อีฉานถูกเรียกว่าฉานเอ๋อร์ตัวน้อย เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้หลงใหลในตัวเจียงอี้!
อันที่จริงแล้ว…!
ตอนนี้อีฉานลืมไปหมดสิ้นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในซากปรักหักพังสลายบาป ความประทับใจเดียวของนางที่มีต่อเจียงอี้เป็นเพียงบทสนทนาที่พวกเขาได้คุยกันก่อนจะเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาป นางพบว่าเจียงอี้ดูคุ้นเคยแต่เจียงอี้กลับบอกนางว่าไม่ควรตาต่ำเช่นนี้และเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง
อีฉานเป็นหญิงสาวที่มีความทะเยอทะยานและดูถูกชายทุกคนรวมทั้งนายน้อยเก้าตระกูลจักรพรรดิและตระกูลโบราณด้วย เจียงอี้เองก็ไม่มีข้อยกเว้น! เหตุที่นางขอให้ราชาอรหังช่วยเจียงอี้ไว้นั้นเป็นเพราะชื่อไป๋อีที่ถูกบันทึกไว้ในบันทึกของนาง พร้อมกับความจริงที่ไป๋อีสามารถดูดซับและปล่อยลมดาราได้ ย้อนไปในตอนนั้น จักรพรรดิลี้ลับเองก็เชี่ยวชาญทักษะที่ประหลาดมาก ซึ่งนั่นก็คือการดูดซับและปล่อยลมดารา แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ และมีเพียงสามคนเท่านั้นที่รู้เรื่อง จึงมีเพียงสามตระกูลเท่านั้นที่มีบันทึกเรื่องนี้เอาไว้ พวกเขาเป็นบรรพบุรุษตระกูลอี ตระกูลหยิ่นและตระกูลจ้าน
อีฉานถูกชะตาพรสวรรค์ของเจียงอี้ และมันถูกเขียนไว้ในบันทึกของนางอย่างชัดเจน นางต้องรับเจียงอี้เข้าตระกูลของนางให้ได้! ดังนั้น ราชาอรหังจึงกล่าวคำสั่งออกมา ส่วนอีฉานก็ก้มหน้าก้มตาอย่างเขินอายเพื่อเลี่ยงสายตาฝูงชน
เอ่อ…
ทุกคนตกตะลึงกับเรื่องนี้ อีฉานเลือกไป๋อี? ไป๋อีได้ถูกกำหนดให้เลื่องลือไปทั่วปฐพีเพราะประโยคนี้
อีฉานและหยิ่นรั่วปิงเป็นอันดับสองและสามของสาวงามสิบอันดับแรกในทวีปจักรพรรดิบูรพา ในวันนี้ หยิ่นรั่วปิงผู้เป็นสาวงานอันดับสามเต็มใจจะเสี่ยงชีวิตเพื่อไป๋อี และอีฉานผู้เป็นอันดับสองขอให้พ่อของนางปกป้องไป๋อีด้วยตัวเอง มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับไป๋อีที่จะไม่เลื่องชื่อ
นี่มัน…
เจียงอี้เองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขามองเข้าไปในดวงตาราชาอรหังที่อยู่แต่ไกลและดวงจิตของเขาสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อมองดวงตาที่ยิ้มแย้มและเฉลียวฉลาดคู่นั่น เจียงอี้รู้สึกว่าความลับทั้งหมดของเขาถูกเขามองเห็นหมดเปลือก เหมือนกับว่าเขาเปลือยเปล่าอยู่ตรงนี้
นี่ราชาอรหังเห็นตัวตนของข้าหรือ?
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเจียงอี้ แต่เขาก็ปัดมันไปอย่างรวดเร็ว เอ๋าหลูบอกว่า นอกจากเก้าจักรพรรดิ เหล่ากึ่งเทพไม่น่ามองเขาออก นอกจากนี้ หากราชาอรหังพบว่าเขาเป็นใครจริงๆ แล้วเหตุใดถึงปกป้องเขา? เขากำลังจะทำให้ตระกูลเสีย, ตระกูลถู, ตระกูลเจี้ยนและตระกูลหวู่ขุ่นเคือง
อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาก็เฉียบแหลมและฉลาดเกินไป เขามีอานุภาพมากซึ่งเจียงอี้ไม่สามารถรู้อย่างแน่ชัดว่าเขามองผ่านเล่ห์กลของเจียงอี้ได้หรือเปล่า
แต่เมื่อราชาอรหังกล่าวเช่นนี้ หวู่นี่, เจี้ยนอู๋อิงและถูหลงก็ทำอะไรไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นหัวหน้าตระกูลอีและเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในทวีป แม้แต่บิดาของพวกเขายังสุภาพกับเขา นับประสาอะไรกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาอยู่ในเขตแดนอรหัง มันคงเป็นเรื่องโง่ที่จะยโสโอหังในดินแดนของผู้อื่น
ทั้งสามตระกูลยังคงเงียบ แต่ไม่ใช่ตระกูลเสีย ขาของเสียเฟยถูกเจียงอี้ตัดขาดไป หากสมาชิกตระกูลเสียปล่อยเจียงอี้ไปโดยไม่ทำอะไรเลย พวกเขาจะถูกจักรพรรดิแห่งหมู่มารสังหารทันทีที่พวกเขากลับไปถึงตระกูล
ดังนั้น ผู้อาวุโสที่นำตระกูลเสียจึงป้องมือและพูดอย่างจริงจังว่า ราชาอรหัง ท่านได้เห็นแล้วว่าเกิดสิ่งใดกับนายน้อยเฟย ไป๋อีเป็นผู้ร้าย เราไม่สามารถตอบหัวหน้าของเราได้หากเราปล่อยไป๋อีไปเฉยๆ!ท่านสังหารเราทั้งหมดเถอะขอรับ พวกเราไม่มีคำอธิบายอะไรแล้ว
ฮ่าฮ่าฮ่า!
ราชาอรหังหัวเราะขึ้นไปบนฟ้า เขาเหลือบมองผู้อาวุโสตระกูลเสียขณะที่ยิ้มและเย้ยหยัน เจ้ามีนามว่าเสียหรงใช่หรือไม่? หากประมุขตระกูลของเจ้าได้ยินคำพูดของเจ้าในตอนนี้ ข้าเกรงว่าเจ้าอาจไม่มีเวลาได้อธิบายสิ่งใดและจะถูกบดขยี้จนตายในทันที! เจ้ารู้หรือไม่ว่าซากปรักหักพังสลายบาปคือที่ใด? ผู้คนเข้าไปในนั้นกี่คน แล้วออกมากี่คน? ข้าต้องหาตัวฆาตกรให้ทุกคนที่ตกตายไปในนั้นหรือเปล่า? เจ้าคิดว่ามีเพียงแค่สมาชิกตระกูลเสียของเจ้าที่สังหารคนอื่นได้ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่คนอื่นจะทำเช่นนั้นไม่ได้หรือ?
เหอะ!
ผู้อาวุโสตระกูลเสียรู้สึกละอายใจจากคำพูดนั้น เช่นเดียวกับยอดฝีมือตระกูลเสียคนอื่นๆ แต่เสียหรงก็หยุดนิ่งไปชั่วขณะและกัดฟันพูดว่า ราชาอรหัง โปรดสังหารเราด้วยเถอะขอรับ!
ราชาอรหัง โปรดสังหารเราด้วยเถอะขอรับ! ยอดฝีมือตระกูลเสียที่เหลืออีกพันคนต่างก็ป้องกำปั้นและคุกเข่า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยอมตายดีกว่าหากเขาไม่ส่งเจียงอี้ให้พวกเขา!
บึฟ!
ราชาอรหังไม่พูดหรือลงมืออะไร แต่เหนือท้องฟ้าเก้าสวรรค์เปลี่ยนไป ฝ่ามือยักษ์ก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนที่จะกระแทกลงมาราวกับอุกกาบาตยักษ์และพุ่งตรงไปยังจอมยุทธตระกูลเสียทั้งพันคนเหล่านั้น โล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาแหลกสลายไปในทันที และเสียหรงและกลุ่มของเขาก็ถูกกดไว้ที่พื้น
อั๊ก!
เสียหรงและจอมยุทธคนอื่นๆกระอักเลือดสดออกมาเต็มปาก แต่มีเพียงอวัยวะภายในเท่านั้นที่สั่นสะเทือน มันไม่มีร่องรอยบาดเจ็บบนร่างพวกเขาเลย ที่น่าตกตะลึงที่สุดคือ ตระกูลหวู่ ตระกูลถู ตระกูลเจี้ยนที่อยู่ใกล้ๆกัน และหยิ่นรั่วปิงและเจียงอี้ที่อยู่เบื้องล่างไม่รู้สึกถึงพลังหรือการโจมตีใดๆเลย!
นี่…
เจียงอี้และหยิ่นรั่วปิงมองหน้ากันและพบความประหลาดใจอยู่ในสายตาของกันและกัน พวกเขาไม่แปลกใจที่ราชาอรหังจะสังหารคนพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาประหลาดใจกับการควบคุมพลังของเขา
มีจอมยุทธมากมายที่ด้อยกว่าและแข็งแกร่งกว่าหมู่ทหารตระกูลเสียนับพันเหล่านี้ แต่ราชาอรหังสามารถทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้ในคราวเดียวและทำการโจมตีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยที่ไม่สังหารใครเลย ซึ่งเจียงอี้และหยิ่นรั่วปิงก็อยู่เบื้องล่างแต่ก็ไม่มีใครรู้สึกถึงพลังของราชาอรหังเลย พลังของเขาช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
ฟรึ่บ! ราชาอรหังโยนกล่องหยกเล็กๆให้เสียหรงและพูดอย่างเฉยเมยว่า นี่คือเม็ดยาจิตวิญญาณสวรรค์ เอาให้เสียเฟย ข้าจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับจักรพรรดิแห่งหมู่มารเมื่อข้าพบเขาครั้งหน้า ฝ่ามือนี้ถือเป็นการลงโทษพวกเจ้าแล้ว ฉานเอ๋อร์น้อย พาชายผู้นี้กลับไปยังเมืองจักรพรรดิอรหัง!
เม็ดยาจิตวิญญาณสวรรค์!
ดวงตาของผู้คนหลายคนเป็นประกาย มันคือยาในตำนานที่ทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ ขาของเสียเฟยจะงอกออกมาในเวลาอันสั้น แต่แน่นอนว่า…มันคงจะไม่เหมือนกับขาเดิมของเขาก่อนหน้านี้ ร่างกายของเสียเฟยได้รับบาดเจ็บและความแข็งแกร่งของเขาจะไม่พัฒนา…เว้นแต่ว่าเขาจะใช้หญ้ามังกรยาจก
แสงสีขาวสว่างวาบบนร่างราชาอรหังก่อนที่เขาจะหายลับไป อีฉานเองก็โบกมือของนางและยอดฝีมือตระกูลอีหลายพันก็บินไปพาเจียงอี้ที่อยู่ท่ามกลางคนจากหลายๆตระกูลมา อีฉานยิ้มให้หยิ่นรั่วปิงอย่างแผ่วเบาแล้วพูดว่า รั่วปิง กลับไปที่เมืองจักรพรรดิอรหังกันเถอะ
หยิ่นรั่วปิงถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนว่าอีฉานจะตัดสินคนได้ดีเหมือนกัน แต่นางก็จะไม่ยอมแพ้ ตระกูลใดที่เจียงอี้จะเข้าร่วมด้วยไม่ได้ขึ้นอยู่กับอีฉาน ซึ่งความคิดของเจียงอี้นั้นมีความสำคัญมากที่สุด
ดังนั้น นางจึงบินไปยังอีฉานด้วยเท้าเปล่าของนางและกระซิบด้วยรอยยิ้มว่า พี่ใหญ่อีฉาน รั่วปิงจะไปแสดงความยินดีกับจักรพรรดิอรหังในวันครบรอบ ข้าจะไปยังเมืองจักรพรรดิอรหัง
อีฉานมองหยิ่นรั่วปิงก่อนจะมองหลิงชีเจี้ยนและหลิงชือหย่าแต่ไกล พี่ชีเจี้ยน, น้องหย่า เราจะไปด้วยกันไหม?
ก็ได้!
หลิงชีเจี้ยนพยักหน้าและบินไปกลับคนอื่นๆ ส่วนหลิงชือหย่ามองเจียงอี้ที่ไม่ได้สติก่อนจะบินไปทางอีฉาน นางพูดกับอีฉานและหยิ่นรั่วปิงด้วยความสงสัย พี่ใหญ่ฉาน พี่ใหญ่รั่วปิง พวกท่านเห็นอะไรในตัวไป๋อีผู้นี้? ทำไมถึงต้องการเขากันนัก? เขาเป็นเพียงขอบเขตเทียนจุนขั้นที่สามเท่านั้น…
อีฉานไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนหยิ่นรั่วปิงก็ยิ้มและก็เงียบเช่นกัน พวกนางบินไปยังเรือลิขิตสวรรค์ใกล้ๆและหายตัวไปอย่างรวดเร็วในเรือลิขิตสวรรค์ก่อนที่จะเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิอรหัง
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ด้านหวู่นี่, ถูหลงและคนอื่นๆก็บินไปยังเรือลิขิตสวรรค์ด้วย เรื่องของพวกเขาในซากปรักหักพังสลายบาปหมดสิ้นแล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่พวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อ และพวกเขาก็จะกลับบ้านหรือไม่ก็ไปเมืองจักรพรรดิอรหังกัน
นายน้อยนี่ เราจะไปที่ใดกันขอรับ?
ผู้อาวุโสตระกุลหวู่ถามหวู่นี่ ส่วนหวู่นี่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนจีทิงยวี่ที่อยู่ข้างๆเขาก็สั่งว่า ไปเมืองจักรพรรดิอรหังไหม? ทำไมเรายังต้องไปเมืองจักรพรรดิอรหังด้วย?
หวู่นี่มองนางอย่างโกรธเคือง การกระทำของอีฉานและหยิ่นรั่วปิงทำให้ใจของเขาร้อนรุ่มไปด้วยความริษยา เขาไม่มีอารมณ์จะไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังอีกต่อไป
นายน้อยนี่!
ร่องรอยของความเจ้าเล่ห์แวบผ่านดวงตาจีทิงยวี่ จากนั้นนางก็พูดขึ้นว่า เราไปเมืองจักรพรรดิอรหังกันดีกว่า ข้ารู้สึกได้ว่าไป๋อีผู้นี้ไม่ธรรมดา เขาทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก หากมีโอกาส ก็สังหารเขากันเถอะ!
สังหารเขา?
แสงระยิบระยับส่องประกายที่ดวงตาของหวู่นี่ เขาโบกมือและพูดออกมาทันทีว่า มุ่งหน้าไปยังเมืองจักรพรรดิอรหัง!