หุบเขาลอยลมอยู่ห่างจากที่ที่พวกเขาอยู่ราวแปดสิบกิโลเมตร พี่ชิ่งอาจออกแรงทั้งหมดของนางและดึงดูดลมดาราเข้าหานาง แม้ว่าทุกคนจะเดินทางอย่างเร่งรีบแต่พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาครึ่งวัน
นายน้อยไป๋อี ลองสอดแนมข้างในดูก่อน เราจะพักกันสองชั่วโมงก่อนจะเข้าไปในหุบเขาลอยลม
ในหุบเขาเล็กๆห่างจากหุบเขาลอยลมไปสิบกิโลเมตร หยิ่นรั่วปิงสั่งคนอื่นๆให้พักและเจียงอี้ก็นั่งขัดสมาธิเพื่อปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา อีกสิบนาทีเขาลืมตาขึ้นและมองไปทางตะวันออกพร้อมพูดว่า มีคนมาจากฝั่งนั้น นั่นคือแม่นางอีฉานและนางอยู่ห่างจากทางเข้าหุบเขาไม่ถึงสามสิบกิโลเมตร
พี่ใหญ่อีฉานอยู่ที่นี่ด้วย?
ดวงตาของหยิ่นรั่วปิงเผยร่องรอยความเสียดาย พวกเขาเร่งมาด้วยความเร็วสูงเพราะตั้งใจจะมาถึงก่อน แต่นางไม่คิดว่าจะได้พบกับคนที่คุ้นเคย แต่ก็ยังโชคดีที่นางมีสัมพันธ์ที่ดีกับอีฉาน หากเป็นเสียเฟยหรือคนอื่นๆ สถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้มากนัก
หยิ่นรั่วปิงหยุดชั่วขณะและพูดว่า นายน้อยไป๋อี เจ้าสอดแนมต่อไปได้เลย พี่ชิ่ง ไปเชิญพี่ใหญ่ฉานมาเถอะ
เข้าใจแล้ว…
เจียงอี้รู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้เขาปวดหัวยิ่งขึ้นไปอีก เขาไม่รู้ว่าอีฉานมีกายวิญญาณพิเศษหรือมีความสามารถบางอย่างหรือเปล่า เนื่องจากนางสงสัยในตัวตนของเขาตั้งแต่อยู่ด้านนอกซากปรักหักพังสลายบาปแล้ว แต่ก็โชคดีที่นางเพียงแค่สงสัย ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นปัญหาใหญ่
เจียงอี้สอดแนมต่อไปและสังเกตว่ามีคนอยู่รอบๆนี้ไม่มากนัก และมีเพียงกลุ่มเล็กๆที่กำลังเดินทางไปอีกทาง ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้สอดส่องหุบเขาอยู่ครู่หนึ่งและพบว่าไม่มีอะไรนอกจากความจริงที่ว่าหุบเขานั้นใหญ่มาก
เจียงอี้ไม่เห็นไหมมณีศักดิ์สิทธิ์ที่หยิ่นรั่วปิงพูดถึง แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้อยู่ในสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ ไม่เช่นนั้นเขาจะสามารถตรวจสอบพื้นที่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในปีนั้น หยิ่นรั่วปิงมองผ่านสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ได้ ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่กล้าเข้าสู่สภาวะนั้นต่อหน้านางในเวลานี้ มีคนไม่มากที่เข้าใจสภาวะนี้อยู่ในโลก และยิ่งกับคนอายุเท่าเขาแล้วยิ่งมีน้อยมาก เมื่อเขาปล่อยมันออกมา เขาจะถูกสงสัยอย่างแน่นอน
อีฉานมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็วด้วยตัวเองพร้อมกับดาบของนาง นางยังคงสวมชุดสีม่วงกับหน้ากากของนางเหมือนก่อน
พี่ใหญ่อีฉาน!
หยิ่นรั่วปิงต้อนรับนางแต่ไกลขณะที่อีฉานรีบมาที่นี่ มีการแสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้มในดวงตาของนาง แต่นางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจียงอี้นั่งอยู่ขณะที่นางถามอย่างสงสัยว่า รั่วปิง ทำไมเจ้าถึงมากับเขาได้ล่ะ?
หยิ่นรั่วปิงกระพริบตาอย่างงุนงงขณะที่นางเหลือบมองเจียงอี้ก่อนตอบ พี่ใหญ่อีฉาน รู้จักนายน้อยไป๋อีหรือ?
นายน้อยไป๋อี?
อีฉานเผยร่องรอยของความไม่ชอบใจอยู่ในดวงตาของนางและตอบว่า ไม่รู้จัก!
เอ่อ…
หยิ่นรั่วปิงเหลือบมองอีฉานอย่างสงสัยไม่กี่ครั้ง จากนั้นทั้งสองก็แลกเปลี่ยนคำทักทายกันไม่กี่ประโยคโดยใช้การส่งข้อความเสียงกันขณะที่อีฉานมองเจียงอี้ด้วยความสงสัยอยู่หลายครั้ง
เจียงอี้รู้สึกขนลุกและคิดว่าท่าไม่ดี เขาจึงทำตัวห่างเหินและชำเลืองมองอีฉานอย่างเย็นชาและพูดว่า แม่นางอี เลิกมองข้าเถอะ ข้าเคยบอกไปแล้วว่าข้าไม่ชอบผู้หญิง
….
อีฉานและหยิ่นรั่วปิงกลอกตา เจียงอี้มองพวกนางด้วยดวงตาโตๆของเขาอย่างไม่กระพริบ จากนั้นหยิ่นรั่วปิงก็ตระหนักได้ว่าเจียงอี้ไม่ค่อยมองนางในช่วงระหว่างทาง แม้แต่พี่ชิ่งและคนอื่นๆเองก็เริ่มสงสัยว่าเจียงอี้เป็นคนที่มีรักร่วมเพศหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ทำไมเขาถึงไม่มีอารมณ์แม้ว่าจะมีสาวงามระดับสูงของทวีปทั้งสองคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา?
อีฉานไม่ได้มองเจียงอี้อีกต่อไปราวกับว่านางได้ขจัดความสงสัยที่มีต่อเจียงอี้ไป หรือบางทีอาจมีความเกลียดชังบางอย่างต่อผู้ที่วางตัวเรื่องเพศผิดปกติ ทั้งคู่นำกระโจมออกมาและและเข้าไปพักผ่อนและพูดคุยกัน ส่วนพี่ชิ่งและคนอื่นๆก็ให้คนสองคนยืนเฝ้าขณะที่คนอื่นๆพากันพักผ่อน ส่วนเจียงอี้ก็พิงก้อนหินและพักชั่วครู่จนกระทั่งพี่ชิ่งปลุกเขา และทุกคนก็เตรียมมุ่งหน้าไปยังหุบเขาลอยลม
เอ่อ….ที่นี่ผ่านได้ไหมนะ?
เจียงอี้ไม่ได้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหุบเขาลอยลมได้ ในขณะนี้ พวกเขาอยู่ด้านนอกหุบเขาและเขาก็ตกใจมากเมื่อเห็นลมดาราลอยอยู่ทั่วขณะที่โล่ศักดิ์สิทธิ์สีเหลืองของพี่ชิ่งเปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่า…การพูดเกินจริงเหล่านี้เป็นการเสแสร้งอย่างชัดเจน
ฟรึ่บ!
อีฉานแตะเท้าของนางขณะที่บินไปข้างๆพี่ชิ่ง กระแสไฟบนร่างของนางเป็นประกายและแผ่ออกมาอยู่รอบตัวนางซึ่งทำให้ร่างของนางถูกห่อหุ้มด้วยไฟฟ้าหลายเมตร แม้ว่าเจียงอี้จะไม่ได้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ แต่เขายังสัมผัสได้ว่ากระแสไฟฟ้าที่อีฉานปล่อยออกมานั้นสามารถกำจัดลมดาราได้มากมาย
ไปกันเถอะ!
หยิ่นรั่วปิงโบกมือของนางและทุกคนก็ตามอีฉานและพี่ชิ่งไปขณะที่พวกเขาพุ่งไปข้างหน้า ไม่นานพวกเขาก็เข้าไปในหุบเขา ภายในนั้นลมแรงมาก แต่มันจะไม่มีปัญหาอะไรเนื่องจากทั้งคู่กำลังกั้นทางไว้อยู่ รูปแบบเต๋าอัสนีประเภทใดกันที่อีฉานฝึกฝน?
เจียงอี้มองไปยังประกายไฟฟ้ารอบร่างกายของอีฉานอย่างสงสัย สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาตรวจพบสภาพรอบๆชั่วขณะและไม่พบหนอนไหมมณีสวรรค์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นใดเลย
หนึ่งกิโลเมตรครึ่ง, สามกิโลเมตร….สามสิบกิโลเมตร!
เจดีย์สีแดงที่สวยงามปรากฏขึ้นในมือของอีฉานและมันขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว ในที่สุดมันก็สูงไปหกเมตรและกว้างสามเมตร เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงเนื่องจากมีอักขระมากมายหมุนเวียนอยู่เหนือเจดีย์ อีฉานตะโกนอย่างนุ่มนวลว่า ลมดารากำลังจะมาแล้ว ทุกคนอย่าฝืน ข้าจะพาพวกเจ้าทั้งหมดเข้าไป
รบกวนพี่ใหญ่แล้ว!
หยิ่นรั่วปิงผงกหัวของนางขณะที่เจดีย์สว่างวาบและประตูก็เปิดขึ้น จากนั้นก็มีกระแสอากาศไหลออกมาและห่อหุ้มทุกคนไว้ เจียงอี้พบว่ามันมีแรงดึงดูดต่อร่างกายของเขาและไม่กล้าต่อต้านขณะที่ปล่อยให้เจดีย์สีแดงดูดซับเขาเข้าไปในนั้น
เจดีย์นี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ห้วงมิติ แต่มันเล็กกว่าราชวังจักรพรรดิมาก มันมีโถงเล็กๆอยู่ภายในและการตกแต่งโดยรอบนั้นมีเอกลักษณ์มาก นอกจากนี้ยังมีเตียงใหญ่สีขาวราวหิมะด้วย ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนห้องนอนของสตรี
อีฉานส่องประกายหลังจากที่ทุกคนถูกดูดเข้ามา จากนั้นหยิ่นรั่วปิงก็อธิบายเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาที่สับสนของเจียงอี้ มีลมดาราอยู่ภายในหุบเขาลอยลมและลมดาราในนั้นอาจเข้มข้นกว่านับพันเท่า ทุกคนคงตายหากเราไม่เข้ามาในเจดีย์ปฐมกาลของพี่อีฉาน! นายน้อยไป๋อี เจ้านี่โชคดีจริงๆเพราะเจ้าอาจเป็นชายคนแรกที่ได้เข้ามาในนี้
อือฮึ
เจียงอี้ตอบนางอย่างปกติและไม่ได้รู้สึกเป็นเกียรติเลยแม้แต่น้อย เขามองหาที่มุมหนึ่งก่อนที่จะนั่งลงไป ขณะเดียวกัน อีฉานและคนอื่นๆก็ไม่ได้สนใจเขาเลย
เจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปและพบว่าลมภายนอกนั้นแรงขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า ไม่มีใครต้านมันได้และจะถูกส่งปลิวไป ขณะเดียวกัน ไฟสีแดงเหนือเจดีย์ก็ส่องประกายไม่หยุดหย่อน หากนี่คือราชวังจักรพรรดิของเจียงอี้ มันคงถูกระเบิดไปนานแล้ว
เก้าตระกูลจักรพรรดินี่มั่งคั่งจริงๆ เจดีย์ปฐมกาลนี้แกร่งมากจริงๆ!
เจียงอี้ถอนหายใจ เขาคิดว่าแม้แต่ยอดฝีมือห้าดาวก็ไม่อาจทลายเจดีย์ปฐมกาลนี้ได้ ในตอนนี้ ลมดาราในหุบเขาลอยลมนั้นเข้มข้นมากและยอดฝีมือห้าดาวธรรมดาจะไม่สามารถต้านมันได้
เจียงอี้ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของอีฉานและหยิ่นรั่วปิงขณะที่หยิ่นรั่วปิงจะหัวเราะเบาๆเป็นครั้งคราว พวกนางทั้งสองซึ่งเป็นสตรีที่ชายหลายล้านคนในทวีปต่างโหยหานั้นกำลังอยู่ข้างๆเขา เขายังได้กลิ่นน้ำหอมจากร่างกายของทั้งสองได้ แต่ใจของเขาก็ยังไม่ยอมให้ความปรารถนาเข้ามาได้ขณะที่เขาไม่มีร่องรอยของราคะแม้แต่น้อย
คนผู้หนึ่งจะเคร่งครัดได้หากไม่มีความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว
เจียงอี้และเก้าตระกูลจักรพรรดิเป็นศัตรูกันและจะไม่มีผลใดๆกับหญิงงามทั้งสองนี้ และทำให้เขาไม่มีความต้องการพวกนาง ดังนั้น สิ่งนี้จึงทำให้พี่ชิ่งและคนอื่นๆเชื่อว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศ ไม่เช่นนั้น ไม่ว่าชายผู้นั้นจะมีความอดทนเพียงใด แต่พวกเขาคงไม่สามารถนั่งได้อย่างสงบสุขหรอก
นั่นไง ไหมมณีสวรรค์สองตัวปรากฏขึ้นมาแล้ว พี่ใหญ่ เราโชคดีกันจริงๆ
แม้ว่าทั้งสองจะสนทนากันอยู่ แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกนางก็ยังแผ่ออกไปด้านนอกตลอดเวลา ทันใดนั้นหยิ่นรั่วปิงก็ลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมา สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้กวาดไปในทันทีและเพ่งเล็งไหมมณีสวรรค์สองตัวไว้
มีถ้ำสองแห่งปรากฏขึ้นบนหน้าผาที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาสิบกิโลเมตร หนอนไหมสีทองขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือคลานออกมา และปีเล็กๆของพวกมันก็กางออกและเริ่มบินอย่างไม่ได้คาดคิด
น่ะ…หนอนไหมมณีสวรรค์สองตัวนี้ไม่กลัวถูกลมดาราสังหารหรือ?
ดวงจิตของเจียงอี้สั่นสะท้านเมื่อเขารู้ว่าลมดาราน่าสะพรึงเพียงใด เขาเคยสัมผัสมันโดยตรง แต่หนอนไหมสองตัวนั้นไม่หลบเลี่ยงมันเลยและเหมือนว่าพวกมันจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้อยู่ในลมดารา
ไม่ถูกต้อง! หนอนไหมมณีสวรรค์เหล่านี้มีรูปแบบเต๋าวายุที่คล้ายกับของผู้อาวุโสที่สามารถหลบเลี่ยงลมดาราได้!
เจียงอี้ตรวจสอบสักครู่หนึ่งและค้นพบปัญหาอย่างรวดเร็ว ปีกทั้งสองคู่บนตัวไหมนั้นกระพือและพื้นผิวของร่างกายพวกมันจะมีกระแสอากาศประหลาดไหลเวียนอยู่รอบๆมันน่าจะเป็นกระแสอากาศเหล่านี้ที่ขับไล่ลมดาราออกไป ไม่เช่นนั้น หนอนไหมทั้งสองตัวนี้คงกลายเป็นผุยผงไปนานแล้ว
น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงคว้าโอกาสนี้มาทำความเข้าใจรูปแบบเต๋าวายุนี่แล้ว เจียงอี้ถอนหายใจเล็กน้อย เขาทำได้เพียงอาศัยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพ่งไปที่หนอนไหมและดูว่าเขาจะมีโอกาสสัมผัสร่องรอยอะไรหรือไม่เพื่อที่จะเข้าใจรูปแบบเต๋าวายุนี้
��