การแข่งขันขุมทรัพย์? สามเขตแดนลึกลับ?
เขตแดนลึกลับของตระกูลอีเป็นที่เลื่องลือในแดนเทียนชิงและเป็นแดนลึกลับขั้นสุดยอด ลูกหลานตระกูลอีส่วนใหญ่จะเข้าถึงรูปแบบเต๋าบางอย่างได้หลังจากที่เข้าสู่เขตแดนลึกลับ ความเร็วในการฝึกฝนของราชาอรหังและอีฉานนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะสามเขตแดนลึกลับเหล่านี้
เมื่อนึกถึงการแข่งขัน เจียงอี้ก็หมดความสนใจ เขามีสมบัติอะไรกัน? เว้นแต่ว่าเขาจะมอบสิ่งประดิษฐ์โบราณให้จักรพรรดิอรหัง แต่มันจะเป็นไปได้หรือ? เขาไม่ใช่คนโง่
ความคิด?
เขาจะผลิตภาพวาดสวรรค์สักสองสามภาพได้ขณะที่เขาได้ยินว่าจักรพรรดิอรหังเองก็เป็นศิลปินขั้นเทพ แต่เจียงอี้จะสามารถวาดภาพใดๆได้หรือ? แน่นอนว่าไม่ ภาพวาดสวรรค์เพียงภาพเดียวจะเผยตัวตนของเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเรื่องนี้และขัดสมาธิเพื่อพักฟื้น ขณะที่เขาพักฟื้น เขามองดาวดวงที่เก้าและสงสัยในพลังงานที่มองไม่เห็นภายในนั้น
ลมดารา!
ลมดาราเป็นสิ่งที่น่ากลัว สามสิบกิโลเมตรในท้องฟ้ายามค่ำคืนถือเป็นสถานที่ที่ยอดฝีมือกึ่งเทพธรรมดาไม่กล้าไป แล้วผู้ใดจะต้านการโจมตีอันไร้ขอบเขตจากลมดาราได้? หากเขาเข้าใจลมดารานี้ได้อย่างสมบูรณ์ มันจะกลายเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพทั้งการโจมตีและป้องกัน แม้ว่าความสามารถที่น่าเกรงขามจะโจมตีเขา แต่เขาก็จะใช้ลมดาราลบล้างพลังงานจากการโจมตีของฝ่ายศัตรูได้
น่าเสียดายที่เขาอยู่ในศาลาหอมหวนอีและเจียงอี้ไม่สามารถปล่อยลมดาราได้อย่างประมาท มันจึงยากที่จะศึกษามัน จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เหตุใดศาสตร์นิรนามถึงสามารถดูดซับลมดาราได้? แล้วเหตุใดลมดาราจึงถูกเก็บไว้ในดาวดวงที่เก้า? ทำไมไม่เป็นดวงที่เจ็ดหรือแปด?
จี๊ จี๊!
เขาปล่อยลมดาราออกมาเล็กน้อยและปล่อยให้มันหมุนรอบฝ่ามือของเขา และให้มันหมุนรอบตัวเขาช้าๆด้วยความคิด จากนั้นมันก็บินกลับไปยังฝ่ามือและเข้าไปในฝ่ามือของเขา เจียงอี้สังเกตว่าดาวดวงที่เก้าสว่างขึ้นมาและพลังงานลมดาราก็ถูกดูดซับเข้าไปด้วยตัวเอง
ตำหนักดาวดวงที่เก้านี้แปลกชะมัด ใครเป็นผู้มอบศาสตร์นิรนามนี้ให้ข้ากันนะ? ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ไหนกัน?
เจียงอี้ถอนหายใจเล็กน้อยเนื่องจากมีหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจ เนื่องจากศาสตร์นิรนามนี้ เขาถึงกลายเป็นคนประหลาดและเขาสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่มองไม่เห็นบนฟ้าที่คอยควบคุมชีวิตเขาอย่างละเอียด และทำให้เขาก่อร่างเป็นร่างนี้ทีละเล็กทีละน้อย ในวันนี้ ไม่มีผู้ใดเข้ามารวบกวนเจียงอี้อีกและหลังจากพักฟื้นมาทั้งวัน อาการบาดเจ็บของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเมื่อขยับร่างกาย และเมื่อถึงยามกลางคืน สาวใช้ก็นำอาหารเข้ามาให้เขา แต่เขาไม่มีอารมณ์กินมันและพักฟื้นต่อ
เจียงอี้ตื่นขึ้นมากลางดึกและมือของเขาก็สว่างขึ้นพร้อมกับเตาหินยักษ์ที่ปรากฏออกมา
สิ่งประดิษฐ์โบราณ!
สิ่งประดิษฐ์โบราณสลักลายเต๋า สมบัติล้ำค่าของนายพลเก่าแก่!
ดวงตาของเจียงอี้ร้อนรุ่มขณะที่เขาค่อยๆเทแก่นแท้พลังลงไปในเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ขณะที่เขาพยายามขัดเกลามัน ชื่อของมันอาจฟังดูเกรี้ยวกราดมาก และหากเขาสามารถขัดเกลามันได้ เขาคิดว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาอาจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแน่ๆ เอ๊ะ? แก่นแท้พลังข้าไม่สามารถเข้าไปได้?
เจียงอี้สังเกตเห็นปัญหาทันทีที่เขาขัดเกลามัน แก่นแท้พลังไม่สามารถเข้าไปในสิ่งประดิษฐ์โบราณได้และมันไม่มีปฏิกิริยาใดๆแม้ว่าแก่นแท้พลังจะล้อมรอบเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์นี้ เขารั้นอยู่เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงและในที่สุดก็ตัดสินใจว่า….เตาหลอมศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่สามารถขัดเกลาด้วยแก่นแท้พลังได้!
เป็นปได้อย่างไรกัน? แล้วคนอื่นขัดเกลาสิ่งประดิษฐ์โบราณของพวกเขาอย่างไรกัน?
เจียงอี้ปวดหัว หากเขาขัดเกลามันไม่ได้ เขาก็จะใช้มันไม่ได้และมันก็จะไม่ต่างอะไรจากหินก้อนหนึ่งเท่านั้น
หรือข้าควรตามหาอีฉานและหยิ่นรั่วปิงเพื่อถามพวกนางดี?
เจียงอี้รีบปัดความคิดนี้ทิ้งไป พวกนางทั้งสองเป็นดั่งดอกไม้พิษและยิ่งพูดคุยกับพวกนางมากเท่าไหร่ เขาก็จะหลงเสน่ห์พวกนางโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วหากเขาเกิดคิดลึกซึ้งเกินไป เขาคงโดนสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์
ข้าต้องไม่ไปยุ่งกับพวกนางมากเกินไป!
เจียงอี้ตัดสินใจอยู่เงียบๆว่าจะจากไปเมื่ออาการบาดเจ็บของเขาหายแล้ว เขาจะมองหาเมืองเล็กๆเพื่อซ่อนตัวและเมื่อหวู่นี่และจีทิงยวี่กำลังจะกลับไปยังเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มาร เขาก็จะสกัดกั้นและสังหารพวกเขา
แต่…ข้าควรทำเช่นไรกับเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์นี่ดี?
เจียงอี้ไร้หนทางอยู่ครู่หนึ่งขณะที่เขายังคงหาทางอื่นๆ…เขาหยดเลือดลงไป, ใช้ดวงจิตสัมผัสกับเตาหลอมและแม้กระทั่งปล่อยดาบวิญญาณออกมาเพื่อดูว่ามันจะเข้าไปในเตาหลอมได้หรือไม่ ท้ายที่สุด….ดาบวิญญาณของเขาก็ยังเข้าไปไม่ได้เนื่องจากมันมีอาคมยับยั้งที่ขัดขวางดาบวิญญาณเอาไว้
หลังจากที่เจียงอี้พยายามมาทั้งคืน เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้จนถึงรุ่งสาง ไม่มีอะไรที่เข้าไปในเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ได้เลยและมันก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับมัน
รุ่งเช้า สาวใช้ก็ตื่นแล้ว เจียงอี้จึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องเก็บเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์กลับเข้าไปในแหวนของเขาและพักฟื้นต่อ วันนี้ก็สงบสุขเช่นเคยเนื่องจากอีฉานและหยิ่นรั่วปิงไม่ปรากฏตัวขึ้น เจียงอี้ก็ไม่ได้ถามถึงพวกนางหรือใครอื่นเลย เขาแค่จดจ่ออยู่กับการพักฟื้นเท่านั้น
เมื่อตกกลางคืนและหลังจากที่สาวใช้เข้านอนแล้ว เจียงอี้ก็แอบหยิบเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ออกมาและศึกษามันต่อ หากเขาขัดเกลาสมบัติที่สำคัญเช่นนี้ไม่ได้ เขาคงกระอักเลือดอย่างแน่นอน เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังอย่างสบายๆขณะที่ต้องการดูว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆหลังจากการขัดเกลาเป็นเวลานานหรือไม่
ผลที่ได้ก็ทำให้เจียงอี้ผิดหวังเพราะมันไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ในขอบเขตการบ่มเพาะเท่าเขาคงไม่สามารถขัดเกลามันได้
สิ่งนี้จะคล้ายสมบัติเชื่อมดวงจิตไหมนะ มันจะขึ้นอยู่กับโชคหรือเปล่า? ในยามนั้นก็เกือบเช้าแล้วและเจียงอี้ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากลืมตาและจ้องมองก้อนหินที่มือของเขาขณะที่จนปัญญา
สมบัติเชื่อมดวงจิต?
เมื่อนึกถึงสมบัติเชื่อมดวงจิต เขาก็ได้รับแรงบันดาลใจจากหวงฝูเทาเทียน หวงฝูเทาเทียนบอกว่าสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงนั้นจะง่ายต่อการขัดเกลาหากใช้พลังดารา? หรือข้าควรลองใช้พลังดาราไหม?
เขาลงมือทันทีเมื่อคิดเรื่องนี้ เขาค่อยๆหมุนเวียนพลังดาราจากตำหนักดาวของเขาและหมุนเวียนรอบเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ และมันก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ทันที!
บึฟ!
เตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสว่างขึ้นและดวงตาของเจียงอี้ก็สว่างขึ้นเช่นกัน พลังดาราขัดเกลาเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ได้แต่ความเร็วของมันช้ามาก เขาจึงค่อยๆสัมผัสถึงมันประมาณสิบห้านาทีและพบว่าหนึ่งในพันๆส่วนของเตาหลอมนี้ได้รับการขัดเกลาแล้ว เจียงอี้คิดว่าเขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนในการขัดเกลามันให้สมบูรณ์
เอาล่ะ!
เวลาไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่เขาขัดเกลามันได้ เขามีพลังดาราอยู่ไม่น้อย และการใช้มันไปกับการขัดเกลาเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ก็คุ้มค่า
ท้องฟ้าเริ่มสว่างและเมื่อสาวใช้ตื่นขึ้นมา เจียงอี้ก็ออกคำสั่งทันที ข้าจะเข้าสู่สันโดษอีกหลายวัน พวกเจ้ายืนเฝ้าด้านนอกไปได้ และหากมีใครต้องการเจอข้าก็ให้ปฏิเสธพวกเขาให้หมดแล้วรอข้าออกจากสันโดษ
เจ้าค่ะนายน้อย
สาวใช้ทั้งสองถอยกลับไปอย่างเชื่อฟังและเปิดอาคมยับยั้งทันที เจียงอี้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อสำรวจรอบๆก่อนจะกินยาพักฟื้นต่อ เขาไม่ได้กังวลกับร่างกายของเขาอีกต่อไปและจดจ่อกับเตาหลอมอย่างเต็มที่
เมื่องานเลี้ยงครบรอบจักรพรรดิอรหังสิ้นสุดลง หวู่นี่และจีทิงยวี่จะออกเดินทางและกลับไปยังเมืองจักรพรรดิอุดร การต่อสู้ที่ดุเดือดย่อมปะทุขึ้นอย่างแน่นอนและเขาจะต้องพยายามทุกวินาทีเพื่อเสริมกำลังของตัวเองเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดและช่วยซูรั่วเสวี่ย
ไป๋อีเข้าสู่สันโดษ? เขาบอกว่า…เขาไม่รับแขกใดๆ? ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม?
ในวันที่ห้า หยิ่นรั่วปิงมาเยี่ยมเขาและเมื่อนางได้ยินรายงานของสาวใช้ นางก็มองไปที่ประตูที่ปิดสนิทอย่างผิดหวัง เขาเข้าสู่สันโดษเพื่อศึกษาสิ่งประดิษฐ์โบราณหรือลมดาราหรือ? หรือเขาจะใช้การเข้าสู่สันโดษมาเป็นข้ออ้างเพื่อเลี่ยงการพบนาง?
หรือเป็นอย่างที่พี่ใหญ่ฉานพูดจริงๆ? ไป๋อีไม่ชอบผู้หญิง? หยิ่นรั่วปิงรู้สึกพ่ายแพ้อย่างอธิบายไม่ได้ นางเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงและเป็นหญิงงามอันดับสามของปฐพี นางเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเองขายหน้าเพื่อมาพบชายคนหนึ่ง แต่ก็ถูกปฏิเสธที่นอกประตู
เช่นนั้นก็ช่าง! ฮึ่ม!
สตรีตระกูลหยิ่นมีความภาคภูมิและหยิ่นรั่วปิงก็มีการแสดงออกที่ผิดไปหลังจากนางเดินออกไป และเมื่อนางอยู่ที่ประตูทางออก นางก็บอกสาวใช้แล้วพูดว่า เมื่อไป๋อีออกจากสันโดษแล้ว บอกให้เขามาพบข้าทันที หากเขาไม่มา…ข้าจะไม่มีวันเจอเขาอีกในชาตินี้!