันทีและทุกภาพก็ถูกสลักด้วยรูปแบบเต๋านี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ซือถูอ้าวประหลาดใจมากที่เห็นภาพวาดพันภาพนั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้ปล่อยรูปแบบเต๋านี้ออกมาและเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พลังนั้นน่าสะพรึงมาก และที่สำคัญที่สุดคือความเร็วนั้นเร็วมากจนหยุนสุ่ยไม่ทันได้หนีเลยด้วยซ้ำ!
“นี่คือการโจมตีรูปแบบเต๋าหรือ?”
เหลยถิงเวยและหนานกงหยุนยี่มองหน้ากัน ส่วนซือถูอ้าวและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกหลายคนก็กำลังเต็มไปด้วยคำถามนี้เช่นกัน คนในระดับพวกเขาทั้งหมดเข้าใจดีว่า…รูปแบบเต๋าเป็นการเข้าใจถึงแก่นและเลียนแบบกฎสวรรค์และโลกา มันคือการยืมกำลังของสวรรค์และโลกามาเพื่อสร้างการโจมตีที่คล้ายกัน ซึ่งการโจมตีนั้นถูกปลดปล่อยออกมาและถูกควบแน่นด้วยแก่นแท้พลัง
ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบใด ไม่ว่าจะเป็นเปลวเพลิงที่รุนแรง ฟ้าร้องและฟ้าผ่าที่น่าสะพรึง หรือพลังแห่งการทำลายล้างที่น่ากลัวนั้น ล้วนแต่อาศัยแก่นแท้พลังทั้งนั้น พวกมันเป็นการโจมตีที่ถูกปล่อยออกมาตามรูปแบบเต๋า การโจมตีด้วยเปลวเพลิง, ฟ้าร้องและมังกรวารีนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มันเกิดขึ้นโดยมนุษย์
อย่างไรก็ตาม!
สายฟ้านั้นฟาดลงมาจากเก้าสวรรค์ก่อนและทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงจากสายฟ้านั้น มันถูกก่อตัวขึ้นโดยธรรมชาติจากสวรรค์และโลกาและถูกเจียงอี้ชี้นำให้โจมตีลงมา
กล่าวอีกนัยคือ การโจมตีของเจียงอี้นั้น เขาไม่ได้ควบแน่นด้วยตัวเอง แต่เขาใช้วิธีการบางอย่างเพื่อนำทางสายฟ้าเก้าสวรรค์ เขากำลังยืมพลังแห่งสวรรค์และโลกา!
หลังจากที่ได้ข้อสรุปนี้ จิตวิญญาณของผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันตกตะลึง อะไรคือเป้าหมายสูงสุดเมื่อจอมยุทธฝึกฝนวิชา? มันคือการท้าทายสวรรค์และเปลี่ยนโชคชะตาซึ่งหมายถึงการต่อต้านสวรรค์และโลกาด้วย มนุษย์สามารถต้านสวรรค์และโลกาได้จริงหรือ? ความแข็งแกร่งของมนุษย์นั้นเทียบได้กับสวรรค์และโลกาจริงหรือ? เห็นได้ชัดว่าไม่!
ยอดฝีมือทั้งหลายต่างโบยบินได้ แต่เหตุใดจักรพรรดิลี้ลับจึงเป็นผู้เดียวที่ทำลายความว่างเปล่าได้? นั่นเป็นเพราะว่าเบื้องบนมีสายฟ้าสยบโลกาและพายุที่น่าสะพรึงอยู่ ผู้ใดก็ตามที่บินขึ้นไปที่สูงจะพบกับความตาย และแม้แต่เหล่ากึ่งเทพเองก็ไม่มีการยกเว้น!
ดังนั้น พลังสวรรค์และโลกาจึงเป้นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถต้านทานได้ จอมยุทธฝึกฝนโดยการเข้าถึงกฎสวรรค์และโลกาและรวมการโจมตีที่คล้ายพลังนั้นออกมา แต่เจียงอี้ไม่ได้เลียนแบบมัน เขากลับยืมพลังจากสวรรค์และโลกามาโจมตีเลย
หากนั่นเป็นเรื่องจริง แล้ว…มันมีความต่างอะไรกับเทพที่แท้จริงกับเจียงอี้หรือ?
ตำนานเล่าขานว่าเทพที่แท้จริงสามารถหยิบยืมพลังสวรรค์และโลกา สามารถพลิกผืนฟ้าและทะเล…เพื่อทำลายทวีปได้!
เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นไปไม่ได้เพราะพลังของสายฟ้าที่เจียงอี้ยืมมานั้นไม่ได้ทรงพลังมากเพียงนั้น อย่างมากมันก็เป็นรูปแบบเต๋าระดับห้าดาวหรือหกดาวเท่านั้น ดังนั้นทุกคนจึงงุนงงและมองไปที่เจียงอี้ราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด
“พี่สี่ อ๊ากก! ไอ้สารเลวนั่นสังหารพี่สี่ มาแก้แค้นให้พี่สี่กันเถอะ ฆ่ามัน…”
ชายวัยกลางคนคำรามออกมาและทำลายความคิดของผู้คน ยอดฝีมือกว่าสิบคนจากตระกูลหนานกงซึ่งน่าจะมีสายเลือดเดียวกับหยุนสุ่ยต่างพากันบ้าระห่ำ พวกเขาไม่สนใจว่าเหลยฉีเหยียนยังอยู่ในมือของเจียงอี้และรีบวิ่งไปด้วยความเดือดดาล คนสองคนถึงกับเพ่งเล็งไปที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและแม่ของนางขณะที่พวกเขาเตรียมจะสังหารพวกนางเพื่อระบายความโกรธออกมา
“ผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท? ก็ตายซะ!”
เจียงอี้ตะโกนออกมาอย่างเคร่งขรึมขณะที่เขาฟาดดาบมังกรเพลิงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลมและฟ้าแปรปรสนขณะที่สายฟ้าจากสวรรค์พุ่งผ่านท้องฟ้ามาและฟาดลงมาที่บุคคลแต่ละคน ความเร็วนั้นเร็วมากเนื่องจากนายน้อยและคุณหนูที่อ่อนแอกว่าหลายๆคนมองเห็นเพียงแสงสีขาวที่วาบผ่านดวงตามา และจากนั้นผู้คนจากตระกูลหนานกงก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปทันทีหลังจากที่โล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาแตกสลายไป
ซู่ ซู่…
เสียงหอบของอากาศที่เย็นเยียบดังขึ้นเนื่องจากมีผู้คนจากตระกูลหนานกงที่ต้องการรีบสังหารเจียงอี้ด้วยความโกลาหลหรือไม่ก็จะไปจับตัวเจ๊ใหญ่กระรพวนกังวานไว้ แต่ตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวเลยเพราะความเร็วของสายฟ้านั้นเร็วเกินไปและพลังนั้นก็น่าสะพรึงเกินไป ผู้ที่รีบพุ่งออกไปก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เป็นขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำและระดับกลาง แต่ก็ยังมีระดับสูงสองคนเช่นกัน
“เจียงอี้ เจ้าเอาแต่ใจเกินไปแล้ว!”
ดวงตาของหนานกงหยุนยี่เบิกกว้างขณะที่สากโลหะปรากฏขึ้นในมือของเขา ขณะที่เขากำลังจะออกคำสั่งให้โจมตีเต็มกำลัง เหลยถิงเวยก็คำรามออกมา “พวกเจ้าทุกคน อย่าขยับ!”
เจียงอี้หยิบดาบออกมาอีกมือหนึ่งแล้วแทงเข้าไปในเป้ากางเกงของเหลยฉีเหยียนโดยไม่รู้ตัว ซึ่งกลิ่นอายเยือกเย็นนี้ทำให้ร่างของเหลยฉีเหยียนสั่นสะท้านขณะที่มีของเหลวสีเหลืองไหลออกมาจากกางเกงของเขาแล้วหยดลงมา
เจียงอี้ไม่ได้มองไปที่เหลยฉีเหยียนขณะที่ดวงตาของเขากำลังจ้องมองเหลยถิงเวยอยู่ ความตั้งใจของเขาชัดเจนมาก…หากผู้ใดกล้าเคลื่อนไหว เหลยฉีเหยียนจะกลายเป็นขันทีทันที!
“นี่…”
ซือถูอ้าวและหวงฝูฉีมองหน้ากัน และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาตื่นตระหนกเล็กน้อย สถานการณ์นั้นเลยเถิดไปอย่างสมบูรณ์และเจียงอี้ก็เหี้ยมเกินไปขณะที่เขาสังหารคนจากตระกูลหนานกงไปกว่าสิบคนแล้ว นอกจากว่าพวกเขาพร้อมจะเริ่มสงครามกับตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่ ซึ่งมันก็ลำบากเกินไปที่พวกเขาจะช่วยเจียงอี้ได้
มันคุ้มค่าไหมที่ทั้งสิบสามตระกูลจะต้องวุ่นวายเพียงเพื่อช่วยเจียงอี้และเฉียนว่านก้วน?
ทั้งสองไม่รู้ แต่ก็ไม่กล้าพูดด้วย พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสังเกตการณ์สำหรับความเปลี่ยนแปลงใดๆขณะที่พวกเขาส่งข้อความไปยังปรมาจารย์ตระกูลของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาตัดสินใจ
ทั้งสิบสามตระกูลอยู่ฝั่งเดียวกันและไม่เคยสร้างความขัดแย้งครั้งใหญ่เลย เพราะหากพวกเขาขัดแย้งกันเอง พวกเขาจะต้องถูกเก้าตระกูลจักรพรรดิกำจัดอย่างแน่นอน นี่เป็นกฎที่ตระกูลระบุไว้อย่างชัดเจนสำหรับทุกๆตระกูล
“เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน มานี่!”
เจียงอี้ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็รีบอุ้มแม่ของนางบินไปข้างๆเจียงอี้ ดวงตาที่เหมือนใบมีดของเจียงอี้มองสภาพแวดล้อมขณะที่เขาเก็บดาบอีกมือเข้าไปขณะที่เก็บเจ็ใหญ่กระพรวนกังวานเข้าไปในราชวังจักรพรรดิด้วย ในเวลาเดียวกัน เขาก็เหลือบมองเจียงเสี่ยวนู๋และที่กำลังส่องประกายและเข้าไปในราชวังจักรพรรดิพร้อมกับเหลยฉีเหยียน
“เทาเทียน เราจะได้พบกันอีกในภายภาคหน้า คราวนี้เป็นเจียงอี้เองที่ทำให้เจ้าผิดหวัง!” เจียงอี้มองไปที่หวงฝูเทาเทียน เขาเก็บดาบมังกรเพลิงเข้าไปขณะที่มือของเขาผ่าห้วงอากาศ และเขากำลังจะใช้วิชาหลีกสวรรค์
“ลุงสาม ลงมือเลย!”
เหลยถิงเวยคำรามออกมาขณะที่เจียงอี้กำลังจะเข้าสู่ห้วงอากาศไป!
และทันทีที่เสียงคำรามหยุดลง ก็มีรอยฝ่ามือขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเหนือห้วงอากาศว่างเปล่านั้นซึ่งกระแทกลงไปที่ห้วงอากาศหลังจากที่เจียงอี้เข้าไปในนั้น! ตูม!
รอยฝ่ามือยักษ์นั้นหายไป ทำให้เจียงอี้ผู้ที่รีบเข้าไปในห้วงอากาศนั้นถูกผลักออกมาอย่างรุนแรงขณะที่ราชวังจักรพรรดิเองก็ฉายแสงออกมาและทุกคนที่อยู่ภายในนั้นก็ถูกบังคับให้กระเด็นออกมาด้วย ระลอกคลื่นอันน่าสะพรึงนี้ได้เหวี่ยงเจียงเสี่ยวนู๋, เฟิ่งหลวน, เฉียนว่านก้วน, ซือถูอีเนี่ยนและคนอื่นๆออกมาทั้งหมด แม้แต่หวงฝูเทาเทียนเองก็ถูกส่งปลิวออกไปโดยคลื่นพลังอันน่าสยดสยองเช่นกัน
“การทลายมิติ นั่นเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลเหลย เหลยกู ท่าไม่ดีแล้ว!”
ซือถูอ้าวอุทานและตะโกนออกมา “พี่ถิงเวย, พี่หยุนยี่, ลู่หลี่ พวกท่านทุกคนหยุดก่อน ทุกสิ่งเจรจากันได้! ทุกคนจากตระกูลซือถูฟังคำสั่งข้า ช่วยเหลือพวกเขา!”
เขามีความแข็งแกร่งเป็นขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาไม่ถือว่าทรงพลังและอยู่ในระดับเดียวกับชิงหลง เขายังอาศัยรูปแบบเต๋าระดับกลางเพื่อขึ้นไปยังขั้นสูงสุดของขอบเขตเทียนจุนด้วย อย่างไรก็ตามแต่ หยุนสุ่ยยังคงมีชื่อเสียงในเมืองเทพประทานและเป็นน้องเขยหนานกงหยุนยี่ด้วย เขาได้รับความไว้วางใจจากหนานกงหยุนยี่มากและถือเป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจในตระกูลหนานกง
แน่นอนว่า!
ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเขาถูกสังหารในกระบวนท่าเดียว และถูกสังหารโดยเจียงอี้!
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นพากันตกตะลึงขณะที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและแม่ของนางไร้สิ้นสติไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองคนตกตะลึงกับพลังที่ทรงพลังและตกลงไปที่พื้นหลังจากถูกกลิ่นอายที่น่าสะพรึงนั้นกดเอาไว้
โชคดีที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกป้องแม่ของนางในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่แน่นอนว่าสายฟ้านั้นก็แม่นยำมากเช่นกัน มันไม่มีสายฟ้าสถิตที่รั่วไหลหรือทำให้เกิดการระเบิดใดๆเลย ไม่เช่นนั้น แม้ว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แม่ของนางจะต้องตายไปจากแรงระเบิดแน่นอน
“นี่เป็นรูปแบบเต๋าอะไรกัน?”
หวงฝูเทาเทียนและซือถูอีเสี้ยวแลกสายตากันและเห็นความประหลาดใจอยู่ในสายตาของกันและกัน ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่ซือถูอ้าว, เหลยถิงเวย, หนานกงหยุนยี่, หวงฝูฉี, ลู่หลี่และคนอื่นๆเองก็สับสนเช่นกัน ความแข็งแกร่งของหยุนสุ่ยอาจไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่การจะสังหารเขาได้ในทันทีนั้นจะต้องเป็นรูปแบบเต๋าระดับห้าดาวขึ้นไป แต่ปัญหาคือ
หวงฝูเทาเทียนรู้ดีว่ารูปแบบเต๋าระดับสูงของเจียงอี้ยังไม่ผสานไม่เสร็จ และแม้ว่าเขาจะหลอมรวมมันได้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่เหตุใดจึงไม่มีความผิดปกติของฟ้าดินเลย? ทำไมเขาไม่ได้รับพลังดารา? หรือเจียงอี้จะหลอกพวกเขาและเข้าใจรูปแบบเต๋านี้มานานแล้ว? หรือรูปแบบเต๋านี้ต่ำกว่าห้าดาว?
อันที่จริงแล้ว เจียงอี้เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน และเขาไม่ได้หลอกหวงฝูเทาเทียนด้วย เขาเพิ่งผสานรูปแบบเต๋านี้ได้ เมื่อเขารวมพลังโลหะเข้าด้วยกัน เขาก็เข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับสูง “อัสนีพิโรธ” นี้ เขารู้อย่างชัดเจนถึงพลังของรูปแบบเต๋านี้แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ได้พลังดารา และเมื่อเขาเข้าถึงรูปแบบเต๋านี้แล้ว เขาก็วาดภาพพันภาพทันทีและทุกภาพก็ถูกสลักด้วยรูปแบบเต๋านี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ซือถูอ้าวประหลาดใจมากที่เห็นภาพวาดพันภาพนั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้ปล่อยรูปแบบเต๋านี้ออกมาและเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พลังนั้นน่าสะพรึงมาก และที่สำคัญที่สุดคือความเร็วนั้นเร็วมากจนหยุนสุ่ยไม่ทันได้หนีเลยด้วยซ้ำ!
“นี่คือการโจมตีรูปแบบเต๋าหรือ?”
เหลยถิงเวยและหนานกงหยุนยี่มองหน้ากัน ส่วนซือถูอ้าวและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกหลายคนก็กำลังเต็มไปด้วยคำถามนี้เช่นกัน คนในระดับพวกเขาทั้งหมดเข้าใจดีว่า…รูปแบบเต๋าเป็นการเข้าใจถึงแก่นและเลียนแบบกฎสวรรค์และโลกา มันคือการยืมกำลังของสวรรค์และโลกามาเพื่อสร้างการโจมตีที่คล้ายกัน ซึ่งการโจมตีนั้นถูกปลดปล่อยออกมาและถูกควบแน่นด้วยแก่นแท้พลัง
ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบใด ไม่ว่าจะเป็นเปลวเพลิงที่รุนแรง ฟ้าร้องและฟ้าผ่าที่น่าสะพรึง หรือพลังแห่งการทำลายล้างที่น่ากลัวนั้น ล้วนแต่อาศัยแก่นแท้พลังทั้งนั้น พวกมันเป็นการโจมตีที่ถูกปล่อยออกมาตามรูปแบบเต๋า การโจมตีด้วยเปลวเพลิง, ฟ้าร้องและมังกรวารีนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มันเกิดขึ้นโดยมนุษย์
อย่างไรก็ตาม!
สายฟ้านั้นฟาดลงมาจากเก้าสวรรค์ก่อนและทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงจากสายฟ้านั้น มันถูกก่อตัวขึ้นโดยธรรมชาติจากสวรรค์และโลกาและถูกเจียงอี้ชี้นำให้โจมตีลงมา
กล่าวอีกนัยคือ การโจมตีของเจียงอี้นั้น เขาไม่ได้ควบแน่นด้วยตัวเอง แต่เขาใช้วิธีการบางอย่างเพื่อนำทางสายฟ้าเก้าสวรรค์ เขากำลังยืมพลังแห่งสวรรค์และโลกา!
หลังจากที่ได้ข้อสรุปนี้ จิตวิญญาณของผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันตกตะลึง อะไรคือเป้าหมายสูงสุดเมื่อจอมยุทธฝึกฝนวิชา? มันคือการท้าทายสวรรค์และเปลี่ยนโชคชะตาซึ่งหมายถึงการต่อต้านสวรรค์และโลกาด้วย มนุษย์สามารถต้านสวรรค์และโลกาได้จริงหรือ? ความแข็งแกร่งของมนุษย์นั้นเทียบได้กับสวรรค์และโลกาจริงหรือ? เห็นได้ชัดว่าไม่!
ยอดฝีมือทั้งหลายต่างโบยบินได้ แต่เหตุใดจักรพรรดิลี้ลับจึงเป็นผู้เดียวที่ทำลายความว่างเปล่าได้? นั่นเป็นเพราะว่าเบื้องบนมีสายฟ้าสยบโลกาและพายุที่น่าสะพรึงอยู่ ผู้ใดก็ตามที่บินขึ้นไปที่สูงจะพบกับความตาย และแม้แต่เหล่ากึ่งเทพเองก็ไม่มีการยกเว้น!
ดังนั้น พลังสวรรค์และโลกาจึงเป้นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถต้านทานได้ จอมยุทธฝึกฝนโดยการเข้าถึงกฎสวรรค์และโลกาและรวมการโจมตีที่คล้ายพลังนั้นออกมา แต่เจียงอี้ไม่ได้เลียนแบบมัน เขากลับยืมพลังจากสวรรค์และโลกามาโจมตีเลย
หากนั่นเป็นเรื่องจริง แล้ว…มันมีความต่างอะไรกับเทพที่แท้จริงกับเจียงอี้หรือ?
ตำนานเล่าขานว่าเทพที่แท้จริงสามารถหยิบยืมพลังสวรรค์และโลกา สามารถพลิกผืนฟ้าและทะเล…เพื่อทำลายทวีปได้!
เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นไปไม่ได้เพราะพลังของสายฟ้าที่เจียงอี้ยืมมานั้นไม่ได้ทรงพลังมากเพียงนั้น อย่างมากมันก็เป็นรูปแบบเต๋าระดับห้าดาวหรือหกดาวเท่านั้น ดังนั้นทุกคนจึงงุนงงและมองไปที่เจียงอี้ราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด
“พี่สี่ อ๊ากก! ไอ้สารเลวนั่นสังหารพี่สี่ มาแก้แค้นให้พี่สี่กันเถอะ ฆ่ามัน…”
ชายวัยกลางคนคำรามออกมาและทำลายความคิดของผู้คน ยอดฝีมือกว่าสิบคนจากตระกูลหนานกงซึ่งน่าจะมีสายเลือดเดียวกับหยุนสุ่ยต่างพากันบ้าระห่ำ พวกเขาไม่สนใจว่าเหลยฉีเหยียนยังอยู่ในมือของเจียงอี้และรีบวิ่งไปด้วยความเดือดดาล คนสองคนถึงกับเพ่งเล็งไปที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและแม่ของนางขณะที่พวกเขาเตรียมจะสังหารพวกนางเพื่อระบายความโกรธออกมา
“ผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท? ก็ตายซะ!”
เจียงอี้ตะโกนออกมาอย่างเคร่งขรึมขณะที่เขาฟาดดาบมังกรเพลิงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลมและฟ้าแปรปรสนขณะที่สายฟ้าจากสวรรค์พุ่งผ่านท้องฟ้ามาและฟาดลงมาที่บุคคลแต่ละคน ความเร็วนั้นเร็วมากเนื่องจากนายน้อยและคุณหนูที่อ่อนแอกว่าหลายๆคนมองเห็นเพียงแสงสีขาวที่วาบผ่านดวงตามา และจากนั้นผู้คนจากตระกูลหนานกงก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปทันทีหลังจากที่โล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาแตกสลายไป
ซู่ ซู่…
เสียงหอบของอากาศที่เย็นเยียบดังขึ้นเนื่องจากมีผู้คนจากตระกูลหนานกงที่ต้องการรีบสังหารเจียงอี้ด้วยความโกลาหลหรือไม่ก็จะไปจับตัวเจ๊ใหญ่กระรพวนกังวานไว้ แต่ตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวเลยเพราะความเร็วของสายฟ้านั้นเร็วเกินไปและพลังนั้นก็น่าสะพรึงเกินไป ผู้ที่รีบพุ่งออกไปก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เป็นขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำและระดับกลาง แต่ก็ยังมีระดับสูงสองคนเช่นกัน
“เจียงอี้ เจ้าเอาแต่ใจเกินไปแล้ว!”
ดวงตาของหนานกงหยุนยี่เบิกกว้างขณะที่สากโลหะปรากฏขึ้นในมือของเขา ขณะที่เขากำลังจะออกคำสั่งให้โจมตีเต็มกำลัง เหลยถิงเวยก็คำรามออกมา “พวกเจ้าทุกคน อย่าขยับ!”
เจียงอี้หยิบดาบออกมาอีกมือหนึ่งแล้วแทงเข้าไปในเป้ากางเกงของเหลยฉีเหยียนโดยไม่รู้ตัว ซึ่งกลิ่นอายเยือกเย็นนี้ทำให้ร่างของเหลยฉีเหยียนสั่นสะท้านขณะที่มีของเหลวสีเหลืองไหลออกมาจากกางเกงของเขาแล้วหยดลงมา
เจียงอี้ไม่ได้มองไปที่เหลยฉีเหยียนขณะที่ดวงตาของเขากำลังจ้องมองเหลยถิงเวยอยู่ ความตั้งใจของเขาชัดเจนมาก…หากผู้ใดกล้าเคลื่อนไหว เหลยฉีเหยียนจะกลายเป็นขันทีทันที!
“นี่…”
ซือถูอ้าวและหวงฝูฉีมองหน้ากัน และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาตื่นตระหนกเล็กน้อย สถานการณ์นั้นเลยเถิดไปอย่างสมบูรณ์และเจียงอี้ก็เหี้ยมเกินไปขณะที่เขาสังหารคนจากตระกูลหนานกงไปกว่าสิบคนแล้ว นอกจากว่าพวกเขาพร้อมจะเริ่มสงครามกับตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่ ซึ่งมันก็ลำบากเกินไปที่พวกเขาจะช่วยเจียงอี้ได้
มันคุ้มค่าไหมที่ทั้งสิบสามตระกูลจะต้องวุ่นวายเพียงเพื่อช่วยเจียงอี้และเฉียนว่านก้วน?
ทั้งสองไม่รู้ แต่ก็ไม่กล้าพูดด้วย พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสังเกตการณ์สำหรับความเปลี่ยนแปลงใดๆขณะที่พวกเขาส่งข้อความไปยังปรมาจารย์ตระกูลของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาตัดสินใจ
ทั้งสิบสามตระกูลอยู่ฝั่งเดียวกันและไม่เคยสร้างความขัดแย้งครั้งใหญ่เลย เพราะหากพวกเขาขัดแย้งกันเอง พวกเขาจะต้องถูกเก้าตระกูลจักรพรรดิกำจัดอย่างแน่นอน นี่เป็นกฎที่ตระกูลระบุไว้อย่างชัดเจนสำหรับทุกๆตระกูล
“เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน มานี่!”
เจียงอี้ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็รีบอุ้มแม่ของนางบินไปข้างๆเจียงอี้ ดวงตาที่เหมือนใบมีดของเจียงอี้มองสภาพแวดล้อมขณะที่เขาเก็บดาบอีกมือเข้าไปขณะที่เก็บเจ็ใหญ่กระพรวนกังวานเข้าไปในราชวังจักรพรรดิด้วย ในเวลาเดียวกัน เขาก็เหลือบมองเจียงเสี่ยวนู๋และที่กำลังส่องประกายและเข้าไปในราชวังจักรพรรดิพร้อมกับเหลยฉีเหยียน
“เทาเทียน เราจะได้พบกันอีกในภายภาคหน้า คราวนี้เป็นเจียงอี้เองที่ทำให้เจ้าผิดหวัง!” เจียงอี้มองไปที่หวงฝูเทาเทียน เขาเก็บดาบมังกรเพลิงเข้าไปขณะที่มือของเขาผ่าห้วงอากาศ และเขากำลังจะใช้วิชาหลีกสวรรค์
“ลุงสาม ลงมือเลย!”
เหลยถิงเวยคำรามออกมาขณะที่เจียงอี้กำลังจะเข้าสู่ห้วงอากาศไป!
และทันทีที่เสียงคำรามหยุดลง ก็มีรอยฝ่ามือขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเหนือห้วงอากาศว่างเปล่านั้นซึ่งกระแทกลงไปที่ห้วงอากาศหลังจากที่เจียงอี้เข้าไปในนั้น! ตูม!
รอยฝ่ามือยักษ์นั้นหายไป ทำให้เจียงอี้ผู้ที่รีบเข้าไปในห้วงอากาศนั้นถูกผลักออกมาอย่างรุนแรงขณะที่ราชวังจักรพรรดิเองก็ฉายแสงออกมาและทุกคนที่อยู่ภายในนั้นก็ถูกบังคับให้กระเด็นออกมาด้วย ระลอกคลื่นอันน่าสะพรึงนี้ได้เหวี่ยงเจียงเสี่ยวนู๋, เฟิ่งหลวน, เฉียนว่านก้วน, ซือถูอีเนี่ยนและคนอื่นๆออกมาทั้งหมด แม้แต่หวงฝูเทาเทียนเองก็ถูกส่งปลิวออกไปโดยคลื่นพลังอันน่าสยดสยองเช่นกัน
“การทลายมิติ นั่นเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลเหลย เหลยกู ท่าไม่ดีแล้ว!”
ซือถูอ้าวอุทานและตะโกนออกมา “พี่ถิงเวย, พี่หยุนยี่, ลู่หลี่ พวกท่านทุกคนหยุดก่อน ทุกสิ่งเจรจากันได้! ทุกคนจากตระกูลซือถูฟังคำสั่งข้า ช่วยเหลือพวกเขา!”