ภายในห้อง กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนกำลังทำความเคารพอย่างสุภาพ เมื่อเห็นเป่ยเฟิงจากไปแล้ว พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะเงยหน้าขึ้น
นั่นคือผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ที่พวกเขาได้บอกลา ! แม้แต่ในมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยผู้คนในประเทศใหญ่ ๆ ก็มีผู้เชี่ยวชาญแบบนี้เพียง 10-20 คน เมื่อเทียบกับคนจำนวนกว่าพันล้านคนแล้ว สามารถบอกได้เลยว่าหาโอกาศในการเจอเขายากแค่ไหน !
แม้ว่าระดับสวรรค์อาจจะดูเหมือนห่างกับระดับเซียนเทียนเพียงระดับเดียว แต่ความแตกต่างมันราวกับสวรรค์และโลก !
ช่องว่างที่ยิ่งใหญ่แม้แต่ช่องว่างระหว่างวิวัฒนาการกับเซียนเทียนก็เทียบไม่ได้ หากต้องสู้กันจริง ๆ ต่อให้ระดับเซียนเทียนกว่า 100 คนก็ยังไม่สามารถต่อสู้กับระดับสวรรค์เพียงคนเดียวได้ !
“ขอแสดงความยินดีกับผู้นำตระกูลหวัง !”
“ใช่ ๆ เม็ดยามังกรเสือ 50 เม็ดเลย ขอแสดงความยินดีด้วย !”
เมื่อเป่ยเฟิงจากไป พวกเขาก็หันไปแสดงความยินดีกับหวังฮง เสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม
เฮลันฉินจุนเดินไปหาหวังหยุยและคุยไม่กี่คำกับเธอ จากนั้นพวกเขาก็จากไปพร้อมกับคนของพวกเขา
ในเวลาเดียวกัน หวังหยุยรู้สึกผิดหวังอย่างมากในใจ เรื่องที่ทำให้เธอสิ้นหวังกลับถูกแก้ไขได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำของเป่ยเฟิง
ประกายไฟโชติช่วงลุกในดวงตาของเธอ เธอมีความปรารถนาบางอย่างแล้วในตอนนี้ !
มีคำกล่าวบางอย่างเอาไว้ว่า “การฝึกฝนเรื่องที่คนโง่คุยกัน แต่เมื่อคุณแข็งแกร่งกว่าคนโง่เหล่านั้นจะพูดดีกับคุณแทน !”
เมล็ดปรารถนาได้ฝังไว้ในหัวใจของหวังหยุย ด้วยสถานะของลูกสาวหัวหน้าตระกูลและความแข็งแกร่งของเธอ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เธอต้องกลัวอีกต่อไป
เป่ยเฟิงมุ่งหน้าไปยังภูเขามังกรเสือ เป่ยเฟิงมีแผนการที่จะไปภูเขามังกรเสือแต่แรก เขามีเหตุผล 2 ข้อ ข้อแรกคือการไปเอายามังกรเสือและอีกข้อคือการได้สัมผัสกับสัตว์อสูรที่ถูกปิดผนึกด้วยตัวเอง !
วันต่อมา พวกเขาก็มาถึงภูเขามังกรเสือ
เส้นทางเต็มไปด้วยทิวทัศน์งดงาม สถานที่แห่งนี้ราวกับภาพวาด ดอกไม้นานาชนิดเติบโตอยู่รอบ ๆ เวลาลมพัดผ่านมามันจะนำพากลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยไปตามสายลม
ฤดูในตอนนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวของภูเขามังกรเสือ สามารถมองเห็นผู้คนจำนวนมากที่มาที่นี่ นอกจากจะมาถ่ายรูปแล้วส่วนใหญ่พวกเขาจะตระเวนไปรอบ ๆ เพื่อท่องเที่ยว
หลายคนมองเป่ยเฟิงและเห็นการแต่งตัวของเขา พวกเขารู้สึกตลกอย่างมาก
“ใช่พนักงานของที่นี่หรือเปล่า ? พูดก็พูดเถอะ พวกเขาแต่งตัวด้วยชุดโบราณแบบนี้แล้วเหมาะจริง ๆ”
“หืม ถึงหน้าตาผู้ชายคนนั้นจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ด้วยควบคู่ไปกับเสื้อผ้าของเขาแล้วมันทำให้เขาดูดีจริง ๆ”
“เท่มาก ! ด้วยการแต่งตัวและบุคลิกของเขา มันทำให้เขาดูเหมือนมาจากสมัยโบราณเลย”
มีเด็กหนุ่มสาวหลายคนยืนและชี้ไปที่พวกเขาด้วยความตื่นเต้น
เป่ยเฟิงสวมชุดคลุมสีขาวพร้อมกับผูกผมยาวไว้ด้านหลัง ลึกลับที่ 1 สวมชุดเดสสีแดง พวกเขาดูคล้ายกับตัวละครที่เดินออกมาจากอนิเมะ
คนที่ตลกที่สุดคือลึกลับที่ 3 เขาเดินไปพร้อมกับใบหน้าสงบนิ่งราวกับหุ่นยนย์ การแสดงออกบนใบหน้าของเขามันเย็นชาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เป่ยเฟิงไม่ได้มีความต้องการที่จะเป็นลิงในสวนสัตว์ เขาก้าวออกไปเบา ๆ จากนั้นก็หายตัวไป ลึกลับที่ 1 และ 3 เองก็รีบตามเขาไปด้วย
“เอ๊ะ พวกเขาไปไหนแล้ว ?”
“อ่า อย่าบอกนะว่า ผี !”
เมื่อกี้มีคนแปลก ๆ อยู่ 3 คนชัด ๆ แต่ในพริบตาพวกเขาก็หายไปแล้ว !
เมื่อมองจากระยะไกล เป่ยเฟิงก็ไปโผล่ตรงนู้นแล้ว จากนั้นเขาก็หายไปอีกครั้ง !
หลายคนมองหน้ากันพร้อมกับใบหน้าที่ขาวซีด พวกเขาไม่สนใจข้าวของบนพื้นอีกต่อไป พวกเขารีบลุกขึ้นและวิ่งหนีทันที !
ด้วยความเร็วของกลุ่มเป่ยเฟิง ในไม่ช้าพวกเขาก็เห็นวัดเต๋าจากระยะไกล
เดินไปอีกไม่กี่ก้าว ก็มาถึงหน้าทางเข้าเรียบร้อย
ในขณะเดียวกันมีพระเต๋าหลายคนกำลังกวาดบรรไดวัดอยู่
กลุ่มนักท่องเที่ยวหลายสิบคนยืนอยู่นอกวัด พวกเขาถูกบังโดยพระเพราะพระเหล่านั้นไม่ให้พวกเขาเข้าไป
วัดไม่ใช่สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไปตามต้องการได้ ส่วนใหญ่พวกเขาจะเข้าไปได้แค่จุดธูปในบางโอกาสเท่านั้น
“ท่าน วัดไม่อนุญาตให้เข้าชม”
กลุ่มของเป่ยเฟิงถูกหยุดโดยพระที่ยังหนุ่ม
เป่ยเฟิงยิ้มจาง ๆ และกล่าวขึ้น “ฉันมาหาตานเจียซี ไม่ทราบว่าพระหนุ่มจะไปแจ้งให้เขาทราบได้หรือไม่ว่าเพื่อนเก่ามาหา ?”
สำหรับตานเจียซี เป่ยเฟิงรู้สึกดีกับเขา เขาเป็นคนที่หนักแน่นมั่นคง การวางตัวของเขาก็ยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้ผ่านมา 3 ปี ไม่รู้ว่าการฝึกฝนของเขาจะไปถึงไหนแล้ว
“ท่าน เชิญทางนี้”
พระหนุ่มคำนับเบา ๆ และเชิญเป่ยเฟิงเข้าไปข้างใน
แม้ว่าเป่ยเฟิงจะฆ่าระดับเซียนเทียนไปถึง 2 คนในวัดแห่งนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เขาดูแตกต่างจากเมื่อ 3 ปีก่อนทำให้ไม่มีใครจำเขาได้
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในวัดอย่างง่ายดาย คนที่อยู่ด้านนอกก็มองด้วยความสับสน
“เอ๊ะ เอ๋ ? เกิดอะไรขึ้น ? ไหนท่านบอกคนนอกห้ามเข้า ? แล้วพวกเขา 3 คนเข้าไปได้ยังไง ? แล้วดูพวกเราสิ มันหมายความว่ายังไง ?”
ชายวัยกลางคนที่มีเอวหน้าพูดด้วยความไม่พอใจ เขาได้พูดกับพระเหล่านี้อย่างสุภาพแม้กระทั่งเสนอจะให้เงิน 100,000 หยวนเพื่อเข้าไปในวัด แต่พวกเขาก็ยังปฏิเสธกลับมา แต่ตอนนี้กลับมีคนถึง 3 คนได้คุยบางอย่างกับพระแล้วก็ได้เดินเข้าไปอย่างง่ายดาย
นอกจากเขาแล้วยังมีผู้ชาย 2 คนที่ดูอายุ 20 ปีใส่ชุดสีดำอยู่ข้างหลังกำลังมองกลุ่มของเป่ยเฟิงจากไปด้วยความสับสนเช่นกัน
สามารถมองเห็นรัศมีความรวยของชายวัยกลางคนจากระยะไกลได้ เห็นได้ชัดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ก็เป็นหัวหน้าเหมืองถ่านหิน
“ใช่แล้ว คนนอกไม่ได้รับอนุญาต แต่ว่านายท่านผู้นั้นไม่ใช่คนนอก” พระหนุ่มที่อยู่ตรงประตูตอบกลับด้วยน้ำเสียงธรรมดา
“พวกแกเลือกปฏิบัติงั้นสินะ ! มาดูกัน ฉันฟ้องร้องแก !”
ชายสวมแว่นตาและใส่สูทเก๋พร้อมกับรองเท้าส่องประกายเดินออกมา ภาพลักษณ์ของเขาบอกได้คำเดียวว่า ‘ชั้นสูง’ เขาพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับพูดเกี่ยวกับกฏหมายกับพระหนุ่มที่โง่เขลา
กลุ่มพระหนุ่มตรงประตูใบหน้าเต็มไปด้วยความน่าเกลียด ริมฝีปากของเขาขดแน่น ในความคิดของพวกเขาคือไอ้คนตรงหน้ามันเป็นบ้าอะไร ?
นรกเลือด ใส่สูททั้งที่วันนี้อากาศโคตรร้อน ? และรองเท้าที่ยังสะท้อนแสงได้นั่นอีก มันคิดจะใส่ชุดแบบนั้นมาท่องเที่ยวบนภูเขา ? เห็นได้ชัดว่าก็แค่ไอ้งี่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น
พระเหล่านั้นเค้นเสียงเย็นชาออกมาก่อนจะกลับไปทำงานของพวกเขา มันไม่สำคัญว่าไอ้พวกตลกงี่เง่าจะทำอะไร สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือห้ามให้คนนอกเข้ามา ฟ้องร้องพวกเขา ? ตลกแล้ว ต่อให้หัวหน้าพวกแกมาที่นี่เขาจะกล้าฟ้องเราหรือเปล่า ?
เป่ยเฟิงถูกนำพาเข้าไปในห้องโถงข้าง ๆ จากนั้นก็มีพระมาเสิร์ฟชาและอาหารว่างให้เขา
หลังจากถามชื่อของเป่ยเฟิงเสร็จ พระหนุ่มก็รีบจากไป
“นี่คือค่ายกลธรรมชาติของภูเขามังกรเสือหรือว่ามันเป็นผลงานของเจ้าอาวาสสวรรค์คนก่อนกัน ? อย่างที่คิด นี้ถึงจะสมกับเป็นบ้านของเหล่าเต๋า” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง ช่วงเวลาที่เท้าของเขาได้เดินลงมาที่ภูเขามังกรเสือ เขารู้สึกได้ว่าพลังแห่งความชั่วร้ายในร่างมันสงบลงอย่างมาก มันไม่ปะทุจนยากที่จะควบคุมอีกต่อไป ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกได้ถึงความบริสุทธิ์ที่ซึมเข้ามาในจิตใจทำให้เขารู้สึกสงบอย่างมาก
พลังจิตของเขาตอนนี้สงบนิ่ง เขารู้สึกได้ว่าเขาสามารถเข้าสู่สภาวะสงบนิ่งได้อย่างง่ายดายเมื่อต้องมานั่งสมาธิบนภูเขามังกรเสือแห่งนี้ !
ในเวลาเดียวกันเขาก็ค้นพบค่ายกลขนาดใหญ่ มันมีหลิงฉีจำนวนมหาศาลถูกดูดเข้าไปในนั้น หลิงฉีจำนวนมหาศาลได้ถูกดูดเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ตรงจุดศูนย์กลางของวัด
แม้ว่าเป่ยเฟิงจะเป็นผู้ฝึกตนเกี่ยวกับร่างกาย แต่เขารู้สึกได้ถึงหลิงฉีที่อยู่รอบ ๆ
ครั้งแรกที่เขามาภูเขามังกรเสือ เขาไม่ได้ค้นพบสิ่งนี้เพราะการฝึกฝนของเขาต่ำเกินไป แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าภูเขามังกรเสือแห่งนี้ราวกับน้ำวนขนาดใหญ่ที่กำลังดูดหลิงฉีจากสภาพแวดล้อมเข้ามาอยู่ตลอดเวลา
นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เป่ยเฟิงพบ เขารู้สึกได้ว่าค่ายกลนั้นไม่ใช่แค่รวบรวมหลิงฉีเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือมันใช้โจมตีได้ด้วยเช่นกัน ! แม้แต่ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเป่ยเฟิงก็ยังต้องตายหากตกอยู่ในค่ายกลที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น !
เป่ยเฟิงไม่เชื่อว่าภูเขามังกรเสือจะมีความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ เขาจำได้ว่ามันยังมีหม้อกลั่นยาขนาดใหญ่ที่เมื่อเปิดมามันจะมีเม็ดยามังกรเสือออกมาตลอดทุกปีอยู่ด้วย !
นอกจากนี้ ภูเขามังกรเสือแห่งนี้ยังถูกเรียกว่าดินแดนบรรพบุรุษของเหล่าเต๋า รากฐานของพวกลึกแค่ไหนกัน ? หากรากฐานไม่แข็งแกร่งพอพวกเขาคงถูกทำลายไปนานแล้ว !