เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – บทที่ 929 ศาลาหอมหวนอี

บทที่ 929 ศาลาหอมหวนอี

  ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในซากปรักหักพังสลายบาป ความจริงจะถูกผนึกไว้ในซากตระกูลโบราณกับคนอีกสองแสนคนไปตลอดกาล

  การล่าสมบัติสิ้นสุดลงแล้วและทุกคนกลับไปยังตระกูลของตน แต่แน่นอนว่าผู้ที่มีความสำคัญมากพอจะมาร่วมงานครบรอบวันเกิดของจักรพรรดิอรหังนั้นล้วนไปเมืองจักรพรรดิอรหัง แม้ว่าถูหลง, เจี้ยนอู๋อิงและหวู่นี่จะอารมณ์ไม่ดีก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไปเมืองจักรพรรดิอรหังกันอยู่ดี ครั้งนี้ที่พวกเขาเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาปนั้นไม่ใช่เพียงเพื่อสมบัติเท่านั้น แต่พวกเขามาเป็นตัวแทนตระกูลเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับจักรพรรดิอรหังด้วย

  เก้าตระกูลจักรพรรดิล้วนแข่งขันกันเอง ตระกูลอื่นๆย่อมส่งคนไปร่วมงานที่สำคัญอย่างแน่นอน แต่แน่นอนว่าคราวนี้จักรพรรดิอรหังไม่ได้จัดงานเลี้ยงที่หรูหราหรือเชิญคนมามากมายนัก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จักรพรรดิอรหังขอ ไม่เช่นนั้น ประมุขทั้งหมดคงจะมาร่วมงานด้วยตนเอง

  ในการเดินทางจากซากปรักหักพังสลายบาปไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังใช้เวลาเพียงสิบวัน แต่เรือลิขิตสวรรค์ของจักรพรรดิอรหังนั้นเป็นเรือขั้นสูงและเร็วมาก มันจึงใช้เวลาเพียงห้าวันในการไปถึงเมืองจักรพรรดิอรหัง

  ด้านเจียงอี้นั้นได้รับบาดเจ็บและหลับไปหกวันเต็ม เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็มาอยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหังแล้วและอยู่ในลานตำหนักตระกูลอี

   ที่นี่ที่ไหนกัน? 

  เจียงอี้ยังคงปวดร้าวไปทั้งตัว กระดูกเขาหักมากเกินไปและเขารู้ว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์กว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็มองไปรอบๆก่อนจะมองไปยังสาวใช้ทั้งสองที่ข้างเตียงและถามพวกนาง  สาวใช้ทั้งสองมีหน้าตาที่งดงามและรู้มารยาทเป็นอย่างดี เมื่อพวกนางได้ยินเจียงอี้ถาม หนึ่งในนั้นก็คำนับและตอบว่า  นายน้อยไป๋อี นี่คือศาลาหอมหวนอีเจ้าค่ะ เป็นสถานที่ที่ตระกูลอีใช้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ท่านวางใจได้และพักฟื้นที่นี่ได้เลยเจ้าค่ะ ท่านหญิงอีฉานกล่าวว่าท่านเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลอี ที่นี่ปลอดภัยมากและจะไม่มีผู้ใดมารบกวนท่าน 

   ศาลาหอมหวนอี? 

  แสงหนึ่งวาบผ่านดวงตาเจียงอี้ เขาจำฉากที่อีฉานให้คนพาเขามายังเรือลิขิตสวรรค์ได้ก่อนที่เขาจะสลบไป เจียงอี้ดูสงบมากแต่ในใจเขารู้สึกขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง เขาถือเป็นสายลับจากเกาะแห่งบาปที่ใกล้ชิดกับจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าอสูรและตอนนี้เขากลับกำลังนอนอยู่ในศาลาตระกูลอี!

   ปล่อยข้าไว้คนเดียวเถอะ! 

  เจียงอี้โบกมือและไล่สาวใช้ไป เขานอนบนเตียงและคอยนึกถึงแผนการของเขา  เจียงอี้ไม่มีความทรงจำในซากปรักหักพังสลายบาปเลย เขาจำได้แค่ว่าเขาเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาปและเกือบถูกสี่ตระกูลสังหารเมื่อเขาออกมา และท้ายที่สุดมันคือหยิ่นรั่วปิงและอีฉานที่ช่วยเขาเอาไว้

   นี่ข้าตัดขาเสียเฟย? ข้าทำได้อย่างไรกัน? พวกเขาเรียกข้าว่าไป๋อี? เช่นนั้นก็แสดงว่าตัวตนของข้ายังไม่ถูกเปิดเผยในซากปรักหักพังสลายบาป หมายความว่าข้าไม่ได้ปล่อยอัสนีพิโรธหรือทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วข้าตัดขาเสียเฟยได้อย่างไร? 

   ทำไมหยิ่นรั่วปิงถึงปกป้องข้ามากเพียงนี้? แล้วอีฉานหลงใหลข้าหรือ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร? 

   เมื่อข้าออกมา ข้ากอดเตาหินไว้ในอ้อมแขน มันคืออะไรกัน? 

   ราชาอรหังมองทะลุข้าได้หรือเปล่านะ? 

   แล้วข้าควรออกจากที่นี่ไปตอนนี้หรือพักผ่อนไปก่อนดี?     ….? 

  ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในใจเจียงอี้ เขาไม่สบายใจเอามากๆที่จะอยู่ในตระกูลอี เขาเกือบจะใช้วิชาหลีกสวรรค์ทันที แต่อาการบาดเจ็บของเขายังรุนแรงเกินไปและตอนนี้เขาอยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหัง ซึ่งเขาจะถูกเปิดเผยได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

   ข้าจะพักฟื้นอีกสักสองวันให้หายก่อน เมื่อตอนนี้ข้าปลอดภัยแล้ว มันก็คงจะไม่เป็นไร 

  เจียงอี้ลืมตาขึ้นมา เขาบังคับไม่ให้ตัวเองคิดอะไรมาก เขาหยิบยาสองเม็ดจากแหวนออกมาและกลืนมันลงไป จากนั้นเขาก็ตรวจสอบสิ่งต่างๆในแหวนของเขา และเขาก็โล่งใจเมื่อพบว่าไม่มีสิ่งใดหายไป

   เอ่อ? กล้วยไม้เขี้ยวเพลิง? ข้าได้กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมา? อืมม…ข้าได้สมุนไพรวิญญาณและสมบัติมามากมายเลย! 

  เจียงอี้ประหลาดใจที่เจอกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงในแหวนของเขา เขาต้องการจะนำไข่มุกสีเขียวออกมาและเรียกคนของจักรพรรดิแห่งเงามา แต่เขาก็นึกได้ว่าเขาอยู่ในตระกูลอี แม้ว่าจะมีคนของจักรพรรดิแห่งเงาอยู่ในเมืองนี้ พวกเขาก็อาจจะมาหาเขาได้ ดังนั้นเจียงอี้จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป

   ฮู่วว… 

  เจียงอี้รู้สึกผ่อนคลายมากเมื่อเขามั่นใจว่าได้กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมา เขาจะมอบมันให้คนของจักรพรดริแห่งเงาเมื่อมีโอกาส อย่างน้อยเขาก็บรรลุข้อตกลงระหว่างเขากับเอ๋าหลูได้ข้อหนึ่งแล้ว และเชียนเชียนก็จะรักษาอาการจนหายขาดได้

   หวู่นี่ จีทิงยวี่! 

  ริมฝีปากของเขาเย็นเยียบขึ้นเมื่อเขาจำได้ว่าหวู่นี่เหมือนจะต้องการสังหารเขาก่อนที่เขาจะสลบไป เขาไม่ได้จัดการสองคนนั้นในซากปรักหักพังสลายบาป ดูเหมือนว่าเขาต้องไล่ล่าพวกนั้นอย่างช้าๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหังหรือกลับไปยังเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มารแล้ว

   ใครก็ได้! 

  เจียงอี้ตะโกนออกมาและประตูก็เปิดขึ้นทันที สาวใช้ทั้งสองเดินเข้ามาและโค้งคำนับ  นายน้อยเชิญรับสั่งมาได้เลยเจ้าค่ะ 

  เจียงอี้หันไปถามว่า  ตั้งแต่สิ้นสุดการล่าสมบัติในซากปรักหักพัง มันผ่านมากี่วันแล้ว? 

  สาวใช้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับว่า  หกวันแล้วเจ้าค่ะ 

   ข้าหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรือ? 

  เจียงอี้พยักหน้าและถามอีกว่า  นายหญิงของเจ้าอยู่ที่ไหน? แล้วมีนายน้อยคนใดอยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหังบ้างในตอนนี้ อย่างเช่นนายน้อยอู๋อิงและนายน้อยหวู่นี่? 

   นายหญิงของเราอยู่กับแม่นางรั่วปิงและแม่นางหย่าเจ้าค่ะ 

  สาวใช้ตอบอีกว่า  ทั้งนายน้อยอู๋อิงและนายน้อยหวู่นี่ก็อยู่ที่นี่ พวกเขาอยู่ในศาลาหอมหวนอีด้วยเจ้าค่ะ นายน้อยเยี่ยอิง, นายน้อยชีเจี้ยนและนายน้อยถูหลงก็อยู่ศาลาใกล้ๆกันนี้เองเจ้าค่ะ 

   เอ่อ… 

  เจียงอี้สั่นสะท้าน หวู่นี่อยู่ไม่ไกลจากเขาในตอนนี้! ความเยือกเย็นส่องประกายในดวงตาของเจียงอี้ เขาเกือบจะลุกขึ้นมาและสังหารพวกเขาทันทีก่อนที่จะใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไป

  อย่าบุ่มบ่ามไป!

  ในไม่ช้าเจียงอี้ก็สงบลง เขาอยู่ในเขตของตระกูลอี มียอดฝีมือของตระกูลอีอยู่ที่นี่นับไม่ถ้วน อย่าว่าแต่คนของหวู่นี่เลย แม้ว่าเขาจะบุกฝ่าวงและโค่นหวู่นี่ได้ เขาก็ไม่มีวันใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไปได้ ราชาอรหังคงทำให้เขาสั่นสะท้านด้วยฝ่ามือเดียวเป็นแน่

   เข้าใจล่ะ ปล่อยข้าไว้เถอะ! 

  เมื่อหวู่นี่อยู่ที่นี่แล้ว จีทิงยวี่ก็ต้องมาด้วยอย่างแน่นอน มีโอกาสที่เขาจะจัดการสองคนนั้นได้ อย่างเลวร้ายที่สุด เขาก็จะพยายามสังหารพวกนั้นระหว่างกลับไปยังเมืองจักรพรรดิอุดร เขายังมีโอกาสตราบเท่าที่พวกนั้นยังไปไม่ถึงเมืองจักรพรรดิอุดร

  เจียงอี้บังคับตัวเองให้สงบลงและพักฟื้นร่างกาย แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาไม่สามารถสงบสติลงได้เหมือนกับว่าเขากำลังนั่งอยู่บนเข็ม

  เจียงอี้เป็นสายลับของเกาะแห่งบาป ผู้ที่ทรยศต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากเขาถูกเปิดเผย เก้าตระกูลจักรพรรดิจะประหารเขาอย่างไร้ปรานี เขารู้สึกว่าตัวตนของเขาถูกราชาอรหังมองทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ เขาก็พบว่ามันเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้ว เก้าตระกูลจักรพรรดิก็จะไม่มีวันยอมได้ในความสัมพันธ์ของเขากับเอ๋าหลู

  เอี๊ยด

  ขณะที่เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่ มีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นมาและเห็นร่างสีม่วงกับหน้ากากภูติอเวจีที่งดงาม อีฉานเข้ามาที่นี่

  เจียงอี้รีบดึงสติตัวเองทันที นางสงสัยในตัวตนของเขาตอนที่จะเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาป เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้

   นายน้อยไป๋อี 

  อีฉานเดินไปที่เก้าอี้ราชสีห์ตรงข้ามเตียงของเจียงอี้ นางมองเขาและพูดว่า  เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือไม่? เจ้าพักผ่อนที่นี่ไปก่อนเถอะ ในศาลาหอมหวนอีนี้ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง 

  เจียงอี้มองอีฉานด้วยดวงตาว่างเปล่า ดวงตาของเขาสงบเหมือนน้ำ ใบหน้าของเขาเย็นชาและดูห่างเหิน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดอย่างหนักแน่นว่า  แม่นางอี เจ้าหลงใหลในตัวข้าหรือ? 

   เอ่อ.. 

  ดวงตาที่งดงามของอีฉานเบือนหนีไป แววตาที่เขินอายแผ่ออกมาจากดวงตาของนาง นางพูดอย่างรวดเร็วว่า  นายน้อยไป๋อี อย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่เลื่อมใสในความสามารถของเจ้า ไม่ใช่ตัวเจ้า 

  ฮู ฮู!   เจียงอี้หายใจเข้าลึกๆและพูดกับตัวเองว่า  ไม่เป็นไร เยี่ยมมาก! ข้าคิดว่าเจ้าจะพาข้ามายังตระกูลอีเพื่อบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ชอบผู้หญิง… ดังนั้นได้โปรดเถอะ โปรดอย่าหลงใหลในตัวข้าเลย… 

   ฮุ้ฟ! 

 

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ

ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้

วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก

ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ

ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้

จึงได้อุบัติขึ้น!

หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง

เกลื่อนปฐพี!

หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท