Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 385

ตอนที่ 385

[เมื่อตอนก่อน ๆ ไม่ได้แจ้งไว้ว่าเป็นสัตว์อสูรระดับดาว ขออภัยด้วยครับ ที่แปลมามันมางี้]

ณ เชิงเขาภูเขาชิงหลิง ทิวทัศน์ที่นี่สวยสดงดงาม มีนกบินเหนือท้องฟ้าและมีกลิ่นดอกไม้หอมลอยไปในอากาศ ผีเสื้อและผึ้งจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเอง

สิ่งเดียวที่มันไม่น่าจะมีอยู่คือหลุมดำขนาดใหญ่ที่มีความลึกไม่สามารถหยั่งได้ มันราวกับฉีกพื้นโลกเหมือนมันเป็นหลุมที่ปรากฏในภาพวาดอันสมบูรณ์แบบ

คนของตระกูลเนี่ยใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงงในขณะมองฉากด้านหน้า หัวหน้าที่มากับพวกเขาพ่ายแพ้ได้ง่าย ๆ โดยที่อีกฝ่ายใช้เวลาไม่ถึงนาที …

รอยแผลและร่องรอยจำนวนมากสามารถเห็นได้บนหัวหัวหน้าคนนี้ เขาดูตลกมาก

บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่มาด้วยอยากจะแก้แค้น แต่ไม่มีใครซักคนกล้าทำ ในเวลาเดียวกันคนรุ่นหลังที่มาด้วยรู้สึกอยากหัวเราะหัวหน้าคนนี้มาก แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่กล้าหัวเราะออกมา

ไหล่ของทุกคนสั่นระริกราวกับกำลังพยายามควบคุมตัวเอง สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันยากแค่ไหนที่จะไม่หัวเราะ

ผู้อาวุโสของตระกูลเนี่ยเดินมาเงียบ ๆ เขามองไป๋เซียงด้วยท่าทางจริงจัง หัวหน้าคนที่อยู่ใต้เท้าไป๋เซียงถูกอีกฝ่ายทุบตีเพียง 2 หมัดก็พ่ายแพ้แล้ว มันเป็นฉากที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยซักครั้ง !

ไป๋เซียงขมวดคิ้วแล้วถามอีกครั้ง “งั้นตอนนี้บอกฉันได้ยัง ?”

แม้ว่าเขาจะไม่ฉลาด แต่เขาก็ไม่ได้โง่ เขาสามารถบอกได้เลยว่าคนที่อยู่ใต้เท้ารู้แต่ไม่อยากบอกเขา

เขาพยายามที่จะไม่ทะเลาะกับคนใต้เท้าแต่ว่าสุดท้ายเขาก็พยายามได้เพียงทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บไม่มากนัก

แม้ว่าคนที่อยู้ใต้เท้าจะดูน่าสงสาร แต่เขาใช้เวลาแค่ไม่กี่วันก็หายดีแล้ว

ส่วนคนของตระกูลเนี่ยที่อยู่ใต้เท้าไป๋เซียงนั้นรู้สึกปวดจิตใจอย่างมาก เขาไม่ได้มีความสามารถเพียงพอที่จะทำอะไรไป๋เซียงได้เลยแม้แต่น้อย !

‘และอะไรที่แกบอกว่าข่สอ่อนแอ ? บิดาผู้นี้ทรงพลังมากแต่อ่อนแอกว่าแกแค่นั้น เข้าใจไหม ?’

แม้ว่าเขาจะไม่พอใจแต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา ความจริงที่ว่าเขาพ่ายแพ้โดยการเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้งมันเพียงพอจะบอกได้ว่าเขาอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย ….

เขาเหลือบมองไป๋เซียงอีกครั้ง จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว

ชื่อจริงของเขาคือ เนี่ยกวนเริ่น ชื่อนี้เขาได้มาจากสไตล์การต่อสู้ของเขาทำให้เขาได้รับชื่อนี้มา

บิดามารดาอาจตั้งชื่อให้เด็กผิดได้ แต่ชื่อที่คนอื่นตั้งไม่มีทางผิดได้ !

ถึงแม้ว่าเนี่ยกวนเริ่นจะบ้าคลั่งการต่อสู้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะไร้สมอง ความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หลังจากต่อสู้มามากมายก็บอกได้แล้วว่าเขาไม่ได้ไร้สมอง

การต่อสู้ระหว่างคนที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกันจะเรียกว่าการประลอง แต่หากแตกต่างกันเกินไปจะเรียกว่าการต่อสู้เป็นตาย !

ไม่กี่นาทีต่อมาไป๋เซียงก็เดินไปตามบันไดพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจกับข้อมูลที่ได้

เนี่ยกวนเริ่นเฝ้ามองไป๋เซียงเดินจากไปพร้อมกับเขาที่รีบวิ่งไปอีกทาง เขาได้แต่สบถและตัดสินใจว่าเขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกต่อไป !

เนี่ยกวนเริ่นหวาดกลัวที่นี่อย่างมาก เขายังจำเหตุการณ์ที่เขาถูกไล่ล่าโดยสัตว์อสูรทรงพลังและมันได้สังหารคนของตระกูลเนี่ยไปถึง 1 ใน 4 ได้ !

ครั้งต่อมาก็คือเหตุการณ์ที่ผู้ฝึกตนจำนวนมากมารวมตัวกันทำให้ที่นี่ปลอดภัยอย่างมาก พวกเขาหวังว่าจะได้ผลประโยชน์บางอย่างในสุสาน แต่สุดท้ายก็ถูกไล่ล่าโดยสัตว์อสูรที่ทรงพลังอีกครั้ง !

และคราวนี้เขาก็โดนตีเป็นหัวหมู !

***

กลุ่มของเป่ยเฟิงเดินทางกลับมาจากภูเขามังกรเสือ และกว่าจะมาถึงภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้าก็มืดแล้ว

“วู้บ !”

เงาขนาดใหญ่ปรากฏตรงหน้าเป่ยเฟิง ในเวลาเดียวกันก็มีฝ่ามือขนาดใหญ่ทุบลงไปที่เหนือหัวของเขา !

“ปัง !”

เป่ยเฟิงสะบัดมือกลับไปพร้อมกับหมีที่ปรากฏตัวออกมา !

เงาสีดำกระเด็นกลับไปพร้อมกับบินไปกระแทกต้นไม้ขนาดใหญ่

เป่ยเฟิงเร่งพลังก่อนจะก้าวออกไปเพียงครั้งเดียวและไปปรากฏตรงหน้าเงาสีดำ ฝ่ามือขนาดใหญ่กว้างกว่า 5 เมตรปรากฏตรงหน้าเขา เลือดและพลังฉีของเขาพุ่งขึ้นสูงอย่างน่ากลัวจนทำให้รอบ ๆ เกิดเป็นประกายสีแดงเข้ม

“เจ้านาย ผมเอง !”

เสียงคำรามดังขึ้น ทันใดนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ตรงหน้าเป่ยเฟิงก็หายไป

ถึงแม้ฝ่ามือจะยังไม่ได้ฟาดลงมา แต่พื้นที่ตรงหน้าก็จมลงไปหลายเซนติเมตรเพียงเพราะโดนแรงกดดันของฝ่ามือ !

“ไป๋เซียง ?”

เป่ยเฟิงมองคนด้านหน้าให้ชัด ๆ ในขณะเดียวกันหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและความสุข

ไป๋เซียงเกาหัวและพูดด้วยความอาย ๆ “ฮี่ฮี่ ผมกลับมาแล้วเจ้านาย ผมคิดว่าผมแข็งแกร่งมากแล้วนะหลังจากผ่านไป 3 ปี แต่สุดท้ายก็ทำอะไรเจ้านายไม่ได้เลย”

‘ทำไมกัน ? ฉันเสี่ยงชีวิตฝึกฝนแทบตายเป็นเวลา 3 ปี นอกจากนี้ยังใช้ทรัพยากรไปเยอะมาก แม้แต่ตาแก่บัดซบยังร้องไห้เกือบเป็นสายเลือด แต่สุดท้ายก็ยังเอาชนะเจ้านายไม่ได้ นอกจากนี้ยังถูกเขาตบกลับมาอีก !’ ไป๋เซียงคิดอย่างจริงจัง

ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ใช้ทองเจิศจรัสแต่เขารู้สึกได้ว่าผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิมแม้ว่าจะใช้มัน บางทีเขาอาจจะป้องกันได้เพียง 2 ครั้งเองก็ได้

“ฮ่าฮ่า ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ไปกันเถอะ”

เป่ยเฟิงยิ้มอย่างมากความสุขก่อนจะตบไหล่ไป๋เซียง

บางทีอาจจะเพราะเขาตื่นเต้นมากเกินไป เพราะแรงตบไหล่แต่ละครั้งทำให้หน้าของไป๋เซียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

เป่ยเฟิงพาไป๋เซียงเข้ามาในบ้านก่อนจะเริ่มทำอาหารทันที

เขาทำอาหารออกมา 4 จานนอกจากนี้ยังมีซุปเพื่อต้อนรับการกลับมาของไป๋เซียง มูลค่าของมื้ออาหารครั้งนี้ถือว่าฟุ่มเฟือยมาก !

อาหารทุกจานทำมาจากเนื้อสัตว์อสูรระดับ 3 ดาวนอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบจากสัตว์อสูรอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

ซุปถูกทำมาจากสัตว์อสูรประเภทเต่า และอาหารทุกจานก็มีกลิ่นหอมมาก มันอุดมไปด้วยหลิงฉีมหาศาลจนสามารถมองเห็นจุดประกายแปลก ๆ ที่อยู่เหนืออาหารทุกจาน !

มันจะไม่เกินจริงแม้แต่น้อยหากจะบอกว่ามันเหมือนในอนิเมะหรือหนังเรื่องโชคุเงคิ นอกจากนี้มันราวกับมีภาพลวงตาบางอย่างก่อตัวคล้ายสัตว์อสูรที่มีชีวิตอยู่บนจาน !

น้ำลายของไป๋เซียงไหล่ทะลักออกมาในขณะดมกลิ่นในอากาศ ลิ้นของเขาทรมานอย่างมากเมื่อนึกถึงอาหารไม่กี่ปีผ่านมานี้ แล้วนี้เขาจะยังคงอดทนต่อไปได้อย่างไร ? เมื่อเห็นว่าเป่ยเฟิงเริ่มกินแล้วเขาก็รีบลงมือด้วยทันที

ในขณะที่พวกเขากำลังกิน เป่ยเฟิงก็เห็น 2 สหายไม่รู้จักพอและหลุมดำยืนอยู่ข้างนอกด้วยความลังเล ราวกับพวกมันกำลังพยายามเข้ามาให้ได้ สุดท้ายเส้นเลือดสีดำ 2 เส้นก็ปรากฏบนหน้าผากของเป่ยเฟิง

“โฮ่ง โฮ่ง !”

ไม่รู้จักพอและหลุมดำประท้วงอยู่นอกประตู พวกมันเห็นคนกินอาหารอยู่ข้างในแต่พวกมันไม่สามารถเข้าไปได้เพราะติดอยู่นอกประตู พวกมันขุดหลุมบนพื้นด้วยความกังวล

พื้นคอนกรีตราวกับเต้าอู้ที่ถูกฉีกขาดโดยเคอร์เบอรอส สามารถมองเห็นหลุมหรือรอยขีดข่วนที่อยู่บนพื้นคอนกรีตได้อย่างง่ายดายที่อยู่นอกบ้าน

“เอาล่ะ หยุดขุดได้แล้วไม่อย่างนั้นฉันจะจับพวกแกไปอยู่ในหลุมถ้ายังคิดจะขุดต่อ”

เป่ยเฟิงขมวดคิ้วมองเคอร์เบอรอสจนทำให้ขนบนร่างมันลุกชัน

“โฮ่ง โฮ่ง”

เคอร์เบอรอสหันมาเฮ่าอีกครั้ง หลังจากกรุยดินลงไปในหลุมแล้วมันก็หันมามองเป่ยเฟิงด้วยรอยยิ้มโง่เง่า

“หึหึ ฉันจะลืมพวกแกไปได้ยังไง”

เป่ยเฟิงหัวเราะเมื่อเห็นการกระทำของมัน หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นก่อนจะเอากระดูกออกมาจากห้องครัว กระดูกถูกหั่นเป็นชิ้นโดยเป่ยเฟิงเพื่อที่จะให้เคอร์เบอรอสแทะได้ง่าย ๆ

“โฮ่ง !”

ดวงตาของเคอร์เบอรอสสว่างไสวในขณะที่มันคาบกระดูกออกมา มันรีบหลบมาด้านข้างเพื่อสนุกกับกระดูกทันที หลังจากกัดไม่กี่ครั้งไขกระดูกก็ถูกพวกมันกลืนลงไปจนหมด เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จักพอและหลุมดำนั้นไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับบทเรียนครั้งล่าสุดของพวกมันเลย

ถึงแม้ว่าพวกมันจะต้องทรมานหลังจากนี้ แต่สัญชาตญาณของพวกมันได้บอกให้กอบโกยทุกอย่างเนื่องจากในไขกระดูกมีกลิ่นหอมน่าอร่อยรอพวกมันให้มากินอยู่

แน่นหัวมองพวกมันด้วยสายตาเย็นชา ไอ้ผีหิว 2 ตัวนี้มันใกล้จะร้องโหยหวนออกมาแล้วสินะ ?

ถ้ามันกินแค่เนื้อรอบกระดูกก็เพียงพอแล้ว มันคงไม่โง่เกินไปที่จะกินทั้งกระดูกเพราะอาจจะทำให้พวกมันเจอกับภัยพิบัติได้ !

เป่ยเฟิงส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้จักพอและหลุมดำน่ารักจริง ๆ พวกมันถูกเลี้ยงดูโดยเขามาตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผูกพันธ์กับพวกมันมาก

แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแล้ว แต่เป่ยเฟิงรู้สึกได้ว่าพวกมันไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก พวกมันยังคงทำตัวเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่ขึ้เล่นและขึ้เกียจ

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท