หลังจากที่เยี่ยอิงสั่งให้จัดตั้งค่ายกล กลุ่มคนกว่ายี่สิบคนก็ยืนอยู่รอบๆตัวเขาและสร้างค่ายกลวงกลมแปลกๆ พวกเขาหมุนรอบเยี่ยอิงอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปด้วยความประหลาดใจและเห็นฉากที่น่าทึ่งมาก
เมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นเคลื่อนไปข้างหน้า ลมดาราก็ถูกกระตุ้นตามธรรมชาติ แต่ขณะที่พวกนั้นกำลังหมุนไปรอบๆเยี่ยอิง ลมดาราก็ไม่ได้โจมตีเพียงคนเดียวแต่เป็นการโจมตีสลับกันแทน
เมื่อโล่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่ถูกโจมตีหรี่ลง อีกคนก็จะก้าวไปข้างหน้าและจัดการกับการโจมตีจากลมดาราต่อ และคนก่อนๆหน้าก็จะส่งแก่นแท้พลังกลับเข้าไปในโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาและเพิ่มความแข็งแกร่งให้โล่อีกครั้ง ด้วยวิธีนี้ ทุกคนจะได้รับการโจมตีจากลมดาราเพียงรอบเดียวซึ่งจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ผู้ที่สร้างค่ายกลเช่นนี้ยอดเยี่ยมนัก!
เจียงอี้พยักหน้าอย่างลับๆ แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาหลายปีที่จะฝึกฝน ไม่เช่นนั้น หากมีใครพลาดไป ค่ายกลทั้งหมดจะชะงักและอาจมีหลายคนถูกสังหารไป
พุ่งไปเลย!
การมีผู้คนอยู่เบื้องหน้าเขา เจียงอี้จึงมีความสุขที่จะเก็บเกี่ยวสิ่งที่พวกเขาหว่านเอาไว้ ลมดารานั้นจะถูกกลืนกินเมื่อชนเข้ากับโล่ศักดิ์สิทธิ์และจะไม่บินผ่านมาในเวลาอันสั้น ซึ่งเจียงอี้จะปลอดภัยมากเมื่อตามพวกเขาไป
ซากปรักหักพังสลายบาปนี้อยู่มานับแสนปีแล้ว สมบัติต่างๆและสมุนไพรที่อยู่รอบนอกนั้นน่าจะถูกกวาดไปแล้ว เพื่อที่จะได้สมบัติที่แท้จริงมา ผู้คนจะต้องไปยังศูนย์กลาง แม้ว่าลมดาราที่อยู่ตรงกลางนั้นอาจจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่มันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเข้ามาในซากปรักหักพังสลายบาปหากคนเหล่านั้นไม่กล้าเสี่ยง เจียงอี้ตามเยี่ยอิงและกลุ่มของเขาไป เขาเดินต่อไปได้หลายกิโลเมตรและชายที่อยู่ด้านหน้าก็สังเกตเห็นเขา ยอดฝีมือตระกูลเยี่ยสาปแช่งออกมา ไอสารเลวนั่นกำลังตามมา บ้าเอ้ย มันใช้ประโยชน์จากเรา
เยี่ยอิงปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและพูดอย่างเย้ยหยันว่า จดจ่อกับเส้นทางและไม่ต้องสนใจเขาหรอก ตามเรามาแล้วจะต่างอะไรกัน? สุดท้ายเขาคงตายไม่ใช่หรอ?
ลมดาราเบื้องหน้ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เจียงอี้เองก็เหมือนจะอยู่เพียงขอบเขตเทียนจุนขั้นที่หนึ่งหรือสองเท่านั้น ตามที่เยี่ยอิงเห็น เขาอาจจะตายได้ทุกเมื่อ เขาจึงไม่ต้องการที่จะมาเสียเวลากับเจียงอี้
เมื่อเยี่ยอิงออกคำสั่ง สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็หยุดกวาดมามอง พวกเขาไม่สนใจเจียงอี้อีก บางทีในความคิดของพวกเขา เจียงอี้อาจเป็นเพียงสุนัขที่หยิบของเหลือก็ได้
เจียงอี้เดินไปข้างหน้าอย่างง่ายดายตลอดทาง เมื่อผ่านไปสองชั่วโมง เขาก็เริ่มเห็นหินที่แตกสลายและบ้านเรือนที่พังทลาย
เยี่ยอิง, กลุ่มของเขาและเจียงอี้ต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เหมือนว่าพวกเขาจะอยู่พื้นที่ภายในของซากปรักหักพัง มันเป็นที่พำนักของตระกูลสมัยโบราณ ตามหลักแล้ว สมบัติในเมืองน่าจะยังคงอยู่
เอ่อ…
เจียงอี้เห็นกระดูกจำนวนมากในเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ กระดูกนั้นใหญ่มากซึ่งส่วนใหญ่มีความยาวกว่าสามร้อยเมตร ซึ่งหมายความว่าคนตระกูลโบราณนี้เป็นยักษ์มหึมา พวกเขามีความยาวมากกว่าสามเมตรและแข็งแรงพอๆกับช้าง
ค่อยๆมีตึกพังทลายมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเจียงอี้และคนอื่นๆได้ปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาและมองไม่เห็นจุดจบเลย ปราสาทที่พังทลาย หน้าผาที่แตกสลาย และกระดูกมีอยู่ทุกหนแห่ง น่าแปลกที่ซากเหล่านี้มีลมดาราน้อยกว่านัก
เอาล่ะ ยกเลิกรูปแบบค่ายกล ทุกคนแยกย้ายกันไปและระวังลมดาราด้วย!
เยี่ยอิงออกคำสั่ง ส่วนเจียงอี้ก็ไม่กล้าตามพวกเขาอีกต่อไป ไม่เช่นนั้น หากยอดฝีมือตระกูลเยี่ยเห็นว่าเขาน่ารำคาญและโจมตีเขา มันจะเกิดปัญหาขึ้นอีกมากมาย
เจียงอี้ซ่อนตัวอยู่ในห้องและยังคงนิ่งอยู่ ซึ่งคนที่อยู่แต่ไกลตรวจพบเจียงอี้ และเมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้ทำตัวเช่นไร เขาก็ไม่เสียเวลาบินไปฆ่าเจียงอี้และบินไปหาสมบัติแทน
โอ้ นายน้อย ข้าพบสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงขอรับ!
นายน้อย มีหญ้าโคลนดำที่หายากด้วยขอรับ!
ในไม่ช้า ตระกูลเยี่ยก็พบของมากมาย พวกเขาเจออาวุธบางอย่างบนโครงกระดูก มีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงสองชิ้นและสมบัติแปลกๆอีกหลายชิ้น ซึ่งเจียงอี้ไม่กล้าโลภและยังคงซ่อนอยู่ใต้ซากห้องต่อไป ยอดฝีมือตระกูลเยี่ยเองก็ไม่สนใจที่จะโจมตีเขาและเมินเฉยเขาทันที ไปกันเถอะ!
หลังจากค้นหาไปทั่วแล้ว เยี่ยอิงก็โบกมือและนำผู้คนเดินหน้าต่อไป ส่วนเจียงอี้นั้นไม่ได้ออกไป อยู่ที่นี่นั้นน่าจะปลอดภัย เขากำลังจะทดลองใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อทดสอบว่ามันส่องได้ไกลเพียงใด
ญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง แต่เขาก็แอบรู้สึกผิดหวังอยู่เช่นกัน
แม้ว่าญาณศักดิ์สิทธิ์จะใช้ได้ แต่มันก็ไปได้ไกลเพียงห้าร้อยกิโลเมตรเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ไปได้เพียงสามกิโลเมตร มันก็ถือว่าดีกว่ามาก
เขาพบว่าเยี่ยอิงและกลุ่มของเขากำลังตามหาสมบัติที่ด้านหน้าอย่างง่ายดาย ห่างไปจากที่นี่อีกสิบห้ากิโลเมตรนั้นเป็นซากปรักหักพังทั้งหมด ซึ่งน่าจะเป็นซากเมืองอื่น นอกจากนี้ เขายังสังเกตเห็นว่ายังมีเมืองอื่นที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรทางซ้ายมือ และตอนนี้ลิงชีเจี้ยนกับกลุ่มของเขาก็กำลังค้นหาสมบัติกันอยู่ที่นั่น สิ่งที่ทำให้เจียงอี้ปวดหัวคือ แม้ว่าลมดาราจะอ่อนลงในเมืองเหล่านี้ แต่เมื่อก้าวออกจากเมือง ลมดารานั้นแรงกว่าสิบเท่า มันจะลำบากมากสำหรับเขาที่จะออกเดินทางต่อ
ปัญหาคือเจียงอี้ไม่สามารถหากล้วยไม้เขี้ยวเพลิง, หวู่นี่และจีทิงยวี่ได้หากเขายังไม่ก้าวออกไป
ไปเถอะ!
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจไปทางขวาเพื่อลองเสี่ยงโชคดู
ด้านเยี่ยอิงและกลุ่มของเขายังคงค้นหากันอยู่ด้านหน้า ส่วนเจียงอี้ไปทางขวาและไม่ทำให้พวกเขารำคาญใจ ตอนที่เจียงอี้กำลังจะออกจากซากเมืองนี้ ไข่มุกในมือของเขาเรืองแสงก่อนที่คลื่นความร้อนจะปกคลุมรอบๆซึ่งแม้แต่เยี่ยอิงและกลุ่มของเขายังสัมผัสได้ แต่ขอบเขตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขานั้นเล็กมาก กว่าพวกเขาจะทันเห็นข้อกังขา เจียงอี้ก็หายไปไกลแล้ว
บัดซบ เปลวเพลิงอัสนีถูกใช้ไปเร็วมาก!
เจียงอี้ปลดปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีออกมา ไม่เช่นนั้น ถึงแม้ว่าเจียงอี้จะเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์และเลี่ยงลมดาราที่รุนแรงไปได้ แต่เขาก็คงไม่สามารถไปข้างหน้าต่อได้มากนัก ขณะที่เจียงอี้กำลังวิ่งไป โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเขาก็สั่นเทาจากการโจมตีของลมดารา
เขาเคลื่อนไหวไปทางซ้าย, ขวา, ขึ้นและลง บางครั้งเขาก็กลิ้งไป ในสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์นั้น เขาสามารถหาเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดและถูกลมดาราโจมตีไม่มากนัก ไม่เช่นนั้น หากเขาเจอลมดารามากมายในเวลาเดียวกัน แม้แต่โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีคงไม่สามารถรับมือไหวและเขาจะถูกสังหารทันที
ข้าไม่สามารถใช้เปลวเพลิงอัสนีต่อไปเช่นนี้ได้อีก ไม่เช่นนั้น หากเปลวเพลิงอัสนีถูกใช้ไปจนหมดและเมื่อมีศัตรูที่แข็งแกร่งปรากฏตัว ข้าจะต้องตายแน่ๆ! หลังจากเดินทางไปได้กว่าสิบกิโลเมตร โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีก็ระเบิดออก เจียงอี้กัดฟันของเขาและตัดสินใจใช้เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์แทน แม้ว่าเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์จะแตกสลายไปได้ง่ายกว่า แต่เขายังมีชุดเกราะเหล็กทมิฬที่จะช่วยเขาได้ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาเพียงแค่ต้องรวบรวมโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์อีกหลายครั้ง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
อย่างที่คาด!
หลังจากถูกโจมตีเพียงเจ็ดครั้ง โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ก็แตกออก เขาต้องหยุดและรวบรวมสร้างโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์อีกครั้งก่อนที่จะเดินทางต่อ
เจียงอี้หยุดเป็นครั้งคราวและช้าลง หลังจากเดินทางมากว่าร้อยกิโลเมตร เขาก็ขุดหลุมเล็กๆโดยใช้ดาบเหล็กทมิฬฝังตัวเองเอาไว้ จากนั้นเขาก็ปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาสำรวจอีกครั้ง
ฮืม….มีเมืองอยู่ห่างจากที่นี่ไปอีกสิบห้ากิโลเมตรและตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่นเลย! ข้าหวังว่าสมบัติที่นั่นจะยังไม่หายไปหมดนะ!
เจียงอี้ตรวจสอบสถาพแวดล้อมและเมื่อมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว เขาก็รีบไปที่เมืองนั้นโดยเร็วที่สุด