ทำไมเจียงอี้ถึงกลายเป็นชายหนุ่มและขอให้คนอื่นหยุดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายและไม่อนุญาตให้พวกเขามองไปที่เขา?
เหตุการณ์นี้ทำให้ทหารอารักขาทั้งหมดประหลาดใจแต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม แม้ว่าพวกเขาจะสงสัย แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำตัวผิดปกติ ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็อยู่ฝั่งเดียวกับเจียงอี้ แม้จะมีสิ่งเลวร้ายเกิดกับเขา พวกเขาก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วย แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือพวกเขารู้สึกซาบซึ้งกับเจียงอี้มาก หากไม่มีเจียงอี้ มันคงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะไปถึงเขตแดนสวรรค์ได้
ถานไถชี่ให้ซ่งจงจัดหาโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่และให้ทหารอยู่ห้องพักด้านหน้า ส่วนถานไถชี่, เจียงอี้และสาวใช้จะอยู่ที่ลานด้านหลัง
เมื่อพวกเขาเข้าไปในลานตำหนัก ถานไถชี่ก็สั่งให้สาวใช้เข้าไปที่ห้องกับเด็กๆ เมื่อมองไปที่เจียงอี้ นางก็ส่งข้อความเสียงมาว่า “ท่านใต้เท้า อย่ากังวลเรื่องพวกเขาเลยเจ้าค่ะ พวกเขาเป็นทาสวิญญาณของข้าและจะไม่มีวันเผยความลับท่าน”
“เผยความลับข้า?”
เจียงอี้หรี่ตาและจ้องไปที่ถานไถชี่และไม่พูดอะไรสักคำ ฝ่ายหลังหน้าแดงด้วยความละอายและไม่สบายใจกับสายตาที่จ้องมองมา จากนั้นไม่นานนัก เจียงอี้ก็เดินไปที่ห้องและพูดว่า “เข้ามา”
ถานไถชี่แสดงความเขินอายออกมา นางรีบจัดเสื้อและและเข้ามาในห้องอย่างประหม่า เจียงอี้นั่งอยู่บนเตียง เขาโบกมือและสั่งว่า “เปิดอาคมยับยั้ง”
“เจ้าค่ะ….”
ถานไถชี่ตอบและรีบปล่อยแก่นแท้พลังออกไปยังกลไกของประตูซึ่งค่อยๆปิดลงช้าๆ เจียงอี้มองไปรอบๆและพบว่าไม่มีเก้าอี้อยู่ในห้อง เขาจึงชี้มาที่เตียงแล้วพูดว่า “นั่งลง” “เอ่อ…”
ใบหน้าของถานไถชี่แดงยิ่งขึ้น นางเดินไปนั่งข้างเตียงช้าๆและก้มหน้าก้มตาและไม่พูดอะไร และนางยังหายใจติดขัดเล็กน้อย
เจียงอี้เห็นปฏิกิริยาของนางและรู้ว่านางเข้าใจเขาผิด เขาก็กลอกตาแล้วพูดว่า “นี่แม่นาง ข้าว่าเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าไม่ได้กลัวเจ้าเผยความลับข้า ที่ข้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเพราะครั้งหนึ่งข้าสังหารนายน้อยตระกูลเล็กๆของทวีปจักรพรรดิบูรพาไป นายน้อยผู้นั้นไปยังทวีปข้าและทำเรื่องเลวร้ายมากมาย ข้ามาที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาในครั้งนี้เพื่อที่จะทำลายตระกูลเล็กๆนั่น ข้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ของข้าเพราะข้าไม่ต้องการให้พวกเขารู้ตัวและหนีไป”
“อื้อ อื้อ”
ถานไถชี่ตอบกลับอย่างผิดหวัง นางคิดว่านางพบความลับที่ยิ่งใหญ่แล้ว นางหยุดไปชั่วขณะและถามด้วยความสงสัย “ท่านใต้เท้า ศัตรูของท่านอยู่เขตแดนใดหรือเจ้าคะ?” แววตาเย็นชาวาบผ่านสายตาของเจียงอี้และทำให้ถานไถชี่ตัวสั่นและขออภัยอย่างรวดเร็ว “ข้าถามมากเกินไป ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีกเจ้าค่ะ”
“ทำไมค่ายกลเคลื่อนย้ายนี่ถึงทำให้ศาสตร์แปลงรูปลักษณ์ข้าสลายไปนะ?”
แววตาที่เย็นชาหายลับไปจากสายตาเจียงอี้ เขาค่อนข้างพอใจกับความอ่อนไหวของถานไถชี่ จากนั้นเขาก็ถามพลางขมวดคิ้วไปด้วย “ข้าว่าทักษะนี้ล้ำหน้ามาก มันคงไม่เกิดกับค่ายกลเคลื่อนย้ายทั่วไป”
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายในทวีปจักรพรรดิบูรพานั้นไม่ธรรมดาเจ้าค่ะ!”
ถานไถชี่อธิบาย “ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นี่ถูกสร้างอย่างลับๆเมื่อสองแสนปีก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้สายลับจากเกาะแห่งบาปแอบเข้ามา ราวสองแสนปีก่อน มียอดฝีมือลึกลับแอบเข้ามาในทวีปจักรพรรดิบูรพาก่อนที่จะสังหารนายน้อยของเก้าตระกูลจักรพรรดิ ชายผู้นี้มีทักษะอันทรงพลังที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาได้ มันจึงไม่มีทางตามตัวเขาได้เลย ในเวลานั้น นายน้อยที่มีพรสวรรค์อย่างน้อยหลายร้อยคนต้องตกตายไปเพราะฝีมือของยอดฝีมือลึกลับผู้นั้น และมันเป็นการสูญเสียอย่างสาหัส”
“ตั้งแต่นั้นมา เก้าตระกูลจักรพรรดิจึงสั่งให้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายขึ้นใหม่ทั่วทวีปจักรพรรดิบูรพา มันมีข้อจำกัดบางอย่างในค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นซึ่งสามารถสลายศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ทั้งหมด เมื่อมีค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ เหล่าโจรก็อาละวาดน้อยลง ท้ายที่สุดแล้ว พวกหัวหน้ากองโจรจำนวนมากก็เป็นที่ต้องการตัว ภาพบุคคลและข้อมูลของพวกเขาก็มีอยู่ทั่วทั้งเมือง”
“เป็นเช่นนี้เอง!”
เจียงอี้ตระหนักได้ถึงเหตุผลเบื้องหลังอยู่ลับๆและแอบดีใจ โชคดีที่เขาไม่ถูกย้ายไปยังเมืองใหญ่ๆ เมืองเล็กๆที่เขาอยู่ในตอนนี้ไม่มีข้อมูลและรูปของเขาอย่างแน่นอน เขายังเปลี่ยนกลิ่นอายดวงจิตของเขาทันทีด้วย ถานไถชี่ก็ปกปิดเขาไว้ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น ครั้งนี้เขาอาจจะถูกเผยตัวตนก็ได้
ข้าจะไม่ใช่ค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกในภายหน้า ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่รู้ว่าตัวเองตายได้อย่างไร!
เจียงอี้ตัดสินใจแล้ว หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยและตระกูลที่มีอำนาจบางตระกูลวางกับดักในเมืองทันทีที่เขาไปถึงที่หมาย เขาจะถูกสังหารโดยไม่มีโอกาสใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไปได้
หากเขาไม่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย เขาต้องบินไปเมืองจักรพรรดิอรหังจริงๆหรือ?
เจียงอี้แอบหงุดหงิดใจ นอกจากความปลอดภัยแล้ว อย่างน้อยคงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะไปถึงที่นั่น ใช้เวลาเป็นปีไปกับการเดินทาง? มันเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หุบเขาลี้ลับจะเปลี่ยนไปในห้าปี และทุกคนก็จะปีนขึ้นไปบนเขาได้ เขาจะต้องเข้าไปในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเป็นคนแรกในตอนที่หุบเขาลี้ลับเปลี่ยนไปซึ่งนั่นจะทำให้เขามีโอกาสได้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมาได้
“อันที่จริงแล้ว ท่านใต้เท้า ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลไป”
เมื่อถานไถชี่เห็นเจียงอี้เงียบ นางก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ท่านใต้เท้า ศัตรูของท่านเป็นเพียงตระกูลเล็กๆซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีทางแปะประกาศต้องการตัวได้ มีเพียงเก้าตระกูลจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถแปะประกาศได้ ตระกูลเล็กๆทั่วไปไม่สามารถมาก่อกวนประมุขอาณาเขตและเก้าตระกูลจักรพรรดิได้ เมื่อครู่นี้ กองทหารเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรซึ่งหมายความว่าท่านไม่ได้เป็นที่ต้องการตัว ดังนั้นมันน่าจะดีกับท่านหากใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย”
“เจ้าจะไปรู้อะไร?!”
เจียงอี้เกือบจะหลุดสบถออกมา เมืองเล็กๆนั้นไม่มีป้ายประกาศ แต่ตระกูลใหญ่ทั้งหมดมีรูปเหมือนของเขาอย่างแน่นอน เขาลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่ นายน้อยผู้นี้สังหารครอบครัวข้าทั้งหมด ข้าจะต้องกวาดล้างทั้งตระกูลของเขา จึงไม่ต้องการให้ข้อมูลรั่วไหล เราจะไม่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย มีทางอื่นที่จะเร่งความเร็วในการเดินทางไหม?”
“มีเจ้าค่ะ!”
ถานไถชี่พยักหน้าและกล่าวว่า “อันที่จริง ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นราคาสูงเกินไป ในทวีปนี้ นอกจากประมุขตระกูลและผู้อาวุโสตระกูลใหญ่แล้ว แม้แต่นายน้อยตระกูลธรรมดาก็ไม่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกัน เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมีป้ายคำสั่งของเก้าตระกูลจักรพรรดิหรือป้ายประมุขอาณาเขตเจ้าค่ะ ส่วนคนธรรมดาจะมีสามทาง”
ดวงตาของเจียงอี้สว่างขึ้นก่อนจะพูดว่า “พูดมา!”
“ทางแรก เราบินไปที่นั่นได้ แต่มันค่อนข้างช้าและอันตรายมาก….”
ประโยคแรกของถานไถชี่นั้นไร้ประโยชน์ เจียงอี้เกือบจะตบหน้านางแล้ว และเมื่อถานไถชี่เห็นใบหน้าที่มืดมนของเจียงอี้นางก็พูดอย่างรวดเร็วว่า “ทางที่สองคือใช้เรือลิขิตสวรรค์ของพ่อค้ารายใหญ่ อย่างเก้าตระกูลจักรพรรดิทั้งหมดมีเรือลิขิตสวรรค์ที่ใหญ่มาก มันปลอดภัยอย่างสมบูรณ์และความเร็วนั้นเทียบได้กับขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดเจ้าค่ะ”
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อย ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดนั้นเร็วมาก แต่ก็อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีกว่าจะถึงเมืองจักรพรรดิอรหัง
น่าเสียดายที่ประโยคที่ตามมานั้นทำให้เจียงอี้ปฏิเสธตัวเลือกนี้ “ท่านใต้เท้า การจะขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของเก้าตระกูลจักรพรรดินั้น เราจะถูกเคลื่อนย้ายร่างด้วยเจ้าค่ะ ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้จะเหมือนกับในเมืองและมีไว้เพื่อกันไม่ให้สายลับแอบเข้ามา เมื่อท่านใต้เท้าไม่ต้องการใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย ดังนั้นเรือลิขิตสวรรค์จึงไม่เป็นตัวเลือกอย่างแน่นอน”
“แน่นอนว่า!” ถานไถชี่หยุดและพูดต่อ “สมาคมการค้ารายใหญ่ที่มีกำไรมากในทวีปจักรพรรดิบูรพา อย่างตระกูลถัง ผู้สร้างอาณาเขตแดนสวรรค์ พวกเขาจะไม่สนใจสายลับ ความกังวลของพวกเขาคือการหาศิลาสวรรค์ ดังนั้นเราจึงสามารถขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลไปยังเขตแดนสวรรค์ได้ แต่ราคานั้นค่อนข้างสูง เพื่อที่จะไปยังเขตแดนสวรรค์ เราจะต้องใช้ศิลาสวรรค์ร้อยล้านก้อน”
“ร้อยล้าน?”
เจียงอี้หรี่ตาลง มีผู้คนมากกว่าหกสิบคน รวมซ่งจงและกลุ่มของเขา เขาจะต้องจ่ายถึงหกพันล้านเลย?
เมื่อถานไถชี่เห็นสีหน้าที่สยดสยองของเจียงอี้อีกครั้ง นางจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “หากท่านใต้เท้าต้องการจะขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถัง ท่านสามารถทิ้งซ่งจงและกลุ่มของเขาไว้ที่นี่ได้ ท่านเพียงแค่พาเสี่ยวหยี, เสี่ยวเทียนและข้าไปด้วยเท่านั้น เมื่อข้ากลับไปยังตระกูลของข้า ข้าจะคืนศิลาสวรรค์สามร้อยล้านก้อนให้แก่ท่านเจ้าค่ะ”
เหตุการณ์นี้ทำให้ทหารอารักขาทั้งหมดประหลาดใจแต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม แม้ว่าพวกเขาจะสงสัย แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำตัวผิดปกติ ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็อยู่ฝั่งเดียวกับเจียงอี้ แม้จะมีสิ่งเลวร้ายเกิดกับเขา พวกเขาก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วย แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือพวกเขารู้สึกซาบซึ้งกับเจียงอี้มาก หากไม่มีเจียงอี้ มันคงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะไปถึงเขตแดนสวรรค์ได้
ถานไถชี่ให้ซ่งจงจัดหาโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่และให้ทหารอยู่ห้องพักด้านหน้า ส่วนถานไถชี่, เจียงอี้และสาวใช้จะอยู่ที่ลานด้านหลัง
เมื่อพวกเขาเข้าไปในลานตำหนัก ถานไถชี่ก็สั่งให้สาวใช้เข้าไปที่ห้องกับเด็กๆ เมื่อมองไปที่เจียงอี้ นางก็ส่งข้อความเสียงมาว่า “ท่านใต้เท้า อย่ากังวลเรื่องพวกเขาเลยเจ้าค่ะ พวกเขาเป็นทาสวิญญาณของข้าและจะไม่มีวันเผยความลับท่าน”
“เผยความลับข้า?”
เจียงอี้หรี่ตาและจ้องไปที่ถานไถชี่และไม่พูดอะไรสักคำ ฝ่ายหลังหน้าแดงด้วยความละอายและไม่สบายใจกับสายตาที่จ้องมองมา จากนั้นไม่นานนัก เจียงอี้ก็เดินไปที่ห้องและพูดว่า “เข้ามา”
ถานไถชี่แสดงความเขินอายออกมา นางรีบจัดเสื้อและและเข้ามาในห้องอย่างประหม่า เจียงอี้นั่งอยู่บนเตียง เขาโบกมือและสั่งว่า “เปิดอาคมยับยั้ง”
“เจ้าค่ะ….”
ถานไถชี่ตอบและรีบปล่อยแก่นแท้พลังออกไปยังกลไกของประตูซึ่งค่อยๆปิดลงช้าๆ เจียงอี้มองไปรอบๆและพบว่าไม่มีเก้าอี้อยู่ในห้อง เขาจึงชี้มาที่เตียงแล้วพูดว่า “นั่งลง” “เอ่อ…”
ใบหน้าของถานไถชี่แดงยิ่งขึ้น นางเดินไปนั่งข้างเตียงช้าๆและก้มหน้าก้มตาและไม่พูดอะไร และนางยังหายใจติดขัดเล็กน้อย
เจียงอี้เห็นปฏิกิริยาของนางและรู้ว่านางเข้าใจเขาผิด เขาก็กลอกตาแล้วพูดว่า “นี่แม่นาง ข้าว่าเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าไม่ได้กลัวเจ้าเผยความลับข้า ที่ข้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเพราะครั้งหนึ่งข้าสังหารนายน้อยตระกูลเล็กๆของทวีปจักรพรรดิบูรพาไป นายน้อยผู้นั้นไปยังทวีปข้าและทำเรื่องเลวร้ายมากมาย ข้ามาที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาในครั้งนี้เพื่อที่จะทำลายตระกูลเล็กๆนั่น ข้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ของข้าเพราะข้าไม่ต้องการให้พวกเขารู้ตัวและหนีไป”
“อื้อ อื้อ”
ถานไถชี่ตอบกลับอย่างผิดหวัง นางคิดว่านางพบความลับที่ยิ่งใหญ่แล้ว นางหยุดไปชั่วขณะและถามด้วยความสงสัย “ท่านใต้เท้า ศัตรูของท่านอยู่เขตแดนใดหรือเจ้าคะ?” แววตาเย็นชาวาบผ่านสายตาของเจียงอี้และทำให้ถานไถชี่ตัวสั่นและขออภัยอย่างรวดเร็ว “ข้าถามมากเกินไป ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีกเจ้าค่ะ”
“ทำไมค่ายกลเคลื่อนย้ายนี่ถึงทำให้ศาสตร์แปลงรูปลักษณ์ข้าสลายไปนะ?”
แววตาที่เย็นชาหายลับไปจากสายตาเจียงอี้ เขาค่อนข้างพอใจกับความอ่อนไหวของถานไถชี่ จากนั้นเขาก็ถามพลางขมวดคิ้วไปด้วย “ข้าว่าทักษะนี้ล้ำหน้ามาก มันคงไม่เกิดกับค่ายกลเคลื่อนย้ายทั่วไป”
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายในทวีปจักรพรรดิบูรพานั้นไม่ธรรมดาเจ้าค่ะ!”
ถานไถชี่อธิบาย “ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นี่ถูกสร้างอย่างลับๆเมื่อสองแสนปีก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้สายลับจากเกาะแห่งบาปแอบเข้ามา ราวสองแสนปีก่อน มียอดฝีมือลึกลับแอบเข้ามาในทวีปจักรพรรดิบูรพาก่อนที่จะสังหารนายน้อยของเก้าตระกูลจักรพรรดิ ชายผู้นี้มีทักษะอันทรงพลังที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาได้ มันจึงไม่มีทางตามตัวเขาได้เลย ในเวลานั้น นายน้อยที่มีพรสวรรค์อย่างน้อยหลายร้อยคนต้องตกตายไปเพราะฝีมือของยอดฝีมือลึกลับผู้นั้น และมันเป็นการสูญเสียอย่างสาหัส”
“ตั้งแต่นั้นมา เก้าตระกูลจักรพรรดิจึงสั่งให้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายขึ้นใหม่ทั่วทวีปจักรพรรดิบูรพา มันมีข้อจำกัดบางอย่างในค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นซึ่งสามารถสลายศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ทั้งหมด เมื่อมีค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ เหล่าโจรก็อาละวาดน้อยลง ท้ายที่สุดแล้ว พวกหัวหน้ากองโจรจำนวนมากก็เป็นที่ต้องการตัว ภาพบุคคลและข้อมูลของพวกเขาก็มีอยู่ทั่วทั้งเมือง”
“เป็นเช่นนี้เอง!”
เจียงอี้ตระหนักได้ถึงเหตุผลเบื้องหลังอยู่ลับๆและแอบดีใจ โชคดีที่เขาไม่ถูกย้ายไปยังเมืองใหญ่ๆ เมืองเล็กๆที่เขาอยู่ในตอนนี้ไม่มีข้อมูลและรูปของเขาอย่างแน่นอน เขายังเปลี่ยนกลิ่นอายดวงจิตของเขาทันทีด้วย ถานไถชี่ก็ปกปิดเขาไว้ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น ครั้งนี้เขาอาจจะถูกเผยตัวตนก็ได้
ข้าจะไม่ใช่ค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกในภายหน้า ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่รู้ว่าตัวเองตายได้อย่างไร!
เจียงอี้ตัดสินใจแล้ว หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยและตระกูลที่มีอำนาจบางตระกูลวางกับดักในเมืองทันทีที่เขาไปถึงที่หมาย เขาจะถูกสังหารโดยไม่มีโอกาสใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไปได้
หากเขาไม่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย เขาต้องบินไปเมืองจักรพรรดิอรหังจริงๆหรือ?
เจียงอี้แอบหงุดหงิดใจ นอกจากความปลอดภัยแล้ว อย่างน้อยคงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะไปถึงที่นั่น ใช้เวลาเป็นปีไปกับการเดินทาง? มันเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หุบเขาลี้ลับจะเปลี่ยนไปในห้าปี และทุกคนก็จะปีนขึ้นไปบนเขาได้ เขาจะต้องเข้าไปในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเป็นคนแรกในตอนที่หุบเขาลี้ลับเปลี่ยนไปซึ่งนั่นจะทำให้เขามีโอกาสได้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมาได้
“อันที่จริงแล้ว ท่านใต้เท้า ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลไป”
เมื่อถานไถชี่เห็นเจียงอี้เงียบ นางก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ท่านใต้เท้า ศัตรูของท่านเป็นเพียงตระกูลเล็กๆซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีทางแปะประกาศต้องการตัวได้ มีเพียงเก้าตระกูลจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถแปะประกาศได้ ตระกูลเล็กๆทั่วไปไม่สามารถมาก่อกวนประมุขอาณาเขตและเก้าตระกูลจักรพรรดิได้ เมื่อครู่นี้ กองทหารเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรซึ่งหมายความว่าท่านไม่ได้เป็นที่ต้องการตัว ดังนั้นมันน่าจะดีกับท่านหากใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย”
“เจ้าจะไปรู้อะไร?!”
เจียงอี้เกือบจะหลุดสบถออกมา เมืองเล็กๆนั้นไม่มีป้ายประกาศ แต่ตระกูลใหญ่ทั้งหมดมีรูปเหมือนของเขาอย่างแน่นอน เขาลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่ นายน้อยผู้นี้สังหารครอบครัวข้าทั้งหมด ข้าจะต้องกวาดล้างทั้งตระกูลของเขา จึงไม่ต้องการให้ข้อมูลรั่วไหล เราจะไม่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย มีทางอื่นที่จะเร่งความเร็วในการเดินทางไหม?”
“มีเจ้าค่ะ!”
ถานไถชี่พยักหน้าและกล่าวว่า “อันที่จริง ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นราคาสูงเกินไป ในทวีปนี้ นอกจากประมุขตระกูลและผู้อาวุโสตระกูลใหญ่แล้ว แม้แต่นายน้อยตระกูลธรรมดาก็ไม่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกัน เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมีป้ายคำสั่งของเก้าตระกูลจักรพรรดิหรือป้ายประมุขอาณาเขตเจ้าค่ะ ส่วนคนธรรมดาจะมีสามทาง”
ดวงตาของเจียงอี้สว่างขึ้นก่อนจะพูดว่า “พูดมา!”
“ทางแรก เราบินไปที่นั่นได้ แต่มันค่อนข้างช้าและอันตรายมาก….”
ประโยคแรกของถานไถชี่นั้นไร้ประโยชน์ เจียงอี้เกือบจะตบหน้านางแล้ว และเมื่อถานไถชี่เห็นใบหน้าที่มืดมนของเจียงอี้นางก็พูดอย่างรวดเร็วว่า “ทางที่สองคือใช้เรือลิขิตสวรรค์ของพ่อค้ารายใหญ่ อย่างเก้าตระกูลจักรพรรดิทั้งหมดมีเรือลิขิตสวรรค์ที่ใหญ่มาก มันปลอดภัยอย่างสมบูรณ์และความเร็วนั้นเทียบได้กับขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดเจ้าค่ะ”
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อย ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดนั้นเร็วมาก แต่ก็อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีกว่าจะถึงเมืองจักรพรรดิอรหัง
น่าเสียดายที่ประโยคที่ตามมานั้นทำให้เจียงอี้ปฏิเสธตัวเลือกนี้ “ท่านใต้เท้า การจะขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของเก้าตระกูลจักรพรรดินั้น เราจะถูกเคลื่อนย้ายร่างด้วยเจ้าค่ะ ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้จะเหมือนกับในเมืองและมีไว้เพื่อกันไม่ให้สายลับแอบเข้ามา เมื่อท่านใต้เท้าไม่ต้องการใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย ดังนั้นเรือลิขิตสวรรค์จึงไม่เป็นตัวเลือกอย่างแน่นอน”
“แน่นอนว่า!” ถานไถชี่หยุดและพูดต่อ “สมาคมการค้ารายใหญ่ที่มีกำไรมากในทวีปจักรพรรดิบูรพา อย่างตระกูลถัง ผู้สร้างอาณาเขตแดนสวรรค์ พวกเขาจะไม่สนใจสายลับ ความกังวลของพวกเขาคือการหาศิลาสวรรค์ ดังนั้นเราจึงสามารถขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลไปยังเขตแดนสวรรค์ได้ แต่ราคานั้นค่อนข้างสูง เพื่อที่จะไปยังเขตแดนสวรรค์ เราจะต้องใช้ศิลาสวรรค์ร้อยล้านก้อน”
“ร้อยล้าน?”
เจียงอี้หรี่ตาลง มีผู้คนมากกว่าหกสิบคน รวมซ่งจงและกลุ่มของเขา เขาจะต้องจ่ายถึงหกพันล้านเลย?
เมื่อถานไถชี่เห็นสีหน้าที่สยดสยองของเจียงอี้อีกครั้ง นางจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “หากท่านใต้เท้าต้องการจะขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ของตระกูลถัง ท่านสามารถทิ้งซ่งจงและกลุ่มของเขาไว้ที่นี่ได้ ท่านเพียงแค่พาเสี่ยวหยี, เสี่ยวเทียนและข้าไปด้วยเท่านั้น เมื่อข้ากลับไปยังตระกูลของข้า ข้าจะคืนศิลาสวรรค์สามร้อยล้านก้อนให้แก่ท่านเจ้าค่ะ”