เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – บทที่ 862 ความคิดบ้าๆ

บทที่ 862 ความคิดบ้าๆ

   ทำไมแดนลึกลับนี่ถึงไม่มีอะไรเลย? 

  เจียงอี้มาถึงแดนลึกลับแล้ว และดูเหมือนมันจะเป็นอีกโลกหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในทะเลลึก ข้างในนี้ไม่มีน้ำทะเลและมันสว่างมาก ที่แห่งนี้เองก็ไม่ได้ใหญ่โตนัก สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้สัมผัสได้ถึงเส้นขอบของพื้นที่นี้และมีม่านพลังสีขาวอยู่ ที่สถานที่แห่งนี้สว่างไสวนั้นส่วนใหญ่มันมาจากม่านพลังสีขาวนี้

  เจียงอี้รู้สึกเหมือนว่าเขาอยู่ในฟองสบู่และภายในนี้ก็เป็นโลกที่ไม่ขึ้นกับผู้ใด นอกจากยอดหินที่มีรูปร่างแปลกตาแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอื่นอีก

  ยอดหินเหล่านั้นเปล่งประกายและมีหลายสี มันมีรูปร่างแปลกๆ บ้างก็เหมือนช้างที่กำลังหลับใหล บ้างก็เหมือนไผ่ บ้างก็เหมือนเคียวและบ้างก็เหมือนไข่นกกระจอกเทศ

  เจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปสองสามรอบและเขาก็ยืนยันแล้วว่านอกจากก้อนหินแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีกเลย ไม่มีชีพจรของสิ่งมีชีวิตใดๆเช่นกัน เขาเดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มันนำพาเขาเข้ามาและค่อยๆเดินเข้าไป เขาไม่กล้าสัมผัสหินเหล่านั้นอย่างประมาทและแค่คอยสังเกตรอบข้างอย่างระมัดระวังเท่านั้น

  โฮกก!

  เมื่อเจียงอี้เข้าใกล้ยอดหินแห่งหนึ่งก็มีสัตว์ร้ายคำรามมาจากยอดหิน หลังจากนั้นยอดหินก็ส่องสว่างด้วยแสงสีดำและกลายเป็นสัตว์ร้ายขนาดมหึมา มันมีดวงตาที่เย็นเยียบคู่หนึ่งและมีกลิ่นอายที่ทรงพลังมากทำให้เจียงอี้รู้สึกได้ถึงอันตรายถึงตาย

  นี่เป็นสัตว์อสูรช้างดึกดำบรรพ์ มันมีร่างที่ยาวกว่าร้อยยี่สิบเมตรและกลิ่นอายก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเทวาทมิฬเลย มันปล่อยกลิ่นอายออกมาซึ่งทำให้ขาของเจียงอี้อ่อนยวบลงไปและเกือบลงไปนั่งที่พื้น

  เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารและพลังอสูรที่ปกคลุมไปทั่ว มือและขาของเขาเริ่มชาขณะที่แก่นแท้พลังของเขาก็แปรปรวนจนไม่สามารถโจมตีได้

   ไสหัวไปซะ มนุษย์ ไม่เช่นนั้น เจ้าจะต้องตาย! 

  สัตว์อสูรลึกลับที่เยือกเย็นยิ้มเย้ยหยัน เจียงอี้เองก็หันหลังกลับไปโดยสัญชาตญาณและรีบพุ่งไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วยความเร็วสูง นี่เป็นปฏิกิริยาอย่างหนึ่งเมื่อมนุษย์ต้องเผชิญกับอันตราย จิตใจของเขาในตอนนี้มีเพียงแต่ความคิดที่จะหนีและเขาจะต้องหนีไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

  ฟรึ่บ!

  เจียงอี้อยู่ไม่ไกลจากค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว เขากำลังจะหนีเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย และขณะที่เขากำลังจะเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้าย ดวงจิตของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมา เขาตบหัวแล้วพูดว่า  นี่มันไม่ถูกต้องสิ! ข้าจะให้มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? 

  เจียงอี้จะถูกเคลื่อนย้ายออกไปทันทีที่เขาก้าวขาเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย และเขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะกลับเข้ามาได้อีกหรือไม่ แต่เขาคงจะละอายใจเป็นอย่างมาก เขาจะหวาดกลัวและหนีออกไปทันทีได้ยังไงหลังจากที่เพิ่งจะเข้ามาในแดนลึกลับได้ไม่นาน? แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาละอายใจได้ยังไง?

   นี่น่าจะเป็นเขตภาพลวงตา! 

  ความคิดผุดขึ้นในใจเจียงอี้ หากนั่นเป็นอสูรที่ทรงพลังจริง เอ๋าหลูจะไม่ยอมให้เขาเข้ามาขณะที่เทวาทมิฬจะเตือนเขาด้วย แน่นอนว่าเผ่าอีกาทองคำคงตกตายไปมากเช่นกัน เจียงอี้ได้ตรวจรอบๆก่อนหน้านี้แล้วและไม่มีร่องรอยสิ่งมีชีวิตใดเลย ดังนั้นนี่จึงต้องเป็นเขตลวงตาที่สร้างโดยเจ้าอสูรอย่างแน่นอน

   วิชาเทพพลางตา ความสามารถที่จะเปลี่ยนได้ทุกร่างและเปลี่ยนดวงจิตวิญญาณได้! ใช่แล้ว! นี่ต้องเป็นเขตลวงตาแน่ๆ! นี่เป็นแค่หิน และหากนี่เป็นเจ้าอสูรจริง ข้าคงตายไปแล้ว ทำไมมันถึงได้ขอให้ข้าออกไปล่ะ? 

  ยิ่งเจียงอี้คิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมั่นคงมากขึ้นเท่านั้น เขาหยุดฝีเท้าและค่อยๆมองไปข้างหลัง และเมื่อเห็นดวงตาเยือกเย็นที่อยู่ไกลๆนั้น ดวงจิตวิญญาณเขาก็สั่นเทาอีกครั้งขณะที่จิตใจของเขาถูกปลุกด้วยอันตรายถึงตาย

  ในขณะนี้ ทุกสิ่งที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ ดวงตาที่เย็นเยียบนั้นกำลังบอกว่านี่คือเจ้าอสูรที่แท้จริง และหากเขาไม่หนีไป เขาจะถูกทุบเป็นชิ้นๆแน่!

   จะหนีหรือไม่หนี? 

  ใจของเขากำลังเกิดสงครามครั้งใหญ่เนื่องจากความคิดทั้งสองฝั่งพยายามยื้อยุดกันอยู่ในใจเขา เขากำลังเผชิญกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันเกิดความปั่นป่วนขึ้นในดวงจิตของเขาและเกิดความขัดแย้งกันเองระหว่างสัญชาตญาณของมนุษย์กับหัวใจตัวเอง

   ใช่แล้ว สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์!    ใจของเจียงอี้ผุดความคิดขึ้นมาได้ มันง่ายมากที่จะตัดสินว่านี่เป็นเจ้าอสูรจริงหรือไม่ เขาหลับตาลงและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ทันที จากนั้นเขาก็มองดูสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวังและเพ่งไปที่เจ้าอสูรตนนั้นและตัดสินว่าเขาผู้นั้นเป็นเจ้าอสูรจริงหรือไม่

  และผลลัพธ์ก็ทำให้เจียงอี้สบายใจมากขึ้น

  กลิ่นอายที่มาจากร่างเจ้าอสูรนั้นกว้างใหญ่ราวทะเลและทรงพลังมากจนใครๆก็สั่นสะท้าน แต่เจ้าอสูรไม่มีกลิ่นอายของชีวิตอยู่และมันจะต้องถูกสร้างขึ้นมาเป็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน

   ฮู่วว…. 

  หลังจากที่ยืนยันเรื่องนี้แล้ว เขาก็เงียบอยู่นานเพราะใจเขาไม่ได้หวาดหวั่นและลังเลอีกต่อไป เจียงอี้ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขากำลังคิดหาทางเข้าใจวิชาเทพพลางตาอยู่

   ข้าต้องอยู่ที่นี่และเข้าถึงวิชาเทพพลางตาให้ได้ ข้าจะต้องไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและช่วยซูรั่วเสวี่ย ข้าจะหวั่นไหวไม่ได้ ข้าจะต้องเอาชนะความกลัวนี้ให้ได้! 

  เจียงอี้ค่อยๆลืมตาขึ้นมาและมองไปที่สัตว์อสูรที่อยู่แต่ไกล ร่างของเขาอาจจะสั่นเทาโดยสัญชาตญาณแต่เมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาที่เย็นยะเยือกนั้น จิตวิญญาณของเขาก็สงบลงและไม่มีความคิดที่จะหนีอีกต่อไป

   ข้าต้องทำเช่นไรถึงจะเข้าใจวิชาเทพพลางตาได้? 

  เจียงอี้ยืนอยู่ที่เดิมขณะที่ดวงตาของเขาสั่นไหว เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยของเต๋าเลยและที่นี่ก็ไม่มีอะไรนอกจากยอดหินและช้างลวงตา แม้ว่าเขาจะอยากสัมผัสถึงสิ่งใด แต่มันก็ไม่มีอะไรให้เขาสัมผัสได้เลย

   ช้างมายา ใช่แล้ว…สิ่งที่แปลกที่สุดในนี้คือช้างมายา ดังนั้น หากข้าต้องการจะเข้าถึงวิชาเทพพลางตาได้ ข้าจะต้องเริ่มจากช้างมายาตนนี้ 

  เจียงอี้พบทิศทางแล้ว เขานั่งขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์อีกครั้ง เขาตรวจสอบช้างตนนั้นอย่างระมัดระวังและพยายามหาบางอย่างในตัวช้างตนนี้เพื่อสัมผัสถึงร่องรอยของเต๋าและเข้าถึงวิชาเทพพลางตา

  แต่น่าเสียดาย…

  หลังจากที่มองดูมาสิบวันสิบคืนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เจออะไรเลย เขาตรวจสอบช้างมายาแล้วและมันก็ไม่ต่างจากอสูรเลย นอกจากกลิ่นอายที่ดุร้ายแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกเลย

   ข้าควรทำยังไงดี? 

  เจียงอี้รู้สึกราวกับว่ามีกระดาษขาวอยู่ข้างหน้าและเขาต้องหาภาพที่ถูกวาดบนนั้น เขาไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ใจของเขากระวนกระวายมากและยิ่งเขาวิตกมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เขาสงบลงยากขึ้นเท่านั้น

   นี่มันไม่ถูกต้อง ทำไมใจข้าถึงได้ไม่มั่นคงนักล่ะ?    เจียงอี้เจอปัญหาในทันใด ใจของเขาน่าจะมั่นคงอยู่แล้วและเขาเข้ามาทำความเข้าใจมันเพียงสิบวันเท่านั้น แต่ทำไมเขาจึงเป็นกังวลนัก?

  เจียงอี้มองไปรอบๆและรู้สึกว่ามันเป็นอุบายของเขตลวงตานี้ซึ่งกำลังพยายามปั่นป่วนจิตใจเขา ทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นและทำให้เขาออกไปเนื่องจากทนความกังวลไม่ได้

   ใจไม่มั่นคง? ความกลัว? พลางตา? กลิ่นอายดวงจิตวิญญาณ? 

  เจียงอี้มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกว่าแดนลึกลับนี้มีความเชื่อมโยงกัน เพื่อที่จะเข้าถึงวิชาเทพพลางตาได้สำเร็จ เขาต้องทำให้ใจของเขาแข็งแกร่งขึ้น!

  คนเรานั้นจะทำให้หัวใจแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร?

  ดวงตาของเจียงอี้เผยร่องรอยของความป่าเถื่อนขณะที่มองไปยังสัตว์ร้ายขนาดใหญ่จากระยะไกลและมีความคิดบ้าๆขึ้นมา!   เนื่องจากแดนลึกลับนี้ต้องการบังคับให้เขาออกไปจากที่นี่ เขายิ่งไม่ควรออกไป และเนื่องจากสัตว์ร้ายนี่กำลังพยายามข่มขู่เขา เขายิ่งควรจะเข้าไปใกล้ๆมันมากขึ้น มีเพียงการเอาชนะความกลัวเท่านั้นที่จะทำให้หัวใจของเขาแข็งแกร่งขึ้นได้!

  เจียงอี้ค่อยๆลุกขึ้นมาและจ้องไปยังสัตว์อสูรช้างดึกดำบรรพ์จากระยะไกล ขณะที่ค่อยๆเดินไปหาสัตว์อสูร หากเขาจะเอาชนะความกลัว เขาจะต้องท้าทายตัวเองและเข้าใกล้ช้างดึกดำบรรพ์นี้ให้ได้!

 

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ

ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้

วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก

ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ

ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้

จึงได้อุบัติขึ้น!

หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง

เกลื่อนปฐพี!

หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท