ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในซากปรักหักพังสลายบาป ความจริงจะถูกผนึกไว้ในซากตระกูลโบราณกับคนอีกสองแสนคนไปตลอดกาล
การล่าสมบัติสิ้นสุดลงแล้วและทุกคนกลับไปยังตระกูลของตน แต่แน่นอนว่าผู้ที่มีความสำคัญมากพอจะมาร่วมงานครบรอบวันเกิดของจักรพรรดิอรหังนั้นล้วนไปเมืองจักรพรรดิอรหัง แม้ว่าถูหลง, เจี้ยนอู๋อิงและหวู่นี่จะอารมณ์ไม่ดีก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไปเมืองจักรพรรดิอรหังกันอยู่ดี ครั้งนี้ที่พวกเขาเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาปนั้นไม่ใช่เพียงเพื่อสมบัติเท่านั้น แต่พวกเขามาเป็นตัวแทนตระกูลเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับจักรพรรดิอรหังด้วย
เก้าตระกูลจักรพรรดิล้วนแข่งขันกันเอง ตระกูลอื่นๆย่อมส่งคนไปร่วมงานที่สำคัญอย่างแน่นอน แต่แน่นอนว่าคราวนี้จักรพรรดิอรหังไม่ได้จัดงานเลี้ยงที่หรูหราหรือเชิญคนมามากมายนัก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จักรพรรดิอรหังขอ ไม่เช่นนั้น ประมุขทั้งหมดคงจะมาร่วมงานด้วยตนเอง
ในการเดินทางจากซากปรักหักพังสลายบาปไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังใช้เวลาเพียงสิบวัน แต่เรือลิขิตสวรรค์ของจักรพรรดิอรหังนั้นเป็นเรือขั้นสูงและเร็วมาก มันจึงใช้เวลาเพียงห้าวันในการไปถึงเมืองจักรพรรดิอรหัง
ด้านเจียงอี้นั้นได้รับบาดเจ็บและหลับไปหกวันเต็ม เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็มาอยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหังแล้วและอยู่ในลานตำหนักตระกูลอี
ที่นี่ที่ไหนกัน?
เจียงอี้ยังคงปวดร้าวไปทั้งตัว กระดูกเขาหักมากเกินไปและเขารู้ว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์กว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็มองไปรอบๆก่อนจะมองไปยังสาวใช้ทั้งสองที่ข้างเตียงและถามพวกนาง สาวใช้ทั้งสองมีหน้าตาที่งดงามและรู้มารยาทเป็นอย่างดี เมื่อพวกนางได้ยินเจียงอี้ถาม หนึ่งในนั้นก็คำนับและตอบว่า นายน้อยไป๋อี นี่คือศาลาหอมหวนอีเจ้าค่ะ เป็นสถานที่ที่ตระกูลอีใช้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ท่านวางใจได้และพักฟื้นที่นี่ได้เลยเจ้าค่ะ ท่านหญิงอีฉานกล่าวว่าท่านเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลอี ที่นี่ปลอดภัยมากและจะไม่มีผู้ใดมารบกวนท่าน
ศาลาหอมหวนอี?
แสงหนึ่งวาบผ่านดวงตาเจียงอี้ เขาจำฉากที่อีฉานให้คนพาเขามายังเรือลิขิตสวรรค์ได้ก่อนที่เขาจะสลบไป เจียงอี้ดูสงบมากแต่ในใจเขารู้สึกขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง เขาถือเป็นสายลับจากเกาะแห่งบาปที่ใกล้ชิดกับจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าอสูรและตอนนี้เขากลับกำลังนอนอยู่ในศาลาตระกูลอี!
ปล่อยข้าไว้คนเดียวเถอะ!
เจียงอี้โบกมือและไล่สาวใช้ไป เขานอนบนเตียงและคอยนึกถึงแผนการของเขา เจียงอี้ไม่มีความทรงจำในซากปรักหักพังสลายบาปเลย เขาจำได้แค่ว่าเขาเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาปและเกือบถูกสี่ตระกูลสังหารเมื่อเขาออกมา และท้ายที่สุดมันคือหยิ่นรั่วปิงและอีฉานที่ช่วยเขาเอาไว้
นี่ข้าตัดขาเสียเฟย? ข้าทำได้อย่างไรกัน? พวกเขาเรียกข้าว่าไป๋อี? เช่นนั้นก็แสดงว่าตัวตนของข้ายังไม่ถูกเปิดเผยในซากปรักหักพังสลายบาป หมายความว่าข้าไม่ได้ปล่อยอัสนีพิโรธหรือทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วข้าตัดขาเสียเฟยได้อย่างไร?
ทำไมหยิ่นรั่วปิงถึงปกป้องข้ามากเพียงนี้? แล้วอีฉานหลงใหลข้าหรือ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เมื่อข้าออกมา ข้ากอดเตาหินไว้ในอ้อมแขน มันคืออะไรกัน?
ราชาอรหังมองทะลุข้าได้หรือเปล่านะ?
แล้วข้าควรออกจากที่นี่ไปตอนนี้หรือพักผ่อนไปก่อนดี? ….?
ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในใจเจียงอี้ เขาไม่สบายใจเอามากๆที่จะอยู่ในตระกูลอี เขาเกือบจะใช้วิชาหลีกสวรรค์ทันที แต่อาการบาดเจ็บของเขายังรุนแรงเกินไปและตอนนี้เขาอยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหัง ซึ่งเขาจะถูกเปิดเผยได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ข้าจะพักฟื้นอีกสักสองวันให้หายก่อน เมื่อตอนนี้ข้าปลอดภัยแล้ว มันก็คงจะไม่เป็นไร
เจียงอี้ลืมตาขึ้นมา เขาบังคับไม่ให้ตัวเองคิดอะไรมาก เขาหยิบยาสองเม็ดจากแหวนออกมาและกลืนมันลงไป จากนั้นเขาก็ตรวจสอบสิ่งต่างๆในแหวนของเขา และเขาก็โล่งใจเมื่อพบว่าไม่มีสิ่งใดหายไป
เอ่อ? กล้วยไม้เขี้ยวเพลิง? ข้าได้กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมา? อืมม…ข้าได้สมุนไพรวิญญาณและสมบัติมามากมายเลย!
เจียงอี้ประหลาดใจที่เจอกล้วยไม้เขี้ยวเพลิงในแหวนของเขา เขาต้องการจะนำไข่มุกสีเขียวออกมาและเรียกคนของจักรพรรดิแห่งเงามา แต่เขาก็นึกได้ว่าเขาอยู่ในตระกูลอี แม้ว่าจะมีคนของจักรพรรดิแห่งเงาอยู่ในเมืองนี้ พวกเขาก็อาจจะมาหาเขาได้ ดังนั้นเจียงอี้จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
ฮู่วว…
เจียงอี้รู้สึกผ่อนคลายมากเมื่อเขามั่นใจว่าได้กล้วยไม้เขี้ยวเพลิงมา เขาจะมอบมันให้คนของจักรพรดริแห่งเงาเมื่อมีโอกาส อย่างน้อยเขาก็บรรลุข้อตกลงระหว่างเขากับเอ๋าหลูได้ข้อหนึ่งแล้ว และเชียนเชียนก็จะรักษาอาการจนหายขาดได้
หวู่นี่ จีทิงยวี่!
ริมฝีปากของเขาเย็นเยียบขึ้นเมื่อเขาจำได้ว่าหวู่นี่เหมือนจะต้องการสังหารเขาก่อนที่เขาจะสลบไป เขาไม่ได้จัดการสองคนนั้นในซากปรักหักพังสลายบาป ดูเหมือนว่าเขาต้องไล่ล่าพวกนั้นอย่างช้าๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหังหรือกลับไปยังเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มารแล้ว
ใครก็ได้!
เจียงอี้ตะโกนออกมาและประตูก็เปิดขึ้นทันที สาวใช้ทั้งสองเดินเข้ามาและโค้งคำนับ นายน้อยเชิญรับสั่งมาได้เลยเจ้าค่ะ
เจียงอี้หันไปถามว่า ตั้งแต่สิ้นสุดการล่าสมบัติในซากปรักหักพัง มันผ่านมากี่วันแล้ว?
สาวใช้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับว่า หกวันแล้วเจ้าค่ะ
ข้าหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรือ?
เจียงอี้พยักหน้าและถามอีกว่า นายหญิงของเจ้าอยู่ที่ไหน? แล้วมีนายน้อยคนใดอยู่ในเมืองจักรพรรดิอรหังบ้างในตอนนี้ อย่างเช่นนายน้อยอู๋อิงและนายน้อยหวู่นี่?
นายหญิงของเราอยู่กับแม่นางรั่วปิงและแม่นางหย่าเจ้าค่ะ
สาวใช้ตอบอีกว่า ทั้งนายน้อยอู๋อิงและนายน้อยหวู่นี่ก็อยู่ที่นี่ พวกเขาอยู่ในศาลาหอมหวนอีด้วยเจ้าค่ะ นายน้อยเยี่ยอิง, นายน้อยชีเจี้ยนและนายน้อยถูหลงก็อยู่ศาลาใกล้ๆกันนี้เองเจ้าค่ะ
เอ่อ…
เจียงอี้สั่นสะท้าน หวู่นี่อยู่ไม่ไกลจากเขาในตอนนี้! ความเยือกเย็นส่องประกายในดวงตาของเจียงอี้ เขาเกือบจะลุกขึ้นมาและสังหารพวกเขาทันทีก่อนที่จะใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไป
อย่าบุ่มบ่ามไป!
ในไม่ช้าเจียงอี้ก็สงบลง เขาอยู่ในเขตของตระกูลอี มียอดฝีมือของตระกูลอีอยู่ที่นี่นับไม่ถ้วน อย่าว่าแต่คนของหวู่นี่เลย แม้ว่าเขาจะบุกฝ่าวงและโค่นหวู่นี่ได้ เขาก็ไม่มีวันใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไปได้ ราชาอรหังคงทำให้เขาสั่นสะท้านด้วยฝ่ามือเดียวเป็นแน่
เข้าใจล่ะ ปล่อยข้าไว้เถอะ!
เมื่อหวู่นี่อยู่ที่นี่แล้ว จีทิงยวี่ก็ต้องมาด้วยอย่างแน่นอน มีโอกาสที่เขาจะจัดการสองคนนั้นได้ อย่างเลวร้ายที่สุด เขาก็จะพยายามสังหารพวกนั้นระหว่างกลับไปยังเมืองจักรพรรดิอุดร เขายังมีโอกาสตราบเท่าที่พวกนั้นยังไปไม่ถึงเมืองจักรพรรดิอุดร
เจียงอี้บังคับตัวเองให้สงบลงและพักฟื้นร่างกาย แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาไม่สามารถสงบสติลงได้เหมือนกับว่าเขากำลังนั่งอยู่บนเข็ม
เจียงอี้เป็นสายลับของเกาะแห่งบาป ผู้ที่ทรยศต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากเขาถูกเปิดเผย เก้าตระกูลจักรพรรดิจะประหารเขาอย่างไร้ปรานี เขารู้สึกว่าตัวตนของเขาถูกราชาอรหังมองทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ เขาก็พบว่ามันเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้ว เก้าตระกูลจักรพรรดิก็จะไม่มีวันยอมได้ในความสัมพันธ์ของเขากับเอ๋าหลู
เอี๊ยด
ขณะที่เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่ มีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นมาและเห็นร่างสีม่วงกับหน้ากากภูติอเวจีที่งดงาม อีฉานเข้ามาที่นี่
เจียงอี้รีบดึงสติตัวเองทันที นางสงสัยในตัวตนของเขาตอนที่จะเข้าไปในซากปรักหักพังสลายบาป เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้
นายน้อยไป๋อี
อีฉานเดินไปที่เก้าอี้ราชสีห์ตรงข้ามเตียงของเจียงอี้ นางมองเขาและพูดว่า เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือไม่? เจ้าพักผ่อนที่นี่ไปก่อนเถอะ ในศาลาหอมหวนอีนี้ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง
เจียงอี้มองอีฉานด้วยดวงตาว่างเปล่า ดวงตาของเขาสงบเหมือนน้ำ ใบหน้าของเขาเย็นชาและดูห่างเหิน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดอย่างหนักแน่นว่า แม่นางอี เจ้าหลงใหลในตัวข้าหรือ?
เอ่อ..
ดวงตาที่งดงามของอีฉานเบือนหนีไป แววตาที่เขินอายแผ่ออกมาจากดวงตาของนาง นางพูดอย่างรวดเร็วว่า นายน้อยไป๋อี อย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่เลื่อมใสในความสามารถของเจ้า ไม่ใช่ตัวเจ้า
ฮู ฮู! เจียงอี้หายใจเข้าลึกๆและพูดกับตัวเองว่า ไม่เป็นไร เยี่ยมมาก! ข้าคิดว่าเจ้าจะพาข้ามายังตระกูลอีเพื่อบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ชอบผู้หญิง… ดังนั้นได้โปรดเถอะ โปรดอย่าหลงใหลในตัวข้าเลย…
ฮุ้ฟ!